กทม. MOA กรมการขนส่งทางบก แบ่งปันข้อมูลการเดินรถแบบ Real Time

7 มี.ค.- กทม. เซ็น MOA กรมการขนส่งทางบก แบ่งปันข้อมูลการเดินรถแบบ Real Time แจ้งเวลารถเมล์เข้าป้าย ติดตามรถบรรทุกน้ำหนักเกินลักลอบวิ่งในเมือง ป้องกันฝุ่น PM2.5


นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร พร้อมด้วย นายจิรุตม์ วิศาลจิตร อธิบดีกรมการขนส่งทางบก ลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ (MOA) การบูรณาการข้อมูลเพื่อสนับสนุนการปฏิบัติงานระหว่าง กรมการขนส่งทางบก กับ กรุงเทพมหานคร โดยมี นายวิศณุ ทรัพย์สมพล รองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ผู้บริหารกรุงเทพมหานคร ผู้บริหารสำนักการโยธา ผู้บริหารสำนักการจราจรและขนส่ง ผู้บริหารกรมการขนส่งทางบก และผู้ที่เกี่ยวข้อง

ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร กล่าวว่า กรุงเทพมหานคร (กทม.) ให้ความสำคัญในการร่วมมือกับกรมการขนส่งทางบกในทุก ๆ ด้าน เพื่อส่งเสริมและพัฒนาประสิทธิภาพเมือง การลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ (MOA) การบูรณาการข้อมูลเพื่อสนับสนุนการปฏิบัติงาน ระหว่าง กรมการขนส่งทางบก กับ กรุงเทพมหานคร มีเป้าหมายที่จะแบ่งปันข้อมูลร่วมกันระหว่างกรมการขนส่งทางบก กับ กรุงเทพมหานคร เป็นการส่งเสริม สนับสนุน และการสร้างพันธมิตรในการใช้ทรัพยากรสารสนเทศร่วมกันตามนโยบายของรัฐที่ต้องการให้หน่วยงานภาครัฐขับเคลื่อนการดำเนินนโยบายด้วยการใช้ประโยชน์จากข้อมูลขนาดใหญ่ (Big Data) โดยกรมการขนส่งทางบก จะแบ่งปันข้อมูลการเดินรถจาก GPS แบบ Real Time ข้อมูลยานพาหนะ ข้อมูลผู้ขับรถของรถโดยสารประจำทางและรถบรรทุกขนส่งสินค้าทั้งหมดในพื้นที่กรุงเทพฯ ซึ่งกรุงเทพมหานครจะได้นำข้อมูลดังกล่าวมาใช้ประโยชน์ในการแจ้งเวลาของรถที่จะเข้าป้ายจำนวน 5,000 ป้าย ศาลาที่พักผู้โดยสารจำนวน 2,098 หลัง การวิเคราะห์เวลาการเดินทาง การนำเวลามาปรับสัญญาณไฟจราจรให้เหมาะสม การควบคุม กำกับ ติดตามรถบรรทุกที่มีน้ำหนักเกินและรถบรรทุกวัตถุอันตรายที่เข้ามาในพื้นที่กรุงเทพมหานคร ซึ่งกรุงเทพมหานครจะแบ่งปันข้อมูลถนน ตรอก ซอย ตำแหน่งป้ายรถประจำทางและศาลาที่พักผู้โดยสาร ตำแหน่งจุดจอดรถจักรยานยนต์รับจ้าง และข้อมูลผลการจับกุมรถบรรทุกน้ำหนักเกิน เพื่อนำไปเป็นข้อมูลในการบริหารจัดการและการบังคับใช้กฎหมายต่อไป หวังเป็นอย่างยิ่งว่า การลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือครั้งนี้ จะเป็นจุดเริ่มต้นในการแบ่งปันข้อมูลร่วมกันของทั้งสองหน่วยงาน เพื่อทำให้เกิดการพัฒนาเมืองที่ดียิ่งขึ้นและเกิดประโยชน์สูงสุดแก่ประชาชนต่อไป


”ถ้าเราเชื่อมโยงข้อมูล GPS กับกรมการขนส่งทางบกจะทําให้เราสามารถกํากับดูแลได้ในหลายด้าน เช่น เรื่องน้ำหนักรถบรรทุก เราจะรู้เลยว่ารถที่ฝ่าฝืนวิ่งตรงไหน สามารถนำข้อมูล GPS ไปขึ้นศาลแล้วก็ปรับ จากนั้นเราก็รู้ว่ารถคันดังกล่าว วิ่งไปส่งของที่ไหน ที่ไซต์งานไหน ซึ่งเรามีข้อกําหนดว่าไซต์งานไหนที่ใช้รถบรรทุกน้ำหนักเกิน ก็จะให้หยุดการก่อสร้างก็ทําให้เกิดความเกรงกลัวมากขึ้น รวมถึงการใช้ในกระบวนการควบคุมเรื่องฝุ่น PM2.5 ด้วย เรามีการดำเนินมาตรการเขตมลพิษต่ำ (Low Emission Zone) ในพื้นที่กรุงเทพมหานคร รถบรรทุกที่ไม่อยู่ใน green list เราไม่ให้เข้ามาในเขตวงแหวนชั้นใน หรือแม้กระทั่งกรณีรถเมล์ เพราะเราจะทําป้ายรถเมล์ที่มีการเชื่อมโยง GPS ทําให้รู้เลยว่าอีกกี่นาทีรถเมล์จะถึงป้าย ทําให้ผู้โดยสารสามารถรอได้อย่างเหมาะสม“ ผู้ว่าฯ ชัชชาติ กล่าว

สำหรับขอบเขตความร่วมมือในบันทึกข้อตกลงความร่วมมือฯ ซึ่งกรุงเทพมหานคร (กทม.) และกรมการขนส่งทางบก (ขบ.) จะดำเนินงานและกิจกรรมต่าง ๆ มีดังนี้
1.ขบ. จะแบ่งปันเชื่อมโยงข้อมูล ดังนี้ ข้อมูลจากระบบบันทึกข้อมูลการเดินทางของรถ (GPS) แบบ Real Time ซึ่งประกอบด้วยข้อมูลการเดินรถ GPS Log รายนาที ข้อมูลยานพาหนะ ข้อมูลผู้ขับรถ ของรถที่ใช้ในการขนส่งผู้โดยสาร ในประเภทการขนส่งประจำทาง (รถโดยสารประจำทาง) และรถที่ใช้ในการขนส่งสัตว์หรือสิ่งของ (รถบรรทุกขนส่งสินค้า) ทั้งหมดในพื้นที่กรุงเทพฯ ให้แก่ กทม. เพื่อใช้ปฏิบัติงานตรวจสอบและควบคุมน้ำหนักยานพาหนะบนทางหลวงท้องถิ่นในเขตกรุงเทพมหานคร และเพื่อการบริหารงานและบริการประชาชนภายในเขตพื้นที่การปกครองของกรุงเทพมหานครภายใต้อำนาจหน้าที่ที่กฎหมายกำหนด
2.กทม. จะแบ่งปันเชื่อมโยงข้อมูลถนน ตรอก ซอย ตำแหน่งป้ายรถประจำทางและศาลาที่พักผู้โดยสาร และตำแหน่งจุดจอดรถจักรยานยนต์รับจ้าง และข้อมูลผลการจับกุมรถบรรทุกน้ำหนักเกินจากฐานข้อมูลของ กทม. เพื่อประโยชน์ในการดำเนินภารกิจของ ขบ. ภายใต้อำนาจหน้าที่ที่กฎหมายกำหนด
3.สนับสนุนส่งเสริมบุคลากรให้มีการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ด้านต่าง ๆ ระหว่างกัน เช่น ด้านการตรวจสอบ ด้านการวิเคราะห์และประมวลผล
4.ดำเนินการแบ่งปันข้อมูลให้เป็นไปตามกฎหมายว่าด้วยการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล โดยบันทึกข้อตกลงความร่วมมือฉบับนี้ มีผลใช้บังคับใช้ภายใน 3 ปี (สามปี) นับถัดจากวันที่ลงนามในบันทึกข้อตกลงความร่วมมือฉบับนี้ ทั้งนี้ ขบ. และ กทม. อาจตกลงกันเป็นลายลักษณ์อักษรเพื่อขยายเวลาในการใช้บังคับบันทึกข้อตกลงความร่วมมือฉบับนี้ ออกไปได้ตามความเหมาะสม

ทั้งนี้ ความร่วมมือในบันทึกข้อตกลงความร่วมมือดังกล่าว เป็นไปตามพระราชบัญญัติการขนส่งทางบก พ.ศ. 2522 พระราชบัญญัติรถยนต์ พ.ศ. 2522 พระราชบัญญัติระเบียบบริหารราชการกรุงเทพมหานคร พ.ศ. 2528 พระราชบัญญัติทางหลวง พ.ศ. 2535 ประกาศผู้อำนวยการทางหลวงท้องถิ่น เรื่อง ห้ามใช้ยานพาหนะที่มีน้ำหนัก น้ำหนักบรรทุก หรือน้ำหนักลงเพลาเกินกว่าที่ได้กำหนด หรือโดยที่ยานพาหนะนั้นอาจทำให้ทางหลวงเสียหายเดินบนทางหลวงท้องถิ่น ในเขตความรับผิดชอบของกรุงเทพมหานคร ลงวันที่ 31 มีนาคม 2565 คำสั่งกระทรวงมหาดไทย ที่ 500/2560 เรื่อง แต่งตั้งเจ้าพนักงานทางหลวงสำหรับทางหลวงท้องถิ่น ลงวันที่ 31 มีนาคม 2560 และคำสั่งกระทรวงมหาดไทย ที่ 2328/2564 เรื่อง แก้ไขคำสั่งแต่งตั้งเจ้าพนักงานทางหลวงสำหรับทางหลวงท้องถิ่น ลงวันที่ 28 กันยายน 2564 .417.-สำนักข่าวไทย


ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

สิ้นพระเอกดัง “ไพโรจน์ สังวริบุตร” จากไปอย่างสงบในวัย 72 ปี

3 มิ.ย.- วงการบันเทิงเศร้า… สิ้นพระเอกดัง “เอ๋” ไพโรจน์ สังวริบุตร นักแสดง-ผู้กำกับในตำนาน จากไปอย่างสงบในวัย 72 ปี แฟนคลับร่วมแสดงความอาลัย ข่าวเศร้าช็อกวงการบันเทิง เอ๋-ไพโรจน์ สังวริบุตร เสียชีวิตอย่างสงบ เมื่อเวลา 03.00 น. (3 มิ.ย.68) ที่จังหวัดนครราชสีมา สิริอายุได้ 72 ปี กำหนดสวดพระอภิธรรม ณ วัดมกุฏกษัตริยารามราชวรวิหาร สำหรับพิธีรดน้ำศพ จะมีขึ้นในวันที่ 4 มิถุนายน 2568 โดยข้อมูลจากเพจดาราภาพยนตร์ เผยการจากไปของพระเอกรุ่นใหญ่ สร้างความโศกเศร้าให้กับวงการบันเทิงไทยอย่างมาก หากเอ่ยถึงชื่อ “ไพโรจน์ สังวริบุตร” คนไทยหลายรุ่นคงต้องนึกถึงชายหนุ่มร่างโปร่ง ใบหน้าเปื้อนรอยยิ้ม และแววตาทะเล้นที่ปรากฏอยู่บนจอเงินในบท “ตั้ม” จากภาพยนตร์ วัยอลวน อันโด่งดังในยุค 2510–2520 เขาคือพระเอกผู้ก้าวข้ามกาลเวลา จากภาพลักษณ์ของวัยรุ่นสุดแนวในวันนั้น สู่ผู้กำกับภาพยนตร์มากฝีมือในวันนี้ และยังคงยืนหยัดเป็นบุคคลสำคัญในประวัติศาสตร์วงการภาพยนตร์ไทย “ไพโรจน์ สังวริบุตร” เกิดเมื่อวันที่ 18 […]

Thai drone illegally enters Cambodian airspace, intercepted by Cambodian troops

กัมพูชาอ้างสกัดโดรนที่ส่งจากฝั่งไทย

พนมเปญ 3 มิ.ย.- สื่อกัมพูชารายงานว่า ทหารกัมพูชาสกัดอากาศยานไร้คนขับหรือโดรนที่อ้างว่าส่งจากฝั่งไทยเข้าไปสอดแนมที่ตั้งทางทหารของกัมพูชา เว็บไซต์หนังสือพิมพ์แขมร์ไทมส์รายงานวันนี้ว่า กองทัพไทยยังคงละเมิดดินแดนของกัมพูชา โดยล่าสุดได้ส่งโดรนไปบินเหนือพื้นที่แนวหน้าโดยไม่ได้รับอนุญาต เพื่อสอดแนมที่ตั้งทางทหารของกัมพูชา และถูกกำลังพลกัมพูชาสกัดไว้ได้ แขมร์ไทมส์อ้างรายงานจากชายแดนว่า เมื่อช่วงบ่ายวันที่ 2 มิถุนายน ทหารกัมพูชาที่ประจำการอยู่บริเวณแนวหน้าในจังหวัดพระวิหารสามารถสกัดโดรนลำหนึ่งที่เข้ามาในน่านฟ้ากัมพูชาเพื่อวัตถุประสงค์ในการสอดแนม ผลการประเมินเบื้องต้นชี้ว่า โดรนลำนี้ถูกส่งโดยกองทัพไทย เพื่อเก็บข้อมูลข่าวกรองเรื่องการประจำการและการเคลื่อนย้ายกำลังพลของกองทัพกัมพูชา.-814.-สำนักข่าวไทย

ล่อซื้อบุหรี่ไฟฟ้ากลางเมืองขอนแก่น ถอยหนีชนดะ

ขอนแก่น 3 มิ.ย. – ระทึก ผู้ต้องหาถอยรถหนี ชนจยย.สายตำรวจ ขณะล่อซื้อบุหรี่ไฟฟ้ากลางเมืองขอนแก่น ก่อนจนมุมรถไถลข้ามเลนพลิกตะแคง กล้องวงจรปิดบันทึกภาพรถยนต์สีขาวจอดคุยกับชายคนหนึ่งที่ยืนริมถนนกสิกรทุ่งสร้าง หน้าตลาดจอมพล เขตเทศบาลนครขอนแก่น ทันใดนั้น รถคันดังกล่าวก็ถอยหลังอย่างรวดเร็ว พุ่งชนรถจักรยานยนต์ที่ขี่อยู่ด้านหลังล้ม 2 คัน และพยายามเร่งเครื่องหลบหนีจนไปชนกับรถคันอื่นอย่างแรง แล้วไถลข้ามเลนพลิกตะแคงอยู่ข้างทาง เมื่อเวลา 22.45 น. วานนี้ (2 มิ.ย.) คนขับปีนออกจากหน้าต่าง มีท่าทีขัดขืน แต่สุดท้ายก็ยอมออกมาจากรถ หลังจากนั้นตำรวจพาเดินข้ามถนนไปฝั่งตรงข้าม และมีชายอีกคนออกมาจากหน้าเป็นรายที่สอง ตำรวจจึงควบคุมตัวที่ข้างทาง ต่อมา รถกู้ชีพมาถึงที่เกิดเหตุและทำการปฐมพยาบาลทั้งชายสองคนและสายลับที่ได้รับบาดเจ็บ ซึ่งเหตุการณ์ดังกล่าว เป็นเหตุขณะล่อซื้อบุหรี่ไฟฟ้า ภายในรถมีบุหรี่ไฟฟ้าวางอยู่ ก่อนจะคุมตัวขึ้นรถกระบะไป สภ.เมืองขอนแก่น พ.ต.อ.พรศักดิ์ งานดี ผู้กำกับการตำรวจสืบสวนจังหวัดขอนแก่น เปิดเผยว่า นายอนุพงษ์ อายุ 35 ปี เป็นคนขายบุหรี่ไฟฟ้า ส่วนนายณัฐพล อายุ 37 ปี เป็นคนขับรถยนต์คันที่เกิดเหตุ มีพฤติกรรมลักลอบขายบุหรี่ไฟฟ้า ผ่านเฟซบุ๊กให้กับลูกค้าทั่วไปที่สั่งซื้อ จึงวางแผนล่อซื้อ […]

ทรงพระเจริญ

ชาวสงขลารวมใจภักดิ์ รักสมเด็จพระราชินี ร่วมแปรอักษร แสดงพลังความจงรักภักดี

สงขลา 2 มิ.ย. – จังหวัดสงขลา จัดกิจกรรม “ชาวสงขลารวมใจภักดิ์ รักสมเด็จพระราชินี” ประชาชนกว่า 5,000 คน ร่วมแปรอักษร “ทรงพระเจริญ คนสงขลารักพระราชินีฯ” แสดงพลังความจงรักภักดีอย่างยิ่งใหญ่ เนื่องในโอกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษา 3 มิถุนายน 2568 วันนี้ 2 มิถุนายน 2568 เวลา 16.30 น. ที่สนามกีฬาติณสูลานนท์ อำเภอเมือง จังหวัดสงขลา นายโชตินรินทร์ เกิดสม ผู้ว่าราชการจังหวัดสงขลา พร้อมด้วยนางปวีณ์ริศา เกิดสม ประธานแม่บ้านมหาดไทยจังหวัดสงขลา นำคณะรองผู้ว่าราชการจังหวัด หัวหน้าส่วนราชการ นายอำเภอ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น เจ้าหน้าที่ทหาร ตำรวจ นักเรียน นักศึกษา และประชาชนชาวสงขลากว่า 5,000 คน ร่วมกิจกรรม “ชาวสงขลารวมใจภักดิ์ รักสมเด็จพระราชินี” เพื่อแสดงความจงรักภักดีและเทิดพระเกียรติสมเด็จพระนางเจ้าสุทิดา พัชรสุธาพิมลลักษณ พระบรมราชินี เนื่องในโอกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษา 3 มิถุนายน […]

ข่าวแนะนำ

นายกฯ ย้ำรัฐบาลยึดหลักอธิปไตย-ประโยชน์สูงสุดของประเทศ

กรุงเทพฯ 4 มิ.ย. – นายกฯ ย้ำรัฐบาลไม่นิ่งนอนใจต่อสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา ยืนยันหลักอธิปไตยและประโยชน์สูงสุดของประเทศ วันนี้ (4 มิ.ย.68) นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี โพสต์เรื่องสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา รัฐบาลยืนยันหลักอธิปไตยและประโยชน์สูงสุดของประเทศ “ดิฉันขอย้ำอีกครั้งว่า รัฐบาลไม่ได้นิ่งนอนใจต่อสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา และได้บูรณาการการทำงานอย่างใกล้ชิดระหว่างกระทรวงการต่างประเทศ กระทรวงกลาโหม และหน่วยงานความมั่นคง เพื่อประเมินสถานการณ์อย่างรอบด้าน” นายกรัฐมนตรี ยังกล่าวว่า เรารวบรวมข้อมูลจากทั้งเจ้าหน้าที่ในพื้นที่ ภาพแผนที่จากเทคโนโลยีและการวิเคราะห์ทางวิทยาศาสตร์ ตลอดจนพิจารณาอย่างเคร่งครัดภายใต้หลักกฎหมายระหว่างประเทศ โดยมีเป้าหมายคือการปกป้องอธิปไตยของชาติและผลประโยชน์ของประชาชนเป็นสำคัญ หากมีความคืบหน้า รัฐบาลจะมอบหมายให้กระทรวงการต่างประเทศ เป็นผู้ชี้แจงรายละเอียดเป็นระยะ เพื่อให้พี่น้องประชาชนได้รับข้อมูลที่ถูกต้องและรอบด้านต่อไป.-314-สำนักข่าวไทย

ม็อบรถบัส 2 ชั้น ขู่บุกกรุง ค้านคำสั่งห้ามใช้เส้นทางเขาพับผ้า

ตรัง 4 มิ.ย. – ม็อบรถบัส 2 ชั้น ชุมนุมคัดค้านคำสั่งห้ามใช้เส้นทางเขาพับผ้า อ้างไม่ชอบ กม.-เส้นทางไม่เข้าหลักเกณฑ์กำหนด ขู่เคลื่อนขบวนพันคันบุกกรุง หากไม่ได้รับแก้ไข บริเวณอันดามันเกตเวย์ บนเส้นทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 4 เขาพับผ้า เครือข่ายผู้ประกอบการรถบัส 2 ชั้น ในนามสมาคมรถโดยสารสองชั้นไทย กว่า 100 คัน พร้อมผู้ประกอบการธุรกิจท่องเที่ยว ราว 200 คน ชุมนุมคัดค้านคำสั่ง กรมการขนส่งทางบกที่ห้ามรถบัส 2 ชั้นใช้เส้นทาง 7 แห่งทั่วประเทศ การชุมนุมครั้งนี้ เป็นการรวมตัวของผู้ประกอบการจากทั้งภาคใต้ ภาคกลาง และภาคตะวันออก เพื่อประท้วงคำสั่งที่มีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 11 เม.ย.68 สำหรับรถทัวร์ และวันที่ 1 มิ.ย.68 สำหรับรถประจำทาง โดยชูป้ายข้อความต่างๆ รวมถึงการเรียกร้องให้รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคมและอธิบดีกรมการขนส่งทางบกลาออกจากตำแหน่ง นายสุริยะ แกล้วทนงค์ นายกสมาคมผู้ประกอบการรถโดยสารสองชั้นไทย เปิดเผยว่า การสำรวจเส้นทางเขาพับผ้า พบว่าไม่เข้าหลักเกณฑ์ที่ต้องประกาศห้าม เนื่องจากมีความลาดชัน 8% […]

หัวโจกปล้นบุหรี่ไฟฟ้า กลับลำ ยันไม่มีคนในชี้เป้า

กทม. 4 มิ.ย. – คุมตัว “แบงค์” หัวโจกปล้นบุหรี่ไฟฟ้าของกลางกรมศุลฯ ทำแผน เจ้าตัวกลับลำอ้างลงมือครั้งแรก ไม่มีใครชี้เป้า ปัดเจตนาชน รปภ.ดับ กลางดึกที่ผ่านมาตำรวจ สน.ท่าเรือ พร้อมชุดปฏิบัติการพิเศษ กว่า 20 นาย ควบคุม 5 ผู้ต้องหาแก๊งปล้นบุหรี่ไฟฟ้า ไปทำแผนประกอบคำรับสารภาพ บริเวณ ตู้คอนเทนเนอร์ ในโกดังสเตเตียม ถนนท่าเรือ 1 เขตคลองเตย จากนั้นในช่วงเช้าที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่ได้นำตัวผู้ต้องหาทั้ง 5 คนไปฝากขังผัดแรกที่ศาลอาญากรุงเทพใต้ ส่วนนายแบงค์ หัวโจก พนักงานสอบสวนได้ควบคุมตัวไปทำแผนประกอบคำรับสารภาพอย่างเงียบๆ เพราะเกรงว่านายแบงค์จะถูกญาติ รภป. ผู้เสียชีวิต รุมประชาทัณฑ์ ภายหลังจากทำแผนประกอบคำรับสารภาพเสร็จสิ้นแล้ว พนักงานสอบสวนได้คุมตัวนายแบงค์กลับมา คุมขังที่ สน.ท่าเรือ เพื่อสอบปากคำเพิ่มเติม ผู้สื่อข่าวได้พยายามซักถามว่านายแบงค์ก่อเหตุมาแล้วกี่ครั้ง นายแบงค์ อ้างว่าก่อเหตุขโมยบุหรี่ไฟฟ้ามาเพียงครั้งเดียว ส่วนนำไปขายใครนั้น นายแบงค์ไม่ตอบ และยืนยันว่าการก่อเหตุนี้ ไม่มีคนในมาชี้เป้า เพราะบริเวณนั้นใครก็รู้ว่าเป็นพื้นที่เก็บสินค้าที่ต้องการทำลาย พร้อมยกมือไหว้ขอโทษครอบครัว รปภ.ที่เสียชีวิต และยอมรับว่าตนเองไม่ได้ตั้งใจถอยรถชน […]

“ภูมิธรรม” ลงพื้นที่ชายแดนติดตามสถานการณ์ไทย-กัมพูชา

อุบลราชธานี 4 มิ.ย. – “ภูมิธรรม” ลงพื้นที่ จ.อุบลราชธานี ติดตามสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา ย้ำกองทัพไม่ขัดแย้งรัฐบาล นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม ลงพื้นที่ อ.น้ำยืน จ.อุบลราชธานี เพื่อติดตามสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา หลังเกิดกรณีการปะทะกันที่ช่องบก โดยระบุว่า การมาครั้งนี้ตั้งใจมาให้กำลังใจกำลังพลที่อยู่แนวหน้า ซึ่งกำลังเตรียมความพร้อมในการดูแลและป้องกันปัญหาที่จะเกิดขึ้น รวมถึงดูพื้นที่จริง ซึ่งเบื้องต้นพบว่า ข่าวทหารกัมพูชาวางกับระเบิดเป็นของเก่า เวลานี้เรากำลังใช้ทางออกที่โลกอยากเห็น และเรายังไม่ได้เสียอธิปไตยตรงไหนไป สิ่งที่เกิดขึ้นในแต่ละจุด เราอยากให้มันค่อยๆ คลายไป เรากำลังใช้มาตรการทางการทูตเชิงรุก เริ่มต้นจากเล็กไปหาใหญ่ และมาตรการต่างๆ ที่จะมีเพิ่มขึ้น เราตกลงกันแล้วว่า จะคุยด้วยกันตลอด ไม่ได้มีปัญหาอะไร มันไม่ได้ถึงขั้นนั้น เพราะยังไม่มีอะไร เราคำนึงถึงชีวิตของพี่น้องประชาชนตามแนวชายแดน เราจะใช้กระบวนการสันติวิธีให้ถึงที่สุด ถ้ามีอะไรเกินเลย ฝ่ายที่อยู่แนวหน้าจะต้องแจ้งเรา ซึ่งจะดำเนินการโดยทันทีทันใด ยืนยันกองทัพกับฝ่ายการเมืองไม่มีปัญหากัน .-สำนักข่าวไทย