ทำเนียบ 28 ม.ค.-ครม.เห็นชอบ ให้อำนาจอธิบดีกรมควบคุมโรค ประกาศพื้นที่ควบคุมโรคจากฝุ่น PM 2.5 รวมสั่ง WFH ฝ่าฝืนโทษหนักปรับไม่เกิน 1 แสนบาท
นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แถลงภายหลังการประชุมคณะรัฐมนตรี ว่า นายกฯ มีข้อสั่งการเรื่องการแก้ไขปัญหาฝุ่นละอองขนาดเล็ก PM 2.5 ซึ่ง น.ส.แพทองธาร ชินวัตรนายกรัฐมนตรี ได้สั่งการไปตั้งแต่เดือน พ.ย. 2567 ต่อเนื่อง พ.ย. และ ธ.ค. ก่อนเดินทางไปเปรู จนถึงเมืองดาวอส โดยวันนี้ก็ให้แต่ละกระทรวงอธิบายในที่ประชุม ครม. ในส่วนของนายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยรับทราบข้อสั่งการ และเดินทางไปจังหวัดเชียงใหม่ มีการสั่งห้ามเผา สั่งจัดการวัชพืช ฝังกลบซังข้าวโพด ให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ให้ตำรวจ ทหาร สนธิกำลังกับกระทรวงมหาดไทย กระทรวงเกษตรฯ เตรียมแก้ปัญหา ซึ่งจากนี้จะเข้าสู่หน้าแล้งด้วย
ส่วนรัฐมนตรีว่าการกระทรทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม จะลงพื้นที่เชียงใหม่ในวันที่ 29 ม.ค. เดินหน้าเชิงรุกกับกรมป้าไม้ กรมอุธยานแห่งชาติสัตว์ป่า และพันธ์พืชและดำเนินการใช้งบฯที่ได้จากการประชุม ครม. จ้างอาสาสมัครป้องกันไฟหมู่บ้านในหลายพื้นที่ เริ่มต้นเต็มรูปแบบวันที่ 1 ก.พ.นี้
กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ฯ ที่บอกว่ากรมฝนหลวงไม่ขึ้นบิน เพราะไม่มีงบฯ นั้น ไม่เป็นความจริง นั่นเป็นข่าวเก่าเมื่อ 2-3 ปีที่แล้ว แต่ปัจจุบันกรมฝนหลวงออกบินอย่างน้อยขึ้นบินวันละ 2 รอบ เพื่อลดฝุ่นเจาะชั้นบรรยากาศ ส่วนเที่ยวบินอื่นๆ ได้รับการสนับสนุนจากกองทัพอากาศ เช่น ส่งเฮลิคอปเตอร์ เครื่องบินปีกบน ปีกล่างเพื่อโปรยสารต่างๆ สำหรับทำฝนหลวงบ้าง
ขณะเดียวกันรัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม ชี้แจงว่าสมาคมไร่อ้อยได้รับซื้อพืชผลทางการเกษตรที่มีการเปาไม่เกิน 25% จากเมื่อก่อนซื้อ 50% และคาดว่าปีนี้จะซื้อต่ำกว่า 15% โดยจะดำเนินการต่อเนื่องในปี 2568-2569
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขได้ชี้แจง ว่าได้เปิดศูนย์ให้บริการในพื้นที่จังหวัดที่มีปัญหาฝุ่นควันแล้ว โรงพยาบาลต่างๆ การติดตามการช่วยเหลือประชาชน
ผู้สื่อถามรายงานว่า จากเอกสารประกอบการแถลงข่าว มีรายละเอียดรายงานผลการประชุม ที่ประชุม ครม.เห็นชอบตามที่คณะกรรมการควบคุมโรคจากการประกอบอาชีพและโรคจากสิ่งแวดล้อม ในคราวการประชุมวันที่ 22 ม.ค.2568 ให้กำหนดเขตพื้นที่ที่ต้องมีการเฝ้าระวัง ป้องกัน และควบคุมโรคจากฝ่น PM 2.5 โดยอาศัยอำนาจตามนัยมาตรา 14(2) แห่ง พ.ร.บ.ควบคุมโรคจากการประกอบอาชีพและโรคจากสิ่งแวดล้อม พ.ศ. 2562 บัญญัติให้อำนาจคณะกรรมการฯควบคุมโรคจากการประกอบอาชีพและสิ่งแวดล้อมเสนอเขตพื้นที่ต้องมีการเฝ้าระวัง ป้องกันและควบคุมโรคจากการประกอบอาชีพและโรคจากสิ่งแวดล้อม แบ่งเป็น 2 ระดับ คือ 1.เขตพื้นที่ที่ต้องมีการเฝ้าระวังและการป้องกันโรค หรืออาการที่เกิดจากการสัมผัสฝุ่น PM2.5 ที่มีค่าฝุ่นเฉลี่ย 24 ชั่วโมงระดับ 37.5-75 มคก./ลบ.ม. ให้กระทรวงสาธารณสุขร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการแจกหน้ากากอนามัยแก่กลุ่มเปราะบาง จัดเตรียมพื้นที่ห้องปลอดฝุ่นในอาคารสถานที่ เช่น โรงพยาบาล โรงเรียน ศูนย์รับประชาชนกลุ่มเปราะบาง
2.พื้นที่มีปริมาณฝุ่น PM2.5 เฉลี่ยในรอบ 24 ชม. มากกว่า 75 มคก./ลบ.ม. ให้ใช้มาตการตามข้อ 1 อย่างต่อเนื่องและเพิ่มเติมคือให้ส่วนราชการ รัฐวิสาหกิจ และหน่วยงานอื่นของรัฐ พิจารณาปรับรูปแบบการทำงาน โดยให้บุคลากรทำงานนอกสถานที่ตั้ง เช่น การทำงานจากที่บ้าน และงดกิจกรรมกลางแจ้ง เพื่อลดการสัมผัสผัน PM 2.5 ให้หน่วยงานของรัฐที่มีหน้าที่บังคับใช้กฎหมายเพื่อใช้ใช้ในการป้องกันหรือแก้ไขปัญหาฝุ่น PM2.5 อย่างเคร่งครัด ให้คณะกรรมการควบคุมโรคจากการประกอบอาชีพและโรคจากสิ่งแวดล้อมจังหวัด หรือคณะกรรมการควบคุมโรคจากการประกอบอาชีพและโรคจากสิ่งแวดล้อม กทม. ให้คำแนะนำแก่อธิบดีกรมควบคุมโรคเพื่อประกาศเขตพื้นที่ที่จำเป็นต้องเฝ้าระวัง ป้องกัน หรือควบคุมโรคที่เกิดจากการสัมผัสฝุ่น PM 2.5 ในกรณีที่หากปล่อยไว้อาจก่อให้เกิดอันตรายอย่างร้ายแรงต่อชีวิต ร่างกาย หรือสุขภาพอนามัยของประชาชนในเขตพื้นที่ เพื่อให้มีการกำหนดมาตรการสำหรับเขตพื้นที่นั้นเป็นการเฉพาะ ซึ่งเป็นการใช้กลไกตามมาตรา 35 แห่ง พ.ร.บ.ควบคุมโรคจากการประกอบอาชีพและโรคจากสิ่งแวดล้อม พ.ศ. 2562
ซึ่งเมื่อมีการประกาศ เขตฯ ดังกล่าวจะทำให้เอกชนต้องปฏิบัติตามมาตรการเฉพาะสำหรับเขตพื้นที่นั้น เช่น การหยุดงาน การปิดสถานประกอบการชั่วคราว เป็นต้น โดยผู้ฝ่าฝืนมีโทษปรับไม่เกินหนึ่งแสนบาท ซึ่งแตกต่างจากการที่ ครม. กำหนดเขตพื้นที่ที่ต้องฝ้าระวังตามข้อเสนอในเรื่องนี้ที่ไม่มีผลบังคับกับเอกชนโดยตรง.-314.-สำนักข่าวไทย