ทำเนียบรัฐบาล 7 พ.ย.- นายกฯ ปลื้ม “ปัตตานีเมืองปูทะเลโลก” คืบ พร้อมแจกลูกปูแสนตัวแรก ม.ค.66 มั่นใจสร้างรายได้ท้องถิ่น เชื่อมโยงท่องเที่ยว “กินปูปัตตานี”
นางสาวรัชดา ธนาดิเรก รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ในฐานะผู้แทนพิเศษรัฐบาลในการแก้ปัญหาจังหวัดชายแดนใต้ เปิดเผยว่า พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี มีความยินดีต่อความก้าวหน้าของนโยบาย “ปัตตานีเมืองปูทะเลโลก” ซึ่งรัฐบาลได้กำหนดให้ จ.ปัตตานีเป็นศูนย์กลางการผลิตปูทะเล เนื่องด้วยพื้นที่อ่าวปัตตานีและบริเวณใกล้เคียงเป็นพื้นที่ที่มีสภาพแวดล้อมอุดมสมบูรณ์อย่างมาก เกษตรกรมีความสนใจ และที่สำคัญกำลังผลิตปัจจุบันยังมีไม่เพียงพอต่อความต้องการบริโภคของตลาดทั้งในและต่างประเทศ ซึ่งขณะนี้ ทางศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนใต้ (ศอ.บต.) ได้เป็นหน่วยงานหลักในการขับเคลื่อนร่วมกับกรมประมง กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ กรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม โดยสนับสนุนให้มีการจัดตั้ง “โรงเพาะฟักสัตว์น้ำ” ณ คณะวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ วิทยาเขตปัตตานี ซึ่งทางคณะฯได้นำเทคโนโลยีการเกษตรมาประยุกต์ใช้ในการพัฒนาแม่พันธุ์ปูทะเล การอนุบาลลูกปู รวมถึงจะมีการบูรณาการกับหลายภาคส่วนในเรื่องการปล่อยพันธุ์ปูทะเลลงสู่แหล่งน้ำธรรมชาติ การส่งเสริมการประกอบอาชีพเลี้ยงปูทะเลในพื้นที่นากุ้งร้างและนาเกลือร้าง การส่งเสริมการเลี้ยงปูคอนโด (ขุนปู)
ทั้งนี้ พลเรือตรี สมเกียรติ ผลประยูร เลขาธิการ ศอ.บต. ได้รายงานต่อนายกรัฐมนตรีว่า ขณะนี้โรงเพาะฟักสัตว์น้ำ มีความพร้อมที่จะเปิดดำเนินการอย่างเป็นทางการในวันที่ 19 ธันวาคม 2565 และพร้อมที่จะกระจายลูกปูจำนวนหนึ่งแสนตัวแก่เกษตรกรในเดือนมกราคม ในระยะต่อไปจะสามารถผลิตได้ในปริมาณที่เพิ่มขึ้นอีกหลายเท่าตัว มากไปกว่านั้น ยังได้ขยายเป้าหมายการจัดตั้งโรงเพาะฟักสัตว์น้ำครอบคลุมทั้งพื้นที่ฝั่งอ่าวไทย ทั้งที่ปัตตานี และสงขลา ขณะที่ฝั่งอันดามัน อยู่ที่ กระบี่ และสตูล อีกทั้งจะมีการเชื่อมโยงกับภาคการท่องเที่ยว ซึ่งปัจจุบันมีการกำหนดเส้นทางการท่องเที่ยวของชาวมาเลเซีย ที่ต้องมาเยือนเพื่อรับประทานอาหารทะเลที่ปัตตานี โดยร้านอาหารในพื้นที่จะรับซื้อปูโดยตรงจากเกษตรกร ทำให้เมนูปูเป็นจานเด่นของจังหวัด “กินปูปัตตานี”
นางสาวรัชดา กล่าวต่อว่า การส่งเสริมการเลี้ยงปูทะเล เป็นอีกหนึ่งในนโยบายการส่งเสริมอาชีพในพื้นที่จังหวัดชายแดนใต้ ซึ่งรัฐบาลมั่นใจว่าจะสร้างรายได้แก่ประชาชนอย่างแน่นอน เพราะตลาดมีความต้องการปูทะเลอีกมาก รวมถึงแนวทางการดำเนินการยังเป็นการพัฒนาอุตสาหกรรมปูทะเลทั้งระบบ ตั้งแต่การเพาะพันธุ์ การอนุบาลลูกปู การขุนปูให้มีน้ำหนัก การจำหน่ายตรงไปยังร้านอาหาร และการส่งออกนอกพื้นที่ มากไปกว่านั้นยังได้นำเอาพื้นที่ป่าเสื่อมโทรมที่ถูกบุกรุกทำบ่อกุ้ง กลับมาใช้ให้เกิดประโยชน์ และมีการถ่ายทอดองค์ความรู้ไปยังผู้ประกอบการทั่วไปทุกพื้นที่ที่สนใจ ซึ่งในระยะยาวจะพัฒนาสู่การเป็นเมืองผลิตปูทะเลเพื่อการส่งออกได้อย่างแน่นอน โดยขณะนี้มีกลุ่มเกษตรกรกว่า 35 กลุ่ม รวม 700 กว่าครอบครัว ประชาชนที่สนใจ สามารถสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ ศอ.บต กองสนับสนุนและสนับสนุนงานฝ่ายพลเรือน 073-274-471.-สำนักข่าวไทย