กรุงเทพฯ 23 พ.ค.-สรุปผลการเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม. “ชัชชาติ” คว้าชัยด้วยคะแนนสูงสุด 1,386,215 คะแนน ส่วนพรรคเพื่อไทยคว้าที่นั่ง ส.ก.มากที่สุด 19 คน รองลงมาพรรคก้าวไกล 14 คน กกต.รับรองผลภายใน 30 วัน เตือนประชาชนแจ้งเหตุที่ไม่ไปใช้สิทธิเลือกตั้งระหว่าง 23-29 พ.ค.นี้
ตามที่คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นสมควรให้มีการเลือกตั้งสมาชิกสภาท้องถิ่นและผู้บริหารท้องถิ่นของกรุงเทพมหานคร และคณะกรรมการการเลือกตั้งได้ประกาศกำหนดให้มีการเลือกตั้งสมาชิกสภากรุงเทพมหานคร (ส.ก.) และผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร เมื่อวันที่ 25 มีนาคม 2565 ผู้อำนวยการการเลือกตั้งประจำกรุงเทพมหานคร (นายขจิต ชัชวานิชย์ ปลัดกรุงเทพมหานคร) จึงประกาศกำหนดระยะเวลารับสมัครรับเลือกตั้งระหว่างวันที่ 31 มีนาคม-4 เมษายน 2565 ณ ห้องบางกอก อาคารไอราวัตพัฒนา และให้มีการเลือกตั้ง ในวันที่ 22 พฤษภาคม 2565 เวลา 08.00-17.00 น.
ทั้งนี้ เมื่อนับคะแนนเลือกตั้งแล้วเสร็จทั้ง 50 สำนักงานเขต รวม 6,817 หน่วยเลือกตั้ง ผลการนับคะแนนผู้สมัครรับเลือกตั้งเป็น ส.ก. และผู้ว่าฯ กทม. อย่างไม่เป็นทางการ ในเวลา 01.10 น. ของวันที่ 23 พฤษภาคม 2565 มีดังนี้
การเลือกตั้ง ส.ก.
• ผู้มีสิทธิเลือกตั้งทั้งหมดของหน่วยที่นับคะแนนแล้ว 4,357,098 คน
• ผู้มาใช้สิทธิเลือกตั้งของหน่วยที่นับคะแนนแล้ว 2,635,283 คน
• ร้อยละของผู้มาใช้สิทธิ 60.48
• เป็นผู้สมัครสังกัดพรรคเพื่อไทย จำนวน 19 คน พรรคก้าวไกล 14 คน พรรคประชาธิปัตย์ 9 คน พรรคไทยสร้างไทย 2 คน พรรคพลังประชารัฐ 2 คน กลุ่มรักษ์กรุงเทพ 2 คน และผู้สมัครอิสระ 2 คน
การเลือกตั้งผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร
• ผู้มีสิทธิเลือกตั้งในบัญชีรายชื่อผู้มีสิทธิเลือกตั้ง จำนวน 4,402,948 คน
• ผู้มีสิทธิเลือกตั้งที่มาแสดงตนขอรับบัตรเลือกตั้ง จำนวน 2,673,696 คน
• ร้อยละของผู้มาใช้สิทธิ 60.73
• บัตรดี จำนวน 2,561,447 บัตร คิดเป็นร้อยละ 95.80
• บัตรเสีย จำนวน 40,017 บัตร คิดเป็นร้อยละ 1.50
• บัตรไม่ประสงค์ลงคะแนน จำนวน 72,227 บัตร คิดเป็นร้อยละ 2.70
• เขตที่มีผู้มาใช้สิทธิเลือกตั้งมากที่สุด คือ เขตทวีวัฒนา ร้อยละ 67.65
• เขตที่มีผู้มาใช้สิทธิเลือกตั้งน้อยที่สุด คือ เขตดุสิต 45.82
ผลการนับคะแนนผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานครปรากฏว่า หมายเลข 8 นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้สมัครรับเลือกตั้งเป็นผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร สังกัดอิสระ ได้รับคะแนนเสียงเลือกตั้งสูงสุด จำนวน 1,386,215 คะแนน
● กกต.ประกาศรับรองผลการเลือกตั้งภายใน 30 วัน
ทั้งนี้ ตามพระราชบัญญัติการเลือกตั้งสมาชิกสภาท้องถิ่นหรือผู้บริหารท้องถิ่น พ.ศ.2562 มาตรา 17 ระบุให้ในการเลือกตั้งสมาชิกสภาท้องถิ่นหรือผู้บริหารท้องถิ่นขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นใด เมื่อคณะกรรมการการเลือกตั้งตรวจสอบเบื้องต้นแล้วมีเหตุอันควรเชื่อว่าผลการเลือกตั้งเป็นไปโดยสุจริตและเที่ยงธรรม ให้ประกาศผลการเลือกตั้งนั้นภายในสามสิบวันนับแต่วันเลือกตั้ง
● สรุปรายงานเหตุการณ์ประจำวัน
ภาพรวมการเลือกตั้งตลอดทั้งวันพบมีฝนตกในหลายพื้นที่ ซึ่งสำนักงานเขตพื้นที่ได้จัดเจ้าหน้าที่เร่งอำนวยความสะดวกให้แก่ประชาชนผู้มาใช้สิทธิเลือกตั้งอย่างต่อเนื่อง นอกจากนี้ มีการรายงานการฉีกบัตรเลือกตั้งจำนวน 3 ราย (เขตสวนหลวง เขตบางซื่อ เขตสัมพันธวงศ์), ขยำบัตรเลือกตั้ง จำนวน 1 ราย (เขตคลองเตย), นำบัตรเลือกตั้งออกจากหน่วยเลือกตั้ง จำนวน 1 ราย (เขตบางซื่อ) โดยเจ้าหน้าที่ได้ประสาน สน.เตาปูน ติดตามและนำตัวไปดำเนินคดี, มีการทำบัตรเลือกตั้งชำรุด จำนวน 1 ราย (เขตหนองแขม) เนื่องจากเข้าใจว่าหย่อนบัตรผิดหีบ จึงดึงบัตรเลือกตั้งกลับคืน ทำให้บัตรชำรุด เจ้าหน้าที่ รปภ. นำตัวไปลงบันทึกประจำวันที่ สน.หนองแขม, มีผู้ใช้สิทธิเลือกตั้งทำเครื่องหมายกากบาทลงในบัตรลงคะแนน แล้วใช้โทรศัพท์มือถือถ่ายภาพบัตรเลือกตั้งขณะอยู่ในคูหาเลือกตั้ง เพื่อให้เห็นเครื่องหมายลงคะแนนในคูหาเลือกตั้ง ตำรวจจับกุมและส่งพนักงานสอบสวน สน.พญาไท (เขตราชเทวี), ภาพรวมผู้ป่วยโควิด-19 มาใช้สิทธิเลือกตั้ง จำนวน 93 ราย ผู้มีอุณหภูมิเกิน 37.5 องศาเซลเซียส จำนวน 25 ราย
● แจ้งเหตุที่ไม่อาจไปใช้สิทธิเลือกตั้งระหว่างวันที่ 23-29 พฤษภาคม 2565
ผู้มีสิทธิเลือกตั้งที่ไม่อาจไปใช้สิทธิเลือกตั้งได้เนื่องจากมีเหตุอันสมควรให้แจ้งเหตุที่ไม่อาจไปใช้สิทธิเลือกตั้งต่อนายทะเบียนท้องถิ่น ระหว่างวันที่ 23-29 พฤษภาคม 2565 โดยสามารถแจ้งเหตุได้ 3 ช่องทาง คือ 1.ทำเป็นหนังสือยื่นด้วยตนเองหรือมอบหมายให้บุคคลอื่นยื่นแทน 2. ทำเป็นหนังสือจัดส่งทางไปรษณีย์ โดยถือเอาวันที่ไปรษณีย์ลงรับเป็นวันแจ้งเหตุฯ และ 3.แจ้งทางอิเล็กทรอนิกส์ที่เว็บไซต์ www.bora.dopa.go.th หรือ www.ect.go.th หรือ แอปพลิเคชัน Smart Vote หัวข้อ “การแจ้งเหตุจำเป็นที่ไม่อาจไปใช้สิทธิเลือกตั้งทางอิเล็กทรอนิกส์”
ทั้งนี้ เหตุที่ถือเป็นเหตุจำเป็นที่ไม่อาจไปใช้สิทธิเลือกตั้งได้ ประกอบด้วย 1. มีกิจธุระจำเป็นเร่งด่วนที่ต้องเดินทางไปพื้นที่ห่างไกล 2.เจ็บป่วยและไม่สามารถเดินทางไปใช้สิทธิเลือกตั้งได้ 3.เป็นคนพิการหรือทุพพลภาพ หรือผู้สูงอายุและไม่สามารถเดินทางไปใช้สิทธิเลือกตั้งได้ 4.เดินทางออกนอกราชอาณาจักร 5.มีถิ่นที่อยู่ห่างไกลจากที่เลือกตั้งเกินกว่า 100 กิโลเมตร 6.ได้รับคำสั่งจากทางราชการให้ไปปฏิบัติหน้าที่นอกเขตเลือกตั้ง และ 7. เหตุสุดวิสัยอื่น.-สำนักข่าวไทย