กรุงเทพฯ 14 ต.ค. – กสม.ห่วงโควิด-19 ส่งผลต่อการเข้าถึงระบบการศึกษา-สุขภาพจิตของเด็ก แนะหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งแก้ระบบเรียนออนไลน์ ดูแลสุขภาพจิต
นายวสันต์ ภัยหลีกลี้ กรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ แถลงว่า วันที่ 10 ตุลาคม ของทุกปี เป็นวันสุขภาพจิตโลก ล่าสุดองค์การทุนเพื่อเด็กแห่งสหประชาชาติ (ยูนิเซฟ) และกรมสุขภาพจิต ได้เผยแพร่ผลการประเมินสุขภาพจิตเด็กและวัยรุ่น ตลอดปีที่ผ่านมาจนถึงสิ้นเดือนกันยายนนี้ พบว่า เด็กและวัยรุ่นมีภาวะความเสี่ยงที่จะเป็นโรคซึมเศร้า ร้อยละ 32 มีภาวะเครียดสูง ร้อยละ 28 และมีความเสี่ยงที่จะฆ่าตัวตาย ร้อยละ 22 โดยระบุว่า การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ที่ทุกคนจะต้องปรับตัว ต้องมีการเว้นระยะห่างทางสังคม และมีการปรับการเรียนรูปแบบใหม่ผ่านระบบออนไลน์จากที่บ้าน ทำให้วิถีชีวิตของเด็กและวัยรุ่นเปลี่ยนแปลงไปอย่างมาก ส่งผลต่อปฏิสัมพันธ์ภายในครอบครัว พัฒนาการการเรียนรู้ ปัญหาความรุนแรงในครอบครัว และปัญหาสุขภาพจิตในบางราย
จากการประเมินสถานการณ์ด้านสิทธิมนุษยชนของประเทศไทย ประจำปี 2563 โดย กสม. ในมิติผลกระทบจากการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 พบว่า สถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคส่งผลกระทบต่อเด็ก ซึ่งถือเป็นกลุ่มเปราะบาง ทั้งในมิติของการศึกษา และสภาพจิตใจ โดยเด็กนักเรียนจำนวนไม่น้อยเข้าไม่ถึงระบบการศึกษาทางออนไลน์ เนื่องด้วยครอบครัวประสบปัญหาด้านเศรษฐกิจ ไม่อาจจัดหาอุปกรณ์คอมพิวเตอร์และไม่สามารถเข้าถึงระบบอินเทอร์เน็ตได้ โดยเฉพาะในพื้นที่ห่างไกล
นอกจากนี้ เด็กไทยส่วนมากยังวิตกกังวลเกี่ยวกับปัญหาการเงินในครอบครัว ซึ่งส่งผลกระทบต่อสภาพจิตใจของเด็ก สอดคล้องกับข้อมูลจากยูนิเซฟที่ระบุว่า ปัจจุบันเด็กและวัยรุ่นในประเทศไทยและทั่วโลกต้องเผชิญกับการเรียนรู้ที่หยุดชะงักลง และกำลังเผชิญกับปัญหาด้านสุขภาพจิตมากขึ้นเรื่อยๆ ซึ่งเป็นประเด็นที่มักถูกมองข้าม ภายใต้สถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ที่ยังคงดำเนินไปอย่างต่อเนื่องในขณะนี้
กสม.จึงขอเน้นย้ำให้ทุกภาคส่วนร่วมกันตระหนักถึงการคุ้มครองและส่งเสริมสิทธิของเด็ก ตามหลักอนุสัญญาว่าด้วยสิทธิเด็ก ซึ่งรัฐภาคีจะต้องคำนึงถึงประโยชน์สูงสุดของเด็กในทุกการกระทำที่เกี่ยวข้องกับเด็ก โดยจะต้องทำให้เด็กได้รับมาตรฐานสาธารณสุขที่สูงที่สุดเท่าที่จะหาได้ และรับประกันว่าจะไม่มีเด็กคนใดถูกลิดรอนสิทธิในการรับบริการดูแลสุขภาพ และยังต้องประกันสิทธิของเด็กทุกคนที่จะต้องได้รับการศึกษาบนพื้นฐานของโอกาสที่เท่าเทียมกัน เพื่อให้สอดคล้องกับมาตรา 71 ของรัฐธรรมนูญปี 60 ที่กำหนดให้รัฐพึงให้ความช่วยเหลือเด็กให้สามารถดำรงชีวิตได้อย่างมีคุณภาพด้วย จึงมีข้อเสนอเบื้องต้นให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งหาทางแก้ปัญหาและทบทวนเรื่องวิธีการเรียนการสอนออนไลน์ การเข้าถึงระบบการเรียนออนไลน์ที่อาจเป็นสาเหตุของความเครียด โดยควรเน้นให้นักเรียนเป็นศูนย์กลางการเรียนรู้ และดำเนินการเชิงรุกในการดูแลสุขภาพจิตของเด็กและเยาวชน ด้วยกลไกที่เข้าถึงได้ง่าย และมีผู้สื่อสารกับเด็กอย่างเป็นมิตร คำนึงถึงประโยชน์สูงสุดของเด็กเป็นสำคัญ.-สำนักข่าวไทย