18 ก.พ.-การถอนพืชกระท่อมออกจากยาเสพติด ทำให้เกิดการบริโภคและจำหน่ายน้ำพืชกระท่อมกันอย่างแพร่หลาย ซึ่งเป็นการกระทำผิดกฏหมาย และมีอันตรายแฝงอยู่อีกมากมายที่ผู้เสพและผู้ขายยังไม่รู้
เสียงจากวัยรุ่นอายุ 17 ปี จาก จ.พัทลุง และอายุ 20 ปี จาก จ.ยะลา ที่ติดน้ำพืชกระท่อม ทำให้เกิดอาการประสาทหลอน จนบางครั้งไม่สามารถควบคุมตัวเองได้ ด้วยความรู้สึกผิด จึงคิดอยากจะเลิกเสพ แต่ก็ทำไม่ได้ จึงเข้ามารับการรักษาตัวที่โรงพยาบาลธัญญารักษ์สงขลา น้องๆ บอกว่า ตอนแรกแค่อยากลองแบบสนุกๆ แต่พอนานเข้าก็ติด เลิกยาก จนต้องปรึกษาผู้ปกครองให้พามารักษาตัว
เช่นเดียวกับความเห็นของแพทย์ บอกว่า ในด้านกฎหมาย พืชกระท่อมอาจจะไม่ผิดกฎหมาย แต่อย่างไรในทางการแพทย์ พืชกระท่อมคือสิ่งเสพติด และเป็นสารเสพติดต้นทาง ที่นำไปสู่ยาเสพติดที่รุนแรงกว่า ทำลายทั้งผู้เสพและคนรอบข้าง จึงไม่ควรใช้ในการสันทนาการ เพราะประโยชน์จะมีในการทำยารักษาโรคเท่านั้น พืชกระท่อมใช้รักษาอาการปวดเมื่อย ลดการอักเสบ และโรคอุจจาระร่วง ซึ่งในทางการแพทย์ต้องมีการจำกัดการใช้ในปริมาณ 0.2 มิลลิกรัม หรือถ้าเคี้ยวใบก็ไม่เกิน 5 ใบ/วัน เมื่อรักษาโรคหายแล้ว ควรหยุดใช้ทันที
นายประสาร หยงสตาร์ ผู้อำนวยการสำนักงานป้องกันและปราบปรามยาเสพติด ภาค 9 กล่าวว่า ในพื้นที่ อ.เมืองสงขลา ยังมีการขายน้ำพืชกระท่อม ทั้งปิดบังและเปิดเผย ซึ่งเป็นความผิด ทาง ป.ป.ส. มีหลักฐานการกระทำความผิดชัดเจน จึงเน้นให้เจ้าหน้าที่เข้าไปทำความเข้าใจ ให้ความรู้ และทำบันทึกข้อตกลงเลิกขายกับร้านค้าเหล่านี้ หลังจากนี้จะมีการจับกุมอย่างจริงจัง ตาม พ.ร.บ.พืชกระท่อม พ.ศ. 2565 ใบและน้ำพืชกระท่อมสามารถต้มกินเองได้ ไม่ผิดกฎหมาย แต่ถ้ามีการนำน้ำพืชกระท่อมไปจำหน่ายจะผิด พ.ร.บ.อาหารและยา พ.ศ. 2522 ระวางโทษจำคุก 6 เดือน ถึง 2 ปี และปรับตั้งแต่ 5,000-20,000 บาท เว้นแต่ได้รับอนุญาตจาก อย.ก่อน.–สำนักข่าวไทย