ศูนย์ราชการฯ 14ส.ค.- สปสช.แจงตรวจสอบเบิกจ่ายงบบัตรทองในคลินิกชุมชนอบอุ่น โปร่งใส หลัง 74 คลินิกร้อง ส.ส.เพื่อไทยตรวจสอบ หวั่นไม่เป็นธรรม ย้ำก่อนฟันคลินิกทุจริต เปิดโอกาสชี้แจง หากพบมีความผิดฐานเดียวกับ 18 คลินิก ยกเลิกการเป็นคู่สัญญาแน่นอน
นายนิมิตร์ เทียนอุดม กรรมการหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ ในฐานะคณะทำงานด้านประชาสัมพันธ์ คณะอนุกรรมการสอบข้อเท็จจริงกรณีหน่วยบริการเรียกเก็บค่าใช้จ่ายเป็นเท็จ สปสช. แถลงความคืบหน้า การตรวจสอบทุจริตเบิกจ่ายงบบัตรทอง ว่า หลังจากเมื่อวานนี้ทางตัวแทน 74 คลินิกชุมชนอบอุ่น ได้ร้อง ส.ส.พรรคเพื่อไทย ขอให้มีการตรวจสอบ และ เปลี่ยนคณะทำงานตรวจสอบข้อเท็จจริงในเรื่องนี้ยืนยันว่าทางคณะทำงานดำเนินการด้วยความโปร่งใส การตรวจสอบพบความผิดปกติในการเบิกจ่ายเงินในการตรวจ เมตาบอลิกนั้น เป็นเจ้าหน้าที่ สปสช.ที่ตรวจสอบและได้มีการตั้งคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงขึ้น ซึ่งเป็นบุคคลจากภายนอกเข้ามาตรวจสอบทั้งหมด ทาง สปสช. ทำหน้าที่เป็นแค่เลขานุการในการให้ข้อมูลสนับสนุนเท่านั้น และยินดีหากทางคณะกรรมาธิการสาธาณสุข จะเรียกไปชี้แจงในเรื่องนี้ เพื่อความโปร่งใส
โดยยืนยันว่า เมื่อพบว่าผิดปกติเกิดขึ้นในคลินิกคู่สัญญา ได้มีการเรียกทางคลินิกที่เกี่ยวข้องเข้ามาชี้แจง อธิบายเหตุผลถึงการเบิกจ่าย เพื่อให้เกิดความเป็นธรรม ตรงไปตรงมาด้วยกันทุกฝ่าย ซึ่งในส่วนของ 18 คลินิก พบว่าอธิบายไม่ได้ และมีความผิดจริง จึงได้เพิกถอนสัญญา ส่วนใน 68 คลินิก ที่มีการตรวจพบความผิดปกติในการเบิกจ่ายก็ได้มีการเรียกเข้ามาชี้แจงเช่นกัน และมีข้อมูลที่น่าเชื่อว่า เบิกจ่ายเท็จ ซึ่งในคำขอเบิกจ่ายเงิน ในจำนวน 40 คลินิก เมื่อขอให้มีการชี้แจง ถึงความผิดปกติ ทาง 40 คลินิกก็ยินดีที่จะยกเลิกการเบิกจ่าย เพราะรู้ตัวว่าไม่สามารถเบิกจ่ายได้
นายนิมิตร์ กล่าวว่า สำหรับขั้นตอนการเบิกจ่ายของ สปสช. เมื่อทางคลินิกส่งคำขอมาตามขั้นตอน ระบบจะมีการโอนเงินภายใน 15 วัน เพื่อให้คลินิกเกิดสภาพคล่องและทางระบบจะดำเนินการสุ่มตรวจสอบตามใบเบิก ซึ่งแนวทางการแก้ไขปัญหาของ สปสช.ที่ผ่านมา ยืนยันว่าได้ให้ความเป็นธรรมกับทางหน่วยบริการและไม่เคยติดเงินหรือไม่เคยโอนเงิน จนคลินิกเกิดปัญหาสภาพคล่อง แต่เมื่อพบปัญหาการทุจริตเบิกจ่ายทาง บอร์ด สปสช.จึงมีมติให้ยกเลิกสัญญา ซึ่งรวมถึงธุรกรรมการเงินต้องยุติด้วย และเมื่อพบการทุจริตเบิกจ่าย ทาง สปสช.ไม่ได้มีการเลือกปฎิบัติกับทางคลินิก เมื่อพบ 18 คลินิกได้ยกเลิกสัญญา ส่วน 63 คลินิก ได้มีการแจ้งความดำเนินคดีแล้ว แต่ยังไม่สามารถยกเลิกสัญญาได้ทันที เนื่องจากกังวลกระทบการให้บริการประชาชน ซึ่งนี้อยู่ระหว่างปรึกษาทาง กทม.เพื่อหาคลินิกหรือสถานพยาบาลมารับช่วงเพื่อไม่ให้เกิดผลกระทบ ซึ่งหากพบว่า คลินิกในกลุ่มนี้ มีฐานความผิดเดียวกันกับ 18 คลินิกต้องมีการยกเลิกสัญญาแน่นอน ไม่มีการเลือกปฏิบัติ
นพ.การุณย์ คุณติรานนท์ รองเลขาธิการ สปสช.กล่าวว่า ขณะนี้การตรวจสอบเอกสารหลักฐานเอาผิดคลินิกที่ทุจริตมีความคืบหน้าไปมากคาดว่าในสิ้นเดือนสิงหาคมนี้จะสามารถตรวจสอบแล้วเสร็จจากเอกสาร ที่อายัดได้รวมกว่า 1,200,000 ฉบับ ส่วนคลินิกดำเนินการอย่างโปร่งใส ไม่ต้องกังวลระบบการตรวจสอบให้ความเป็นธรรมกับทุกฝ่ายขอให้สบายใจได้ .-สำนักข่าวไทย