กทม. MOA กรมการขนส่งทางบก แบ่งปันข้อมูลการเดินรถแบบ Real Time

7 มี.ค.- กทม. เซ็น MOA กรมการขนส่งทางบก แบ่งปันข้อมูลการเดินรถแบบ Real Time แจ้งเวลารถเมล์เข้าป้าย ติดตามรถบรรทุกน้ำหนักเกินลักลอบวิ่งในเมือง ป้องกันฝุ่น PM2.5


นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร พร้อมด้วย นายจิรุตม์ วิศาลจิตร อธิบดีกรมการขนส่งทางบก ลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ (MOA) การบูรณาการข้อมูลเพื่อสนับสนุนการปฏิบัติงานระหว่าง กรมการขนส่งทางบก กับ กรุงเทพมหานคร โดยมี นายวิศณุ ทรัพย์สมพล รองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ผู้บริหารกรุงเทพมหานคร ผู้บริหารสำนักการโยธา ผู้บริหารสำนักการจราจรและขนส่ง ผู้บริหารกรมการขนส่งทางบก และผู้ที่เกี่ยวข้อง

ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร กล่าวว่า กรุงเทพมหานคร (กทม.) ให้ความสำคัญในการร่วมมือกับกรมการขนส่งทางบกในทุก ๆ ด้าน เพื่อส่งเสริมและพัฒนาประสิทธิภาพเมือง การลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ (MOA) การบูรณาการข้อมูลเพื่อสนับสนุนการปฏิบัติงาน ระหว่าง กรมการขนส่งทางบก กับ กรุงเทพมหานคร มีเป้าหมายที่จะแบ่งปันข้อมูลร่วมกันระหว่างกรมการขนส่งทางบก กับ กรุงเทพมหานคร เป็นการส่งเสริม สนับสนุน และการสร้างพันธมิตรในการใช้ทรัพยากรสารสนเทศร่วมกันตามนโยบายของรัฐที่ต้องการให้หน่วยงานภาครัฐขับเคลื่อนการดำเนินนโยบายด้วยการใช้ประโยชน์จากข้อมูลขนาดใหญ่ (Big Data) โดยกรมการขนส่งทางบก จะแบ่งปันข้อมูลการเดินรถจาก GPS แบบ Real Time ข้อมูลยานพาหนะ ข้อมูลผู้ขับรถของรถโดยสารประจำทางและรถบรรทุกขนส่งสินค้าทั้งหมดในพื้นที่กรุงเทพฯ ซึ่งกรุงเทพมหานครจะได้นำข้อมูลดังกล่าวมาใช้ประโยชน์ในการแจ้งเวลาของรถที่จะเข้าป้ายจำนวน 5,000 ป้าย ศาลาที่พักผู้โดยสารจำนวน 2,098 หลัง การวิเคราะห์เวลาการเดินทาง การนำเวลามาปรับสัญญาณไฟจราจรให้เหมาะสม การควบคุม กำกับ ติดตามรถบรรทุกที่มีน้ำหนักเกินและรถบรรทุกวัตถุอันตรายที่เข้ามาในพื้นที่กรุงเทพมหานคร ซึ่งกรุงเทพมหานครจะแบ่งปันข้อมูลถนน ตรอก ซอย ตำแหน่งป้ายรถประจำทางและศาลาที่พักผู้โดยสาร ตำแหน่งจุดจอดรถจักรยานยนต์รับจ้าง และข้อมูลผลการจับกุมรถบรรทุกน้ำหนักเกิน เพื่อนำไปเป็นข้อมูลในการบริหารจัดการและการบังคับใช้กฎหมายต่อไป หวังเป็นอย่างยิ่งว่า การลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือครั้งนี้ จะเป็นจุดเริ่มต้นในการแบ่งปันข้อมูลร่วมกันของทั้งสองหน่วยงาน เพื่อทำให้เกิดการพัฒนาเมืองที่ดียิ่งขึ้นและเกิดประโยชน์สูงสุดแก่ประชาชนต่อไป


”ถ้าเราเชื่อมโยงข้อมูล GPS กับกรมการขนส่งทางบกจะทําให้เราสามารถกํากับดูแลได้ในหลายด้าน เช่น เรื่องน้ำหนักรถบรรทุก เราจะรู้เลยว่ารถที่ฝ่าฝืนวิ่งตรงไหน สามารถนำข้อมูล GPS ไปขึ้นศาลแล้วก็ปรับ จากนั้นเราก็รู้ว่ารถคันดังกล่าว วิ่งไปส่งของที่ไหน ที่ไซต์งานไหน ซึ่งเรามีข้อกําหนดว่าไซต์งานไหนที่ใช้รถบรรทุกน้ำหนักเกิน ก็จะให้หยุดการก่อสร้างก็ทําให้เกิดความเกรงกลัวมากขึ้น รวมถึงการใช้ในกระบวนการควบคุมเรื่องฝุ่น PM2.5 ด้วย เรามีการดำเนินมาตรการเขตมลพิษต่ำ (Low Emission Zone) ในพื้นที่กรุงเทพมหานคร รถบรรทุกที่ไม่อยู่ใน green list เราไม่ให้เข้ามาในเขตวงแหวนชั้นใน หรือแม้กระทั่งกรณีรถเมล์ เพราะเราจะทําป้ายรถเมล์ที่มีการเชื่อมโยง GPS ทําให้รู้เลยว่าอีกกี่นาทีรถเมล์จะถึงป้าย ทําให้ผู้โดยสารสามารถรอได้อย่างเหมาะสม“ ผู้ว่าฯ ชัชชาติ กล่าว

สำหรับขอบเขตความร่วมมือในบันทึกข้อตกลงความร่วมมือฯ ซึ่งกรุงเทพมหานคร (กทม.) และกรมการขนส่งทางบก (ขบ.) จะดำเนินงานและกิจกรรมต่าง ๆ มีดังนี้
1.ขบ. จะแบ่งปันเชื่อมโยงข้อมูล ดังนี้ ข้อมูลจากระบบบันทึกข้อมูลการเดินทางของรถ (GPS) แบบ Real Time ซึ่งประกอบด้วยข้อมูลการเดินรถ GPS Log รายนาที ข้อมูลยานพาหนะ ข้อมูลผู้ขับรถ ของรถที่ใช้ในการขนส่งผู้โดยสาร ในประเภทการขนส่งประจำทาง (รถโดยสารประจำทาง) และรถที่ใช้ในการขนส่งสัตว์หรือสิ่งของ (รถบรรทุกขนส่งสินค้า) ทั้งหมดในพื้นที่กรุงเทพฯ ให้แก่ กทม. เพื่อใช้ปฏิบัติงานตรวจสอบและควบคุมน้ำหนักยานพาหนะบนทางหลวงท้องถิ่นในเขตกรุงเทพมหานคร และเพื่อการบริหารงานและบริการประชาชนภายในเขตพื้นที่การปกครองของกรุงเทพมหานครภายใต้อำนาจหน้าที่ที่กฎหมายกำหนด
2.กทม. จะแบ่งปันเชื่อมโยงข้อมูลถนน ตรอก ซอย ตำแหน่งป้ายรถประจำทางและศาลาที่พักผู้โดยสาร และตำแหน่งจุดจอดรถจักรยานยนต์รับจ้าง และข้อมูลผลการจับกุมรถบรรทุกน้ำหนักเกินจากฐานข้อมูลของ กทม. เพื่อประโยชน์ในการดำเนินภารกิจของ ขบ. ภายใต้อำนาจหน้าที่ที่กฎหมายกำหนด
3.สนับสนุนส่งเสริมบุคลากรให้มีการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ด้านต่าง ๆ ระหว่างกัน เช่น ด้านการตรวจสอบ ด้านการวิเคราะห์และประมวลผล
4.ดำเนินการแบ่งปันข้อมูลให้เป็นไปตามกฎหมายว่าด้วยการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล โดยบันทึกข้อตกลงความร่วมมือฉบับนี้ มีผลใช้บังคับใช้ภายใน 3 ปี (สามปี) นับถัดจากวันที่ลงนามในบันทึกข้อตกลงความร่วมมือฉบับนี้ ทั้งนี้ ขบ. และ กทม. อาจตกลงกันเป็นลายลักษณ์อักษรเพื่อขยายเวลาในการใช้บังคับบันทึกข้อตกลงความร่วมมือฉบับนี้ ออกไปได้ตามความเหมาะสม

ทั้งนี้ ความร่วมมือในบันทึกข้อตกลงความร่วมมือดังกล่าว เป็นไปตามพระราชบัญญัติการขนส่งทางบก พ.ศ. 2522 พระราชบัญญัติรถยนต์ พ.ศ. 2522 พระราชบัญญัติระเบียบบริหารราชการกรุงเทพมหานคร พ.ศ. 2528 พระราชบัญญัติทางหลวง พ.ศ. 2535 ประกาศผู้อำนวยการทางหลวงท้องถิ่น เรื่อง ห้ามใช้ยานพาหนะที่มีน้ำหนัก น้ำหนักบรรทุก หรือน้ำหนักลงเพลาเกินกว่าที่ได้กำหนด หรือโดยที่ยานพาหนะนั้นอาจทำให้ทางหลวงเสียหายเดินบนทางหลวงท้องถิ่น ในเขตความรับผิดชอบของกรุงเทพมหานคร ลงวันที่ 31 มีนาคม 2565 คำสั่งกระทรวงมหาดไทย ที่ 500/2560 เรื่อง แต่งตั้งเจ้าพนักงานทางหลวงสำหรับทางหลวงท้องถิ่น ลงวันที่ 31 มีนาคม 2560 และคำสั่งกระทรวงมหาดไทย ที่ 2328/2564 เรื่อง แก้ไขคำสั่งแต่งตั้งเจ้าพนักงานทางหลวงสำหรับทางหลวงท้องถิ่น ลงวันที่ 28 กันยายน 2564 .417.-สำนักข่าวไทย


ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

“ภูมิธรรม” ลั่นฟ้อง “ธนพร” อยู่ที่ทนายหากขอโทษแล้วจบหรือไม่

ทำเนียบ 21 ส.ค.-“ภูมิธรรม” ลั่นฟ้อง “ธนพร” อยู่ที่ทนายหากขอโทษแล้วจบหรือไม่ ย้ำวิพากษ์วิจารณ์โดยไม่สุจริต ไม่มีข้อเท็จจริง ต้องรับผิดชอบ นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย รักษาราชการแทนนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณีมอบอำนาจทนายความยื่นฟ้อง นายธนพร ศรียากูล ผอ.สถาบันวิเคราะห์การเมือง ฐานความผิดหมิ่นประมาทโดยการโฆษณา ถ้า นายธนพร ขอโทษ จะเลิกแล้วต่อกันหรือไม่ว่า แล้วแต่ทนายความตนได้มอบหมายไปแล้วเมื่อวานนี้ (20 ส.ค.) ส่วนจะฟ้องเฉพาะนายธนพร หรือจะมีบุคคลอื่นด้วยหรือไม่นั้น นายภูมิธรรม กล่าวว่า อะไรที่เกินเลยเป็นการพูดที่ไม่รับผิดชอบทำลายเกียรติยศ เกียรติภูมิ ของผู้อื่น ก่อให้เกิดความสับสนเป็นภัยต่อปัญหาของประเทศก็คงฟ้อง เมื่อถามว่าที่ผ่านมาก็มีการวิพากษ์วิจารณ์กันแต่ไม่เคยมีการส่งฟ้องกันใช่หรือไม่ นายภูมิธรรม ระบุว่า ไม่จริง มีการฟ้องกันมาเยอะแล้ว ถ้าไปทำลายเกียรติภูมิของเขาหรือครอบครัวเขาก็ฟ้องกันทั้งนั้น ถ้าเป็นการวิพากษ์วิจารณ์โดยสุจริตไม่ผิดอะไร แต่ถ้าวิพากษ์วิจารณ์โดยไม่สุจริต นำเข้าข้อมูลอันเป็นเท็จอันนี้เป็นเรื่องที่ควรรับผิดชอบ และต้องถามผู้ที่วิจารณ์ว่า วิจารณ์ไปโดยที่ไม่มีข้อเท็จจริงเป็นที่ประจักษ์ ทำอย่างนี้ได้หรือเปล่า ต้องย้อนไปถามผู้ทำผิดอย่ามาย้อนถามผู้เสียหาย.-316.-สำนักข่าวไทย

รวบแล้ว! มือยิง “กำนันเล้น” หนีกบดานเกาะลันตา

กระบี่ 21 ส.ค. – ไล่ล่าเกือบ 20 วัน จับได้แล้วมือยิง “กำนันเล้น” กำนันคนดัง จ.ตรัง หนีกบดานเกาะลันตา จ.กระบี่ เจ้าหน้าที่ปิดล้อมกดดัน 3 วัน 3 คืน สุดท้ายไม่รอด เจ้าหน้าที่บุกจับ นายธวัชชัย อายุ 33 ปี ผู้ต้องหายิง นายบัณฑิต รองพล หรือ กำนันเล้น อายุ 57 ปี กำนัน ต.นาวง อ.ห้วยยอด จ.ตรัง เสียชีวิต เมื่อวันที่ 3 สิงหาคมที่ผ่านมา คดีนี้อุกอาจและสะเทือนขวัญคนในพื้นที่มาก เพราะคนร้ายไปรอดักยิงกำนันถึงหน้าบ้าน ขณะที่กำนันกำลังขับรถเข้าบ้าน และใช้อาวุธสงคราม M16 ในการก่อเหตุ ซึ่งกำนันเล้น เป็นกำนันคนดังในจังหวัด และเป็นประธานชมรมกำนันผู้ใหญ่บ้านอำเภอห้วยยอด หลักฐานสำคัญในตอนนั้น คือ ภาพจากกล้องวงจรปิด โดยคนร้ายใส่ชุดดำ สวมหมวกกันน็อกปิดบังใบหน้า บุกไปก่อเหตุหน้าบ้านกำนัน […]

“ไชยา” สั่งปิดประชุมดื้อๆ หนีถกญัตติด่วน MOU 43-44

รัฐสภา 21 ส.ค.- งงทั้งห้องประชุม! “ไชยา” สั่งปิดประชุมดื้อๆ หนีถกญัตติด่วน MOU 43 และ 44 ด้านประธานวิปรัฐบาลบอกไม่รู้เรื่อง ยันไม่ได้ส่งสัญญาณให้ปิดประชุม ขณะที่ “ไชยา” อ้างเป็นข้อตกลง 2 วิปขอปิดประชุมเอง การประชุมสภาผู้แทนราษฎร มีนายไชยา พรหมา รองประธานสภาผู้แทนราษฎร ทำหน้าที่ประธานการประชุม ภายหลังจากการพิจารณากระทู้ถามสด และกระทู้ถามทั่วไป เสร็จสิ้นแล้ว จึงเข้าสู่วาระพิจารณารับทรารายงานการประชุม เรื่องรายงานประจำปี 2567 ของกองทุนพัฒนาสื่อปลอดภัยและสร้างสรรค์ โดยมีการตกลกระหว่างวิปรัฐบาลกับวิปฝ่ายแล้วว่า หลังจากจากเสร็จสิ้นวาระรับทราบการประชุมแล้ว จะเข้าสู่การประชุมลับ เพื่อพิจารณาญัตติด่วนเรื่องขอให้สภาผู้แทนราษฎรพิจารณาบันทึกข้อตกลง MOU 43 และ 44 ของนายสฤษฏ์พงษ์ เกี่ยวข้อง สส.กระบี่ พรรคภูมิใจไทย แต่ปรากฏว่าภายหลังที่ประชุมรับทราบรายงานการประชุมกองทุนพัฒนาสื่อปลอดภัยและสร้างสรรค์ เสร็จเรียบร้อยแล้ว นายไชยากล่าวต่อที่ประชุมว่า ใช้เวลาการประชุมมาพอสมควรแล้ว และสั่งปิดประชุมดื้อๆ ในเวลา 14.59 น. สร้างความงุนงงให้กับสส. เพราะตกลงกันเรียบร้อยแล้วว่า จะพิจารณาญัตติด่วนเรื่อง MOU 43 […]

นายกฯ พกยาดม เข้าไต่สวนปมคลิปเสียง

ศาล รธน. 21 ส.ค.-“แพทองธาร” นายกฯ พกยาดม เข้าไต่สวนปมคลิปเสียง ผู้สื่อข่าวรายงานว่าเวลา 11.34 น ที่ศาลรัฐธรรมนูญได้กลับมาเผยแพร่โทรทัศน์วงจรปิดอีกครั้ง หลังจากไต่สวนนายฉัตรชัย บางชวด เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ พยานในคดีปมคลิปเสียงสนทนา ระหว่าง นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี กับสมเด็จฮุน เซน ประธานวุฒิสภากัมพูชา เสร็จสิ้นโดยใช้เวลาไต่สวนนายฉัตรชัย ประมาณ 1 ชั่วโมง จากนั้นได้เบิกตัวนางสาวแพทองธาร มาไต่สวนต่อ โดยเริ่มจากการกล่าวสาบานตน ก่อนให้การ ซึ่งเป็นที่สังเกตว่านางสาวแพทองธาร ได้พกยาดมสีเหลืองวางไว้ใกล้มือด้วย โดยหลังสาบานตนเสร็จก็ได้มีการตัดสัญญาณถ่ายทอดสดทางโทรทัศน์ อีกครั้ง.-319.-สำนักข่าวไทย

ข่าวแนะนำ

มือยิงถล่ม “กำนันเล้น” สารภาพแค้นส่วนตัว

ตรัง 22 ส.ค.- ตำรวจแถลงคดียิง “กำนันเล้น” แห่งตำบลนาวง จ.ตรัง ผู้ต้องหาสารภาพยิงถล่มจนตายเพราะแค้นส่วนตัว คุมตัวฝากขังศาล พร้อมค้านประกัน ที่ สภ.ห้วยยอด อำเภอห้วยยอด จังหวัดตรัง ผู้ว่าราชการจังหวัด พร้อมตำรวจ ร่วมกันแถลงรายละเอียดผลการจับกุมนายธวัชชัย ผู้ต้องหาคดีฆ่านายบัณฑิต หรือ “กำนันเล้น” กำนันตำบลนาวง และประธานชมรมกำนันผู้ใหญ่บ้านอำเภอห้วยยอด ตั้งแต่เกิดเหตุการณ์เมื่อวันที่ 3 สิงหาคมที่ผ่านมา การสืบสวนสอบสวนแกะรอยจนรู้ตัวผู้ก่อเหตุ คือ นายธวัชชัย จึงยื่นขอศาลออกหมายจับเมื่อวันที่ 8 สิงหาคม ในข้อหา”ฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน มีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนโดยผิดกฎหมาย และพาอาวุธปืนไปในที่สาธารณะโดยไม่ได้รับอนุญาต” จากการสืบสวนสอบสวนร่วมกันของตำรวจหลายหน่วยกระทั่งทราบแหล่งกบดาน จนนำไปสู่การจู่โจมจับกุมที่ห้องเช่าในพื้นที่ ตำบลศาลาด่าน อำเภอเกาะลันตา จังหวัดกระบี่ เมื่อวานนี้ (21 ส.ค.) โดยใช้เวลา 18 วันในการปิดคดี “ในชั้นจับกุม ผู้ต้องหาให้การรับสารภาพตลอดข้อกล่าวหา โดยมีสาเหตุมาจากความแค้นส่วนตัวที่สะสมจนถึงจุดแตกหักและลงมือก่อเหตุ” ขณะเดียวกันวันนี้ พนักงานสอบสวน ได้ควบคุมนำตัวนายธวัชชัย ส่งขออำนาจศาลจังหวัดตรัง ฝากขังผัดแรก พร้อมคัดค้านการประกันตัว โดยระหว่างคุมตัวลงมาขึ้นรถ […]

บุกจับปลัด อบจ. เรียกเงินผู้รับเหมา

22 ส.ค.- รวบคาโต๊ะทำงาน ตำรวจบุกจับปลัด อบจ.มุกดาหาร เรียกรับเงินผู้รับเหมา 7 โครงการ วงเงินกว่า 12 ล้านบาท แลกอนุมัติเบิกจ่ายงบฯ เจ้าหน้าที่บุกอ่านหมายจับ ว่าที่ร้อยเอก วัทธิกร ปลัดองค์การบริหารส่วนจังหวัดมุกดาหาร ตามหมายจับของศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบภาค 4 ฐานเป็นเจ้าพนักงาน ใช้อำนาจในตำแหน่ง โดยมิชอบ, ข่มขืนใจ บุคคลใดมอบให้ ซึ่งทรัพย์สินหรือประโยชน์อื่นใดแก่ตนเอง  และฐานเป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 148 และมาตรา 157 เป็นการเข้าทำการตรวจค้น จับกุมที่ห้องทำงานปลัดองค์การบริหารส่วนจังหวัดมุกดาหาร  ก่อนหน้านี้ ผู้รับเหมาเข้าร้องเรียนกับ สำนักงาน ป.ป.ช. ภาค 4  ว่า ในระหว่างที่ผู้ถูกกล่าวหาอยู่ในตำแหน่งปลัด อบจ.มุกดาหาร ปฏิบัติหน้าที่นายก อบจ.มุกดาหาร ระหว่างนั้น ผู้เสียหายได้เข้าเป็นคู่สัญญา รับจ้างในโครงการปรับปรุงถนนลาดยางผิวทางแอสฟัลท์ติกคอนกรีตฯ 1 โครงการ วงเงินงบประมาณ 9,780,000 บาท โครงการเสริมผิวทางแอสฟัลท์ติกคอน กรีตฯ จำนวน 6 โครงการ วงเงินงบประมาณ […]

ผบ.ทอ. บินสวีเดน ลงนามจัดซื้อ “กริพเพน” 25 ส.ค.นี้

22 ส.ค.- กองทัพไทยเพิ่มแสนยานุภาพ เสริมความแข็งแกร่ง ลงนามจัดซื้อ “กริพเพน” กับสวีเดน อย่างเป็นทางการ 25 สิงหาคมนี้ การลงนามครั้งนี้ นำโดย พล.อ.อ.พันธ์ภักดี พัฒนกุล ผู้บัญชาการทหารอากาศ จะลงนามกับบริษัท SAAB AB ที่ประเทศสวีเดน ในวันที่ 25 สิงหาคมนี้ ตามมติ คณะรัฐมนตรี ที่อนุมัติหลักการโครงการจัดหาเครื่องบินขับไล่โจมตี Gripen E/F ระยะที่ 1 จำนวน 4 เครื่อง ( วงเงิน 19,500 ล้านบาท ) การจัดหาเครื่องบินขับไล่โจมตีทดแทนครั้งนี้ ไม่เพียงเพิ่มขีดความสามารถด้านความมั่นคงทางทหาร ในการเสริมศักยภาพป้องกันประเทศเท่านั้น แต่ยังเป็นการลงทุนเพื่ออนาคตของคนไทยทุกคน และยังเป็นกลไกสำคัญในการพัฒนาประเทศในด้านเศรษฐกิจ สังคม การศึกษา และเทคโนโลยี ในการลงนามจัดซื้อ “กริพเพน” 25 สิงหาคมนี้ ทางประเทศสวีเดน จะมีรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมสวีเดน เข้าร่วมในฐานะสักขีพยาน “มาริษ” ร่วมเป็นสักขีพยานจัดซื้อ “กริพเพน” […]

IOT ลุยบ้านหนองจาน สำรวจหมู่บ้านเขมรรุกล้ำอธิปไตยไทย

22 ส.ค.- IOT ลงพื้นที่บ้านหนองจาน สำรวจหมู่บ้านกัมพูชาปลูกรุกล้ำอธิปไตยไทย ชาวบ้านบอกแค้นใจ โดนเขมรยึดแผ่นดิน เมื่อเวลา 16.00 น. ที่ ต.หนองจาน อ.โคกสูง จ.สระแก้ว กองทัพไทยนำคณะผู้สังเกตการณ์ชั่วคราว (IOT) 8 ประเทศ ลงพื้นที่ชายแดนไทย–กัมพูชา ตรวจสอบข้อเท็จจริงถึงการรุกล้ำอธิปไตยแผ่นดินไทยของกัมพูชา และรายงานถึงหลักเขตที่ 46 – 48 ที่อยู่ด้านในพื้นที่ พร้อมรับทราบมาตรการควบคุมและป้องกันการกระทำผิดกฎหมายข้ามชาติ เช่น อาชญากรรมออนไลน์ และการลักลอบเข้าเมืองอย่างผิดกฎหมาย ทันทีที่คณะผู้สังเกตการณ์ชั่วคราว เดินสำรวจพื้นที่ ได้พบกับหมู่บ้านขนาดเล็ก พร้อมซากอาคาร บ้านเรือน และโรงงานที่ชาวกำพูชาได้ลักลอบมาสร้างไว้กว่า 200 ครอบครัว โดยก่อนหน้านั้นทหารได้ผลักดันให้ออกนอกพื้นที่โดยไม่ได้มีการใช้อาวุธแต่อย่างใด หลังจากดำเนินการเรียบร้อยแล้วได้มีการนำสแลน และวางแนวรั้วลวดหนาม เพื่อเป็นแนวป้องกัน ไม่ใช่การวางเพื่อกำหนดเส้นเขตแดน ผู้สื่อข่าวรายงานด้วยว่า ช่วงที่คณะผู้สังเกตการณ์ชั่วคราว และสื่อมวลชนลงพื้นที่ มีชาวกัมพูชาพยายามที่จะมาแอบดูตามแนวปิดกั้น ทำให้เจ้าหน้าที่ทหารต้องขอความร่วมมือไม่ให้เข้าไปใกล้ในบริเวณดังกล่าวมากจนเกินไป -สำนักข่าวไทย