เครื่องบิน ทอ.นำแรงงานไทยชุดที่ 4 จำนวน 130 คน ถึงไทยแล้ว

ดอนเมือง 16 ต.ค. – กองทัพอากาศอพยพคนไทยในอิสราเอลกลับประเทศ เที่ยวแรกประสบความสำเร็จ ทุกคนปลอดภัย ขณะ “สุทิน” มั่นใจถึงสิ้นเดือน ต.ค. อพยพได้มากกว่า 6,000 คน เล็งปรับแผนลำเลียงแรงงานไป ประเทศที่ 3 และใช้ทัพเรือช่วยอพยพ หากจำเป็น


ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อเวลา 06.50 น.ที่ผ่านมา (16 ต.ค.) เครื่องบิน A340-500 ของกองทัพอากาศ เที่ยวบินแรกที่เดินทางไปอพยพคนไทยในอิสราเอล เดินทางถึงท่าอากาศยานทหาร 2 กองบิน 6 เป็นที่เรียบร้อยแล้ว โดยมีนายสุทิน คลังแสง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม และพลอากาศเอก เสกสรร คันธา เสนาธิการทหารอากาศ ผู้แทนผู้บัญชาการทหารอากาศ ร่วมให้การต้อนรับ ภาพรวมของผลการปฏิบัติภารกิจในครั้งนี้เป็นไปด้วยความเรียบร้อยตามที่กองทัพอากาศวางแผนไว้

ทั้งนี้ คนไทยในอิสราเอลที่เดินทางกลับสู่ประเทศไทยในเที่ยวบินแรก จำนวน 130 คน แบ่งเป็นชาย 127 คน หญิง 2 คน และเด็กหญิง 1 คน โดยก่อนการเดินทางกลับประเทศไทยได้มีการตรวจร่างกายเพื่อตรวจสอบความพร้อมบินของผู้โดยสาร โดยทีมแพทย์ทหารอากาศ และการตรวจความปลอดภัยก่อนขึ้นเครื่องบิน โดยเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยบนอากาศยาน และมีลูกเรือดูแลอำนวยความสะดวกตลอดเส้นทางการบิน


เมื่อเดินทางถึงสนามบินดอนเมือง ผู้โดยสารจะผ่านกระบวนการตรวจร่างกาย การตรวจคนเข้าเมือง การตรวจสอบสิทธิ ก่อนเดินทางไปสถาบันบำราศนราดูร เป็นลำดับต่อไป

สำหรับการอพยพคนไทยในเที่ยวบินที่ 2 กองทัพอากาศวางแผนนำ A340-500 ปฏิบัติภารกิจอีกครั้ง ในวันที่ 18 ตุลาคม 2566 โดยใช้เส้นทางบินเดิม

นายสุทิน คลังแสง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม กล่าวกับนักบินและคณะกองทัพอากาศที่ดำเนินการในการลำเลียงคนไทยว่า สิ่งแรกที่อยากจะพูดคือ พวกเราทุกคนที่มาวันนี้ดีใจและชื่นใจที่ได้เห็นทุกท่านกลับมาโดยสวัสดิภาพ พร้อมกับมีภารกิจที่สำเร็จอย่างสมบูรณ์ นั่นคือทุกท่านกลับมาด้วยสภาพร่างกายที่แข็งแรงสมบูรณ์ ประการที่สองคือ ภารกิจของเราได้ไปนำเอาพี่น้องเรากลับมา ซึ่งเมื่อสักครู่ได้เห็นพี่น้องเราได้กลับมา เห็นหน้าตาที่ทุกคนเหมือนกับว่าได้รอดพ้นจากอันตราย และทุกคนเหมือนมีความรู้สึกว่าจะได้กลับมาสู่ความอบอุ่นของแผ่นดิน ของครอบครัว เพราะฉะนั้นต้องชื่นชมความเสียสละของทุกท่าน และความตั้งใจในการปฏิบัติหน้าที่อย่างเข้มแข็งด้วยจิตใจที่มีความโอบอ้อมอารีต่อพี่น้องคนไทยด้วยกัน


ดังนั้น ในฐานะกองทัพ กลาโหมและคนไทย ทุกคนขอขอบคุณทุกท่านอีกครั้งหนึ่งด้วยจิตใจอันบริสุทธิ์ ขอขอบคุณและขอให้ทุกท่านได้พักผ่อน เพื่อเอาพลังที่จะได้ปฏิบัติหน้าที่ในรอบต่อไป ทั้งนี้ ในตอนท้าย นายสุทินยังได้ขอให้สื่อและผู้มาต้อนรับร่วมปรบมือให้กำลังใจคณะกองทัพอากาศด้วย

นายสุทิน ยังให้สัมภาษณ์สื่อมวลชนกรณียังมีคนไทยที่จะเดินทางกลับอีก ขณะนี้มีอุปสรรคอะไร นายสุทิน กล่าวว่า อุปสรรคสำคัญคือยังมีการสู้รบ โดยเมื่อวาน (15 ต.ค.) ได้รับรายงานว่ายังมีการยิงจรวดโจมตีกันอย่างสม่ำเสมอ เมื่อมีการยิงจรวดโจมตี การเดินทางจากต่างที่ต่างๆ มาสนามบินยังมีความลำบาก จึงต้องทำงานที่รัดกุม เพราะการเดินทางต้องมาด้วยความปลอดภัย ส่วนเรื่องคนอื่น เช่น เรื่องของหนังสือเดินทาง ก็เล็กน้อย เพราะทางสถานทูตเราพร้อมที่จะออกทดแทนและแก้ปัญหาได้อยู่แล้ว

ผู้สื่อข่าวถามว่าถึงสิ้นเดือนจะมีคนไทยอพยพออกมาได้ประมาณกี่คน นายสุทิน กล่าวว่า น่าจะประมาณ 6,000 คน แต่ตอนนี้กำลังคิดวิธีการอื่นๆ ซึ่งหากมีวิธีการอื่นๆ เพิ่มเติมอาจจะได้มากกว่า 6,000 คน

นายสุทิน ยังกล่าวกับประชาชนที่อพยพมาจากอิสราเอลว่า ทางรัฐบาลได้เร่งดำเนินการในการอพยพ โดยได้เตรียมพร้อมตั้งแต่วันแรกพร้อมจะบินทันที แต่ปัญหาคือทางอิสราเอลไม่อนุญาต เพราะต้องรอการอนุญาตจากอิสราเอลจึงจะบินได้ เพราะตอนนี้เขากำลังรบ เราถ้าเครื่องบินเราบินไปเกะกะทางยุทธการเขา เขาไม่ให้บิน เพราะฉะนั้นกินเวลาอยู่หลายวัน พวกเราแจ้งความประสงค์จะกลับ แต่ยังบินไม่ได้ ต้องรออนุญาตจากอิสราเอล ก็ได้แต่ห่วงใย จนวันหลังได้รับอนุญาตจึงบินทันที ซึ่งวันนี้บินอยู่หลายไฟลต์

ทั้งนี้ เนื่องจากเครื่อง C-130 ต้องเติมน้ำมันหลายที่ และเป็นเครื่องบินทหาร เมื่อบินผ่านหลายประเทศต้องขอหลายที่ ทำให้ยากขึ้น ดังนั้น รัฐบาลจึงใช้เครื่องพาณิชย์เช่าเครื่องบินเอกชนเข้ามาช่วย วันนี้การอพยพพวกเราจึงเป็นสองระบบคู่กันอยู่ คือใช้ทางกองทัพ ขณะทางเครื่องบินพาณิชย์เราก็เช่าเหมาลำ ส่วนบางคนมาเอง แต่มาถึงเมืองไทยเราก็คืนเงินให้ อันนี้คือการช่วยเหลือ บนเครื่องเราจัดพยาบาล แพทย์ จากหน่วยดูแลพวกเรา อันนี้ให้เข้าใจว่ารัฐบาลไม่ทอดทิ้ง กองทัพทำเต็มที่แล้ว

นายสุทิน กล่าวต่อว่า จากนี้ เราดูแลในเรื่องการตรวจสุขภาพ วันนี้มีกระทรวงแรงงานมาด้วย พร้อมจะจ่ายเบื้องต้น เขาจ่ายให้พวกเราก่อน 15,000 บาท กระทรวงการพัฒนาสังคมฯ วันนี้ก็มาดูแลเรื่องค่าใช้จ่าย ค่ารถกลับบ้าน และกลับไปถึงบ้านจะมีกระบวนการในการติดตามดูแลพวกเรา ทราบจากรัฐมนตรีว่าพอเรากลับมาแล้วกระทรวงแรงงานจะสำรวจพวกเรา ใครประสงค์จะกลับไปอีกก็แจ้งไว้ ถ้าเหตุการณ์สงบ สัญญายังเหลือ จะกลับไปเอง ก็คุยกับกระทรวงแรงงาน ถ้าไม่อยากไป จะไปประเทศอื่น จะไปที่ไหน บอกว่ากระทรวงแรงงาน พร้อมจะหางานให้ อันนี้คือระบบการดูแล ดังนั้น อยากให้ทุกคนมีกำลังใจ เรากลับบ้านด้วยกำลังใจ และอยู่กับครอบครัว ทำมาหากินต่อไป ถ้าคนอีสานก็จะบอกด้วยว่ามาเด้อขวัญเด้อ หมดทุกข์หมดโศกแล้ว รอดตายแล้ว

นายสุทิน กล่าวด้วยว่า รัฐบาลกำลังคิดแผนใหม่อยู่ว่ากำลังจะเอาเครื่องบิน C-130 ที่บินไกลไม่ได้ไป ลำเลียง จากอิสราเอลไปไว้ประเทศที่ 3 เช่น จอร์แดน ซาอุดีอาระเบีย ดูไบ ไซปรัส นอกจากนี้เราคิดไปถึงขนาดว่าถ้ามันจำเป็นอาจจะต้องเสริมด้วยทางเรือ กองทัพเรือเอาเรือไปจอดรับ แต่ตอนนี้อาจจะยังไม่ถึงขั้นนั้น ย้ำอีกครั้งหนึ่งว่าดีใจ และขอให้ทุกคนเค้ากลับบ้านด้วยความปลอดภัย.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

เก๋งซิ่งแหกโค้งชนเสาเหล็ก ไฟลุกไหม้คลอกคนขับดับสลด

ลพบุรี 6 มิ.ย. – เก๋งหรูซิ่งเสียงดังลั่น หมุนโชว์กลางสี่แยก ก่อนแหกโค้งชนเสาเหล็กป้ายข้างทางไฟลุกไหม้เสียหายทั้งคัน คลอกคนขับดับสลด เมื่อเวลา 03.30 น.ที่ผ่านมา ร.ต.ท.ชาตรี ทรัพย์นิยมพงศ์ ร้อยเวรสอบสวน สภ.เมืองลพบุรี รับแจ้งรถเก๋งชนเสาข้างถนน ไฟลุกไหม้ทั้งคัน บนถนนทางเข้าบ้านหนองน้ำทิพย์ หมู่ 7 ต.เขาพระงาม อ.เมืองลพบุรี พร้อมแจ้งรถน้ำดับเพลิงป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยเทศบาลตำบลเขาพระงาม รุดไปดับไฟ และเจ้าหน้าที่กู้ภัยมูลนิธิร่วมกตัญญู ร่วมตรวจสอบ จุดเกิดเหตุพบไฟกำลังลุกไหม้โหมทั่วไปทั้งคันรถ สังเกตดูเบื้องต้นคนขับติดอยู่ที่เบาะนั่งสภาพหมดสติ เจ้าหน้าที่เร่งระดมฉีดน้ำใช้เวลาประมาณ 15 นาที เพลิงสงบ จากการตรวจสอบด้านซ้ายรถชนอัดอยู่กับเสาเหล็กป้ายบอกทาง สภาพเหลือแต่ซาก เบื้องต้นพบเป็นรถเก๋งยี่ห้อยี่ห้อบีเอ็มดับเบิลยู ไม่ทราบสี-ทะเบียน ถูกไฟไหม้ เหลืออยู่ครึ่งป้าย ภายในรถพบร่างชายถูกไฟไหม้เกรียม ยังไม่ทราบชื่อว่าเป็นใครมาจากไหน สอบถามนางเล็ก ผู้เห็นเหตุการณ์ เล่าว่า ก่อนเกิดเหตุตนเองนั่งเฝ้าเครื่องสูบน้ำใกล้จุดเกิดเหตุ ได้ยินเสียงรถเก๋งคันดังกล่าวขับซิ่งมาจากแยกเขาพระงาม มุ่งหน้าไปทางโคกสำโรง เสียงท่ออย่างดังลั่น พอมาถึงสามแยกบ้านหนองน้ำทิพย์ ได้หมุนโชว์กลางแยก 1 รอบ จากนั้นขับไปยูเทิร์นกลับมาอีกรอบ เลี้ยวเข้าทางแยกหนองน้ำทิพย์ได้ประมาณ 300 เมตร […]

ตำรวจเร่งตามหาเจ้าของเงิน 12 ล้าน วางทิ้งข้างถังขยะ

นนทบุรี 6 มิ.ย. – ตำรวจเร่งตามหาเจ้าของเงินสด 12 ล้าน ในกล่องพลาสติก วางทิ้งข้างถังขยะคอนโดฯ ย่านเมืองทองธานี จากกรณีพลเมืองดีพบธนบัตรไทยจำนวนมาก ถูกซุกซ่อนอยู่ภายในกล่องพลาสติก บริเวณคอนโดฯ ย่านเมืองทองธานี จ.นนทบุรี เจ้าหน้าที่ตรวจสอบพบเอกสารเกี่ยวกับหนังสือรับรองการหักภาษี ณ ที่จ่ายและซองจดหมาย ปรากฏชื่อบุคคลและหน่วยงานรัฐในเอกสาร จึงได้ยึดธนบัตรดังกล่าวมาที่ สภ.ปากเกร็ด เพื่อพิสูจน์ว่าเป็นเงินอะไร ได้มาถูกต้องหรือไม่ และใครเป็นเจ้าของที่แท้จริง เบื้องต้นพบเป็นเงินสดจำนวน 12 ล้านบาท และเมื่อเจ้าหน้าที่นำสายรัดของธนบัตรดังกล่าวไปตรวจสอบ พบว่ามีการจ่ายเงินออกมาจำนวนดังกล่าวตั้งแต่ปี 2563    พลเมืองดีเล่าว่า เวลาประมาณ 20.00 น. ของเมื่อวานนี้ (5 มิ.ย.) ตนและเพื่อนเดินไปลิฟต์ที่ชั้น 4 ซึ่งข้างลิฟต์เป็นที่ทิ้งขยะ เห็นกล่องสภาพดีวางอยู่ ก็จะเก็บไปใช้ ซึ่งกล่องถูกเปิดแง้มเอาไว้และมีเสื้อผ้าวางทับด้านบน จึงเปิดดูพบเงินสดฉบับละ 1,000 บาท เป็นมัดๆ จำนวนมาก จึงโทรแจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจเข้ามาตรวจสอบ ความคืบหน้าในการติดตามหาตัวคนที่นำกล่องเงินมาทิ้ง ตำรวจสืบสวน สภ.ปากเกร็ด ได้ลงพื้นที่ไล่ตรวจสอบกล้องวงจรปิดบริเวณจุดที่พบเพื่อหาเบาะแสคนที่นำกล่องพลาสติกมาทิ้ง เบื้องต้นยังไม่พบผู้ต้องสงสัย นอกจากนี้ยังได้พยายามติดต่อกับ นายทวีวัฒน์ […]

น้ำมันรั่วลงทะเล

สั่งเจ้าท่าระงับเหตุน้ำมันดิบรั่วไหลจากเรือ Phoenix Jamnagar

ชลบุรี 6 มิ.ย.- “มนพร” สั่งการกรมเจ้าท่าตั้งศูนย์ประสานงานแก้ไขปัญหาและควบคุมสถานการณ์น้ำมันดิบรั่วไหลจากเรือ Phoenix Jamnagar บริเวณท่าเรือบริษัทไทยออยล์ จำกัด (มหาชน) ศรีราชา จังหวัดชลบุรี นางมนพร เจริญศรี รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม สั่งการให้ นายกริชเพชร ชัยช่วย อธิบดีกรมเจ้าท่า ดำเนินการจัดตั้งศูนย์ประสานงานป้องกันและขจัดมลพิษทางน้ำเนื่องจากน้ำมัน เพื่อ ระงับเหตุน้ำมันดิบรั่วไหลจากเรือ Phoenix Jamnagar ซึ่งเป็นเรือบรรทุกน้ำมันดิบสัญชาติสิงคโปร์ หมายเลข IMO 9828962 โดยเหตุเกิดบริเวณทุ่นรับน้ำมันกลางทะเล (SBM2) ของบริษัทไทยออยล์ จำกัด (มหาชน) ในเขตพื้นที่ศรีราชา จังหวัดชลบุรี เหตุการณ์เกิดขึ้นเมื่อเวลา 00.54 น. โดยมีสาเหตุมาจากท่อส่งน้ำมันที่ชำรุด ส่งผลให้น้ำมันดิบรั่วไหลลงสู่ทะเลในปริมาณประมาณ 20 คิว หรือราว 20 ตัน กรมเจ้าท่าได้ดำเนินการประเมินสถานการณ์โดยเร่งดำเนินการจัดตั้งศูนย์ประสานงานฯ ณ โรงกลั่นน้ำมันของบริษัทไทยออยล์ จังหวัดชลบุรี เพื่อเป็นศูนย์กลางในการควบคุมเหตุการณ์ ทั้งนี้กรมเจ้าท่าในฐานะเลขานุการศูนย์ประสานงาน ได้ประสานกองทัพเรือจัดตั้งศูนย์บัญชาการเหตุการณ์ในการขจัดคราบน้ำมัน จากการสำรวจพื้นที่ พบว่าลักษณะของคราบน้ำมันเป็นคราบสีดำหรือน้ำตาลบาง ๆ […]

นักศึกษาเจอคอลเซ็นเตอร์ปั่นหัวถือมีดบุกโรงพัก

เชียงใหม่ 5 มิ.ย. – แก๊งคอลเซ็นเตอร์ หลอกนักศึกษาเชียงใหม่ สูญกว่า 2 ล้านบาท พ่อแม่เครียดหมดเนื้อหมดตัว บางรายถูกปั่นหัวให้ถือมีดบุกโรงพักเย้ยตำรวจ พบเฉพาะ สภ.ภูพิงค์ฯ มีเหยื่อโดนหลอกลักษณะนี้แล้วกว่า 300 ราย กล้องวงจรปิดบันทึกภาพนักศึกษาสาว ชั้นปีที่ 4 ขี่รถจักรยานยนต์มาจอดภายใน สภ.ภูพิงค์ราชนิเวศน์ อำเภอเมือง จังหวัดเชียงใหม่ จากนั้นเดินไปเข็นวีลแชร์ที่อยู่ตรงหัวมุมอาคาร แล้วก็เข็นไปเข็นมาอยู่อย่างนั้น ก่อนจะถือมีดไปที่บริเวณห้องรับแจ้งความ และอ้างว่า จะมาขอพบตำรวจนายหนึ่ง แต่ไม่มีชื่อนี้อยู่ที่โรงพัก จึงขอพบ พันตำรวจเอก มนัสชัย อินทร์เถื่อน ผู้กำกับ สภ.ภูพิงค์ราชนิเวศน์ เพราะไปฆ่าคนตายมา ขณะนั้น ตำรวจสืบสวนสังเกตเห็นว่า นักศึกษาสาวมีท่าทางหวาดระแวงใส่หูฟังเหมือนกับทำตามคำสั่งใครสักคนที่สั่งการจากปลายสาย ด้านตำรวจจึงชวนพูดคุยสอบถามสักพัก จนยอมวางมีดลง จากนั้น ตำรวจจึงขอให้ดึงหูฟังออก ปรากฏว่า นักศึกษาสาวกลับได้สติขึ้นมาว่า ชายที่สั่งการทางโทรศัพท์ไม่ใช่ตำรวจจริง เป็นแก๊งคอลเซ็นเตอร์ สั่งให้มาป่วนตำรวจ เนื่องจากไม่มีเงินโอนให้ เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 3 มิ.ย. ที่ผ่านมา ตำรวจจึงตรวจสอบพบว่า ในวันเดียวกัน […]

ข่าวแนะนำ

ลอบวางระเบิด 2 จุด กลางตลาดโต้รุ่งเมืองปัตตานี

ปัตตานี 8 มิ.ย. – คนร้ายลอบวางระเบิดกลางตลาดโต้รุ่ง เขตเทศบาลเมืองปัตตานี รถจักรยานยนต์เสียหาย 2 คัน เบื้องต้นไม่มีผู้ได้รับบาดเจ็บหรือเสียชีวิต วันที่ 8 มิ.ย.68 เวลา 20.00 น. เกิดเหตุคนร้ายไม่ทราบกลุ่มจำนวน ลอบวางระเบิดแสวงเครื่อง จำนวน 2 ลูก โดยจุดแรก วางระเบิดในถังขยะ หน้าร้านทอง บริเวณตลาดโต้รุ่ง เขตเทศบาลเมืองปัตตานี เบื้องต้นไม่มีผู้ได้รับบาดเจ็บหรือเสียชีวิต รถจักรยานยนต์ได้รับความเสียหาย จำนวน 2 คัน และจุดที่ 2 วางระเบิดในถังขยะ บริเวณในซอยข้างโรงแรม หลังตลาดโต้รุ่ง เขตเทศบาลเมืองปัตตานี เบื้องต้นไม่มีผู้ได้รับบาดเจ็บหรือเสียชีวิต การก่อเหตุครั้งนี้ คาดว่าเป็นการก่อเหตุเพื่อสร้างสถานการณ์ให้เกิดขึ้นในพื้นที่อย่างต่อเนื่อง ตามข้อมูลข่าวสารที่หน่วย ส.จว.ปัตตานี ได้ออกข่าวแจ้งเตือนไปแล้ว เมื่อวันที่ 26 พ.ค.68 เวลา 15.00 น. ปรากฏข่าวสารว่า นายมะกอเซ็ง หม้าแอ สมาชิก ผกร.ระดับปฏิบัติการ และสมาชิกจำนวน […]

นายกฯ เผยหารือกัมพูชา ตกลงปรับกำลังทหารทั้ง 2 ฝ่าย ลดเผชิญหน้า

ทำเนียบรัฐบาล 8 มิ.ย. – นายกฯ เผยหารือกับรัฐบาลกัมพูชา ทั้ง 2 ฝ่ายตกลงจะร่วมกันปรับกำลังทหาร จุดที่มีการกระทบกระทั่ง เพื่อลดการเผชิญหน้า เดินหน้าใช้กลไก JBC 14 มิ.ย.นี้ นำพาความสัมพันธ์เข้าสู่ภาวะปกติโดยเร็ว น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี โพสต์ข้อความผ่านโซเชียลมีเดีย ระบุว่า ความพยายามคลี่คลายสถานการณ์ความขัดแย้งตามแนวชายแดน โดยการปฏิบัติงานของทั้งระดับนโยบาย โดยรัฐบาล ฝ่ายความมั่นคง กองทัพ กระทรวงการต่างประเทศ และทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง มีพัฒนาการในทางที่ดีขึ้นเป็นลำดับค่ะ ดิฉันได้หารือกับรัฐบาลกัมพูชา มีข้อสรุปที่ส่งผลดีต่อสถานการณ์ โดยทั้ง 2 ฝ่ายตกลงจะร่วมกันปรับกำลังทหาร ณ จุดที่มีการกระทบกระทั่ง เพื่อลดบรรยากาศการเผชิญหน้า และจะพัฒนาความร่วมมือโดยใช้กลไก JBC ในวันที่ 14 มิถุนายนนี้ และจะมีการพูดคุยกันในทุกระดับ เพื่อนำพาความสัมพันธ์ของทั้ง 2 ประเทศเข้าสู่ภาวะปกติโดยเร็วค่ะ ขอให้พี่น้องประชาชนติดตามสถานการณ์และข้อเท็จจริงจากรัฐบาล พร้อมทั้งเป็นกำลังใจให้เจ้าหน้าที่ปฏิบัติงานจนประสบผลสำเร็จต่อไป สุดท้ายนี้ ขอให้พี่น้องประชาชนได้โปรดคลายความกังวล และมีความมั่นใจในการแก้ไขปัญหาของรัฐบาลว่า จะไม่มีเหตุกระทบกระทั่งที่รุนแรงเกิดขึ้นแน่นอนค่ะ.-316-สำนักข่าวไทย

โฆษก ทบ. ยันทหารกัมพูชายอมถอนกำลัง-กลบคูเลต ลดตึงเครียด

8 มิ.ย. – โฆษก ทบ. ยืนยันทหารกัมพูชายอมถอนกำลังกลับไปอยู่จุดเดิม พร้อมกลบคูเลตให้คืนสู่สภาพเดิม หลังบรรลุข้อตกลงการหารือ เพื่อคลี่คลายสถานการณ์ในพื้นที่พิพาทบริเวณช่องบก ลดความตึงเครียด วันนี้ (8 มิ.ย.68)​ พล.ต.วินธัย สุวารี โฆษกกองทัพบก เปิดเผยว่า ฝ่ายกัมพูชา นำโดย พล.ท.สรัย ดึก รองผู้บัญชาการทหารบก และผู้บัญชาการกองพลสนับสนุนที่ 3 ได้เชิญฝ่ายทหารไทย โดย พล.ต.สมภพ ภาระเวช ผู้บัญชาการกองกำลังสุรนารี เข้าร่วมหารือ เพื่อเจรจาเกี่ยวกับกรณีปัญหาการรุกล้ำดินแดนในพื้นที่พิพาทบริเวณช่องบก จากการหารือเบื้องต้น ทั้งสองฝ่ายได้บรรลุข้อตกลงในประเด็นสำคัญ คือ ฝ่ายทหารกัมพูชายินยอมถอนกำลังกลับไปยังจุดที่เคยประจำการอยู่เดิม ซึ่งอยู่ห่างจากบริเวณที่เกิดเหตุปะทะ หรือแนวต้นพญาสัตบรรณ ลึกเข้าไปในเขตแดนของประเทศกัมพูชา จุดดังกล่าวเป็นพื้นที่ที่ฝ่ายกัมพูชาเคยใช้เป็นแนววางกำลังฐานมาโดยตลอดในอดีต นอกจากนี้ ฝ่ายกัมพูชายังแสดงความยินยอมที่จะดำเนินการกลบคูเลตให้กลับคืนสู่สภาพธรรมชาติตามเดิม ตามข้อเสนอของฝ่ายไทย เพื่อเป็นการลดความตึงเครียด และสร้างบรรยากาศแห่งความร่วมมือ ภายหลังจากนี้ ทั้งสองฝ่ายเห็นพ้องร่วมกันที่จะใช้กลไกระดับคณะกรรมการชายแดนส่วนท้องถิ่น เป็นช่องทางในการหารือแนวทางบริหารจัดการพื้นที่อย่างเหมาะสมและยั่งยืนต่อไป.-313-สำนักข่าวไทย

มทภ.2 สั่งกองกำลังสุรนารี ปรับเวลาเปิด-ปิด จุดผ่านแดนกัมพูชา 

8 มิ.ย.- เกาะติดสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา แม่ทัพภาค 2 ลงนามคำสั่งให้อำนาจผู้บัญชาการกองกำลังสุรนารี พิจารณาปรับเวลาเปิด-ปิด ด่านถาวรและจุดผ่อนปรนการค้า 4 ด่าน มีผลทันทีเมื่อคืนนี้ กองทัพภาคที่ 2 ออกหนังสือคำสั่ง การควบคุมการเปิด-ปิดจุดผ่านแดนทุกประเภทตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชา ในพื้นที่รับผิดชอบของกองกำลังสุรนารี ตามคำสั่งกองทัพบก เพื่อความปลอดภัยของประชาชน ให้กองทัพภาคที่ 2 โดยกองกำลังกำลังสุรนารีมีอำนาจการควบคุมการเปิด-ปิดจุดผ่านแดนทุกประเภทตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชาในพื้นที่รับผิดชอบของกองกำลังสุรนารี วิธีการและเงื่อนไขหรือเงื่อนเวลา ที่จำเป็นเหมาะสม ในพื้นที่รับผิดชอบของกองกำลังสุรนารี ดังนี้