กทม. 5 มิ.ย. -ราชทัณฑ์เผยมีผู้ต้องขังติดโควิดรายใหม่ 315 ราย สถานการณ์มีแนวโน้มดีขึ้น รักษาหายแล้วเกินครึ่ง เข้มแผนสกัดเชื้อก่อนเข้าเรือนจำ พร้อมลุยฉีดวัคซีนต่อเนื่อง
วันนี้ (5 มิ.ย.) นายอายุตม์ สินธพพันธุ์ อธิบดีกรมราชทัณฑ์ เผยสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโควิด-19 ในเรือนจำและทัณฑสถาน (ข้อมูล ณ วันที่ 4 มิถุนายน 2564 เวลา 16.00 น.) มีผู้ต้องขังติดเชื้อรายใหม่ 315 ราย รักษาหายเพิ่ม 679 ราย ทำให้มีผู้ต้องขังติดเชื้อที่ยังอยู่ในการดูแลของกรมราชทัณฑ์ 13,787 ราย
ภาพรวมสถานการณ์การแพร่ระบาดในเรือนจำและทัณฑสถาน พบว่ามีเรือนจำ/ทัณฑสถานที่ไม่พบการแพร่ระบาดเพิ่มรวม 125 แห่ง และพบการแพร่ระบาดจำนวน 14 แห่งเท่าเดิม แนวโน้มของยอดผู้ติดเชื้อจากการ SWAB เพื่อตรวจหาเชื้อซ้ำ เริ่มมีจำนวนที่ลดลงอย่างต่อเนื่อง ในขณะที่จำนวนผู้ป่วยรักษาหายเริ่มมีจำนวนเพิ่มมากขึ้น จนในขณะนี้มียอดผู้ป่วยที่รักษาหายสะสมจำนวน 14,472 ราย หรือมากกว่า 50% ของผู้ป่วยสะสมที่ 28,404 ราย คาดว่าสถานการณ์ในเรือนจำที่พบการแพร่ระบาดจะมีแนวโน้มที่ดีขึ้นต่อจากนี้
ขณะที่การวางแผนเพื่อป้องกันเชื้อจากภายนอก ในเรือนจำที่ยังไม่พบการแพร่ระบาด จะดำเนินการตรวจหาเชื้อในผู้ต้องขังรับเข้าใหม่ทุกราย โดยในระหว่างรอผลจะมีห้องกักตัวแยกจากห้องกักโรคหลัก ซึ่งหากตรวจพบเชื้อ จะนำตัวไปรักษาที่สถานพยาบาลภายนอก หรือพื้นที่ควบคุมเฉพาะ ไม่นำตัวเข้าพื้นที่เรือนจำ/ทัณฑสถาน แต่หากตรวจไม่พบเชื้อ จะนำตัวเข้าห้องแยกกักโรคต่ออย่างน้อย 21 วัน และต้องตรวจหาเชื้อซ้ำอีกครั้ง เพื่อยืนยันผลก่อนครบระยะกักตัว คาดว่ามาตรการดังกล่าวจะสามารถป้องกันเชื้อไม่ให้เกิดการแพร่ระบาดภายในเรือนจำได้อย่างมีประสิทธิภาพ
ด้านการดำเนินการฉีดวัคซีน นายอายุตม์ กล่าวว่า จากการได้รับจัดสรรวัคซีนจากกรมควบคุมโรค ปัจจุบันได้ดำเนินการฉีดวัคซีนแล้วเสร็จ จำนวน 2 เรือนจำ คือ เรือนจำพิเศษมีนบุรี และเรือนจำจังหวัดภูเก็ต และอยู่ระหว่างดำเนินการฉีดวัคซีน 3 แห่ง คือ เรือนจำกลางสมุทรปราการ ที่ได้ดำเนินการมาแล้ว 2 วัน ในผู้ต้องขังจำนวน 3,600 ราย จากทั้งหมดกว่า 6,000 ราย โดยจะดำเนินการอย่างต่อเนื่องจนครบเป้าหมายในวันที่ 6 มิถุนายน 2564 ที่ผ่านมาพบว่ามีผู้ต้องขังที่มีอาการไม่พึงประสงค์จากการได้รับวัคซีน 1 ราย ขณะนี้ได้รับการรักษาภายใต้ความดูแลของแพทย์เป็นที่เรียบร้อย และเรือนจำอีก 2 แห่งที่ดำเนินการฉีดวัคซีนให้กับผู้ต้องขังในวันนี้ ได้แก่ เรือนจำพิเศษพัทยา เริ่มฉีดจำนวน 480 ราย และทัณฑสถานบำบัดพิเศษจังหวัดปทุมธานี เริ่มฉีดจำนวน 400 ราย ซึ่งจะดำเนินการให้แล้วเสร็จภายในวันที่ 7 มิถุนายน 2564
สำหรับแผนดำเนินการต่อจากนี้ กรมราชทัณฑ์จะเริ่มการฉีดวัคซีนอย่างเป็นทางการควบคู่กับการฉีดวัคซีนทั่วประเทศในวันที่ 7 มิถุนายน 2564 โดยขณะนี้ได้ให้เรือนจำ/ทัณฑสถานเป้าหมายกลุ่มแรก คือ เรือนจำสีขาวที่ปลอดเชื้อ ในพื้นที่สีแดงเข้มและสีแดง ประมาณ 38 แห่ง เตรียมแผนการฉีดวัคซีนให้พร้อม รวมทั้งศึกษาแนวทางและข้อสังเกตจากเรือนจำที่ได้ดำเนินการฉีดไปแล้วเพื่อวางแผนการฉีดให้รัดกุม ทั้งการประสานขอความร่วมมือจากหน่วยงานภายนอก ในเรื่องของบุคลากรที่ใช้ในการฉีดวัคซีนให้พร้อม ตามแผนบริหารจัดการวัคซีนที่กรมราชทัณฑ์ได้ประสานกับกรมควบคุมโรคอย่างใกล้ชิด เพื่อให้สามารถฉีดวัคซีนที่ได้รับอย่างรวดเร็ว ไม่ตกค้าง มีประสิทธิภาพ และเป็นไปตามกลุ่มเป้าหมายมากที่สุด
นายอายุตม์ กล่าวปิดท้ายว่า กรมราชทัณฑ์ต้องขอขอบคุณทุกความร่วมมือ จากทุกหน่วยงาน และทุกภาคส่วน ทั้งภาครัฐ เอกชน และประชาชนทั่วไป ที่ได้ร่วมสนับสนุนอุปกรณ์ เครื่องมือทางการแพทย์ รวมทั้งการสนับสนุนบุคลากรเพื่อต่อสู้กับสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโควิด-19 รวมถึงกำลังใจจากพี่น้องประชาชนที่ห่วงใยในการทำงานและสวัสดิภาพของผู้ต้องขังทุกราย ตลอดจนเจ้าหน้าที่ บุคลากรทางการแพทย์ที่ได้ทุมเททำงานอย่างเต็มที่ จนทำให้ภาพรวมสถานการณ์การแพร่ระบาดในวันนี้ แม้ว่าการติดเชื้อยังคงมีอยู่ แต่เริ่มมีแนวโน้มของสถานการณ์ที่ดีขึ้น ทั้งการดูแลผู้ป่วยกลุ่มสีเขียวที่เป็นระบบ การรักษาผู้ป่วยกลุ่มสีเหลืองที่ทันเวลา ทำให้ลดจำนวนของผู้ป่วยกลุ่มสีแดงลง ซึ่งจะช่วยลดจำนวนผู้เสียชีวิตได้ในที่สุด และคาดว่าสถานการณ์ต่อจากนี้จะดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะเมื่อมีเจ้าหน้าที่และผู้ต้องขังได้รับวัคซีนในจำนวนที่มากขึ้น ซึ่งจะช่วยป้องกันการติดเชื้อ และลดความรุนแรงของโรคได้เป็นอย่างดี. – สำนักข่าวไทย