บึงกาฬ 19 พ.ย. – เจ้าหน้าที่สนธิกำลังจับกุมหนุ่มวัย 34 ปี ตัวการสั่งลำเลียงยาเสพติดเข้าไทย พร้อมของกลางยาบ้า 1.6 ล้านเม็ด เร่งขยายผลยึดทรัพย์

เจ้าหน้าที่ชุดปฏิบัติการที่ 3 กองกำกับการ 3 กองปราบปราม ร่วมกับฝ่ายปกครอง อ.ศรีวิไล ตำรวจชุดสืบสวนภูธรจังหวัด ทหารศูนย์รักษาความปลอดภัย กองบัญชาการกองทัพไทย ตำรวจ ตม.บึงกาฬ ตำรวจปราบปรามยาเสพติด ทหารกองกำลังสุรศักดิ์มนตรี เข้าจับกุมนายปิยะพงษ์ อายุ 34 ปี หลังสืบสวนขยายผลจนมั่นใจว่าเป็นตัวการสำคัญคอยสั่งการลำเลียงยาเสพติดเข้ามาในไทยฝั่ง จ.บึงกาฬ
ก่อนหน้านี้ตำรวจชุดปฏิบัติการที่ 3 กองกำกับการ 3 กองปราบปราม ได้รับแจ้งจากสายลับว่าจะมีการลำเลียงยาเสพติดเข้ามาในพื้นที่ อ.เมืองบึงกาฬ กระทั่งพบรถยนต์อีซูซุสีขาวต้องสงสัยจอดบริเวณถนนข้างทาง บนถนนหลวงหมายเลข 212 (บึงกาฬ-บ้านโคกก่อง) พื้นที่บ้านท่าอินทร์แปลง ต.โคกก่อง อ.เมืองบึงกาฬ ใกล้กับสะพานลำห้วยโนนสา จึงขอตรวจค้น ปรากฏว่ารถยนต์ต้องสงสัยคันดังกล่าวขับหลบหนีไปอย่างรวดเร็ว ตรวจสอบบริเวณดังกล่าวพบกระสอบถุงพลาสติกสีดำพันรอบด้วยเทปกาวใสด้านนอก จำนวน 4 กระสอบ เปิดดูพบว่าเป็นยาบ้าจำนวนมาก
จึงไล่ติดตามกระทั่งไปพบกำลังจอดอยู่ข้างทางถนนสาย 2094 เซกา-อากาศอำนวย พื้นที่บ้านโพนก่อ ต.ท่าก้อน อ.อากาศอำนวย จ.สกลนคร และพบรถยนต์เก๋งฮอนด้าสีขาวจอดอยู่ใกล้กัน เมื่อทั้ง 2 คัน เห็นรถเจ้าหน้าที่ รถยนต์อีซูซุได้ขับหลบหนีไปอีก ส่วนคนขับรถเก๋งฮอนด้าวิ่งหลบหนีไปในความมืด
เจ้าหน้าที่เข้าตรวจสอบภายในรถเก๋งพบโทรศัพท์มือถือ 1 เครื่องวางอยู่ในรถ จึงตรวจสอบผู้ครอบครองรถยนต์ คือ นายอนุวัฒน์ อายุ 31 ปี และสืบจากการโทรเข้า-โทรออก พบว่ามีชื่อ “อ้ายลาย” โทรเข้ามาบ่อยครั้ง จึงขยายผลจับกุมนายปิยะพงษ์ โจ้ หรือลาย อายุ 34 ปี
พล.ต.ต.ตรีวิทย์ ศรีประภา ผบก.ภ.จว.บึงกาฬ กล่าวว่า สำหรับขบวนการค้ายาเสพติดที่มีส่วนเกี่ยวข้องจะออกหมายจับและสอบสวนผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้อง โดยเฉพาะรถยนต์ที่หลบหนีไปได้มาดำเนินคดี หากสาวถึงใครดำเนินคดีหมด พร้อมใช้มาตราการยึดทรัพย์ หากได้มาโดยผิดกฎหมายทุกราย ส่วนยาบ้าที่หลุดไปได้จำนวน 11 กระสอบ จะประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งสกัดจับต่อไป
ส่วนนายปิยะพงษ์ โจ้ หรือลาย รับสารภาพยาบ้าดังกล่าวตนเองเป็นคนติดต่อและว่าจ้างให้เครือข่ายไปรับยาบ้ากับชาวลาว จำนวน 15 กระสอบ และนำไปส่งต่อให้กลุ่มเครือข่ายผู้ค้ายาเสพติดคนไทย ซึ่งเป็นกลุ่มเครือข่ายผู้ค้ายาเสพติดของชาวลาวต่ออีกทอดหนึ่ง เมื่อเสร็จแล้วชาวลาวจะโอนเงินเข้าบัญชีให้ครั้งละ 30,000 บาท และรับว่าเสพยาบ้าจริง เจ้าหน้าที่จึงคุมตัวมาดำเนินคดี แจ้งข้อกล่าวหา “ก่อให้ผู้อื่นโดยการจ้างวานใช้ให้กระทำความผิดฐานจำหน่ายและมียาเสพติดให้โทษประเภท 1 (เมทแอมเฟตามีน) โดยการมีไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่าย อันเป็นการก่อให้เกิดผลกระทบต่อความมั่นคงของรัฐหรือความปลอดภัยของประชาชนทั่วไป และเสพยาเสพติดให้โทษประเภท 1 (เมทแอมเฟตามีน) โดยผิดกฎหมาย” ก่อนนำตัวส่ง สภ.เมืองบึงกาฬ ดำเนินคดีตามกฎหมาย .-สำนักข่าวไทย