สพฐ.แจงแนวทางดูแลความปลอดภัยสถานศึกษา

25 ม.ค. – สพฐ. แจงแนวทางดูแลความปลอดภัยสถานศึกษา ชี้เด็กไทยไม่ได้เรียนมากสุดในโลก พร้อมลดการบ้าน เพิ่มการเรียนรู้


ว่าที่ ร.ต.ธนุ วงษ์จินดา เลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (เลขาธิการ กพฐ.) มอบหมายให้นายธีร์ ภวังคนันท์ รองเลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน พร้อมด้วยนายวิษณุ ทรัพย์สมบัติ ผู้อำนวยการสำนักวิชาการและมาตรฐานการศึกษา และนางภัทริยาวรรณ พันธุ์น้อย ผู้อำนวยการสำนักบริหารงานการศึกษาพิเศษ แถลงข่าวชี้แจงแนวทางในการดูแลความปลอดภัยสถานศึกษา หลังจากมติ ครม. ยกเลิกการเข้าเวรครู และนักเรียนไทยมีชั่วโมงเรียนมากที่สุดในโลก ซึ่งเป็นประเด็นที่สาธารณชนให้ความสนใจอยู่ในขณะนี้

สำหรับประเด็นแรก นายธีร์ ภวังคนันท์ รองเลขาธิการ กพฐ. กล่าวว่า สืบเนื่องจากมติ ครม. ที่ยกเลิกการเข้าเวรครู และ สพฐ. ได้มีข้อสั่งการให้สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาทุกเขต ประสานงานกับโรงเรียนในสังกัด ให้ดำเนินการดูแลสถานศึกษา โดยไม่ต้องกังวลเรื่องความปลอดภัยกับการเข้าเวร และมีการเปลี่ยนวิธีการใหม่หลายเรื่อง ตั้งแต่เรื่องการประสานขอความร่วมมือฝ่ายปกครองในพื้นที่ อาทิ ตำรวจ กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน ตลอดจนทีมงานของกระทรวงมหาดไทย และผู้เกี่ยวข้อง เข้ามาช่วยเหลือในเรื่องความปลอดภัยให้ครอบคลุมมากยิ่งขึ้น และมีการประชุมสถานศึกษา หากสถานศึกษาแห่งใดมีศักยภาพในการจ้างเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย หรือนักการภารโรงอยู่แล้ว สามารถมอบหมายงานในด้านการรักษาความปลอดภัยได้โดยที่ครูไม่ต้องอยู่เวร และทำหน้าที่เพียงกำกับผ่านระบบต่างๆ สำหรับโรงเรียนที่มีกล้อง CCTV ซึ่งครูสามารถใช้เครื่องมือนี้ในการรักษาทรัพย์สินทางราชการได้ รวมถึงกรณีที่เกิดเหตุอื่นๆ เช่น ไฟไหม้ อุบัติภัย สาธารณภัย ต้องขอความร่วมมือจากชุมชน องค์กรท้องถิ่น ซึ่งถือว่าเป็นเจ้าของโรงเรียนร่วมกัน ช่วยกันดูแลอย่างทั่วถึงด้วย


“นอกจากนี้ทางกระทรวงศึกษาธิการ นำโดย พล.ต.อ.เพิ่มพูน ชิดชอบ รมว.ศธ. ได้มีหนังสือถึงกระทรวงมหาดไทย เพื่อขอความร่วมมือในการจัดชุดรักษาความปลอดภัยหมู่บ้านเข้าไปดูแลสถานศึกษาแล้ว และในส่วนของ สพฐ. มีข้อสั่งการ โดยว่าที่ ร.ต.ธนุ วงษ์จินดา เลขาธิการ กพฐ. ได้สั่งการให้มีหนังสือขอความร่วมมือกับทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องให้มีความชัดเจนขึ้น และขอขอบคุณอีกครั้งที่แต่ละหน่วยงานต่างดำเนินการในหน้าที่ของตนเป็นอย่างดี เพื่อร่วมกันดูแลสถานศึกษา ให้นักเรียนและครูมาโรงเรียนอย่างอุ่นใจ ให้นโยบาย “เรียนดี มีความสุข” เกิดขึ้นได้จริง” นายธีร์ กล่าว

ต่อมาในประเด็นนักเรียนไทยมีชั่วโมงเรียนมากที่สุดในโลก นายวิษณุ ทรัพย์สมบัติ ผอ.สวก. กล่าวชี้แจงว่า ด้วยนโยบายของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ (พล.ต.อ.เพิ่มพูน ชิดชอบ) นโยบายที่สำคัญอย่างหนึ่งคือการลดภาระของคุณครูกับการลดภาระของนักเรียน ดังนั้น ในการขับเคลื่อนนโยบายนี้ สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) จึงได้จัดทำแนวทางในการลดการบ้านแล้วเพิ่มการเรียนรู้ให้กับนักเรียน โดยการให้การบ้านที่สอดคล้องกับสภาพการเรียนรู้ของนักเรียน ก็จะช่วยลดภาระเรื่องการบ้านให้กับนักเรียนได้

ทั้งนี้ หลักสูตรของ สพฐ. จัดการเรียนรู้ให้กับนักเรียนตามหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน พ.ศ. 2551 (ปรับปรุง พ.ศ. 2562) ซึ่งช่วงเวลาของการจัดการเรียนรู้ให้กับนักเรียนในระดับประถมศึกษาปีที่ 1-6 รวมวิชาพื้นฐาน วิชาเพิ่มเติม และกิจกรรมพัฒนาผู้เรียน ในปีการศึกษาหนึ่งรวมกันทั้งสิ้นไม่น้อยกว่า 1,000 ชั่วโมง ในขณะที่นักเรียนระดับมัธยมศึกษาตอนต้น เรียนไม่น้อยกว่า 1,200 ชั่วโมง และนักเรียนมัธยมศึกษาตอนปลาย ชั้น ม.4-6 เรียนรวมกัน 3 ปี ไม่น้อยกว่า 3,600 ชั่วโมง


ทั้งนี้ ในหนึ่งปีการศึกษามี 40 สัปดาห์ หรือ 200 วัน ดังนั้น ในระดับประถมศึกษาจะใช้เวลาในการจัดการเรียนรู้โดยเฉลี่ยวันละไม่น้อยกว่า 5 ชั่วโมง ในขณะที่ระดับมัธยมศึกษาตอนต้นและตอนปลาย โดยเฉลี่ยวันละไม่น้อยกว่า 6 ชั่วโมง ซึ่งหากดูจากกระแสข่าวในโซเชียล พบว่ามีบางกระแสข่าวสื่อสารว่าเด็กนักเรียนไทยเรียนมากที่สุดในโลก ซึ่งอาจจะมีความคลาดเคลื่อนต่อความเข้าใจของบุคคลทั่วไป เพราะไม่สามารถระบุแหล่งข้อมูลในการจัดเก็บ หรือบางครั้งการนับชั่วโมงก็นับตั้งแต่เวลาที่นักเรียนมาโรงเรียนไปจนถึงสิ้นสุดเวลาเรียนของวันนั้น โดยที่นับรวมช่วงเวลาพักเที่ยงหรือเวลาเบรกด้วย เป็นเวลา 9.5 ชั่วโมง

ทางสำนักวิชาการฯ สพฐ. ได้ลงไปเก็บข้อมูลโดยเอาตารางสอนของแต่ละโรงเรียนจำนวน 15 โรงเรียน มาดูรายละเอียดของการเข้าเรียน และพบว่าเวลาสูงสุดคือ 8 ชั่วโมง 50 นาที โดยนับตั้งแต่เวลาที่เด็กมาโรงเรียนจนถึงเลิกเรียน แต่หากดูเวลาเรียนจริงๆ พบว่าใช้เวลาสูงสุดที่ 7 ชั่วโมง 30 นาที และบางโรงเรียนถ้านับตั้งแต่เวลามาจนกลับ มีเวลาน้อยที่สุดก็คือ 6 ชั่วโมง 45 นาที แต่เวลาเรียนจริงๆ คือ 5 ชั่วโมง 35 นาที ดังนั้น ในโรงเรียนระดับมัธยมศึกษาขนาดกลางหรือขนาดใหญ่จะมีค่าเฉลี่ยการมาโรงเรียนอยู่ที่ประมาณ 7.8 ชั่วโมง แต่เวลาเรียนจริงอยู่ที่ 6.9 ชั่วโมง ดังนั้น ถ้าเทียบกับต่างประเทศแล้ว ของเราถือว่าไม่ได้สูงที่สุด ซึ่งหลายประเทศก็มีเวลาเรียนใกล้เคียงกับเรา อย่างเช่น ประเทศญี่ปุ่น คือ 203 วัน ซึ่งแทบไม่แตกต่างกัน

“ทั้งนี้ สพฐ. โดยว่าที่ ร.ต.ธนุ วงษ์จินดา เลขาธิการ กพฐ. เห็นความสำคัญของการลดภาระนักเรียน จึงได้สื่อสารไปยังสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาและสถานศึกษาในเรื่องของการลดการบ้านเพิ่มการเรียนรู้ ในประเด็นที่ 1 คือ การลดการบ้านหรือเพิ่มสิ่งที่จะให้เด็กเรียนรู้ด้วยงานที่คุณครูมอบให้ ถ้าหากภาระงานไหนทำเสร็จในห้องเรียนไม่ต้องให้เด็กไปทำต่อที่บ้าน ให้ทำเสร็จในกิจกรรมที่คุณครูจัดในห้องเรียนได้เลย

และประเด็นที่ 2 ให้การบ้านคือทักษะที่เด็กต้องไปทำเพิ่ม ดังนั้น รายวิชาที่จะสามารถให้เป็นการบ้านได้ต้องเป็นทักษะที่จำเป็นสำหรับผู้เรียน อย่างเช่น วิชาภาษาไทย คณิตศาสตร์ โดยให้ในปริมาณที่เหมาะสมกับระดับชั้นของนักเรียน และสามารถบูรณาการข้ามกลุ่มสาระรายวิชาได้ โดยเป็นชิ้นงานหรือภาระงานตามความเหมาะสมของวิชา เน้นการเรียนรู้ทุกที่ทุกเวลา สามารถเรียนรู้ได้ทั้งในและนอกห้องเรียน พร้อมทั้งเน้นให้เด็กเรียนรู้แบบเชิงรุก Active Learning โดยใช้สถานการณ์จริงในการปฏิบัติและเรียนรู้ด้วยตนเอง ดังนั้น ในการจัดการเรียนรู้ที่ทำให้เด็กเรียนรู้อย่างมีความสุขและลดภาระของนักเรียน ยังช่วยให้คุณครูจัดการสอนที่เหมาะกับบริบทของโรงเรียนและนักเรียน เป็นการลดภาระครูด้วย ตามนโยบาย “เรียนดี มีความสุข” ของ รมว.ศธ. ที่ต้องการให้นักเรียนและครู มาโรงเรียนอย่างมีความสุข เรียนรู้อย่างสนุกไปด้วยกัน” นายวิษณุ กล่าว.-417-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

เชิญกลุ่มเสี่ยงฉีดวัคซีนไข้หวัดใหญ่ ฟรี ถึง ส.ค.นี้

ทำเนียบ 14 พ.ค.-รัฐบาลเชิญกลุ่มเสี่ยงฉีดวัคซีนไข้หวัดใหญ่ ฟรี ถึงสิ้นเดือนสิงหาคมปีนี้ ทุกสถานพยาบาลทั่วประเทศ นายอนุกูล พฤกษานุศักดิ์ รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่ารัฐบาลโดย สำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) กระทรวงสาธารณสุข ดำเนินการจัดเตรียมวัคซีนเพื่อป้องกันสายพันธุ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสไข้หวัดใหญ่ ตามการประกาศขององค์การอนามัยโลก (WHO) โดยจัดเตรียมวัคซีนรองรับ 4,570,000 ล้านโดส กระจายหน่วยบริการให้บริการฉีดกลุ่มเป้าหมาย ระบุเป็นวัคซีนป้องกัน 3 สายพันธุ์ ได้แก่ สายพันธุ์ A(H1N1), สายพันธุ์ A (H3N2) และ สายพันธุ์ B วิคตอเรีย ที่มีประสิทธิผลและมีความปลอดภัย สปสช. กำหนดเป้าหมายเพื่อฉีดให้กับประชาชน 7 กลุ่มเสี่ยง ได้แก่ 1.หญิงตั้งครรภ์ อายุครรภ์ที่แนะนำ 12 -20 สัปดาห์ (สามารถให้ได้ตลอดการตั้งครรภ์) 2. เด็กอายุ 6 เดือน – 2 ปี 3. ผู้ป่วยโรคเรื้อรัง 7 […]

เยี่ยม ด.ต. ถูก สจ.กอล์ฟ ลูก สส.ปชป. ทำร้ายในหน่วยเลือกตั้ง

สงขลา 14 พ.ค.-“ชัยชนะ” เยี่ยม ด.ต. ถูก สจ.กอล์ฟ ลูก สส.ปชป. ทำร้ายในหน่วยเลือกตั้ง ย้ำพร้อมช่วยเหลือทุกกรณี หากไม่ได้รับความเป็นธรรม นายชัยชนะ เดชเดโช รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ และประธานกรรมาธิการตำรวจ สภาผู้แทนราษฎร ได้เดินทางเข้าเยี่ยมด.ต.นิสาธิต คงเทพ ผู้ได้รับบาดเจ็บจากการปฏิบัติหน้าที่ในหน่วยเลือกตั้ง ณ เรือนรับรองตำรวจชายแดนที่ 43 จังหวัดสงขลา โดยในโอกาสนี้ นายชัยชนะได้มอบกระเช้าและเงินจำนวนหนึ่งเพื่อเป็นขวัญกำลังใจให้กับครอบครัว นายชัยชนะ ได้พูดคุยกับ ด.ต.นิสาธิต ถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น และยืนยันว่าในฐานะประธานกรรมาธิการตำรวจ สภาผู้แทนราษฎร หากมีความไม่เป็นธรรมเกิดขึ้นหรือมีความต้องการความช่วยเหลือในเรื่องใด กรรมาธิการตำรวจพร้อมให้ความช่วยเหลืออย่างเต็มที่ นอกจากนี้ นายชัยชนะ ยังได้แสดงความเสียใจต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น พร้อมทั้งขอโทษประชาชนที่เกิดความไม่สบายใจที่เกิดเหตุการณ์ดังกล่าว พร้อมยืนยันว่าพรรคให้ความสำคัญกับความรับผิดชอบและการแก้ไขสถานการณ์อย่างเหมาะสม.-312.-สำนักข่าวไทย

ปูพรมค้น 6 จุด ตามจับแก๊งฆ่าเผานั่งยาง

ตรัง 14 พ.ค. – ตำรวจปูพรมปิดล้อม 6 จุด ตามจับแก๊งฆ่าเผานั่งยาง 4 ศพ ในสวนปาล์มน้ำมัน จ.ตรัง ล่าสุดตามยึดรถกระบะของกลางที่คนร้ายใช้ไปซื้อยางรถยนต์มาก่อเหตุ เมื่อวานนี้ (13 พ.ค.) ตำรวจสอบสวนกลางนำกำลังร่วมกันตรวจยึดรถกระบะโตโยต้า สีเทาดำ (สงวนหมายเลขทะเบียน) และสิ่งของอื่น ๆ อีกหลายรายการ ที่บ้านแห่งหนึ่ง ใน อ.ห้วยยอด จ.ตรัง ซึ่งผู้ต้องหาทั้ง 4 คน คือ นายศุภกรณ์ รักวิวัฒน์ หรือ “บิน ควนกุน” อายุ 37 ปี หัวหน้าแก๊งและเป็นผู้มีอิทธิพล, นายจรณชัย สมาธิ หรือ แต้ม อายุ 32 ปี, นายปิยะศักดิ์ สุวรรณมณี หรือ แจ๊ค อายุ 33 ปี และนายรพีพันธ์ บุญเกื้อ […]

แพทย์ใหญ่ รพ.ตำรวจ ส่งทนายยื่นขอความเป็นธรรมปมมติแพทยสภา

สธ. 13 พ.ค. – แพทย์ใหญ่ รพ.ตำรวจ ส่งทนายความส่วนตัวยื่นหนังสือขอความเป็นธรรมต่อสภานายกพิเศษ กรณีมติที่ประชุมคณะกรรมการแพทยสภา ปม “ทักษิณ” รักษาตัวชั้น 14 รพ.ตำรวจ นายเนติธร หลินหะตระกูล ทนายความส่วนตัวที่ได้รับมอบอำนาจจาก พล.ต.ท.ทวีศิลป์ เวชวิทารณ์ นายแพทย์ใหญ่ (สบ 8) โรงพยาบาลตำรวจ เข้ายื่นหนังสือขอความเป็นธรรม ต่อนายสมศักดิ์ เทพสุทิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ในฐานะนายกสภาพิเศษ กรณีที่ประชุมคณะกรรมการแพทยสภามีมติการพิจารณาคดีจริยธรรมของแพทย์ที่อยู่ในความสนใจของประชาชนในกรณีที่มีการกล่าวโทษแพทย์ทัณฑสถานโรงพยาบาลราชทัณฑ์และโรงพยาบาลตำรวจ ผิดจริยธรรมแห่งวิชาชีพเวชกรรม ปม “ทักษิณ ชินวัตร” รักษาตัวชั้น 14 โรงพยาบาลตำรวจ ซึ่งมีมติลงโทษแพทย์ 3 คน โดยเป็นการว่ากล่าวตักเตือน 1 คน ในกรณีประกอบวิชาชีพและเวชกรรมที่ไม่ได้มาตรฐาน เกี่ยวกับการออกใบส่งตัว และพักใช้ใบอนุญาตประกอบวิชาชีพเวชกรรม 2 คน ในกรณีให้ข้อมูล หรือเอกสารทางการแพทย์อันไม่ตรงกับความเป็นจริง ทั้งนี้ มีนายกองตรี ดร.ธนกฤต จิตรอารีย์รัตน์ ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงสาธารณสุข เป็นผู้รับเรื่อง นายกองตรี […]

ข่าวแนะนำ

นายกฯ ชวนอุดหนุนผลไม้ไทย เล็งจัด Thai Fruits Festival

ทำเนียบ 14 พ.ค.- “นายกฯ แพทองธาร” ชวนประชาชนอุดหนุนผลไม้ไทย เตรียมจัดกิจกรรม Thai Fruits Festival กระตุ้นการบริโภคภายในประเทศ เร่งเจรจา FTA ดันการส่งออกนำผลไม้ไทยร่วมงานแสดงสินค้านานาชาติ ขยายตลาดสร้างโอกาสให้เกษตรกร น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี โพสต์คลิปวิดีโอผ่าน TikTok ชื่อบัญชี ingshin21 เชิญชวนประชาชนอุดหนุนและรับประทานผลไม้ไทย โดยกล่าวว่า “เป็นคลิปแรกที่มาอยากมาขายของเป็นแม่ค้าหนึ่งวัน ผลไม้ไทยมีเยอะมากที่อร่อย พร้อมนำผลไม้ที่จัดใส่จาน ทั้ง มังคุด เงาะ ทุเรียน รวมถึงข้าวเหนียวมะม่วง แล้วจะมาเชิญชวนให้ พี่น้องคนไทยทุกคนให้ทานผลไม้ไทย และสองปีที่แล้ว ข้าวเหนียวมะม่วงของเราดังไปทั่วโลก ซึ่งมะม่วงของเราอร่อยจริงๆ ไปเจอที่เมืองนอกแพง แต่ที่เมืองไทยราคาดี เพราะฉะนั้นอดอุดหนุนผลไม้ไทยกันหน่อยนะคะ อร่อยด้วยราคาดีด้วย ไม่อย่างนั้นเวลาไปอยู่เมืองนอกนานๆ ซื้อที่เมืองนอกแพง ตอนนี้เมืองไทย มะม่วงราคาดีมากผลไม้ทุกอย่างก็ราคาดี และอากาศปีนี้ดีทำให้ผลไม้ค่อนข้างหวาน หาซื้อได้ง่าย ดังนั้นขอให้อุดหนุนผลไม้ไทยกันเยอะๆ” นอกจากนี้นายกรัฐมนตรียังระบุข้อความ ด้วยว่า “สวัสดีค่ะ ทุกคน หน้าผลไม้แล้วค่ะ ปีนี้ผลไม้ไทยผลผลิตเพิ่มขึ้นประมาณ 15% […]

ศาล รธน.สั่ง “ทวี” หยุดปฏิบัติหน้าที่กำกับดูแลดีเอสไอ

ศาลรัฐธรรมนูญ 14 พ.ค.- มติศาลรัฐธรรมนูญเอกฉันท์ สั่ง “พ.ต.อ.ทวี​” หยุดปฏิบัติหน้าที่กำกับดูแลดีเอสไอ และรองประธานบอร์ดคดีพิเศษ เหตุสงสัยว่าแทรกแซงรับสอบฮั้วเลือก สว. ส่วน “ภูมิธรรม” ยังรอด ศาลรัฐธรรมนูญได้มีการพิจารณาคำร้องที่ประธานวุฒิสภาส่งคำร้องของสมาชิกวุฒิสภาที่ขอให้วินิจฉัย ตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 170 วรรคสาม ประกอบมาตรา 82 ว่า ความเป็นรัฐมนตรีของนายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ผู้ถูกร้องที่ 1 และพ.ต.อ.ทวี สอดส่อง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม ผู้ถูกร้องที่ 2 สิ้นสุดลงเฉพาะตัวตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 170 วรรคหนึ่ง (4) ประกอบมาตรา 160 (4) และ (5) หรือไม่ จากกรณีผู้ถูกร้องทั้งสอง มีมติให้การกระทำความผิดทางอาญาอื่นเป็นคดีพิเศษ ตาม พ.ร.บ.การสอบสวนคดีพิเศษ พ.ศ. 2547 และที่แก้ไขเพิ่มเติม มาตรา 21 วรรคหนึ่ง (2) เป็นการแทรกแซงหรือครอบงำหน้าที่และอำนาจของคณะกรรมการการเลือกตั้ง โดยใช้กรมสอบสวนคดีพิเศษเป็นเครื่องมือแทรกแซงกระบวนการ […]

แก๊งเผานั่งยางหนีขึ้นภูเขา จนท.จัดกำลังเร่งล่า

ตรัง 14 พ.ค. – เกาะติดคดีเผานั่งยาง เจ้าหน้าที่ชุดสืบกว่า 50 นาย เร่งวางกำลังไล่ล่า 4 มือเผา หลังได้เบาะแสทั้งหมดหนีขึ้นไปบนเขา ที่โรงเรียนบ้านเขาหลัก หมู่ 7 ต.น้ำผุด อ.เมือง จ.ตรัง ชุดสืบสวนสอบสวน ภาค 9 ชุดสืบสวนสอบตำรวจภูธรจังหวัดตรัง รวมกว่า 50 นาย พร้อมกับพราน และชาวบ้านที่ชำนาญพื้นที่ ร่วมกันวางแผนติดตาม 4 ผู้ต้องหา คือ นายศุภกรณ์ รักวิวัฒน์ หรือ “บิน ควนกุน” อายุ 37 ปี หัวหน้าแก๊งและเป็นผู้มีอิทธิพล, นายจรณชัย สมาธิ หรือ แต้ม อายุ 32 ปี, นายปิยะศักดิ์ สุวรรณมณี หรือแจ๊ค อายุ 33 ปี และนายรพีพันธ์ บุญเกื้อ […]

โป๊ปองค์ใหม่เริ่มใช้งานโซเชียลมีเดีย

วาติกัน 14 พ.ค. – สมเด็จพระสันตะปาปาเลโอที่ 14 ทรงเริ่มใช้งานโซเชียลมีเดียเป็นครั้งแรกเมื่อวานนี้หลังทรงได้รับเลือกเป็นพระประมุขแห่งพระศาสนจักรโรมันคาทอลิกไปเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว สมเด็จพระสันตะปาปาเลโอที่ 14 ทรงโพสต์ข้อความลงบนสื่อโซเชียลครั้งแรกเมื่อวานนี้ หลังจากทรงได้รับเลือกให้เป็นสมเด็จพระสันตะปาปาพระองค์ใหม่เมื่อวันที่ 8 พฤษภาคมที่ผ่านมา เนื้อหาที่โพสต์มาจากพระดำรัสของพระองค์ที่ทรงปราศรัยต่อสาธารณชนครั้งแรก และมีรูปถ่ายบางส่วนซึ่งเป็นภาพในวันแรกที่ทรงเข้ารับตำแหน่งของพระองค์ เนื้อหาข้อความที่โพสต์มีใจความว่า “ขอให้สันติสุขอยู่กับพวกท่านทุกคน นี่คือคำทักทายแรกที่พระคริสต์ผู้ทรงฟื้นคืนพระชนม์ ข้าพเจ้าอยากให้คำทักทายแห่งสันติสุขนี้ก้องอยู่ในใจของพวกท่าน ในครอบครัวของท่าน และในหมู่ผู้คนทุกคน ไม่ว่าพวกเขาจะอยู่ที่ใดในทุกประเทศ และทั่วโลก” โป๊ปเลโอที่ 14 ทรงเลือกใช้บัญชีแพลตฟอร๋มเอ็กซ์ ที่เป็นบัญชีเดิมที่สมเด็จพระสันตะปาปาฟรังซิสผู้ล่วงลับ และสมเด็จพระสันตะปาปาเบเนดิกต์ที่ 16 ทรงเคยใช้งานมาก่อนซึ่งบัญชีดังกล่าวมีผู้ติดตามมากถึง 52 ล้านคนจากบัญชีทั้ง 9 ภาษา ส่วนแพล็ตฟอร์มอินสตาแกรมทรงใช้ชื่อบัญชีใหม่ของพระองค์เอง คือ Pontifex – Pope Leo XIV ซึ่งจะเป็นบัญชีอย่างเป็นทางการเพียงบัญชีเดียวบนแพล็ตฟอร์มออนไลน์ที่เป็นของบริษัทเมตา ล่าสุดมียอดผู้ติดตามแล้ว 3.2 ล้านคน.-816.-สำนักข่าวไทย