พบเบาะแสผู้ก่อเหตุคาร์บอมบ์แฟลตตำรวจ “ร.ต.อ.” ดับ

นราธิวาส 23 พ.ย. – เหตุคาร์บอมบ์แฟลตตำรวจ จ.นราธิวาส พบเบาะแสชายต้องสงสัย แต่งกายคล้ายเจ้าหน้าที่นอกเครื่องแบบ ขับรถกระบะเข้ามาจอดก่อนเกิดเหตุ ด้านนักวิชาการมองสถานการณ์ชายแดนใต้มีแนวโน้มรุนแรงขึ้น


เมื่อวานนี้ (22 พ.ย.) เวลาประมาณ 12.45 น. คนร้าย 1 คน แต่งกายคล้ายเจ้าหน้าที่ นำรถกระบะประกอบระเบิด (คาร์บอมบ์) มาจอดไว้ภายในบริเวณแฟลตข้าราชการตำรวจ สภ.เมืองนราธิวาส ถ.สุริยะประดิษฐ์ เทศบาลเมืองนราธิวาส โดยหลังนำรถมาจอดเพียงไม่นานได้เกิดระเบิด เกิดเปลวเพลิงลุกไหม้ สร้างความเสียหายเป็นวงกว้าง โดยเฉพาะบ้านพักอาคาร 2 ชั้น รวมทั้งแฟลตข้าราชการตำรวจอาคาร 4 ชั้น ที่ตั้งอยู่ตรงกันข้ามเสียหายนับสิบห้อง รวมถึงรถยนต์ รถจักรยานยนต์ บ้านเรือนใกล้เคียง และโรงเรียนอนุบาลนราธิวาส และโรงเรียนนราสิขาลัย โรงเรียนระดับมัธยมศึกษาประจำจังหวัด ได้รับผลกระทบจากแรงอัดระเบิด ทำให้เด็กนักเรียน และครู หวาดกลัวและต้องหลบอยู่ภายในโรงเรียนเพื่อความปลอดภัย

หลังเกิดเหตุ ตำรวจ ทำทหาร และปกครอง ต้องสนธิกำลังปิดกั้นพื้นที่ระยะรัศมีกว่า 300 เมตร ระดมรถดับเพลิงเข้ามาดับไฟระงับเหตุใช้เวลากว่า 1 ชั่วโมงควบคุมสถานการณ์ได้ ตรวจสอบที่เกิดเหตุ พบศพ ร.ต.อ.สุทธิรักษ์ พันธนิยะ รองสารวัตรจราจร สภ. เมืองนราธิวาส เสียชีวิตใกล้รถยนต์คนร้าย ส่วนผู้บาดเจ็บจากเหตุคาร์บอมบ์ครั้งนี้มีจำนวนมาก ถูกนำตัวส่งโรงพยาบาล


หลังเกิดเหตุไม่นาน พลเรือตรี สมเกียรติ ผลประยูร เลขาธิการ ศอ.บต. เดินทางลงพื้นที่หลังได้รับการสั่งการจาก นายกรัฐมนตรี พร้อมเปิดเผยว่าผู้ได้รับผลกระทบทั้งหมดจะได้รับการเยียวยาอย่างเร็วที่สุด อยากสื่อสารให้ประชาชน เชื่อมั่นว่า ขณะนี้เจ้าหน้าที่ทุกฝ่าย กำลังใช้ความพยายามอย่างเต็มที่ในการทำงานแก้ปัญหา เร่งติดตามผู้ก่อเหตุได้ในเร็ววันนี้

ต่อมา พลตำรวจเอก ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผบ.ตร. พร้อมด้วย พล.ต.ท.สำราญ นวลมา ผู้ช่วย ผบ.ตร. พร้อมเจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐาน ลงพื้นที่ดูจุดเกิดเหตุที่เสียหายหนัก ก่อนพบกับซากเศษชิ้นส่วนของระเบิดแสวงเครื่องที่คนร้ายประกอบใส่ไว้ในถังแก๊สหุ้งต้มหนัก 50 ก.ก. จุดชนวนตั้งเวลาจาก วงจรไอ.ซี.ไทม์เมอร์ เศษชิ้นส่วนของเหล็กเส้นตัดสั้น จากการลงพื้นที่พบว่าเกิดความเสียหายค่อนข้างรุนแรง จนมีผู้เสียชีวิต 1 ราย ผู้บาดเจ็บ 43 ราย ส่วนทางคดีจากการประชุมติดตามเร่งรัด ผบช.ภ.9 รายงานให้ทราบว่า คืบหน้ามากพอสมควร ทั้งพยานหลักฐานทางนิติวิทยาศาสตร์ กล้องวงจรปิด

เบื้องต้น ได้รับรายงานว่า ตำรวจชุดสืบสวนสอบสวนคดีความมั่นคงแกะรอยผู้ต้องสงสัย กล้องวงจรปิดพบภาพชายต้องสงสัย สวมใส่เสื้อโปโลสีเทา กางเกงแบบยุทธวิธีสีกรมเลียนแบบเจ้าหน้าที่ สวมหน้ากากอนามัย ปิดบังใบหน้า พร้อมสวมถุงมือสีดำป้องกันการแกะรอยลายมือที่จะเป็นหลักฐาน ได้ขับรถกระบะสีดำมาจอดภายในแฟลตตำรวจ ช่วงเวลาประมาณ 12.39 น. ก่อนเดินออกไปแบบใจเย็น จากนั้นเกิดระเบิดอย่างสนั่น โดยขณะนี้เจ้าหน้าที่ให้ผู้เชี่ยวชาญทำภาพให้คมชัดนำภาพเปรียบเทียบกับบุคคลในแฟ้มคดีความมั่นคงหรือคล้ายกับผู้ใดในแฟ้มประวัติ ทั้งนี้ หากประชาชนพบเห็นเบาะแสบุคคลลักษณะดังภาพ แจ้งเจ้าหน้าที่ หรือ โทรสายด่วน 1341 หรือ 191 ตลอด 24 ชั่วโมง


ส่วนการช่วยเหลือเยียวยา ผบ.ตร. สั่งการให้ ภ.9 และ ภ.จว.นราธิวาส เร่งแก้ปัญหาให้ผู้ใต้บังคับบัญชาที่เดือดร้อน และจัดหาที่อยู่ให้ชั่วคราว และเร่งซ่อมแซมแฟลตที่เสียหายรวมทั้งวางมาตรการความปลอดภัยให้เข้มข้นไม่ให้เกิดขึ้นอีก

ส่วนกรณีของ ร.ต.อ.สุทธิรักษ์ ผู้เสียชีวิต ผบ.ตร.สั่งการให้เสนอปูนบำเหน็จความดีความชอบตอบแทนเป็นกรณีพิเศษ โดยขอเลื่อนเงินเดือนให้ 7 ขั้น, ขอพระราชทานยศเป็น พล.ต.อ. และเครื่องราชอิสริยาภรณ์สูงขึ้นไม่เกิน 2 ชั้นตรา รวมทั้งให้การช่วยเหลือดูแลในส่วนของสิทธิประโยชน์อื่นเป็นกรณีพิเศษ โดยในส่วนของเงินช่วยเหลือต่างๆ รวมเบื้องต้นแล้วกว่า 3 ล้านบาท หลังประชุมเสร็จ ผบ.ตร.เดินทางไปยังโรงพยาบาลนราธิวาสราชนครินทร์ เพื่อเยี่ยมปลอบขวัญให้กำลังใจแก่ตำรวจ รวมถึงประชาชนที่ได้รับบาดเจ็บ มอบกระเช้าของขวัญและเงินจำนวนหนึ่ง ขณะที่โรงเรียนนราสิกขาลัย ซึ่งอยู่ใกล้กับจุดเกิดเหตุประกาศหยุดการเรียนการสอน 2 วัน จะเปิดเรียนในวันที่ 25 พฤศจิกายน 65

ด้าน ผศ.ดร.ศรีสมภพ จิตภิรมย์ศรี ผู้อำนวยการศูนย์เฝ้าระวังสถานการณ์ภาคใต้ และอาจารย์นักวิจัยสถานวิจัยความขัดแย้งและความหลากหลายทางวัฒนธรรมภาคใต้ มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ วิทยาเขตปัตตานี เปิดเผยว่า เหตุการณ์ความรุนแรงในปีนี้มีแนวโน้มรุนแรงมากขึ้น โดยปี 2564 มีเหตุการณ์เกิดขึ้นทั้งปี ราว 400 เหตุการณ์ แต่ในปีนี้ตั้งแต่เดือนมกราคมถึงตุลาคม มีเหตุการณ์เกิดขึ้นใกล้เคียงกับปีที่ผ่านมา โดยยังไม่รวมเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในเดือนพฤศจิกยน และธันวาคม

จากข้อมูลของศูนย์เฝ้าระวังสถานการณ์ภาคใต้ พบว่า นับตั้งแต่เริ่มการเจรจาพูดคุยสันติสุขในปี 2554 สถานการณ์ความรุนแรง และเหตุการณ์ต่างๆ ในพื้นที่ลดลงอย่างต่อเนื่องจากปีละไม่น้อยกว่า 1,000 เหตุการณ์ ลดลงเหลือ 800 และ 500 ตามลำดับ และในปี 2564 เป็นต้นมาคณะพูดคุยสันติสุขทั้ง 2 ฝ่าย มีความพยายามในการพูดคุยสันติสุขระหว่างกันอย่างต่อเนื่อง แต่ยังไม่มีผลเป็นรูปธรรมโดยเฉพาะการลดความรุนแรง ทั้งการแสวงหาทางออกร่วมกัน การแสวงหาทางออกทางการเมือง และการพูดคุยกับภาคประชาชน ประกอบกับยังมีการบังคับใช้กฎหมาย มีการปิดล้อม วิสามัญคนร้ายอย่างต่อเนื่อง เป็นเหตุผลหนึ่งที่ทำให้เกิดเหตุการณ์ความรุนแรงเพิ่มขึ้นอีกครั้ง รัฐควรสร้างบรรยากาศของการเจรจาพูดคุยสร้างความไว้วางใจ โดยเริ่มจากรัฐ ให้มีกลไกลเป็นกลางในการลดความรุนแรงของทั้งสองผ่าย เพื่อเดินหน้าเจรจาพูดคุยสันติสุข และหาข้อตกลงร่วมกัน ซึ่งจะเป็นทางออกที่สำคัญของการแก้ปัญหาในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ .-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

เก๋งซิ่งแหกโค้งชนเสาเหล็ก ไฟลุกไหม้คลอกคนขับดับสลด

ลพบุรี 6 มิ.ย. – เก๋งหรูซิ่งเสียงดังลั่น หมุนโชว์กลางสี่แยก ก่อนแหกโค้งชนเสาเหล็กป้ายข้างทางไฟลุกไหม้เสียหายทั้งคัน คลอกคนขับดับสลด เมื่อเวลา 03.30 น.ที่ผ่านมา ร.ต.ท.ชาตรี ทรัพย์นิยมพงศ์ ร้อยเวรสอบสวน สภ.เมืองลพบุรี รับแจ้งรถเก๋งชนเสาข้างถนน ไฟลุกไหม้ทั้งคัน บนถนนทางเข้าบ้านหนองน้ำทิพย์ หมู่ 7 ต.เขาพระงาม อ.เมืองลพบุรี พร้อมแจ้งรถน้ำดับเพลิงป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยเทศบาลตำบลเขาพระงาม รุดไปดับไฟ และเจ้าหน้าที่กู้ภัยมูลนิธิร่วมกตัญญู ร่วมตรวจสอบ จุดเกิดเหตุพบไฟกำลังลุกไหม้โหมทั่วไปทั้งคันรถ สังเกตดูเบื้องต้นคนขับติดอยู่ที่เบาะนั่งสภาพหมดสติ เจ้าหน้าที่เร่งระดมฉีดน้ำใช้เวลาประมาณ 15 นาที เพลิงสงบ จากการตรวจสอบด้านซ้ายรถชนอัดอยู่กับเสาเหล็กป้ายบอกทาง สภาพเหลือแต่ซาก เบื้องต้นพบเป็นรถเก๋งยี่ห้อยี่ห้อบีเอ็มดับเบิลยู ไม่ทราบสี-ทะเบียน ถูกไฟไหม้ เหลืออยู่ครึ่งป้าย ภายในรถพบร่างชายถูกไฟไหม้เกรียม ยังไม่ทราบชื่อว่าเป็นใครมาจากไหน สอบถามนางเล็ก ผู้เห็นเหตุการณ์ เล่าว่า ก่อนเกิดเหตุตนเองนั่งเฝ้าเครื่องสูบน้ำใกล้จุดเกิดเหตุ ได้ยินเสียงรถเก๋งคันดังกล่าวขับซิ่งมาจากแยกเขาพระงาม มุ่งหน้าไปทางโคกสำโรง เสียงท่ออย่างดังลั่น พอมาถึงสามแยกบ้านหนองน้ำทิพย์ ได้หมุนโชว์กลางแยก 1 รอบ จากนั้นขับไปยูเทิร์นกลับมาอีกรอบ เลี้ยวเข้าทางแยกหนองน้ำทิพย์ได้ประมาณ 300 เมตร […]

ตำรวจเร่งตามหาเจ้าของเงิน 12 ล้าน วางทิ้งข้างถังขยะ

นนทบุรี 6 มิ.ย. – ตำรวจเร่งตามหาเจ้าของเงินสด 12 ล้าน ในกล่องพลาสติก วางทิ้งข้างถังขยะคอนโดฯ ย่านเมืองทองธานี จากกรณีพลเมืองดีพบธนบัตรไทยจำนวนมาก ถูกซุกซ่อนอยู่ภายในกล่องพลาสติก บริเวณคอนโดฯ ย่านเมืองทองธานี จ.นนทบุรี เจ้าหน้าที่ตรวจสอบพบเอกสารเกี่ยวกับหนังสือรับรองการหักภาษี ณ ที่จ่ายและซองจดหมาย ปรากฏชื่อบุคคลและหน่วยงานรัฐในเอกสาร จึงได้ยึดธนบัตรดังกล่าวมาที่ สภ.ปากเกร็ด เพื่อพิสูจน์ว่าเป็นเงินอะไร ได้มาถูกต้องหรือไม่ และใครเป็นเจ้าของที่แท้จริง เบื้องต้นพบเป็นเงินสดจำนวน 12 ล้านบาท และเมื่อเจ้าหน้าที่นำสายรัดของธนบัตรดังกล่าวไปตรวจสอบ พบว่ามีการจ่ายเงินออกมาจำนวนดังกล่าวตั้งแต่ปี 2563    พลเมืองดีเล่าว่า เวลาประมาณ 20.00 น. ของเมื่อวานนี้ (5 มิ.ย.) ตนและเพื่อนเดินไปลิฟต์ที่ชั้น 4 ซึ่งข้างลิฟต์เป็นที่ทิ้งขยะ เห็นกล่องสภาพดีวางอยู่ ก็จะเก็บไปใช้ ซึ่งกล่องถูกเปิดแง้มเอาไว้และมีเสื้อผ้าวางทับด้านบน จึงเปิดดูพบเงินสดฉบับละ 1,000 บาท เป็นมัดๆ จำนวนมาก จึงโทรแจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจเข้ามาตรวจสอบ ความคืบหน้าในการติดตามหาตัวคนที่นำกล่องเงินมาทิ้ง ตำรวจสืบสวน สภ.ปากเกร็ด ได้ลงพื้นที่ไล่ตรวจสอบกล้องวงจรปิดบริเวณจุดที่พบเพื่อหาเบาะแสคนที่นำกล่องพลาสติกมาทิ้ง เบื้องต้นยังไม่พบผู้ต้องสงสัย นอกจากนี้ยังได้พยายามติดต่อกับ นายทวีวัฒน์ […]

น้ำมันรั่วลงทะเล

สั่งเจ้าท่าระงับเหตุน้ำมันดิบรั่วไหลจากเรือ Phoenix Jamnagar

ชลบุรี 6 มิ.ย.- “มนพร” สั่งการกรมเจ้าท่าตั้งศูนย์ประสานงานแก้ไขปัญหาและควบคุมสถานการณ์น้ำมันดิบรั่วไหลจากเรือ Phoenix Jamnagar บริเวณท่าเรือบริษัทไทยออยล์ จำกัด (มหาชน) ศรีราชา จังหวัดชลบุรี นางมนพร เจริญศรี รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม สั่งการให้ นายกริชเพชร ชัยช่วย อธิบดีกรมเจ้าท่า ดำเนินการจัดตั้งศูนย์ประสานงานป้องกันและขจัดมลพิษทางน้ำเนื่องจากน้ำมัน เพื่อ ระงับเหตุน้ำมันดิบรั่วไหลจากเรือ Phoenix Jamnagar ซึ่งเป็นเรือบรรทุกน้ำมันดิบสัญชาติสิงคโปร์ หมายเลข IMO 9828962 โดยเหตุเกิดบริเวณทุ่นรับน้ำมันกลางทะเล (SBM2) ของบริษัทไทยออยล์ จำกัด (มหาชน) ในเขตพื้นที่ศรีราชา จังหวัดชลบุรี เหตุการณ์เกิดขึ้นเมื่อเวลา 00.54 น. โดยมีสาเหตุมาจากท่อส่งน้ำมันที่ชำรุด ส่งผลให้น้ำมันดิบรั่วไหลลงสู่ทะเลในปริมาณประมาณ 20 คิว หรือราว 20 ตัน กรมเจ้าท่าได้ดำเนินการประเมินสถานการณ์โดยเร่งดำเนินการจัดตั้งศูนย์ประสานงานฯ ณ โรงกลั่นน้ำมันของบริษัทไทยออยล์ จังหวัดชลบุรี เพื่อเป็นศูนย์กลางในการควบคุมเหตุการณ์ ทั้งนี้กรมเจ้าท่าในฐานะเลขานุการศูนย์ประสานงาน ได้ประสานกองทัพเรือจัดตั้งศูนย์บัญชาการเหตุการณ์ในการขจัดคราบน้ำมัน จากการสำรวจพื้นที่ พบว่าลักษณะของคราบน้ำมันเป็นคราบสีดำหรือน้ำตาลบาง ๆ […]

นักศึกษาเจอคอลเซ็นเตอร์ปั่นหัวถือมีดบุกโรงพัก

เชียงใหม่ 5 มิ.ย. – แก๊งคอลเซ็นเตอร์ หลอกนักศึกษาเชียงใหม่ สูญกว่า 2 ล้านบาท พ่อแม่เครียดหมดเนื้อหมดตัว บางรายถูกปั่นหัวให้ถือมีดบุกโรงพักเย้ยตำรวจ พบเฉพาะ สภ.ภูพิงค์ฯ มีเหยื่อโดนหลอกลักษณะนี้แล้วกว่า 300 ราย กล้องวงจรปิดบันทึกภาพนักศึกษาสาว ชั้นปีที่ 4 ขี่รถจักรยานยนต์มาจอดภายใน สภ.ภูพิงค์ราชนิเวศน์ อำเภอเมือง จังหวัดเชียงใหม่ จากนั้นเดินไปเข็นวีลแชร์ที่อยู่ตรงหัวมุมอาคาร แล้วก็เข็นไปเข็นมาอยู่อย่างนั้น ก่อนจะถือมีดไปที่บริเวณห้องรับแจ้งความ และอ้างว่า จะมาขอพบตำรวจนายหนึ่ง แต่ไม่มีชื่อนี้อยู่ที่โรงพัก จึงขอพบ พันตำรวจเอก มนัสชัย อินทร์เถื่อน ผู้กำกับ สภ.ภูพิงค์ราชนิเวศน์ เพราะไปฆ่าคนตายมา ขณะนั้น ตำรวจสืบสวนสังเกตเห็นว่า นักศึกษาสาวมีท่าทางหวาดระแวงใส่หูฟังเหมือนกับทำตามคำสั่งใครสักคนที่สั่งการจากปลายสาย ด้านตำรวจจึงชวนพูดคุยสอบถามสักพัก จนยอมวางมีดลง จากนั้น ตำรวจจึงขอให้ดึงหูฟังออก ปรากฏว่า นักศึกษาสาวกลับได้สติขึ้นมาว่า ชายที่สั่งการทางโทรศัพท์ไม่ใช่ตำรวจจริง เป็นแก๊งคอลเซ็นเตอร์ สั่งให้มาป่วนตำรวจ เนื่องจากไม่มีเงินโอนให้ เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 3 มิ.ย. ที่ผ่านมา ตำรวจจึงตรวจสอบพบว่า ในวันเดียวกัน […]

ข่าวแนะนำ

ระงับเดินทางเข้า-ออก จุดผ่านแดนถาวรบ้านแหลม-บ้านผักกาด ชั่วคราว

จันทบุรี 7 มิ.ย. – หน่วยเฉพาะกิจนาวิกโยธินจันทบุรี ออกหนังสือราชการ ระงับนักท่องเที่ยวไทย-กัมพูชา เดินทางผ่านเข้า-ออก จุดผ่านแดนถาวรบ้านแหลม – บ้านผักกาด ชั่วคราว ยกเว้นแรงงานกัมพูชาที่เข้ามาทำงานในไทย ผู้สื่อข่าว รายงานว่า นาวาเอกนพโรจน์ สิริปริยพงศ์ ผู้บังคับหน่วยเฉพาะกิจนาวิกโยธินจันทบุรี ลงนามในหนังสือราชการด่วนที่สุด แจ้งไปยังผู้กำกับการตรวจคนเข้าเมืองจังหวัดจันทบุรี เรื่อง ขอระงับนักท่องเที่ยวชาวไทย และชาวกัมพูชา เดินทางผ่านเข้า – ออก ณ จุดผ่านแดนถาวรฯ โดยอ้างอิงตามประกาศให้ใช้กฎอัยการศึก ในเขตพื้นที่จังหวัดจันทบุรี เฉพาะอำเภอขลุง อำเภอโป่งน้ำร้อน และอำเภอสอยดาว และตามมาตรา 5 แห่ง พระราชบัญญัติกฎอัยการศึก 2547 กำหนดให้เจ้าหน้าที่ฝ่ายทหาร มีอำนาจ เหนือเจ้าหน้าที่ฝ่ายพลเรือน เกี่ยวกับการยุทธ์ การระงับปราบปราม หรือการรักษาความสงบเรียบร้อย และ เจ้าหน้าที่ฝ่ายพลเรือนต้องปฏิบัติตามความต้องการของเจ้าหน้าที่ฝ่ายทหาร เนื่องจากปัจจุบันมีสถานการณ์อันเป็นภัยคุกคามจากประเทศกัมพูชา และอาจก่อให้เกิดความไม่ปลอดภัยต่อชีวิตและทรัพย์สินของประชาชนชาวไทย และประชาชนชาวกัมพูชา อาศัยอำนาจตามมาตรา 5 แห่งพระราชบัญญัติกฎอัยการศึก 2547 ขอให้ข้าราชการทุกกระทรวง ทบวง […]

มอบอำนาจ ผบ.กองกำลังบูรพา – สุรนารี คุมจุดผ่านแดนไทย–กัมพูชา

กองทัพบก 7 มิ.ย. – ทบ.ออกคำสั่งมอบอำนาจ ผบ.กองกำลังบูรพา และ ผบ.กองกำลังสุรนารี ควบคุมจุดผ่านแดนแนวชายแดนไทย–กัมพูชา ตามมติ สมช. พลตรี วินธัย สุวารี โฆษกกองทัพบก เปิดเผยว่า พลเอก พนา แคล้วปลอดทุกข์ ผู้บัญชาการทหารบก ได้ลงนามในคำสั่งกำหนดอำนาจให้ผู้บัญชาการกองกำลังบูรพา และผู้บัญชาการกองกำลังสุรนารี มีอำนาจในการควบคุมการเปิด–ปิดจุดผ่านแดนทุกประเภทตลอดแนวชายแดนไทย–กัมพูชา โดยสามารถพิจารณากำหนดมาตรการ หลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขที่จำเป็น ให้เหมาะสมกับสถานการณ์ตามลำดับขั้นความเข้มงวดในแต่ละพื้นที่ การดำเนินการดังกล่าวเป็นผลสืบเนื่องจากมติที่ประชุมสภาความมั่นคงแห่งชาติ เมื่อวันที่ 6 มิถุนายน 2568 ซึ่งมอบหมายให้กองทัพบกเป็นหน่วยหลักในการควบคุมการเปิด–ปิด จุดผ่านแดนทุกประเภท เพื่อรักษาความมั่นคงของชาติให้เหมาะสมกับสถานการณ์ และให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องถือปฏิบัติตามข้อกำหนดของกองทัพบกอย่างเคร่งครัด การออกมาตรการดังกล่าวสอดคล้องกับสถานการณ์ตลอดช่วงเวลาที่ผ่านมา ซึ่งฝ่ายกัมพูชารุกล้ำชายแดนไทยหลายครั้ง พร้อมแสดงท่าทียั่วยุอย่างเปิดเผย แม้ไทยจะใช้สันติวิธีและพยายามเจรจา แต่กัมพูชายังเสริมกำลังและจัดตั้งฐานทหารใกล้ชายแดน แสดงถึงความไม่ร่วมมือและเป็นภัยต่ออธิปไตยและความมั่นคงของไทย ทำให้ไทยจำเป็นต้องดำเนินมาตรการที่เหมาะสมเพื่อรักษาผลประโยชน์และความสงบเรียบร้อยของประชาชนตามแนวชายแดน สำหรับรายละเอียดทั้งหมดในคำสั่งดังกล่าวสามารถติดตามได้ผ่านช่องทางการสื่อสารทางการของกองทัพบกที่เว็บไซต์ www.rta.mi.th เพื่อให้ประชาชนได้รับข้อมูลที่ถูกต้องจากทางราชการ -313-สำนักข่าวไทย

ปปง. ร่วมสอบกรณีพบเงินต้องสงสัยถูกทิ้ง 12 ล้าน

7 มิ.ย.- ปปง. ร่วมตรวจสอบกรณีพบเงินสด 12 ล้าน วางทิ้งในกล่องข้างถังขยะคอนโดเมืองทองฯ ชี้ผู้อ้างเป็นเจ้าของเงินต้องชี้แจงรายละเอียดที่มาให้ได้ จากกรณีที่พลเมืองดี พบธนบัตรเงินสด 12 ล้านบาท ในกล่องพลาสติกสีเทา บริเวณคอนโดเมืองทองธานี อ.ปากเกร็ด จ.นนทบุรี พร้อมหนังสือรับรองการหักภาษี ณ ที่จ่าย และซองจดหมายเกี่ยวกับสำนักงาน กสทช. ซึ่งปรากฏชื่อในเอกสารดังกล่าว คือ นายทวีวัฒน์ และนายทวีวัฒน์ได้เข้าพบพนักงานสอบสวนแล้วระบุเป็นเจ้าของเงิน 12 ล้านดังกล่าว นายวิทยา นีติธรรม ผู้ช่วยเลขาธิการ ปปง. ในฐานะโฆษก ปปง. กล่าวถึงเหตุที่เกิดขึ้นว่า ขั้นตอนตามปกติหากพบเหตุสงสัย พนักงานสอบสวนอยู่ระหว่างรวบรวมพยานหลักฐาน ตรวจสอบข้อเท็จจริงทั้งหมด โดย ปปง. ได้ประสานการทำงานร่วมกับตำรวจอยู่แล้ว ซึ่งต้องสอบสวนคนที่อ้างว่าเป็นเจ้าของเงิน กับผู้เกี่ยวข้องทุกส่วน ทั้งธนาคาร และส่วนงานที่ผู้ที่อ้างเป็นเจ้าของเงินระบุถึง สุดท้ายเจ้าของต้องชี้แจงในรายละเอียดว่าเงินดังกล่าวได้มาอย่างไร ถ้าพนักงานสอบสวนรวบรวมว่า เกี่ยวข้องกับความผิดมูลฐานกฎหมายป้องกันและปราบปรามการฟอกเงินในข้อใด หรือทรัพย์ดังกล่าวอาจเกี่ยวกับการกระทำผิดตามกฎหมายฟอกเงินที่ปัจจุบันมี 28 มูลฐานความผิด การจะมีการประสานส่งเรื่องให้ ปปง. ตรวจสอบตามระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรี ขณะนี้ ปปง. […]

“อนุทิน” ย้ำไม่ย้ายกระทรวง ยึดข้อตกลงเดิม​ นายกฯ ให้ความมั่นใจแล้ว

สุวรรณภูมิ​ 7 มิ.ย.-“อนุทิน” ลั่นไม่มีอะไรต้องตกลงแล้ว ทุกอย่างจบตั้งแต่กินช็อกมินต์ หลังกระพือยึดเก้าอี้ มท.1 ชี้ “ภูมิใจไทย” ไม่ได้เดินไปขอร่วมรัฐบาล ย้ำชัดไม่ย้ายกระทรวงยึดข้อตกลงเดิม ระบุนายกฯ ก็ให้ความมั่นใจแล้ว ยอมรับกินข้าว รวมไทยสร้างชาติ แล้ว แต่คุยปมพลังงาน ยันไม่ต้องจับมือต่อรอง นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรี​ว่าการ​กระทรวงมหาดไทย ในฐานะหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย ให้สัมภาษณ์ กรณีกระแสข่าวการปรับคณะรัฐมนตรี (ครม.) ในส่วนของพรรคภูมิใจไทยโดยยืนยันว่ายังไม่มีการพูดคุยใดๆ ซึ่งเรื่องการปรับ ครม. หากมีการถามมายังพรรคภูมิใจไทย พรรคก็ยืนยันว่า ในส่วนของพรรคภูมิใจไทยไม่มีการปรับเปลี่ยนอะไร เพราะได้คุยในเบื้องต้นภายในพรรคแล้วว่ารัฐมนตรีทุกคนยังทำงานได้อย่างเต็มที่ กระทรวงที่กำกับดูแลในส่วนของพรรคภูมิใจไทย ก็ไม่มีการเปลี่ยนแปลงอะไร เมื่อถามว่า กระแสข่าวการเขย่าเก้าอี้แบบนี้แสดงให้เห็นว่ามีความต้องการกระทรวงมหาดไทยคืนใช่หรือไม่ นายอนุทิน กล่าวว่า ตนไม่มองว่าเรื่องนี้เป็นอย่างไร มันเขย่าไม่ได้ นี่เป็นรัฐบาลผสม และเป็นข้อตกลงที่เราหารือกันตั้งแต่เราตั้งรัฐบาลนายกฯ เศรษฐา ทวีสิน 2 ปีแล้ว และมายังรัฐบาล น.ส.แพทองธาร ชินวัตร รูปแบบนี้ก็ยังเหมือนเดิมไม่มีการเปลี่ยนแปลงอะไร ตรงนี้ไม่ใช่ว่าเป็นของใคร แต่เป็นข้อตกลงและเป็นรัฐบาลผสม ซึ่งทุกคนก็ทำงานอย่างเต็มที่ ที่มีข่าวบอกว่าคนนี้ทำงานดีหรือไม่ดี […]