fbpx

ตำรวจภาค 8 แถลงปิดคดีอุ้มฆ่า “โกหมาส”

4 เม.ย. – ผบช.ภ.8 แถลงปิดคดีอุ้มฆ่า “โกหมาส” เจ้าของสนามชนไก่ จ.ชุมพร หลังจับกุม “เจ๊อ้วน” ภรรยา ซึ่งเป็นผู้จ้างวาน พร้อมแก๊งอุ้มฆ่าและแก๊งค้ารถเถื่อนข้ามชาติ


พล.ต.ต.นิพนธ์ พานิชเจริญ รอง ผบช.ภ.8 นำแถลงปิดคดีอุ้มฆ่าฝังอำพรางศพนายขนบ อายุ 56 ปี หรือโกหมาส เจ้าของสนามชนไก่ อ.สวี จ.ชุมพร

สืบเนื่องจากเมื่อวันที่ 1 ก.พ.67 โกหมาสหายตัวไปจากบ้านพักในพื้นที่ ม.5 ต.เขาค่าย อ.สวี จ.ชุมพร พร้อมรถยนต์โตโยต้าฟอจูนเนอร์ หมายเลขทะเบียนชุมพร ต่อมาวันที่ 5 ก.พ. 67 นายสำราญ อายุ 72 ปี พี่ชายของโกหมาส เข้าแจ้งความที่ สภ.นาสัก อ.สวี ว่าน้องชายหายตัวไปจากบ้านพร้อมรถยนต์


ขณะที่วันที่ 4 ก.พ. 67 เวลา 17.00 น. ตำรวจทางหลวงตรวจพบรถจอดทิ้งไว้ในป่าใกล้ชายแดนประเทศเพื่อนบ้าน พื้นที่ อ.เมือง จ.นครพนม แต่ไม่พบตัวโกหมาส

ต่อมาตำรวจ กก.5 บก.ป. และ บก.สส.ภ.8 สืบจนทราบว่ากลุ่มคนร้ายที่เป็นผู้นำรถยนต์คันดังกล่าวของโกหมาสไปขายให้แก๊งค้ารถข้ามชาติ จนสามารถออกหมายจับและดำเนินคดีกับผู้ต้องหา 7 คน ฐานร่วมกันลักทรัพย์ หรือรับของโจร มีผู้ต้องหาคือ 1.นายสมชัย ผู้ขายรถ 2.นายศิวพงษ์ ผู้รับจ้างขับรถ 3.นายวรดนย์ ผู้รับจ้างขับรถ 4.นางอัจจณา 5.นายธนกร 6.นายสามารถ และ 7.นายสมชาย กลุ่มผู้รับซื้อรถ

ในส่วนของคดีอุ้มฆ่าอำพรางศพโกหมาส ศาลจังหวัดหลังสวนอนุมัติหมายจับผู้ว่าจ้างและกลุ่มคนร้ายอุ้มฆ่า 5 คน โดยตำรวจจับกุมได้แล้ว 3 คน คือ 1.นางวันเพ็ญ หรือ เจ๊อ้วน ภรรยาของโกหมาส 2.นายสมชัย หรือ ชัย หัวหน้าทีม 3.นายพฤหัส ส่วนอีก 2 คนยังหลบหนี คือ นายสุทีป และนายวีรภัทร ขณะนี้กำลังติดตามจับกุมคาดว่าจะได้ตัวในเร็วๆ นี้


พล.ต.ต.นิพนธ์ พานิชเจริญ รอง ผบช.ภ.8 กล่าวว่า คดีดังกล่าวแยกเป็นผู้ต้องหา 2 กลุ่ม คือกลุ่มผู้รับซื้อรถส่งขายข้ามชาติ ตอนนี้จับกุมได้แล้ว 6 คน ส่วนที่เหลือขณะนี้ตำรวจกองปราบฯ อยู่ระหว่างสอบสวนขยายผลจับกุมเครือข่ายทั้งหมด

สำหรับคดีอุ้มฆ่าโกหมาส ผู้ต้องหาหลัก คือ เจ๊อ้วน เป็นผู้จ้างวานฆ่าสามีตนเอง และนายสมชัย ซึ่งทั้ง 2 คน ถูกจับกุมแล้ว โดยนายสมชัยเป็นหัวหน้าทีมแก๊งอุ้มฆ่าฝังอำพรางศพ แม้ว่าทั้ง 2 คน จะให้การขัดแย้งกัน โดยเจ๊อ้วนบอกว่าเป็นผู้จ้างวาน แต่ไม่รู้เห็นกับพฤติกรรมการอุ้มฆ่า ส่วนนายชัยให้การว่าเจ๊อ้วนได้ฆ่าโกหมาส สามีตัวเอง ไว้แล้วที่บ้านพัก และโทรศัพท์มาว่าจ้างให้ตนนำศพไปทิ้งอำพรางเท่านั้น เรื่องนี้ต้องสอบสวนให้ได้ว่าใครเป็นผู้ลงมือฆ่า แต่หลักฐานจากกล้องวงจรปิดและพฤติกรรมการก่อเหตุสามารถเชื่อมโยงเอาผิดได้ว่าใครคือผู้ก่อเหตุอุ้มฆ่าโกหมาส

นอกจากนี้ยังพบว่าแผนผังไทม์ไลน์เส้นทางการก่อเหตุหลักฐานจากกล้องวงจรปิดหลายจุดยังพบว่านายชัย หลังก่อเหตุในวันที่ 1 ก.พ. 67 จากนั้นวันที่ 2 ก.พ. 67 เวลา 14.44 น. นายชัยเป็นผู้ขับรถโตโยต้าฟอร์จูนเนอร์ของโกหมาส ไปส่งให้นายสามารถ แก๊งรับซื้อรถในซอยเจริญนคร 50 กรุงเทพฯ จากนั้นนายชัยนั่งเครื่องบินกลับ จ.นครศรีธรรมราช ซึ่งมีหลักฐานภาพกล้องวงจรปิดที่สนามบินดอนเมือง และนครศรีธรรมราช และหลักฐานการโอนเงินซื้อขายกันในราคา 450,000 บาท ก่อนที่รถยนต์ฟอร์จูนเนอร์จะถูกขับไปจอดทิ้งไว้ในป่าพื้นที่ อ.เมือง จ.นครพนม .-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

เศร้ารับวันแรงงาน! โรงงานประกาศปิดกิจการกะทันหัน

พนักงานโรงงานผลิตกระจกเก่าแก่ใน อ.บางเสาธง จ.สมุทรปราการ ยื่นคำร้องต่อสำนักงานสวัสดิการฯ จ.สมุทรปราการ ให้นายจ้างจ่ายชดเชยตามกฎหมาย หลังโรงงานติดประกาศปิดกิจการและเลิกจ้างพนักงานทั้งหมด

“อธิบดีกรมโรงงาน” ลาออกแล้ว ไม่รอเกษียณ 30 ก.ย.นี้

“จุลพงษ์ ทวีศรี” อธิบดีกรมโรงงานอุตสาหกรรม (กรอ.) ยื่นหนังสือลาออก ไม่รอเกษียณ 30 ก.ย.นี้ เจ้าตัวเผยน่าจะมีความเหมาะสมที่สุดแล้ว ผู้บริหารจะได้หาคนใหม่มาปฏิบัติหน้าที่แทน

ข่าวแนะนำ

“พิมพ์ภัทรา” ขอโทษชาว อ.ภาชี เหตุสารเคมีรั่ว-ไฟไหม้

รมว.อุตสาหกรรม ขอโทษชาว อ.ภาชี เหตุสารเคมีรั่วไหลและไฟไหม้ รับปากจะเร่งกำจัดสารเคมีโดยเร็วที่สุด พร้อมบูรณาการความร่วมมือฝ่ายปกครองและความมั่นคง เฝ้าระวังเข้มงวด หวั่นผู้ก่อเหตุใช้ “ภาชีโมเดล” เป็นต้นแบบเผาทำลายหลักฐาน

เร่งสอบหลวงตาลองของขลัง ราดน้ำกรดใส่มือเด็ก เจ็บ 5 คน

ตำรวจและคณะสงฆ์เร่งสอบข้อเท็จจริงหลวงตาลองของ ให้เด็กกำพระผงราดน้ำกรด ทดสอบความขลัง บาดเจ็บ 5 คน เด็กบอกกำพระแน่น แต่ปวดแสบปวดร้อน

รัฐมนตรีใหม่เข้าทำเนียบฯ ตรวจ RT-PCR

รัฐมนตรีใหม่ทยอยเข้าทำเนียบฯ ตรวจ RT-PCR เตรียมความพร้อมก่อนถวายสัตย์ปฏิญาณพรุ่งนี้ ด้าน “พิชัย” ปฏิเสธให้สัมภาษณ์สื่อ บอกไม่จำเป็นต้องดูห้องทำงานรองนายกฯ บนตึกบัญชาการ เพราะคุ้นเคยอยู่แล้ว

อากาศร้อนจัด “รางรถไฟโก่งคด” ช่วงร่อนพิบูลย์ 

การรถไฟฯ ชี้แจงเหตุรางรถไฟระหว่างสถานีร่อนพิบูลย์ – สถานีชุมทางเขาชุมทองมีลักษณะคดงอ เกิดจากสภาพอากาศที่ร้อนจัด สามารถแก้ไขและเดินขบวนรถได้ตามปกติ