“เสี่ยแป้ง” ยังล่องหน ระดมล่า ปูพรมตรวจโรงแรม-รีสอร์ต กว่า 100 แห่ง

25 ต.ค. – “เสี่ยแป้ง นาโหนด” ยังล่องหน ระดมเร่งล่า ตรวจโรงแรม-รีสอร์ตกว่า 100 แห่ง ควานหาตัว ตำรวจเชิญนายก อบต.สตูล สอบข้อมูลกลางดึก หลังพบข้อมูลโยงเสี่ยแป้งและลูกน้อง ด้าน รมว.ยุติธรรม ลงพื้นที่เรือนจำนครศรีธรรมราช ติดตามความคืบหน้าคดี


กรณีนายเชาวลิต ทองด้วง อายุ 37 ปี หรือเสี่ยแป้ง นาโหนด หลบหนีออกจากการคุมขังของเจ้าหน้าที่จาก รพ.มหาราชนครศรีธรรมราช เมื่อช่วงกลางดึกวันที่ 22 ตุลาคมที่ผ่านมา และพบว่าหลังจากปลดพันธนาการ และลงลิฟต์มาได้ ก็มีรถมารับพาตัวหลบหนีไป เบื้องต้นพบว่าคนที่มารับชื่อนายจีรวุฒิ หรือบอย และนายจักรี หรือบิ๊ก โดยนายจักรี นั่งรอในรถ ก่อนที่เสี่ยแป้งจะขึ้นรถกระบะสี่ประตูสีขาว ทะเบียน 8 กจ 3212 กรุงเทพมหานคร หลบหนีไป โดยการหลบหนีนั้น ตามภาพวงจรปิดมีรถยนต์ที่เกี่ยวข้องทั้งหมด 3 คัน ประกอบด้วย รถกระบะมิตซูบิชิ สีขาว รถกระบะอีซูซุ สีขาว และรถเก๋งฮอนด้า ซีวิค สีดำ จนเข้าสู่วันที่ 4 วันแล้ว เจ้าหน้าที่ยังไม่อาจติดตามจับกุมเสี่ยแป้ง และลูกน้องอีก 2 คนได้ ที่คุมตัวได้ตอนนี้ คือ นางยุวเรศ หรือ “หมวย” ผู้ที่โอนเงินให้ น.ส.วิลาวัลย์ หรือไหม ที่ถูกจ้างวานให้เฝ้า “เสี่ยแป้ง” ที่โรงพยาบาล

ตรวจโรงแรม-รีสอร์ตกว่า 100 แห่ง ควานหาตัว “เสี่ยแป้ง-ลูกน้อง”
ขณะที่ตำรวจยังคงวางแผนสืบหาข่าวแหล่งกบดานของกลุ่มผู้ต้องหา พร้อมกระจายกำลังเจ้าหน้าที่เข้ากดดันหลายพื้นที่ของจังหวัดพัทลุง ตามเส้นทางที่ปรากฏการเคลื่อนไหวของรถกระบะอีซูซุ สีขาว และรถเก๋งฮอนด้าซีวิค สีดำ นอกจากนี้ได้ให้ตำรวจทุก สภ.ใน 11 อำเภอ ของพัทลุง ออกตรวจโรงแรม รีสอร์ต ในพื้นที่กว่า 100 แห่ง และตรวจสอบรายชื่อของผู้เข้าพัก เพื่อหาเบาะแสกลุ่มผู้ต้องหา


จากการข่าวของเจ้าหน้าที่เมื่อช่วงก่อนรุ่งวันที่ 23 ตุลาคม พบสัญญาณโทรศัพท์มือถือและรถเก๋งฮอนด้าซีวิค สีดำ บนเส้นทางถนนสายเพชรเกษม บนภูเขาพับผ้า เขตรอยต่อระหว่างจังหวัดตรัง-พัทลุง จากนั้นสัญญาณโทรศัพท์มือขาดหายไป ส่วนรถเก๋งฮอนด้าซีวิค สีดำ ก็ออกจากพื้นที่ตำบลบ้านนา อ.ศรีนครินทร์ จ.พัทลุง คาดว่ากลุ่มผู้ต้องหาน่าจะลงจากรถยนต์เดินเท้าเข้ากบดานบนพื้นที่ป่าเขาบรรทัด ซึ่งเจ้าหน้าที่ได้กระจายกำลังออกหาข่าวในทุกด้าน พร้อมให้ชาวบ้าน ผู้นำท้องถิ่น แจ้งเบาะแส หากมีกลุ่มคนแปลกหน้าเข้ามาในพื้นที่

ส่วนรถกระบะมิตซูบิชิ สีขาว มีรายงานข่าวว่าพบในพื้นที่อำเภอมะนัง จ.สตูล และพบป้ายทะเบียนถูกถอดทิ้งในพื้นที่ และพบว่าเมื่อวันที่ 24 ตุลาคม กระบะอีซูซุสีขาว กลับไปเคลื่อนไหวในพื้นที่อำเภอวังวิเศษ จ.พัทลุง ซึ่งทำให้คาดกลุ่มผู้ต้องหาพยายามแยกย้ายกันหนี

เชิญนายก อบต.สตูล สอบ หลังพบข้อมูลโยง “บอย”
จากกรณีเจ้าหน้าที่พบเบาะแสรถกระบะมิตซูบิชิ สีขาว ในพื้นที่ จ.สตูล เมื่อคืนที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่พบหลักฐานจากกล้องโทรทัศน์วงจรปิดจุดหนึ่งในจังหวัดสตูล พบนายจีรวุฒิ หรือบอย ได้พบกับนายก อบต.คนหนึ่งของอำเภอมะนัง จ.สตูล


พล.ต.ท.อิทธิพล อัจฉริยะประดิษฐ์ ผช.ผบ.ตร. สั่งการให้ชุดสืบสวนภาค 9 ตรวจสอบจนพบว่านายจีรวุฒิ ขับรถคันดังกล่าวไปพร้อมภรรยาและลูก เพื่อไปขอความช่วยเหลือขอที่พักพิงจากนายก อบต.คนดังกล่าว ชุดสืบสวนจึงเชิญตัวนายก อบต.มาให้ข้อมูล โดยติดตามตัวนายก อบต.ได้ที่ อ.ทุ่งสง จ.นครศรีธรรมราช พร้อมรถยนต์มิตซูบิชิ ปาเจโร่ ซึ่งมีรายงานว่าเป็นพาหนะพานายจีรวุฒิ พร้อมภรรยาและลูกไปหลบพักที่รีสอร์ตแห่งหนึ่ง พร้อมให้เจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐานเข้าตรวจสอบเก็บวัตถุพยานทางนิติวิทยาศาสตร์ภายในรถคันดังกล่าวด้วย ซึ่งนายก อบต.ให้ข้อมูลที่เป็นประโยชน์ในการสืบสวนอย่างมาก แต่ยังไม่เปิดเผยรายละเอียด และนายก อบต.คนดังกล่าวได้เดินทางกลับไปจังหวัดสตูล ตั้งแต่กลางดึกที่ผ่านมาแล้ว

ขณะที่เจ้าหน้าที่ผู้เกี่ยวข้องทางคดีให้ข้อมูลว่า นายจีรวุฒิ หรือบอย เป็นลูกน้องที่ติดตามใกล้ชิดเสี่ยแป้ง ในขณะนี้ทั้งคู่มีอาวุธติดตัว ยังอยู่ในไทย ยังไม่ออกนอกประเทศตามที่เป็นข่าว

สอบ “หมวย” เพิ่ม ก่อนคุมตัวฝากขัง
ส่วนผู้ต้องหาที่จับกุมไว้แล้ว 2 คน คือ น.ส.วิลาวัลย์ หรือไหม ผู้รับจ้างเฝ้าไข้ และนางยุวเรศ หรือหมวย ซึ่งทั้งคู่ถูกแจ้งข้อหา “ร่วมกันกระทำการด้วยประการใดให้ผู้ถูกคุมขังตามอำนาจศาล ซึ่งเป็นบุคคลที่ต้องคำพิพากษาให้จำคุกตั้งแต่ 15 ปีขึ้นไป หลุดพ้นจากการคุมขังไป” ช่วงเช้าที่ผ่านมายังถูกคุมตัวอยู่ที่ห้องควบคุม สภ.เมืองนครศรีธรรมราช ซึ่งเจ้าหน้าที่จะสอบปากคำนางยุวเรศ เพิ่มเติมในวันนี้อย่างละเอียดอีกครั้ง หลังจากนั้นจะคุมตัวทั้งคู่เข้าขออำนาจศาลนครศรีธรรมราช ฝากขังผัดแรก

รมว.ยธ. ลงพื้นที่เรือนจำนครศรีฯ ติดตามคดี “เสี่ยแป้ง”
พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม ได้เดินทางมาติดตามความคืบหน้าคดี ที่เรือนจำกลางจังหวัดนครศรีธรรมราช ประชุมกับทุกฝ่าย ระบุเป็นข่าวดังไปทั่วประเทศ หากเราไม่ทำความจริงให้ปรากฏก็จะส่งผลต่อการขาดความเชื่อมั่นต่อกรมราชทัณฑ์. – สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

ผู้ใหญ่บ้านมอบตัว คดียิงชายใหม่ของเมียเก่า ดับคากระบะ

นนทบุรี 20 พ.ค. – ผู้ใหญ่บ้านหึงโหด บุกยิงกิ๊กของอดีตภรรยา 6 นัด เสียชีวิตคารถกระบะ มอบตัวแล้ว เบื้องต้นถูกแจ้งหลายข้อหาหนัก ขณะที่เจ้าตัวฝากขอโทษครอบครัวผู้เสียชีวิต นายอานนท์ อายุ 40 ปี ผู้ใหญ่บ้านแห่งหนึ่งใน อ.องครักษ์ จ.นครนายก หึงโหด บุกยิงนายพลาธิป อายุ 34 ปี อาชีพขับรถส่งหมู ซึ่งเป็นกิ๊กของอดีตภรรยา เสียชีวิตภายในรถกระบะที่จอดอยู่ในซอยลาดปลาดุก ถนนบางไผ่-หนองเพรางาย ต.บางบัวทอง อ.บางบัวทอง จ.นนทบุรี เหตุเกิดเมื่อเวลา 21.30 น.ที่ผ่านมา (19 พ.ค.) จากภาพจะเห็นว่าเมื่อเวลา 21.02 น. เห็นผู้ตายขับรถกระบะมาจอดริมทาง ก่อนมีรถกระบะสีดำอีกคันตามมาจอดปิดท้าย จากนั้นผู้ก่อเหตุอยู่ในชุดสวมเสื้อยืดสีดำ กางเกงขาสั้น เดินลงจากรถ ใช้อาวุธปืนยิงใส่ผู้ตายที่ยังนั่งอยู่ในรถ แล้วหลบหนีไป ช่วงสายที่ผ่านมา (20 พ.ค.) พนักงานสอบสวน สภ.บางบัวทอง เบิกตัวนายอานนท์ ผู้ก่อเหตุ มาสอบปากคำเพิ่มเติมอีกครั้ง หลังเมื่อราวตี […]

ขุดลึกลงไป 5 เมตร ยังไม่พบผู้สูญหาย

กทม. 19 พ.ค.-ทีมค้นหาฝังแผ่นเหล็กชีทไพล์ รอบหลุมเสาเข็ม เพื่อขุดค้นหาผู้ประสบเหตุ ซึ่งขุดลึกลงไป 5 เมตร ยังไม่พบผู้สูญหาย เวลา 17.00 น. เจ้าหน้าที่ทีมค้นหา ทั้ง กรมป้องกัน และบรรเทาสาธารณะภัย (ปภ.) Usar Thailand เจ้าหน้าที่มูลนิธิร่วมกตัญญู และบริษัทรับเหมาเจาะเสาเข็ม ได้ใช้แบคโฮ เริ่มฝังแผ่นเหล็กชีทไพล์ ความยาวประมาณ 16 เมตร รอบหลุมเสาเข็ม 4 ด้าน เพื่อป้องกันดินสไลด์ปิดทับปากหลุมที่รถแบ็คโฮจะทำการขุด เพื่อค้นหาผู้ประสบเหตุ โดยการฝั่งแผ่นชีทไพล์ รอบหลุมเสาเข็ม เนื่องจากการประเมินของเจ้าหน้าที่ผู้เชี่ยวชาญทางด้านวิศวกรรม พบว่าดินที่สไลด์ลงมาส่งผลกระทบรุนแรงต่อโครงสร้างอาคาร และเสาไฟฟ้า ในบริเวณที่เกิดเหตุ ดังนั้นเพื่อเป็นการป้องกันปัญหาอาคารทรุดตัว เอน และ พังถล่ม จึงจำเป็นต้องนำแผ่นชีทไพล์มากั้น ก่อนทำการขุดดิน และเริ่มค้นหาผู้ประสบเหตุ และหลังจากฝังชีทไพล์ เสร็จสิ้นในเวลา 18.30 น. โดยก่อนหน้านี้เจ้าหน้าที่ได้นำเครื่องโซน่า ลงไปในหลุม เพื่อค้นหาร่างผู้ประสบเหตุ ซึ่งจากการใช้ โซน่าสแกน ร่างของผู้ประสบเหตุ ฝังอยู่ในหลุมลึก […]

พบศพ “ดีเจเตเต้” ถูกอุ้มมัดมือไพล่หลังทิ้งกลางไร่อ้อย

กาญจนบุรี 18 พ.ค. – พบแล้วศพ “ดีเจเตเต้” ถูกอุ้มมัดมือไพล่หลัง นำศพทิ้งกลางไร่อ้อย เมืองกาญจน์ หลังครอบครัวแจ้งช่วยตามหาตัวตั้งแต่คืนวันที่ 14 พ.ค. ตั้งปมสังหารเรื่องชู้สาว ความคืบหน้ากรณี “ดีเจเตเต้” ถูกขับรถตามประกบ ก่อนอุ้มขึ้นรถหายตัวไป เหตุเกิดเมื่อเวลา 03.53 น. ของวันที่ 14 พ.ค. ภายในหมู่บ้านแห่งหนึ่งริมถนนแสงชูโต ต.ท่ามะขาม อ.เมือง จ.กาญจนบุรี ซึ่งหลังเกิดเหตุพ่อของดีเจเตเต้ ได้ออกมาอัดคลิปลงเฟซ บุ๊กเพื่อขอความช่วยเหลือในการตามหาตัวลูกชายที่หายตัวไป ก่อนที่ล่าสุดจะพบว่า กลายเป็นศพอยู่กลางไร่อ้อยเชิงเขาบ้านทุ่งนานางหรอก โดยวันนี้เวลาประมาณ 10.30 น. นายธนพล เสือส่าน กำนันบ้านทุ่งนานางหรอก ได้รับแจ้งจากชาวบ้านว่าพบศพอยู่บริเวณไร่อ้อย หมู่ 3 บ้านทุ่งนานางหรอก ต.ลาดหญ้า อ.เมือง จ.กาญจนบุรี คนที่ไปเจอ เป็นน้าชายของนายกอล์ฟคนในหมู่บ้าน ที่ออกไปหาของป่าแล้วไปเจอศพ ในสภาพนอนตะแคง ถูกมือถูกมัดไขว้หลัง แล้วมาบอกหลานชายคือนายกอล์ฟไปดูด้วยกัน แล้วนายกอล์ฟจึงแจ้งให้กำนันทราบ ทางกำนันก็แจ้งเรื่องต่อไปยังตำรวจ สภ.ลาดหญ้า ซึ่งเบื้องต้นศพสวมเสื้อผ้าตรงกับที่เป็นข่าว […]

หาความจริง “แก๊งแม่ชีพันล้าน” ยันไม่ใช่เรื่องจริง

สมุทรสาคร 18 พ.ค. – วงการสงฆ์ยังไม่แผ่ว กระแสแก๊งแม่ชีพันล้านโผล่อีก สำนักพุทธลงตรวจสอบแล้ว แม่ชีที่ถูกกล่าวหา ตอบได้ทุกคำถาม ยืนยันไม่ใช่เรื่องจริง จากกระแสเมื่อวานนี้ (17 พ.ค.) มีเพจหนึ่งนำภาพกลุ่มแม่ชีหลายภาพพร้อมกองธนบัตร และภาพแม่ชีที่แอดมินระบุอ้างว่าเป็นการใส่วิกผม มาโพสต์ลงโซเชียล พร้อข้อความเขียนแจงอย่างละเอียดว่า กรณีมีเพจดังโพสต์ภาพแม่ชีพร้อมข้อความระบุข้อความเด็ดว่า ทำนองว่า “แก๊งแม่ชีพันล้านคุมวัดเบ็ดเสร็จไร้เงาพระ! 1. แม่ชี 2 พี่น้องบริหารวัดลำพังไม่มีไวยาวัจกร ไม่มีกรรมการ ไม่มีมัคทายก ครอบครองที่ดินนับพันไร่แต่ชื่อเจ้าของไม่ใช่วัด บางแปลงเป็นชื่อแม่ชี อาจเข้าข่าย “ถือครองแทน” หรือใช้วัดบังหน้า? ยอดกฐินปีละเกือบ 100 ล้าน! รายชื่อผู้บริจาคซ้ำๆ เดิมๆ ส่วนใหญ่เป็นแม่ชี-คนในวัด ไม่มีอาชีพ ไม่มีธุรกิจ แต่ “บริจาคเป็นล้านทุกปี” ระบบโบนัสแม่ชีสาวช่วยหาทุนได้มาก พาเที่ยวรีสอร์ตหรูปีละครั้ง ใส่วิกเต็มยศ นั้น วันนี้ผู้สื่อข่าวพร้อม นส.สวาท แซ่ตัน ผู้อำนวยการสำนักงานพระพุทธศาสนา จ.สมุทรสาคร นายอิทธิธร สีเหลือง นักวิชาการศาสนาปฏิบัติการ เดินทางไปที่วัดที่แม่ชีในภาพบวชอยู่ ต.บางโทรัด […]

ข่าวแนะนำ

ศาลปกครองสูงสุด สั่ง “ยิ่งลักษณ์” ชดใช้หมื่นล้านบาท

22 พ.ค. – ศาลปกครองสูงสุด พิพากษาให้ “ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร” อดีตนายกรัฐมนตรี ชดใช้ความเสียหาย 10,028 ล้านบาท จากคดีโครงการรับจำนำข้าว ที่ ก.คลัง ยื่นอุทธรณ์คำพิพากษาศาลปกครองกลาง ศาลปกครองสูงสุดนัดออกบัลลังก์ อ่านคำพิพากษาคดีที่กระทรวงการคลัง ยื่นอุทธรณ์คำพิพากษาศาลปกครองกลางที่สั่งเพิกถอนคำสั่งกระทรวงการคลังที่ 1351 /2559 ลงวันที่ 13 ตุลาคม 2559 ที่ให้นางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ชดใช้ค่าสินไหมทดแทน กรณีปล่อยให้มีการทุจริตในโครงการรับจำนำข้าว และเพิกเฉยไม่ระงับยับยั้งความเสียหายที่เกิดขึ้นแก่ราชการ เป็นเงิน 35,717 ล้านบาท ศาลปกครองสูงสุด พิพากษาแก้คำพิพากษาศาลปกครองชั้นต้น ให้เพิกถอนคำสั่งกระทรวงการคลังเฉพาะส่วน ให้ชดใช้จำนวน 10,028 ล้านบาท และเพิกถอนคำสั่งยึดอาญัติทรัพย์สิน เพื่อขายทอดตลาด และคำสั่งอื่น โดยเห็นว่า คำสั่งดังกล่าวไม่ชอบด้วยกฎหมาย คำอุทธรณ์ฟังขึ้นบางส่วน ศาลพิจารณาว่าไม่ต้องรับผิดชดใช้ค่าสินไหมทดแทนในการจำนำข้าวเปลือกนาปี แต่ต้องรับผิดชดใช้ค่าสินไหมทดแทนความเสียหายการระบายข้าวโดยวิธีการขายแบบรัฐต่อรัฐหรือ จีทูจี จากความเสียหาย 20,057 ล้านบาท เพราะประมาทเลินเล่อ ก่อให้เกิดความเสียหาย และต้องกำหนดสัดส่วนรับผิด ร้อยละ 50 […]

“ยิ่งลักษณ์” ส่งทนายฟังคำพิพากษา ลุ้นชดใช้คดีจำนำข้าว

ศาลปกครอง 22 พ.ค.- “ยิ่งลักษณ์” ส่งทนายรอฟังคำพิพากษาศาลปกครองสูงสุด ชดใช้ 3.5 หมื่นล้านบาท คดีจำนำข้าว ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เวลา 13.30 น. ศาลปกครองสูงสุดเตรียมออกนั่งบัลลังก์อ่านคำพิพากษา ในคดีที่กระทรวงการคลังยื่นอุทธรณ์คำพิพากษาศาลปกครองกลาง ที่สั่งเพิกถอนคำสั่งกระทรวงการคลังที่ 135/2559 ลงวันที่ 13 ต.ค. 2559 ที่ให้ นางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ชดใช้ค่าสินไหมทดแทน กรณีปล่อยให้มีการทุจริตในโครงการรับจำนำข้าว และเพิกเฉยไม่ระงับยับยั้งความเสียหายที่เกิดขึ้นแก่ราชการ เป็นเงิน 35,717,273,028 บาท ในคดีที่นางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี และนายอนุสรณ์ อมรฉัตร สามี ร่วมกันยื่นฟ้องนายกรัฐมนตรี รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง ปลัดกระทรวงการคลัง สำนักนายกรัฐมนตรี กระทรวงคลัง กรมบังคับคดี อธิบดีกรมบังคับคดี และเจ้าพนักงานบังคับคดี สำนักงานบังคับคดีแพ่ง กรุงเทพมหานคร กรณีที่ร่วมกันมีคำสั่งดังกล่าวโดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย บรรยากาศที่ศาลปกครอง ได้จัดกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจจาก สน. ทุ่งสองห้องราว 20 นาย มารักษาความสงบเรียบร้อย […]

ปรับแผนช่วยคนงานตกหลุมลึก 19 เมตร – 4 วันยังไม่ถึงครึ่งทาง

กรุงเทพฯ 22 พ.ค. – เจ้าหน้าที่เตรียมปรับแผนการค้นหานำร่างคนงานขึ้นจากหลุมลึก 19 เมตร หลัง 4 วัน ยังขุดลงไปไม่ถึงครึ่งทาง ผ่านไปแล้ว 4 วัน สำหรับการค้นหานำร่างคนงานที่ตกลงไปในหลุมโครงการก่อสร้างรถไฟฟ้าสายสีส้ม ช่วงบางขุนนนท์-ศูนย์วัฒนธรรมแห่งประเทศไทย บริเวณปากซอยหลานหลวง 8 ซึ่งในช่วงเช้าวันนี้ เจ้าหน้าที่และอาสาสมัครยังคงทำงานกันอย่างต่อเนื่องแบบ 24 ชั่วโมง มีรายงานว่า ขณะนี้ขุดลงไปได้ประมาณ 7 เมตร จากความลึกของหลุม 19 เมตร ยังไม่พบร่างของผู้สูญหายแต่อย่างใด อุปสรรคสำคัญคือเสาเข็มปูนขนาดใหญ่ที่ขวางอยู่ในหลุม ซึ่งเจ้าหน้าที่จะมีการประชุมหารือปรับแผนการช่วยเหลือกันอีกครั้ง หลังจากวางแผ่นชีสไพล์แล้ว แต่ยังไม่มั่นใจ 100% ว่าแผนนี้จะป้องกันไม่ให้ดินสไลด์ลงไปทับคนงานที่กำลังลงไปช่วยหรือไม่ โดยการทำงานจะเน้นความปลอดภัยของทุกคนเป็นหลัก ส่วนตัวเลขการขุดเจาะ เมื่อวานนี้ (21 พ.ค.) ทางรองผู้ว่าฯ กทม. แจ้งว่าขุดลึกไปได้แล้ว 9 เมตรนั้น ทางหน้างานขอชี้แจงว่าให้ยึดตัวเลขล่าสุดเป็นหลัก เพราะวัดจากขอบถนนและพื้นด้านล่างไม่เสมอกัน บางชุดอาจขุดลงไปได้มากกว่า แต่เป็นจุดที่ลงไปไม่ได้ ยอมรับการปฏิบัติงานครั้งนี้ยากกว่าที่คิด แต่ไม่เกินขีดความสามารถอย่างแน่นอน.-สำนักข่าวไทย

“บิ๊กเต่า” นำทีมแถลงคืบหน้าคดี “ทิดแย้ม” เปิดคลิปเสียงหลักฐานเด็ด

22 พ.ค. – “บิ๊กเต่า” นำแถลงความคืบหน้าคดี “ทิดแย้ม” ยักยอกเงินวัดไร่ขิง พร้อมเปิดคลิปเสียงหลักฐานเด็ด สนทนากับสีกาคนสนิท ส่วนเงินบัญชีวัดไร่ขิง และภายในมูลนิธิฯ พบว่ามีการทำธุรกรรมผิดปกติหลายรายการ และยังพบเงินกฐินถูกถอนออกไป ไม่มีการนำเข้าบัญชีวัด.-สำนักข่าวไทย