ตำรวจเเจ้งข้อหารุ่นพี่รับน้องโหด “ร่วมกันทำร้ายร่างกาย”

นครราชสีมา  15 มี.ค.- ผกก.สภ.มะเริง เผยแจ้ง 1 ข้อหา “ร่วมกันทำร้ายร่างกายผู้อื่นจนถึงแก่ความตาย” แก่รุ่นพี่ทั้ง 7 ที่รับน้องโหด จนถึงขั้นเสียชีวิต ล่าสุด พ่อและแม่ของน้องเปรม ประสานตำรวจและ รพ.ค่ายสุรนารี นำร่างลูกชายออกจากห้องพักศพ ส่งผ่าพิสูจน์ศพที่สถาบันนิติเวชตำรวจเพื่อหาสาเหตุการเสียชีวิตที่ชัดเจนอีกครั้ง


จากกรณีนายพัดยศ หรือน้องเปรม นักศึกษา ปวส.ปี 1 แผนกช่างกลโรงงาน มหาวิทยาลัยชื่อดังแห่งหนึ่งใน จ.นครราชสีมา ถูกรับน้องโหดจนเสียชีวิต เมื่อคืนวันที่ 13 มีนาคมที่ผ่านมา และล่าสุด พ่อและแม่ของน้องเปรม ประสานตำรวจและโรงพยาบาลค่ายสุรนารี นำร่างลูกชายออกจากห้องพักศพ ส่งผ่าพิสูจน์ศพที่สถาบันนิติเวชตำรวจเพื่อหาสาเหตุการเสียชีวิตที่ชัดเจนอีกครั้ง

พ.ต.อ.คณัสนันท์ สุวรรณทรัพย์ ผู้กำกับการ สภ.มะเริง ท้องที่เกิดเหตุ เผยว่ารุ่นพี่ 7 คน ที่ก่อเหตุมารับทราบข้อกล่าวหาแล้ว เบื้องต้นแจ้งข้อกล่าวหา 1 ข้อหา คือ “ร่วมกันทำร้ายร่างกายผู้อื่นจนถึงแก่ความตาย” ก่อนพิมพ์ลายนิ้วมือ ตรวจสอบบันทึกประวัติอาชญากรรม ก่อนปล่อยตัวกลับบ้าน โดยไม่มีการประกันตัวเพราะ ไม่มีพฤติการณ์หลบหนี มีที่อยู่เป็นหลักแหล่ง เดินทางมาพบพนักงานสอบสวนเอง มีผู้ปกครอง และอาจารย์มหาวิทยาลัย อำนวยความสะดวกเกี่ยวกับเรื่องการดำเนินคดี เบื้องต้นทั้ง 7 คน ให้การรับสารภาพ ขณะเดียวกันได้สอบปากคำรุ่นน้องอีก 4 คน ที่อยู่ในเหตุการณ์ประกอบสำนวนคดี


ทางด้านแม่น้องเปรม ไม่เชื่อว่าลูกโดนชกแค่หมัดเดียวจะทำให้เสียชีวิตได้ หลังเกิดเหตุได้คุยกับรุ่นพี่ที่จัดกิจกรรมรับน้องนอกรั้วมหาวิทยาลัยแล้ว รุ่นพี่ 1 คนใช้หมัดชกเข้าที่หน้าอก 1 ครั้ง จนลูกชายหมดสติล้มฟุบก่อนเสียชีวิตขณะพาส่งโรงพยาบาล ปกติลูกชายเป็นคนแข็งแรง เป็นนักกีฬาฟุตบอล และไม่มีโรคประจำตัวใดๆ หากถูกชกเพียง 1 ครั้ง คงไม่ถึงขั้นเสียชีวิต ขอให้ตำรวจสอบสวนให้ชัดเจน และจะรอผลตรวจพิสูจน์ร่างน้องเปรม เพื่อยืนยันสาเหตุการเสียชีวิตที่แน่ชัด ขอให้ตำรวจดำเนินคดีกับผู้ก่อเหตุให้ถึงที่สุด อยากให้ลูกชายเป็นเหยื่อรายสุดท้ายของการรับน้อง ไม่อยากให้เกิดขึ้นกับผู้ใดซ้ำอีก

ขณะที่ สภ.มะเริง ท้องที่จุดเกิดเหตุ พนักงานสอบสวนสอบปากคำผู้ปกครอง พร้อมกลุ่มนักศึกษารุ่นพี่ปี 2 จำนวน 7 คน ที่ร่วมก่อเหตุ และสอบปากคำเพื่อนน้องเปรมอีก 4 คน ที่อยู่ในเหตุการณ์ เพื่อประกอบสำนวนดำเนินคดี

ซึ่งนายเตอร์ อายุ 19 ปี นักศึกษาปี 1 เพื่อนร่วมชั้นเรียนของน้องเปรม เล่าเหตุการณ์ว่า มีรุ่นพี่กว่า 20 คน ประสานงานรุ่นน้องทั้งชายหญิง 38 คน ไปจัดกิจกรรมในป่า เริ่มตั้งแต่เวลา 20.00 น.ของวันที่ 13 มีนาคม บอกว่าเป็นการรับน้องในรอบปี ก่อนเอารถกระบะ 4-5 คัน นัดหมายสถานที่นอกรั้วมหาวิทยาลัย มารับรุ่นน้องไปยังจุดเกิดเหตุ เป็นไร่อ้อยโล่งเตียน ห่างจากมหาวิทยาลัย 8 กิโลเมตร จุดเกิดเหตุมืดมาก เพื่อนหลายคนก็พากันหวาดกลัวมีรุ่นพี่สั่งให้เพื่อนเฉพาะผู้ชายถอดเสื้อผ้าออกทั้งหมด เปลือยกายล่อนจ้อน นอนเรียงแถวกับพื้น หากไม่พอใจก็จะถูกชกที่หน้าท้อง หรือถีบหลัง มีการร้องเพลงประจำแผนก ใครร้องผิดเพี้ยนก็จะถูกทำโทษ ทั้งเตะ ถีบ ชก แต่ไม่มีการให้ดื่มสุรา ตนก็ยังโดนรุ่นพี่ทำร้ายโดยการชกที่หน้าท้องหลายครั้ง ถีบด้านหลังจนหัวคะมำ และคลานปลาหมอ หรือไถร่างไปกับพื้นดินแข็ง หัวไหล่และข้อศอกเป็นแผล จนเพื่อนหลายคนออกอาการหวาดกลัว


ตนก็อยู่ในเหตุการณ์ตอนเปรมโดนชก ยืนห่างกัน 5 คน เวลารุ่นพี่เดินผ่าน พากันกลัว ซึ่งเปรมโดนหนักหลายรอบเช่นเดียวกับตน ทั้งชกหน้าท้อง หน้าอก ไปหลายรอบ ถูกชกด้วยมือเปล่า จนตนถามเปรมว่า “ไหวหรือไม่” จนมีรุ่นพี่ ไม่ทราบว่าคนไหน เพราะมืด ชกเข้าที่ลิ้นปี่ของเปรม จนล้มทรุดกองกับพื้นและหมดสติไป แม้พยายามช่วยชีวิตและพาส่งโรงพยาบาลตอน 5 ทุ่ม สุดท้ายเพื่อนทนความเจ็บปวดไม่ไหว เสียชีวิตในที่สุด

ทั้งนี้ มหาวิทยาลัยฯ ออกแถลงการณ์ยืนยันไม่มีนโยบายให้รับน้อง ตั้งแต่ปี 64 โดยมหาวิทยาลัยได้รับทราบเหตุการณ์เศร้าสลดที่เกิดขึ้น และแสดงความเสียใจต่อครอบครัวนักศึกษาที่สูญเสีย และประสานเจ้าหน้าที่ตำรวจอย่างใกล้ชิดเพื่อเข้าตรวจสอบสถานที่เกิดเหตุ และควบคุมตัวผู้กระทำผิดเพื่อสอบสวนข้อเท็จจริง และดำเนินคดีถึงที่สุดต่อไป เรื่องนี้ถือว่าเป็นการขัดระเบียบคำสั่งของมหาวิทยาลัยอย่างร้ายแรง และจะต้องมีบทลงโทษนักศึกษาผู้ร่วมก่อเหตุทุกคนอย่างถึงที่สุด รวมทั้ง มหาวิทยาลัยพร้อมช่วยเหลือเยียวยาครอบครัวนักศึกษาที่เสียชีวิตทุกอย่างเท่าที่จะทำได้

ล่าสุด ร่างน้องเปรมส่งถึงนิติเวชวิทยาโรงพยาบาลตำรวจแล้ว ซึ่งพบว่า มีเชื้อโควิด-19 อยู่ในร่างกาย ซึ่งในการชันสูตรจะมีขั้นตอนที่มากขึ้น โดยพ่อ ยืนยัน จะดำเนินคดีกับรุ่นพี่โหดที่เป็นต้นเหตุทำให้ลูกชายเสียชีวิตจนถึงที่สุด และอยากรับทราบรายละเอียดการเสียชีวิตของผู้ชาย ว่าถูกทารุณกรรมในลักษณะอย่างไรจึงเสียชีวิตได้.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

ผู้โดยสารรถทัวร์สยอง นั่งร่วมกับศพจากโคราชถึงลำปาง

ลำปาง 17 มิ.ย. – ไม่รู้นั่งมากับศพทั้งคืน ผู้โดยสารรถทัวร์สายนครราชสีมา-เชียงใหม่ ถึงขนส่งลำปาง ผวาทั้งคัน หลังรถเข้าจอดชานชาลาพบหนุ่มวัย 38 ปี เสียชีวิต ตรวจสอบเบื้องต้นพบขามีรอยช้ำ เลือดไหล แพทย์คาดเสียชีวิตจากโรคประจำตัว ช่วง 05.30 น. วานนี้ (16 มิ.ย.) ตำรวจ สภ.เมืองลำปาง แพทย์นิติเวช โรงพยาบาลลำปาง เจ้าหน้าที่กู้ภัยสว่างลำปาง รับแจ้งมีผู้เสียชีวิตบนรถทัวร์โดยสาร สายนครราชสีมา-เชียงใหม่ จอดอยู่บริเวณสถานีขนส่งผู้โดยสารจังหวัดลำปาง เทศบาลนครลำปาง ผู้เสียชีวิตเป็นชายอายุ 38 ปี ชาว ต.พิชัย อ.เมืองลำปาง นั่งมากับรถทัวร์โดยสารปรับอากาศ 2 ชั้น ผู้เสียชีวิตนั่งอยู่ชั้น 2 ฝั่งซ้ายโซนด้านหลัง ซึ่งเป็นที่นั่งเดียว ขึ้นรถต้นทางจาก จ.นครราชสีมา ปลายทาง จ.ลำปาง โดยรถเข้าจอดที่ชานชาลา เจ้าหน้าที่ของบริษัททัวร์ได้เชิญผู้โดยสารทั้งหมดลงมาจากรถ จากนั้นแพทย์เวรโรงพยาบาล เจ้าหน้าที่กู้ภัย ร่วมชันสูตรศพ ทำเอาผู้โดยสารที่นั่งมาในรถคันเดียวกัน โดยเฉพาะผู้ที่นั่งด้านหน้าและหลัง ถึงกับสยอง […]

Hun Sen delivers speech in Cambodia's Senate

“ฮุน เซน” ขู่ให้ไทยเปิดด่านทั้งหมดภายในวันนี้

พนมเปญ 16 มิ.ย.- นายฮุน เซน ประธานวุฒิสภาของกัมพูชาประกาศว่า ไทยต้องเปิดจุดผ่านแดนกับกัมพูชาทั้งหมดภายใน 24 ชั่วโมง ไม่เช่นนั้นกัมพูชาจะปิดจุดผ่านแดนกับไทยทั้งหมด และห้ามสินค้าไทยทุกอย่างเข้ากัมพูชา เว็บไซต์หนังสือพิมพ์แขมร์ไทมส์ของกัมพูชารายงานวันนี้ว่า นายฮุน เซนยื่นคำขาดระหว่างกล่าวสุนทรพจน์พิเศษก่อนการประชุมวุฒิสภาในเช้าวันนี้ว่า เดิมกัมพูชาจะปิดจุดผ่านแดนกับไทยทั้งหมดในวันนี้ แต่รัฐบาลได้เลื่อนการตัดสินใจออกไป หลังจากที่เขาและนายกรัฐมนตรีฮุน มาเนตได้สนทนาทางโทรศัพท์กับนายกรัฐมนตรีแพรทองธาร ชินวัตรของไทย หากไทยไม่เปิดจุดผ่านแดนกับกัมพูชาทั้งหมดอีกครั้งตั้งแต่วันพรุ่งนี้เป็นต้นไป กัมพูชาจะห้ามผักและผลไม้ผ่านจุดผ่านแดนทั้งหมดของกัมพูชา นอกจากนี้กัมพูชาจะยกเลิกมาตรการจำกัดการผ่านแดนกับไทยที่ใช้อยู่ในขณะนี้ หากทางการไทยกลับมาเปิดจุดผ่านแดนตั้งแต่เวลา 06.00-22.00 น.ตามเดิม นายฮุน เซนประกาศชัดเจนว่า ทางการกัมพูชาจะไม่มีวันนั่งโต๊ะเจรจากับทางการไทยเรื่องการจำกัดการผ่านแดน เนื่องจากไทยเป็นฝ่ายเริ่มก่อน โดยได้ตั้งคำถามว่า กองทัพไทยเป็นฝ่ายจำกัดการผ่านแดน และเมื่อกัมพูชาทำเช่นเดียวกัน ก็ต้องการเจรจาเพื่อรักษาหน้าเช่นนั้นหรือ พร้อมกับสำทับว่า กัมพูชาจะไม่ปล่อยให้ชื่อเสียงประเทศตกอยู่ในความเสี่ยงเพราะความผิดพลาดของคนอื่น.-814.-สำนักข่าวไทย

ครูสาวเขียนจดหมายระบายความอัดอั้น ก่อนคิดสั้น-ศธ.สั่งสอบข้อเท็จจริง

บุรีรัมย์ 17 มิ.ย. – ครูสาวโรงเรียนแห่งหนึ่งใน อ.ชำนิ จ.บุรีรัมย์ เขียนจดหมายระบายความอัดอั้น “งานครูหนักและเครียดมากจนทนไม่ไหว” ก่อนตัดสินใจคิดสั้น ด้าน ศธ. สั่งสอบข้อเท็จจริง ยอมรับครูรับภาระหนัก ตำรวจพร้อมกู้ภัยได้รับแจ้งว่ามีผู้เสียชีวิตในบ้านหลังหนึ่ง อ.ลำปลายมาศ จ.บุรีรัมย์ พบร่างของครูมัท วัย 39 ปี ครูโรงเรียนแห่งหนึ่งใน อ.ชำนิ โดยครูตัดสินใจลาโลกด้วยตัวเอง ข้างร่างของครูมีจดหมายลาที่เขียนถึง 5 หน้ากระดาษ หน้าซองจดหมายเขียนไว้ว่า “จดหมายส่วนตัวถึงครอบครัวของฉัน” เจ้าหน้าที่จึงเก็บไว้เป็นหลักฐาน โดยหน้าที่ 1-4 ผู้ตายเขียนถึงพี่สาวซึ่งเป็นข้าราชการครู ลูกสาววัย 10 ขวบ และพ่อแม่ ส่วนหน้าที่ 5 เขียนถึงการทำงาน ถึงสาเหตุที่ลาโลกใบนี้ เพราะไม่สบายกายและไม่สบายใจ มีปัญหาเรื่องการทำงาน การเงิน การบัญชี ซึ่งพอกพูนจนแก้ไขได้ยาก ปัญหาที่เกิดขึ้นไม่ได้เป็นเพราะครูมัทเพียงคนเดียว เกิดจากกระบวนการทำงานที่ไม่มีประสิทธิภาพภายในโรงเรียน ทำงานไม่เป็นระบบ ให้เบิกเงินก่อนเคลียร์เอกสารทีหลัง สุดท้ายนิ่งเฉย ไม่มีใครมาเคลียร์ให้ อันไหนเคลียร์เองได้ก็ดีไป แต่อันไหนเคลียร์ไม่ได้ก็ต้องมานั่งเครียดเองจนหัวจะระเบิด เป็นไมเกรนแทบทุกวัน […]

สาวโพสต์ถูกไฟดูดจากตู้กดบัตรจอดรถอัตโนมัติห้างดัง

กรุงเทพฯ 16 มิ.ย. – สาวโพสต์ถูกไฟตู้กดบัตรจอดรถอัตโนมัติห้างดังดูดมือ ต้องรักษาตัวที่โรงพยาบาลหลายวัน ทำงานไม่ได้ กินข้าวไม่ได้ ชีวิตพัง ห้างโยนภาระให้เดินเอกสารเบิกกับโรงพยาบาลเอง สาวโพสต์ภาพพร้อมเล่าเรื่องราวเมื่อช่วงบ่ายวันที่ 10 มิถุนายนที่ผ่านมา กำลังขับรถเข้าลานจอดรถห้างฯ แห่งหนึ่ง แล้วลดกระจกเอามือโบกระบบเซ็นเซอร์เพื่อรับบัตรจอด ปรากฏว่าถูกไฟดูดทั้งที่มือไม่ได้แตะโดนเครื่อง เพราะระบบเซ็นเซอร์ไม่ต้องสัมผัสโดน แค่โบกหน้าเครื่อง ตนเองรู้สึกไฟดูด แขนชา จี๊ดขึ้นหัว และชาลงไปถึงขา บัตรก็ไหลออกมาจากเครื่อง แต่ไม้กั้นรถไม่เปิด คาดว่าไฟฟ้าในเครื่องน่าจะขัดข้อง และไม่มีเจ้าหน้าที่อยู่บริเวณนั้นเลย จะกดปุ่ม SOS ขอความช่วยเหลือที่ตัวเครื่องก็ไม่กล้า เพราะกลัวถูกไฟดูดรอบ 2 จึงพยายามบีบแตรเรียกหลายครั้งกว่าจะมีเจ้าหน้าที่เข้ามาหา พอเจ้าหน้าที่มาตนก็บอกว่าถูกไฟดูด แต่เจ้าหน้าที่มาเปิดไม้กั้นให้และไม่พูดอะไรต่อ เลยรีบเอารถเข้าไปในลานจอด จากนั้นรีบเดินไปที่จุดบริการลูกค้า เพื่อขอความช่วยเหลือ เพราะตอนนั้นชาไปครึ่งตัว เจ้าหน้าที่พาไปห้องพยาบาล เอาเจลเย็นมาประคบอยู่นานก็ไม่รู้สึกดีขึ้น แขนเริ่มไม่มีแรงยก เจ้าหน้าที่เห็นอาการหนักเลยพาไปโรงพยาบาลที่มีสัญญากับห้าง หมอตรวจคลื่นไฟฟ้าหัวใจกับตรวจเลือดแล้วค่าปกติดี หมอสั่งยาและให้กลับบ้าน ทั้งที่ยังไม่หายชา ถึงขนาดแขนไม่มีแรงแม้แต่จะเซ็นเอกสาร หมอบอกว่าคุณไม่เคยข้อศอกกระแทกโต๊ะเหรอ ชาๆ เหมือนกัน เดี๋ยวก็หายเอง ตนเองจึงตั้งคำถามว่าจะหายเองจริงเหรอ เพราะยังทำอะไรไม่ได้เลย ตอนกลางคืนลองยกแขนนิ้วยังสั่นอยู่เลย กินยาคลายกล้ามเนื้อก็ไม่มีอะไรดีขึ้น […]

ข่าวแนะนำ

อุตุฯ เผย กทม.-ปริมณฑล ฝนฟ้าคะนอง 40% ส่วนมากช่วงบ่ายถึงค่ำ

กรุงเทพฯ 18 มิ.ย. – กรมอุตุฯ เผยประเทศไทยยังมีฝนฟ้าคะนอง ส่วนกรุงเทพฯ และปริมณฑล มีฝนฟ้าคะนอง 40% ของพื้นที่ ส่วนมากในช่วงระหว่างบ่ายถึงค่ำ กรมอุตุนิยมวิทยาพยากรณ์อากาศ 24 ชั่วโมงข้างหน้า ประเทศไทยยังคงมีฝนฟ้าคะนองเกิดขึ้นได้ ทั้งนี้ เนื่องจากมรสุมตะวันตกเฉียงใต้พัดปกคลุมทะเลอันดามัน ประเทศไทย และอ่าวไทย สำหรับคลื่นลมบริเวณทะเลอันดามันตอนบนมีกำลังปานกลาง โดยมีคลื่นสูง 1-2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร ขอให้ชาวเรือบริเวณทะเลอันดามันและอ่าวไทยเดินเรือด้วยความระมัดระวัง และหลีกเลี่ยงการเดินเรือในบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนอง กรุงเทพฯ และปริมณฑล มีฝนฟ้าคะนอง ร้อยละ 40 ของพื้นที่ ส่วนมากในช่วงระหว่างบ่ายถึงค่ำ อุณหภูมิต่ำสุด 26-28 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 33-36 องศาเซลเซียส.-สำนักข่าวไทย

สยองหนุ่มลำปางเสียชีวิตบนรถทัวร์ พบติดเชื้อแบคทีเรียกินเนื้อ

ลำปาง 17 มิ.ย.- จากเหตุหนุ่มวัย 38 ปี เสียชีวิตในรถทัวร์จากโคราชกลับบ้านที่ลำปางโดยที่เพื่อนร่วมทางไม่รู้ ผลชันสูตรพบติดเชื้อในกระแสเลือดจากโรคแบคทีเรียกินเนื้อ ที่เคยระบาดในญี่ปุ่น ซึ่งญาติยืนยันผู้ตายไม่มีโรคประจำตัว แต่เคยเป็นงูสวัดจนลามไปที่หูและพบอาการขาบวมไม่ถึง 2 สัปดาห์ก่อนเสียชีวิต ขณะที่แพทย์ระบุหากเกิดแผลมีโอกาสรับเชื้อแบคทีเรียจนเนื้อเน่าได้โดยเฉพาะกลุ่มที่มีภูมิคุ้มกันต่ำ .-สำนักข่าวไทย

วันแรกห้ามคนไทยไปทำงาน “กาสิโน-สถานบันเทิง” ปอยเปต

กัมพูชา 17 มิ.ย. – ติดตามบรรยากาศวันแรกของการยกระดับมาตรการคุมเข้มการเดินทางข้ามไปที่กาสิโนฝั่งกัมพูชา ที่ด่านคลองลึก จ.สระแก้ว ด่านที่มีมูลค่าการค้าสูงสุดระหว่างไทยและกัมพูชา สำหรับวันแรกของมาตรการยกระดับตามคำสั่งกองกำลังบูรพาที่ห้ามไม่ให้คนไทยข้ามไปบ่อนและคาสิโนฝั่งกัมพูชาทั้งคนที่จะข้ามไปทำงานและเล่นการพนัน ในช่วงเช้าก่อนที่จะทราบมาตรการ พบมีคนไทยจำนวนมากนั่งต่อแถวยาวเหยียดตั้งแต่หน้าด่านตรวจคนเข้าเมืองยาวไปจนถึงตลาดโรงเกลือระยะทาง 2 กิโลเมตร แต่เมื่อมีการประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนได้ทราบถึงมาตรการที่มีการยกระดับและให้คำนึงถึงความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินปรากฏว่าคนไทยที่นั่งต่อแถวได้แยกย้ายไปอย่างรวดเร็ว ทั้งนี้หลังการยกระดับคำสั่งของกองกำลังบูรพาพบว่าจากเดิมที่มีคนไทยข้ามไปฝั่งปอยเปตเฉลี่ยวันละ 4,000-5,000 คน วันนี้ปรากฏว่าเป็นคนไทยเดินทางข้ามไปเป็นความบังเอิญที่ตัวเลขทั้งข้ามไปโดย Flowing Pass หรือบัตรผ่านแดนชั่วคราวและข้ามไปโดยพาสปอร์ตมีตัวเลขตรงกันคือมีข้ามไปเพียงอย่างละ 196 คนเท่านั้น โดยมีรายงานว่าสำหรับคนที่ไม่ได้ข้ามไป ถ้าเป็นคนในพื้นที่ที่เคยข้ามไปทำงาน บางส่วนก็กลับไปที่บ้านพัก แต่สำหรับคนไทยที่ต้องการเดินทางข้ามไปกาสิโนฝั่งกัมพูชา บางส่วนก็เดินทางกลับต้นทาง แต่บางส่วนที่หวังว่า อาจมีการผ่อนคลายมาตรการ ก็เปิดรีสอร์ตหรือห้องพักต่างๆ ใกล้เคียงด่านเป็นที่พำนัก ทำให้ขณะนี้รีสอร์ตและโรงแรมต่างๆ ในอำเภออรัญประเทศ จังหวัดสระแก้ว มีผู้เข้าพักเต็มในหลายที่ด้วยกัน พ.ต.อ.ณภัทรพงศ สุภาพร ผกก.ตม.จว.สระแก้ว เปิดเผยว่าได้รับคำสั่งจากกองกำลังบูรพาตั้งแต่ค่ำวานนี้และถือปฏิบัติตั้งแต่เวลา 08.00 น. ที่ผ่านมา ดังนั้นประชาสัมพันธ์ถึงคนไทยที่อยู่ในฝั่งปอยเปตให้รีบเดินทางกลับมายังฝั่งไทยส่วนคนไทยที่จะเดินทางข้ามไปอย่างกัมพูชาหากไม่จำเป็นขอให้งดการเดินทาง ทั้งนี้สำหรับการรองรับหลังมีการควบคุมบริเวณด่านพรมแดนไม่ข้ามไปยังบ่อนกาสิโนฝั่งกัมพูชา พบว่าเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องโดยเฉพาะตำรวจตระเวนชายแดนและทหารพรานคุมเข้มตั้งแต่ต้นน้ำ และมีรายงานว่ามีการวางกำลังตลอดแนวชายแดนไทยกัมพูชาในเขตจังหวัดสระแก้วเช่น เพื่อป้องกันการลักลอบใช้ช่องทางธรรมชาติเพื่อเข้าไปยังประเทศกัมพูชา.-สำนักข่าวไทย

บอร์ดค่าจ้างเคาะขึ้นค่าแรงขั้นต่ำ 400 บาท กทม.-บางกิจการ ตจว.

กทม. 17 มิ.ย.-แรงงานเฮ! ก.แรงงาน ขับเคลื่อนสำเร็จ “ปลัดบุญสงค์” เผยบอร์ดค่าจ้างเคาะขึ้นค่าแรงขั้นต่ำ 400 บาท พื้นที่กรุงเทพฯ และบางกิจการในต่างจังหวัด เริ่ม 1 ก.ค.นี้ นายบุญสงค์ ทัพชัยยุทธ์ ปลัดกระทรวงแรงงาน เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะกรรมการค่าจ้าง (ไตรภาคี) ชุดที่ 22 ครั้งที่ 6/2568 มีมติเห็นชอบให้ปรับขึ้น ค่าจ้างขั้นต่ำเป็นวันละ 400 บาท ในหลายพื้นที่และกลุ่มกิจการทั่วประเทศ โดยถือเป็นความก้าวหน้าครั้งสำคัญในการยกระดับรายได้ให้กับแรงงานไทย ตามแนวทางนโยบายของรัฐบาลและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ ที่มุ่งให้แรงงานไทยมีค่าจ้างที่เป็นธรรม และสอดคล้องกับภาวะเศรษฐกิจในปัจจุบัน มติของที่ประชุมในวันนี้ ซึ่งประกอบด้วยกรรมการจากฝ่ายนายจ้าง ฝ่ายลูกจ้าง และฝ่ายรัฐบาล รวม 15 คน มีเสียงเห็นชอบ 2 ใน 3 โดยกำหนดอัตราค่าจ้างขั้นต่ำใหม่ ดังนี้•พื้นที่กรุงเทพมหานคร ปรับค่าแรงขั้นต่ำเป็น 400 บาทต่อวัน ทั่วพื้นที่•ต่างจังหวัด ปรับค่าแรง 400 บาท […]