มูลนิธิเพื่อนหญิงเชื่อมีผู้หญิงอีกมากที่ต้องทนกับความรุนแรง

9 ก.พ. – มูลนิธิเพื่อนหญิง เผยสถิติมีผู้หญิงถูกใช้ความรุนแรง ร้องเรียนให้ช่วยเหลือปีละกว่า 2,000 ราย แนวโน้มสูงขึ้นจากเหตุหลายปัจจัยทั้งความรัก ความกลัวและความอาย ทำให้หลุดออกจากวงจรไม่ได้ มองปัญหานี้เหมือนยอดภูเขาน้ำแข็ง เพราะยังมีที่ต้องทนและไม่กล้าออกมาเปิดเผยอีกจำนวนมาก


นางสาวธนวดี ท่าจีน ผู้อำนวยการมูลนิธิเพื่อนหญิง เปิดเผยว่าจากสถิติมีผู้หญิงที่ได้รับความรุนแรงในครอบครัว ร้องเรียนเข้ามาที่มูลนิธิ ขอคำปรึกษา และขอความช่วยเหลือปีละ 2 พันกว่าราย แนวโน้มตัวเลขสูงขึ้นทุกปี ซึ่งหลายครั้งผู้หญิงก็ไม่อยากจะเปิดเผยตัวเอง แค่อยากมาขอรับคำปรึกษาก่อนว่าพอจะมีหนทางใดบ้าง

โดยผู้ถูกกระทำแบ่งเป็น 3 กลุ่ม ที่มากที่สุด 1.กลุ่มผู้หญิงที่ถูกสามี หรือแฟน ที่ใช้ชีวิตด้วยกัน ทำร้าย 2.กลุ่มเด็กที่ถูกทำร้ายร่างกายโดยพ่อแม่ และ 3.กลุ่มพ่อแม่ที่ถูกลูกทำร้ายร่างกาย โดยมากพบว่าลูกมีอาการจิตเวช ทำร้ายพ่อแม่สูงอายุ ปัจจัยสาเหตุของผู้กระทำที่พบคือมาจากการเลี้ยงดูของผู้ชายที่โตมาในครอบครัวที่ใช้ความรุนแรงมาก่อน ทำให้บ่มเพาะนิสัย การดื่มแอลกอฮอล์ การเล่นอบายมุข ทำให้มีความเครียด แล้วมาลงกับครอบครัว โดยแต่ละปีจากข้อมูลนิธิฯ เก็บไว้ พบว่าปัจจัยจากการดื่มเหล้า ใช้ยาเสพติด จนขาดสติมีการทำร้ายภรรยาจนเสียชีวิต ปีไม่ต่ำกว่า 20-30 คน และปัจจัยความเครียดจากเศรษฐกิจ ที่ไม่รู้จะลงกับใครก็มาลงกับคนในบ้าน


ผอ.มูลนิธิเพื่อนหญิง กล่าวต่อว่า เหตุผลที่ผู้หญิงไม่สามารถหลุดออกจากวงจรได้ มีหลายปัจจัย ทั้งจากความรัก คิดว่าสามีจะกลับตัวได้ ความอาย ไม่กล้าบอกใคร และความกลัว จากฝ่ายชายข่มขู่ว่าจะทำร้ายไปถึงคนอื่นๆ ในครอบครัวด้วย และการที่ผู้หญิงไม่ได้หารายได้เอง บางคนต้องพึ่งพิงรายได้จากสามี ทำให้ตัดสินใจยากที่จะออกมาจากความรุนแรง เป็นต้น

ความช่วยเหลือที่ผ่านมา มูลนิธิได้ให้คำปรึกษาให้ผู้หญิงตั้งสติ ให้กำลังใจ และให้ข้อมูลว่าปัจจุบัน มีศูนย์ช่วยเหลือสตรีที่พร้อมช่วยทั้งรัฐและเอกชน มีกฎหมายที่พร้อมคุ้มครองผู้ที่ถูกใช้ความรุนแรงในครอบครัว แต่ยอมรับว่าหลายคนก็ไม่ง่ายที่จะออกมาได้ โดย 80% ที่ร้องเรียนเข้ามา สามารถหลุดออกจากวงจรได้แต่ก็มีอีกจำนวนไม่น้อยที่ยังทนอยู่ เปรียบปัญหานี้เหมือนภูเขาน้ำแข็ง ที่โผล่ออกมาแค่เพียงยอดเท่านั้นแต่ยังมีคนที่เจอปัญหาเดียวกันแต่ยังไม่ปรากฏตัวอีกจำนวนมาก ยกกรณี “ดิว อริสรา” ที่เพิ่งออกมาเปิดเผย หลังจากผ่านเวลาไปนานกว่า 3 ปี ก็เป็นสิ่งสะท้อนได้ว่ายังมีผู้หญิงอีกหลายคนที่ต้องทนอยู่กับปัญหานี้และไม่กล้าที่จะเปิดเผยออกมา

ผู้ใดที่พบเห็นการทำร้ายร่างกาย ไม่มีคำว่าเรื่องในครอบครัว หากมีการใช้ความรุนแรง สามารถแจ้งได้ทันที ทั้งตำรวจ 191, หน่วยงานเฉพาะ พม. 1300 หรือมูลนิธิเพื่อนหญิง 025131001 จะมีทีมที่พร้อมช่วยเหลือ มีบ้านพักพิงฉุกเฉินให้ออกมาจากจุดนั้นก่อนได้ มีการให้ความช่วยเหลือกฎหมาย และกองทุนช่วยเรื่องอาชีพ เป็นต้น และย้ำอยากฝากข้อมูลไปถึงผู้หญิงว่าหากอยู่ในสถานการณ์ที่ถูกทำร้ายไม่ต้องทน ยังมีหนทางที่สามารถแก้ไขปัญหา การอดทนที่ต้องอยู่ในภาวะความรุนแรงต่อไปก็จะเจอกับความรุนแรงที่มากขึ้น.-สำนักข่าวไทย


ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

เร่งล่า 4 คนร้ายซุ่มยิงตำรวจ สภ.ยะรัง เสียชีวิต 2 นาย

เร่งล่า 4 คนร้ายซุ่มยิงตำรวจ สภ.ยะรัง เสียชีวิต 2 นาย ขณะที่ ผบ.ตร. อาลัยตำรวจกล้า สั่งต้นสังกัดดูแลสิทธิประโยชน์ เลื่อนเงินเดือนและชั้นยศ

นักโทษกลับใจ

อดีตนักโทษกลับใจ หลังติดคุก 30 ปี โทรคุยกับพ่อทั้งน้ำตา

อดีตนักโทษชีวิตโตมาในคุก ตั้งแต่อายุ 19 จนตอนนี้ อายุ 49 ปี ร่ำไห้กับตำรวจ ขอให้ช่วยพากลับบ้านที่จากมา 30 ปี ตำรวจโทรศัพท์หาพ่อ ให้ 2 พ่อลูกคุยกันทั้งน้ำตา

ตำรวจจีนพาผู้ต้องสงสัยฉ้อโกง 200 ราย กลับจากเมียนมา

พลเมืองจีน 200 รายที่ต้องสงสัยว่ามีส่วนเกี่ยวข้องกับการฉ้อโกง ถูกส่งตัวจากเมืองเมียวดีในเมียนมากลับจีนแล้วเมื่อวานนี้ ภายใต้การคุ้มกันของเจ้าหน้าที่ตำรวจจีน

เด็ก 12 สูบบุหรี่ไฟฟ้า-ดื่มน้ำกระท่อม ทำปอดหาย

ย่าช็อก หลานวัย 12 ปี อาการวิกฤติ ปอดหายเกือบทั้งหมด ต้องใช้เครื่องช่วยหายใจ หลังสูบบุหรี่ไฟฟ้าและดื่มน้ำกระท่อมตั้งแต่ ป.4

ข่าวแนะนำ

สว.ยื่นถอดถอนรัฐมนตรี

สว. จ่อยื่นถอดถอน​ “รมต.” กล่าวหาอั้งยี่-ซ่องโจร

สว. ประกาศสงคราม​ เตรียมยื่นถอดถอน​ “รัฐมนตรี” กล่าวหาอั้งยี่-ซ่องโจร พ่วง​ยื่นอภิปราย-แจ้งความ​-เชิญสอบใน​กมธ.​

ส่งกลับเหยื่อคอลเซ็นเตอร์ชาวจีนอีก 300 คน

วันที่สองของปฏิบัติการขนเหยื่อคอลเซ็นเตอร์ชาวจีนจากเมียวดี ข้ามชายแดนไทย ส่งกลับประเทศอีก 300 คน รวม 2 วัน ส่งกลับแล้ว 500 คน เหลือพรุ่งนี้อีก 1 วัน

บุกทลายบ่อนทุนจีนเทากลางเมืองภูเก็ต

ตำรวจภูเก็ตบุกทลายบ่อน ‘กลุ่มจีนเทา’ กลางเมืองภูเก็ต รวบนักพนันชาวจีน 13 ราย พร้อมของกลางกว่า 30 รายการ พบเงินหมุนสัปดาห์เดียวกว่า 5 ล้านบาท