นครราชสีมา 15 มี.ค.- ผกก.สภ.มะเริง เผยแจ้ง 1 ข้อหา “ร่วมกันทำร้ายร่างกายผู้อื่นจนถึงแก่ความตาย” แก่รุ่นพี่ทั้ง 7 ที่รับน้องโหด จนถึงขั้นเสียชีวิต ล่าสุด พ่อและแม่ของน้องเปรม ประสานตำรวจและ รพ.ค่ายสุรนารี นำร่างลูกชายออกจากห้องพักศพ ส่งผ่าพิสูจน์ศพที่สถาบันนิติเวชตำรวจเพื่อหาสาเหตุการเสียชีวิตที่ชัดเจนอีกครั้ง
จากกรณีนายพัดยศ หรือน้องเปรม นักศึกษา ปวส.ปี 1 แผนกช่างกลโรงงาน มหาวิทยาลัยชื่อดังแห่งหนึ่งใน จ.นครราชสีมา ถูกรับน้องโหดจนเสียชีวิต เมื่อคืนวันที่ 13 มีนาคมที่ผ่านมา และล่าสุด พ่อและแม่ของน้องเปรม ประสานตำรวจและโรงพยาบาลค่ายสุรนารี นำร่างลูกชายออกจากห้องพักศพ ส่งผ่าพิสูจน์ศพที่สถาบันนิติเวชตำรวจเพื่อหาสาเหตุการเสียชีวิตที่ชัดเจนอีกครั้ง
พ.ต.อ.คณัสนันท์ สุวรรณทรัพย์ ผู้กำกับการ สภ.มะเริง ท้องที่เกิดเหตุ เผยว่ารุ่นพี่ 7 คน ที่ก่อเหตุมารับทราบข้อกล่าวหาแล้ว เบื้องต้นแจ้งข้อกล่าวหา 1 ข้อหา คือ “ร่วมกันทำร้ายร่างกายผู้อื่นจนถึงแก่ความตาย” ก่อนพิมพ์ลายนิ้วมือ ตรวจสอบบันทึกประวัติอาชญากรรม ก่อนปล่อยตัวกลับบ้าน โดยไม่มีการประกันตัวเพราะ ไม่มีพฤติการณ์หลบหนี มีที่อยู่เป็นหลักแหล่ง เดินทางมาพบพนักงานสอบสวนเอง มีผู้ปกครอง และอาจารย์มหาวิทยาลัย อำนวยความสะดวกเกี่ยวกับเรื่องการดำเนินคดี เบื้องต้นทั้ง 7 คน ให้การรับสารภาพ ขณะเดียวกันได้สอบปากคำรุ่นน้องอีก 4 คน ที่อยู่ในเหตุการณ์ประกอบสำนวนคดี
ทางด้านแม่น้องเปรม ไม่เชื่อว่าลูกโดนชกแค่หมัดเดียวจะทำให้เสียชีวิตได้ หลังเกิดเหตุได้คุยกับรุ่นพี่ที่จัดกิจกรรมรับน้องนอกรั้วมหาวิทยาลัยแล้ว รุ่นพี่ 1 คนใช้หมัดชกเข้าที่หน้าอก 1 ครั้ง จนลูกชายหมดสติล้มฟุบก่อนเสียชีวิตขณะพาส่งโรงพยาบาล ปกติลูกชายเป็นคนแข็งแรง เป็นนักกีฬาฟุตบอล และไม่มีโรคประจำตัวใดๆ หากถูกชกเพียง 1 ครั้ง คงไม่ถึงขั้นเสียชีวิต ขอให้ตำรวจสอบสวนให้ชัดเจน และจะรอผลตรวจพิสูจน์ร่างน้องเปรม เพื่อยืนยันสาเหตุการเสียชีวิตที่แน่ชัด ขอให้ตำรวจดำเนินคดีกับผู้ก่อเหตุให้ถึงที่สุด อยากให้ลูกชายเป็นเหยื่อรายสุดท้ายของการรับน้อง ไม่อยากให้เกิดขึ้นกับผู้ใดซ้ำอีก
ขณะที่ สภ.มะเริง ท้องที่จุดเกิดเหตุ พนักงานสอบสวนสอบปากคำผู้ปกครอง พร้อมกลุ่มนักศึกษารุ่นพี่ปี 2 จำนวน 7 คน ที่ร่วมก่อเหตุ และสอบปากคำเพื่อนน้องเปรมอีก 4 คน ที่อยู่ในเหตุการณ์ เพื่อประกอบสำนวนดำเนินคดี
ซึ่งนายเตอร์ อายุ 19 ปี นักศึกษาปี 1 เพื่อนร่วมชั้นเรียนของน้องเปรม เล่าเหตุการณ์ว่า มีรุ่นพี่กว่า 20 คน ประสานงานรุ่นน้องทั้งชายหญิง 38 คน ไปจัดกิจกรรมในป่า เริ่มตั้งแต่เวลา 20.00 น.ของวันที่ 13 มีนาคม บอกว่าเป็นการรับน้องในรอบปี ก่อนเอารถกระบะ 4-5 คัน นัดหมายสถานที่นอกรั้วมหาวิทยาลัย มารับรุ่นน้องไปยังจุดเกิดเหตุ เป็นไร่อ้อยโล่งเตียน ห่างจากมหาวิทยาลัย 8 กิโลเมตร จุดเกิดเหตุมืดมาก เพื่อนหลายคนก็พากันหวาดกลัวมีรุ่นพี่สั่งให้เพื่อนเฉพาะผู้ชายถอดเสื้อผ้าออกทั้งหมด เปลือยกายล่อนจ้อน นอนเรียงแถวกับพื้น หากไม่พอใจก็จะถูกชกที่หน้าท้อง หรือถีบหลัง มีการร้องเพลงประจำแผนก ใครร้องผิดเพี้ยนก็จะถูกทำโทษ ทั้งเตะ ถีบ ชก แต่ไม่มีการให้ดื่มสุรา ตนก็ยังโดนรุ่นพี่ทำร้ายโดยการชกที่หน้าท้องหลายครั้ง ถีบด้านหลังจนหัวคะมำ และคลานปลาหมอ หรือไถร่างไปกับพื้นดินแข็ง หัวไหล่และข้อศอกเป็นแผล จนเพื่อนหลายคนออกอาการหวาดกลัว
ตนก็อยู่ในเหตุการณ์ตอนเปรมโดนชก ยืนห่างกัน 5 คน เวลารุ่นพี่เดินผ่าน พากันกลัว ซึ่งเปรมโดนหนักหลายรอบเช่นเดียวกับตน ทั้งชกหน้าท้อง หน้าอก ไปหลายรอบ ถูกชกด้วยมือเปล่า จนตนถามเปรมว่า “ไหวหรือไม่” จนมีรุ่นพี่ ไม่ทราบว่าคนไหน เพราะมืด ชกเข้าที่ลิ้นปี่ของเปรม จนล้มทรุดกองกับพื้นและหมดสติไป แม้พยายามช่วยชีวิตและพาส่งโรงพยาบาลตอน 5 ทุ่ม สุดท้ายเพื่อนทนความเจ็บปวดไม่ไหว เสียชีวิตในที่สุด
ทั้งนี้ มหาวิทยาลัยฯ ออกแถลงการณ์ยืนยันไม่มีนโยบายให้รับน้อง ตั้งแต่ปี 64 โดยมหาวิทยาลัยได้รับทราบเหตุการณ์เศร้าสลดที่เกิดขึ้น และแสดงความเสียใจต่อครอบครัวนักศึกษาที่สูญเสีย และประสานเจ้าหน้าที่ตำรวจอย่างใกล้ชิดเพื่อเข้าตรวจสอบสถานที่เกิดเหตุ และควบคุมตัวผู้กระทำผิดเพื่อสอบสวนข้อเท็จจริง และดำเนินคดีถึงที่สุดต่อไป เรื่องนี้ถือว่าเป็นการขัดระเบียบคำสั่งของมหาวิทยาลัยอย่างร้ายแรง และจะต้องมีบทลงโทษนักศึกษาผู้ร่วมก่อเหตุทุกคนอย่างถึงที่สุด รวมทั้ง มหาวิทยาลัยพร้อมช่วยเหลือเยียวยาครอบครัวนักศึกษาที่เสียชีวิตทุกอย่างเท่าที่จะทำได้
ล่าสุด ร่างน้องเปรมส่งถึงนิติเวชวิทยาโรงพยาบาลตำรวจแล้ว ซึ่งพบว่า มีเชื้อโควิด-19 อยู่ในร่างกาย ซึ่งในการชันสูตรจะมีขั้นตอนที่มากขึ้น โดยพ่อ ยืนยัน จะดำเนินคดีกับรุ่นพี่โหดที่เป็นต้นเหตุทำให้ลูกชายเสียชีวิตจนถึงที่สุด และอยากรับทราบรายละเอียดการเสียชีวิตของผู้ชาย ว่าถูกทารุณกรรมในลักษณะอย่างไรจึงเสียชีวิตได้.-สำนักข่าวไทย