fbpx

สธ.ยอมรับคนติดเชื้อโควิด 60% ไม่มีอาการ จ่อปรับแนวทางการรักษาโควิดใหม่

สำนักข่าวไทย 18 เม.ย. – กรมการแพทย์ รับคนติดเชื้อโควิด 60% ไม่มีอาการ พร้อมปรับแนวทางการรักษาโควิดใหม่ คนที่ไม่มีอาการรุนแรง แต่มีปัจจัยเสี่ยง หรือคนที่ไม่มีปัจจัยเสี่ยง แต่มีปอดอักเสบ ต้องให้ยาต้านไวรัสตามอาการ แต่ต้องให้เร็ว ส่วนคนป่วยที่มีค่าออกซิเจนต่ำกว่า 94% ต้องนอน รพ.


นพ.โสภณ เอี่ยมศิริถาวร รองอธิบดีกรมควบคุมโรค กล่าวถึงสถานการณ์การติดเชื้อโควิด-19 ว่า ทั่วโลกขณะนี้อัตราการติดเชื้อโควิดอยู่ในช่วงขาลง เนื่องจากหมดช่วงฤดูหนาวในแถบเหนือ หากดูในประเทศแถบยุโรป อัตราการติดเชื้อไม่ได้เพิ่มขึ้น ส่วนประเทศไทย ปกติในช่วงเดือนต้นเดือน เม.ย. จะพบผู้ติดเชื้อและผู้ป่วยน้อย พบเฉลี่ยสัปดาห์ละกว่า 100 คน แต่คาดว่าหลังเทศกาลสงกรานต์จะมีจำนวนผู้ป่วยติดเชื้อเพิ่มขึ้น โดยเห็นได้ชัดในวันที่ 9-15 เมษายน พบจำนวนผู้ป่วยเริ่มเพิ่มมากขึ้น 2 เท่าเศษ ทั้งนี้ จำนวนผู้ป่วยปอดอักเสบและผู้ป่วยใส่ท่อช่วยหายใจเริ่มขยับเพิ่ม 30-40% ของผู้ป่วยสัปดาห์ก่อนหน้า ส่วนจำนวนผู้เสียชีวิต พบ 2 คน ในจำนวนนี้เป็นกลุ่มคนอายุน้อย เพศหญิง อายุ 23 ปี และ 24 ปี มีภูมิคุ้มกันต่ำ รับวัคซีนมานานแล้ว อีกรายไม่ได้รับวัคซีนเลย อย่างไรก็ตาม แนวโน้มของโควิด หลังสงกรานต์จะเหมือนกับปีก่อน 2565 ที่จะพบผู้ติดเชื้อเพิ่มมากขึ้น ระลอกเล็ก และจะกลับมาพบผู้ป่วยมากขึ้นอีกครั้งในช่วงฤดูฝน ทั้งนี้ จำนวนผู้เสียชีวิตยังถือว่าต่ำกว่าที่คาดการณ์ไว้

พญ.นฤมล สวรรค์ปัญญาเลิศ นายแพทย์ทรงคุณวุฒิ ที่ปรึกษากรมการแพทย์ กล่าวว่า การระบาดของ XBB พบใน 5 ประเทศ อาทิ สหรัฐอเมริกา อินเดีย สิงคโปร์ บังกลาเทศ เหมือนกันคือคล้ายไข้หวัดใหญ่ และไม่ได้แตกต่างจากสายพันธุ์อื่น ซึ่งหากมีการเปรียบเทียบอาการในเด็กและผู้ใหญ่ ในสายพันธุ์ XBB.1.16 จะพบว่าในผู้ใหญ่จะมีไข้ ไอ เจ็บคอ มีน้ำมูกไหล ปวดเมื่อยตามตัว ปวดศีรษะ ส่วนเด็กพบไข้สูง ตาแดง ดังนั้น ในแนวทางวินิจฉัยรักษา ปรับเปลี่ยน 2 ประเด็น 1. ปรับการให้ยาต้านไวรัสในผู้ป่วยที่มีปัจจัยเสี่ยงต่อโรครุนแรง กรณีไม่ว่าจะอยู่ในสถานพยาบาลระดับใด หากมีการติดเชื้อระบบทางเดินหายใจ สงสัยเป็นโควิด ตรวจ ATK หรือ PT-PCR ถ้าไม่เจอเชื้อ พิจารณาตามความเหมาะสม ทั้งการปฏิบัติตาม DMS คือ ระยะห่าง สวมหน้ากาก และล้างมือเคร่งครัด 5 วัน หากอาการไม่ดีขึ้นใน 48 ชม. ให้ตรวจเชื้อซ้ำ แต่กรณีที่ป่วยติดเชื้อ อาการไม่รุนแรง รักษาตามอาการ ผู้ป่วยนอกอาการไม่รุนแรง และ 2. ปรับเงื่อนไขการให้ LAAB


พญ.นฤมล กล่าวว่า ปัจจุบันกรมการแพทย์ได้แบ่งการดูแลผู้ป่วยออกเป็น 4 กลุ่ม ได้แก่ กลุ่มที่ 1 คนที่ไม่มีอาการ สบายดี รักษาแบบผู้ป่วยนอก เน้นรักษาระยะห่าง สวมหน้ากาก ล้างมือ เป็นเวลา 5 วัน ซึ่งพบคนลักษณะนี้มากถึง 60% ไม่มีอาการ จึงไม่ต้องให้ยาต้านไวรัส เพราะสามารถหายเอง กลุ่มที่ 2 มีอาการไม่รุนแรง ปอดอักเสบ ไม่มีปัจจัยเสี่ยงโรคอื่น รักษาผู้ป่วยนอก เน้นรักษาระยะห่าง สวมหน้ากาก ล้างมือ เป็นเวลา 5 วัน รักษาตามอาการ ตามดุลพินิจของแพทย์ กลุ่มที่ 3 คนที่ไม่มีอาการรุนแรง แต่มีปัจจัยเสี่ยง หรือคนที่ไม่มีปัจจัยเสี่ยง แต่มีปอดอักเสบ ซึ่งปัจจัยเสี่ยงนี้มี 11 กลุ่ม ได้แก่ อายุมากกว่า 60 ปีขึ้นไป ปอดอุดกั้น ไตเรื้อรัง หลอดเลือดสมอง เบาหวาน ภาวะอ้วน มะเร็ง ตับแข็ง ภูมิคุ้มกันต่ำ ผู้ติดเชื้อเอชไอวี โดยให้สามารถเลือกยารักษาได้ตัวใดตัวหนึ่ง เริ่มจากอาการของคนไข้ พิจารณาได้ทั้งโมลนูพิราเวียร์ หรือ แพกซ์โลวิด หรือ เรมเดซิเวียร์ หรือ LAAB แต่ต้องให้เร็ว เพื่อลดอัตราการเสียชีวิต ซึ่งกลุ่มนี้จะมีเปลี่ยนแปลงการรักษาตามเดิม

พญ.นฤมล กล่าวว่า ส่วนกลุ่มที่ 4 ผู้ป่วยที่มีอาการปอดอักเสบ ถ้าออกซิเจนต่ำกว่า 94% ต้องให้รักษาในโรงพยาบาล เนื่องจากอาจมีภาวะปอดอักเสบร่วมด้วย ต้องให้ยาเรมเดซิเวียร์ร่วมด้วย เร็วที่สุด 5-10 วัน และต้องให้สเตียรอยด์ร่วมกัน ส่วนหญิงตั้งครรภ์รักษาแบบเดิม ส่วนยาที่ยังใช้ได้เหมือนกัน ฟ้าทะลายโจร โมลนูพิราเวียร์ แพกซ์โลวิด เรมเดซิเวียร์ และ LAAB ไม่ได้เกิดอาการดื้อยา. -สำนักข่าวไทย


ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

ผู้อพยพจากไทยคว้าแจ็กพอตเพาเวอร์บอล

ผู้อพยพจากไทยไปใช้ชีวิตอยู่ในสหรัฐดวงเฮง คว้ารางวัลแจ็กพอตลอตเตอรี่เพาเวอร์บอล ได้เงินรางวัลสูงถึง 1,300 ล้านดอลลาร์สหรัฐ

“ซูเปอร์โพล” เผยผลสำรวจสเปก “ผบ.ตร.คนใหม่” ต้องซื่อสัตย์สุจริต

“ซูเปอร์โพล” เผยผลสำรวจสเปก “ผบ.ตร.คนใหม่” ต้องซื่อสัตย์สุจริต ชี้ประชาชนเบื่อมากข่าวนายตำรวจระดับสูง ควรเร่งทำงานสร้างความปลอดภัยให้ประชาชน

นายกฯ บอกขอโทษ “ปานปรีย์” แล้ว ไม่ขัดแย้ง

นายกฯ เผยขอโทษ “ปานปรีย์” แล้วหลังหลุดรองนายกฯ รับมีทั้งคนพอใจ ไม่พอใจ ยันสัมพันธ์ลูกเป็นเพื่อนกัน ไม่ขัดแย้ง เชื่อคนใหม่สานต่องานได้  

“ปานปรีย์” รับยื่นลาออก หลังถูกปรับพ้นรองนายกฯ

“ปานปรีย์” ยอมรับยื่นลาออก หลังถูกปรับออกจากรองนายกฯ ชี้หากไม่มีตำแหน่งพ่วงอาจทำงานไม่ราบรื่น ลั่นหากมีคนอื่นเหมาะสมกว่าให้มาทำงานแทน

ข่าวแนะนำ

โปรดเกล้าฯ “มาริษ” รมว.กต.คนใหม่

ราชกิจจานุเบกษา เผยแพร่ประกาศแต่งตั้ง “มาริษ” เป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศคนใหม่ แทน “ปานปรีย์” ที่ลาออกจากตำแหน่ง มีผลทันที

นายกฯ ย้ำไม่ลืมคำมั่นเพิ่มค่าแรง ชี้ต้องเพียงพอดำรงชีวิต

เนื่องในวันแรงงานแห่งชาติ นายกรัฐมนตรี โพสต์ข้อความไม่ลืมคำมั่นเพิ่มเงินเดือนและค่าแรงขั้นต่ำ ย้ำเงินเดือนต้องเพียงพอในการดำรงชีวิต

ข้าราชการบรรจุใหม่เฮ! ปรับขึ้นเงินเดือน 1 พ.ค.67-68

รัฐบาลขึ้นเงินเดือนข้าราชการกลุ่มบรรจุใหม่ ตั้งแต่วันพรุ่งนี้ (1 พฤษภาคม 2567) หลังจัดงบประมาณไว้รองรับแล้ว ส่วนปี 2568 พร้อมขึ้นเงินเดือนปริญญาตรี แตะ 18,000 บาท