สุราษฎร์ธานี 15 ธ.ค.- สำนักงานทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งที่ 4 สุราษฎร์ธานี วอนหยุดกินปูทะเลตัวเมียช่วงฤดูมีไข่ หวังเพิ่มปริมาณปูธรรมชาติ หลังพบปริมาณลดลงอย่างน่าใจหาย และมีราคาแพงกิโลกรัมละกว่า 2,000 บาท
สำนักงานทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งที่ 4 สุราษฎร์ธานี จัดเวทีเสวนาชักชวนนักบริโภคปูไข่ทะเลหรือปูทะเลที่กำลังมีไข่ ให้ละเว้นการกินปูทะเลตัวเมียที่มีไข่ เพื่อหวังเพิ่มปริมาณปูในทะเล หลังจากปูทะเลซึ่งเป็นสัตว์เศรษฐกิจที่สำคัญของจังหวัดสุราษฎร์ธานีมีปริมาณลดลงอย่างน่าใจหายและราคาแพงถึงกิโลกรัมละ 2,000 บาท หากไม่ร่วมกันฟื้นฟูในอนาคตอาจจะสูญพันธุ์ไปจากทะเลไทย โดยมีนำปูทะเลตัวผู้ตัวใหญ่ๆ ที่นึ่งไว้เต็มถาดและปูไข่ (ปูทะเลตัวเมีย) จำนวน 2 ตัว พร้อมไข่เค็มไชยา มาเปรียบเทียบในด้านของคุณค่าทางอาหารนายวิชัย
นายวิชัย สมรูป ผู้อำนวยการสำนักงานทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งที่ 4 กล่าวว่าปูทะเลแบ่งเป็นปูตัวเมียและปูตัวผู้ ในเดือนตุลาคมถึงเดือนธันวาคมของทุกปี จะเป็นฤดูปูตัวเมียมีไข่หรือวางไข่เตรียมขยายพันธุ์ แต่ปัจจุบันกลับมีค่านิยมในการบริโภคปูไข่หรือปูตัวเมียค่อนข้างสูง จนทำให้ปูตัวเมียมีราคาสูงถึงกิโลกรัมละ 2,000 กว่าบาท จึงทำให้กลุ่มชาวประมงพื้นบ้านหันไปจับปูไข่ขายจำนวนมาก ส่งผลให้ปริมาณปูทะเลลดปริมาณลงอย่างน่าใจหาย แม่พันธุ์ถูกจับขายสู่ตลาดบริโภค ไม่สามารถขยายพันธุ์ออกลูกออกหลานเป็นห่วงโซ่อาหารของมนุษย์ในอนาคตได้ ขณะนี้ได้ส่งผลกระทบต่ออาชีพชาวประมงพื้นบ้านเป็นอย่างมาก เนื่องจากปูทะเลตามธรรมชาติลดน้อยหายไป ทางสำนักทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งที่ 4 ได้ร่วมกับทุกฝ่ายช่วยกันรณรงค์ขอความร่วมมือจากชาวประมงพื้นบ้านที่จับปูไข่และนักบริโภคปูไข่ ให้ชะลอการกินปูไข่ในช่วงปูไข่ขยายพันธุ์ เพื่อหวังเพิ่มปริมาณปูทะเลในธรรมชาติให้มากขึ้น พร้อมแนะนำให้มาบริโภคปูทะเลตัวผู้แทนปูทะเลตัวเมีย และหันมากินไข่เค็มไชยาที่ไข่แดงรสชาติอร่อยไม่แพ้ไข่ปูทะเลเช่นกัน และมีคุณค่าทางโภชนาการไม่แตกต่างกันมากนัก.-สำนักข่าวไทย