ทำเนียบรัฐบาล
3 เม.ย.-นายกฯ ยินดีหนี้ครัวเรือนลดลงในรอบ 11 ปี ชื่นชมประชาชนใช้เงินระมัดระวัง
ย้ำรัฐห่วงใยผู้มีรายได้น้อย เร่งแก้ปัญหาหนี้ครบวงจร
พล.ท.สรรเสริญ
แก้วกำเนิด โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา
นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ(คสช.) ยินดีได้รับทราบข้อมูลจากศูนย์วิจัยกสิกรไทยว่าหนี้ครัวเรือนของไทยลดลงเป็นครั้งแรกในรอบ
11 ปี โดยเมื่อปีที่แล้วสัดส่วนหนี้ครัวเรือนต่อผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ(จีดีพี)
ลดลงจากร้อยละ 81.2 ในปี 2558 เหลือร้อยละ
79.9 ซึ่งเกิดจากการขยายตัวของจีดีพีที่สูงกว่าหนี้ครัวเรือน
“นายกฯ เน้นย้ำว่าการกู้เงินของพี่น้องประชาชนและการปล่อยสินเชื่อของสถาบันการเงินอย่างระมัดระวัง
มีส่วนทำให้หนี้ครัวเรือนของประเทศลดลง โดยเฉพาะสินเชื่อเช่าซื้อรถยนต์
สินเชื่อบัตรเครดิต และสินเชื่อรายบุคคลที่ก่อนหน้านี้เป็นตัวก่อหนี้จำนวนมาก
ดังนั้น จึงอยากให้ประชาชนรักษาวินัยในการใช้จ่ายอย่างเหมาะสม รู้จักทำบัญชีรายรับรายจ่าย
สร้างรายได้จากอาชีพเสริมและออมเงิน เพื่อไม่ให้เกิดปัญหาหนี้สินรุงรังในอนาคต” โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าว
พล.ท.สรรเสริญ
กล่าวว่า
แม้หนี้ครัวเรือนต่อจีดีพีจะต่ำลง แต่ภาระหนี้สะสมยังคงอยู่ในระดับสูง
ซึ่งอาจจะส่งผลกระทบต่อการบริโภคและกำลังซื้อภาคครัวเรือน
รวมทั้งตัวเลขหนี้ครัวเรือนที่ออกมาเป็นหนี้สินที่อยู่ในระบบสถาบันการเงิน
แต่ในความเป็นจริงหนี้ครัวเรือนบางส่วนโดยเฉพาะกลุ่มผู้มีรายได้น้อย
อาจมีทั้งหนี้ในระบบและนอกระบบ รัฐบาลจึงออกมาตรการแก้ไขปัญหาหนี้นอกระบบอย่างครบวงจร
เพื่อลดภาระหนี้และช่วยเหลือผู้มีรายได้น้อย ซึ่งมีหนี้ครัวเรือนมากกว่ากลุ่มอื่น
เช่น เปิดลงทะเบียนเพื่อสวัสดิการแห่งรัฐ สนับสนุนสินเชื่อเพื่อการประกอบอาชีพ
กองทุนการออมแห่งชาติ เป็นต้น รวมทั้งรักษาเสถียรภาพและกระตุ้นเศรษฐกิจไปพร้อมกัน
พล.ท.สรรเสริญ กล่าวว่า
นายกรัฐมนตรีระบุว่าหนี้สินที่เพิ่มขึ้น แม้จะเป็นปัญหาของครัวเรือน แต่ในที่สุดจะส่งผลต่อความเป็นอยู่ของประชาชน
เกิดความเครียดและปัญหาอาชญากรรมตามมา รวมทั้งกระทบต่อภาวะเศรษฐกิจของประเทศด้วย
โดยสิ่งสำคัญที่สุดนอกเหนือจากการทำให้ตัวเลขหนี้ลดลงแล้ว
ทุกหน่วยงานทั้งภาครัฐและเอกชนต้องช่วยกันสร้างความรู้และปลูกฝังค่านิยมใหม่ให้แก่ประชาชน
แก้ไขพฤติกรรมการบริโภคที่เกินตัว และรู้จักบริหารจัดการด้านการเงินอย่างถูกต้อง.-สำนักข่าวไทย
