ศบค.ห่วงเชื้อโควิดระบาดชายแดนใต้

ทำเนียบ 29 ก.ย.-ศบค.ห่วงการแพร่ระบาดเชื้อโควิดในชายแดนใต้ เตือนให้ทุกพื้นที่เคร่งครัดป้องกันช่วงเทศกาลกินเจ ย้ำแม้ผ่อนคลายแต่ต้องปฏิบัติตามเงื่อนไข เพื่อก้าวผ่านอยู่กับโควิดให้ได้ในฐานะโรคประจำถิ่น

พญ.อภิสมัย ศรีรังสรรค์ ผู้ช่วยโฆษกศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรน่า 2019 (โควิด-19) หรือ ศบค. แถลงว่า ศบค.เป็นห่วงการระบาดในพื้นที่ชายแดนภาคใต้  ที่ยังคงมีผู้ติดเชื้อสูงขึ้น ซึ่งกระทรวงสาธารณสุข ได้สรุปจำนวนผู้ติดเชื้อทั่วประเทศ ส่วนใหญ่มีอายุระหว่าง 20 – 29 ปี แต่กลุ่มที่ป่วยหนักและเสียชีวิตจะเป็นผู้ที่มีอายุ 60 ปีขึ้นไป รวมทั้งกลุ่มที่มีโรคประจำตัว จึงต้องเน้นย้ำเฝ้าระวังการสัมผัสใกล้ชิด โดยเฉพาะวัยแรงงานที่อาจจะติดเชื้อแล้วไม่มีอาการ  ยังสามารถดำเนินชีวิตตามปกติ ไปสัมผัสกับผู้สูงอายุ หรือผู้ป่วยติดเตียง ผู้ที่มีโรคประจำตัว ทำให้คนกลุ่มนี้มีอาการหนักและเสียชีวิตได้  ทั้งนี้คงต้องเน้นไปยังแต่ละจังหวัดให้ผู้ว่าราชการจังหวัด  คณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัด  เร่งระดมฉีดวัคซีนให้ได้ตามกลุ่มเป้าหมาย คือ ผู้สูงอายุ  ผู้ป่วย 7 กลุ่มโรค และหญิงตั้งครรภ์ตั้งแต่ 12 สัปดาห์ขึ้นไป


ซึ่งกรมควบคุมโรค ยังรายงานว่า การติดเชื้อยังอยู่ในส่วนของชุมชนที่มีการรวมกลุ่ม เช่น โรงเรียนนายสิบ ที่ประจวบคีรีขันธ์  ล้งผลไม้ ที่มีแรงงานต่างด้าวสัมผัสใกล้ชิด  และลามไปยังล้งผลไม้อื่นๆ   รวมทั้งงานศพ ที่มีรายงานอย่างต่อเนื่อง  ดังนั้นเป็นหน้าที่ของคณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัด  ในพื้นที่กำกับติดตามกวดขันให้ทุกงานศพมีการเฝ้าระวังมาตรการสาธารณสุขอย่างเคร่งครัด  นอกจากนั้นในวันที่ 4 ตุลาคมที่จะมีเทศกาลกินเจ ขอเน้นย้ำให้ทางจังหวัดตรวจสอบมาตรการอย่างเข้มงวด  โดยเฉพาะโรงเจ  ผู้ประกอบการจะต้องจัดสถานที่ที่เหมาะสม และมีมาตรการเฝ้าระวังควบคุมโรคอย่างเข้มงวด บุคลากร หรือผู้ดำเนินการ จะต้องใช้หลักการ covid free setting  หรือ โรงเจปลอดโควิด-19 เพื่อความปลอดภัย โดยอาจจะต้องให้พนักงานฉีดวัคซีน หรือตรวจหาเชื้อ ATK

พญ.อภิสมัย เน้นย้ำข้อกำหนดออกตามความมาตรา 9 แห่ง พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ซึ่งที่ประชุม ศบค.ชุดใหญ่ เห็นชอบเมื่อวันที่ 27 กันยายน ที่ผ่านมา  นายกรัฐมนตรี ในฐานะ ผอ.ศบค. ลงนามแล้ว  และจะประกาศในราชกิจจานุเบกษา  ซึ่งจะมีผลบังคับใช้ในวันที่ 1 ตุลาคมนี้เป็นต้นไป  เป็นฉบับที่ 34 เป็นระยะเวลา 2 สัปดาห์ คือ ตั้งแต่ 1 – 15 ตุลาคม  กำหนดระดับพื้นที่สถานการณ์เพื่อการบังคับใช้มาตรการควบคุมแบบบูรณาการ  จำแนกเป็นพื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวด 29 จังหวัด พื้นที่ควบคุมสูงสุด 37 จังหวัด  และพื้นที่ควบคุม 11 จังหวัด ห้ามบุคคลใดในเขตพื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวด ออกนอกเคหสถานระหว่างเวลา 22:00 น ถึง 04:00 น ของวันรุ่งขึ้น  จนถึงวันที่ 15 ตุลาคม


ส่วนมาตรการข้อห้ามและข้อปฏิบัติสำหรับพื้นที่ควบคุมสมดุลและเข้มงวดตามที่กำหนดไว้ในข้อกำหนดที่ประกาศก่อนหน้านี้ให้คงไว้ไม่มีการเปลี่ยนแปลง  การขนส่งสาธารณะ   การปฏิบัติงานนอกสถานที่ทำงาน หรือ work from home ยังคงขอความร่วมมือให้ส่วนราชการ ภาครัฐ ภาคเอกชน ยังคงดำเนินการอย่างเต็มความสามารถที่จะทำได้  ขอให้คณะกรรมการโรคติดต่อกรุงเทพฯ หรือ คณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัด  กำกับดูแลและติดตามการดำเนินการของสถานที่กิจการหรือกิจกรรมในพื้นที่  สถานการณ์ที่กำหนดเป็นพื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวดที่ได้ปรับมาตรการตามข้อกำหนดนี้ เพื่อให้เปิดดำเนินการได้โดยให้ผู้ประกอบการหรือผู้ที่มีหน้าที่รับผิดชอบจัดเตรียมสถานที่ ตรวจสอบระบบหมุนเวียนระบายอากาศ   การกำกับดูแลความพร้อมของบุคลากรผู้ให้บริการ และปฏิบัติตามเงื่อนไข เงื่อนเวลา การจัดระบบระเบียบ และมาตรการป้องกันโรคต่างๆ ตามที่ทางราชการกำหนด

ตั้งแต่ 1 ตุลาคม เป็นต้นไป ข้อกำหนดที่ 34 อนุญาตให้โรงเรียน สถาบันการศึกษาทุกประเภท ใช้อาคาร สถานที่ เพื่อการจัดการเรียนการสอน การสอบ การฝึกอบรมหรือการทำกิจกรรมใด ที่มีผู้เข้าร่วมกิจกรรมเป็นจำนวนมากได้ โดยให้ผู้แทนกระทรวงศึกษาธิการ กระทรวงการอุดมศึกษาวิทยาศาสตร์ วิจัย และนวัตกรรม หรือหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในพื้นที่รับผิดชอบ ร่วมกับคณะกรรมการโรคติดต่อกรุงเทพฯ หรือ คณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัด พิจารณาความจำเป็น และการดำเนินการตามมาตรการป้องกันโรค ที่ทางราชการกำหนด ให้เหมาะสมกับสภาพพื้นที่ และสถานการณ์ในพื้นที่ที่รับผิดชอบ

เช่นเดียวกับสถานรับเลี้ยงเด็ก ศูนย์พัฒนาเด็กเล็ก สถาบันพัฒนาเด็กปฐมวัย ศูนย์เด็กพิเศษ สถานที่ให้การดูแล หรือสถานสงเคราะห์อื่น ที่เป็นการจัดสวัสดิการให้แก่เด็ก ให้เปิดทำการได้  ร้านจำหน่ายอาหารและเครื่องดื่มสามารถเปิดให้บริโภคอาหาร หรือเครื่องดื่มในร้านได้ไม่เกิน 21:00 น.  ห้ามบริโภคสุรา หรือเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ในร้าน และจำกัดจำนวนผู้นั่งบริโภคในร้าน  กรณีห้องแอร์ให้มีผู้นั่งบริโภคไม่เกินร้อยละ 50 หากเป็นพื้นที่เปิดอากาศถ่ายเทได้ดีให้มีจำนวนผู้บริโภคไม่เกินร้อยละ 75 จากที่นั่งปกติ   สามารถแสดงดนตรีในร้านอาหารได้โดยมีผู้แสดงไม่เกิน 5 คน  


ร้านสะดวกซื้อ ตลาดสด หรือตลาดนัด  เฉพาะการจำหน่ายสินค้าอุปโภคหรือบริโภค เปิดดำเนินการได้ตามเวลาปกติถึง 21.00 น. โดยจำกัดเวลาสำหรับร้านสะดวกซื้อที่ตามปกติเปิดให้บริการในช่วงเวลากลางคืนให้ปิดบริการระหว่าง 21.00 น. ถึง 04.00 น ของวันรุ่งขึ้น

การเรียนรู้ห้องสมุด และพิพิธภัณฑ์ทุกประเภท บ้านหนังสือ หอศิลป์ แหล่งประวัติศาสตร์ โบราณสถาน ศูนย์การเรียนรู้ ศูนย์วิทยาศาสตร์เพื่อการศึกษา อุทยานวิทยาศาสตร์ สามารถเปิดดำเนินการได้และจำกัดจำนวนผู้ให้บริการ แต่งดกิจกรรมที่อาจทำให้เกิดความแออัด งดการบริโภคอาหาร และปฏิบัติตามมาตรการป้องกันโรคตามที่กระทรวงสาธารณสุข กำหนดอย่างเข้มงวด  

โรงภาพยนตร์สามารถเปิดดำเนินการได้ไม่เกิน 21.00 น. จำกัดจำนวนผู้ใช้บริการไม่เกินร้อยละ 50 ของความจุที่นั่ง งดการบริโภคอาหารและเครื่องดื่ม และสวมหน้ากากอนามัยตลอดเวลา   สถานเสริมความงาม  ร้านเสริมสวยแต่งผมหรือตัดผม ร้านทำเล็บ ร้านสัก สามารถเปิดดำเนินการ และให้บริการผ่านการนัดหมาย จนถึงเวลา 21.00  น.  โดยกำหนดเงื่อนไขสำหรับร้านสัก ที่จะให้บริการเฉพาะผู้รับบริการที่แสดงหลักฐาน  ว่าได้รับวัคซีนตามกำหนด หรือ มีหลักฐานผลการตรวจยืนยัน  ว่าไม่มีเชื้อโควิค-19   ในระยะเวลา 72 ชั่วโมง ก่อนการใช้บริการโดยวิธี RT-PCR หรือ ชุดตรวจ ATK              

“ย้ำให้ทุกกิจกรรม ที่ได้รับการผ่อนคลาย ร่วมปฏิบัติตามมาตรการ อย่างเคร่งครัด  ทั้งการสวมหน้ากากอนามัย  การตรวจวัดอุณหภูมิ หรือขอผล ATK  และการเว้นระยะห่าง  เพราะหากดำเนินการได้ การผ่อนผันผ่อนคลายก็จะมีเพิ่มขึ้น แต่หากปล่อยปะละเลยจนกลายเป็นคลัสเตอร์ใหม่ ก็อาจนำไปสู่การทบทวนอีกครั้ง  จึงอยากขอความร่วมมือให้ทุกฝ่ายช่วยกัน  เพื่อให้สอดคล้องกับทิศทางของหลายๆประเทศ  ที่กำลังปรับเพื่อให้อยู่กับโควิดในฐานะโรคระบาดประจำถิ่นให้ได้ต่อไป” พญ.อภิสมัย กล่าว .- สำนักข่าวไทย   

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

“ภูมิธรรม” แบ่งงาน 2 รมช.มหาดไทย เจ้าตัวคุม “โยธาฯ-ปค.”

กระทรวงมหาดไทย 14 ก.ค. –“ภูมิธรรม” แบ่งงาน 2 รมช.มหาดไทยแล้ว เจ้าตัวคุม “โยธาฯ – ปค.” ฟาก “เดชอิศม์” คุม “ที่ดิน – สถ.” สางปัญหาที่ดิน นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกฯ และรมว.มหาดไทย รักษาราชการนายกฯ กล่าวว่า ขณะนี้ตนได้แบ่งงานกับทั้ง 2 รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทยเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ซึ่งการทำงานของทั้ง 3 คนเราทำงานเป็นทีมเดียวกัน ส่วนหลักเกณฑ์การแบ่งก็กระจายให้ทั่วถึงเพื่อช่วยกันดูแล โดยตนกำกับดูแลกรมโยธาธิการและผังเมือง กรมการปกครอง สำนักปลัดกระทรวงมหาดไทย สำนักงานรัฐมนตรี กระทรวงมหาดไทย การประสานงานส่วนราชการในสังกัด กระทรวงมหาดไทยตาม พ.ร.บ.การบริหารราชการจังหวัดชายแดนภาคใต้ พ.ศ.2553 การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค การประปาส่วนภูมิภาค และดูหน่วยงานส่วนที่เหลือทั้งหมด โดยทั้งหมดสงวนไว้ในส่วนที่เกี่ยวข้องกับงบประมาณ และบุคคลซึ่งตนเป็นผู้ดูแล นายภูมิธรรม กล่าวต่อว่า ได้มอบหมายให้ น.ส.ธีรรัตน์ สำเร็จวาณิชย์ รมช.มหาดไทย กำกับดูแล กรมการพัฒนาชุมชน เพราะเป็นเรื่องเกี่ยวกับสตรีและการดำเนินการเรื่องผ้าไทย รวมถึงกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย […]

รถพ่วงเบรกแตกลงเขา ชนแหลก 10 คัน เจ็บ 3

นครราชสีมา 13 ก.ค. – รถพ่วงเบรกแตกลงเขามอกลางดง ชนแหลกรวมสิบคัน บาดเจ็บ 3 คน ทำถนนมิตรภาพรถติดยาวหลายกิโลเมตร คนขับรถพ่วงบาดเจ็บ แต่ยังให้การได้ รถพ่วงบรรทุกตู้คอนเทนเนอร์ ชนแหลกนับ 10 คัน บนถนนมิตรภาพ ขาเข้ากรุงเทพมหานคร ช่วงลงเขามอกลางดง กิโลเมตรที่ 37-38 อ.ปากช่อง จ.นครราชสีมา ตำรวจ สภ.กลางดง พร้อมเจ้าหน้าที่กู้ภัยหลายหน่วยระดม เข้าตรวจสอบที่เกิดเหตุ และช่วยเหลือผู้บาดเจ็บ ที่เกิดเหตุพบรถบรรทุกตู้คอนเทนเนอร์คันต้นเหตุ ยี่ห้อฮีโน่ สีขาว ทะเบียน กรุงเทพมหานคร ด้านหน้าหัวลากพังยับ นายวิทยา อายุ 34 ปี คนขับ ได้รับบาดเจ็บที่ขาซ้าย ยังนั่งอยู่บริเวณที่นั่งข้างคนขับ โดยเล่าว่า บรรทุกของมาเต็มตู้คอนเทนเนอร์ ช่วงลงเขาเกิดเบรกไม่อยู่ เนื่องจากลมหมด จึงทำให้พุ่งชนท้ายรถพ่วงบรรทุกไม้อีกคันที่อยู่ด้านหน้า จนกระเด็นไปคนละทิศละทาง ไม้กระจายเกลื่อนถนน ด้วยความแรงยังวิ่งไปเฉี่ยวชนกับรถที่วิ่งอยู่ด้านหน้าเสียหายอีก 8 คัน เป็นรถกระบะ 5 คัน, รถเก๋ง […]

มส.มีมติสั่งปลด-ถอดสมณศักดิ์ พระอาบัติปาราชิก เรียกพระ 5 รูปแจงด่วน

กรุงเทพฯ 13 ก.ค.-มหาเถรสมาคม ประชุมนัดพิเศษ มีมติสั่งปลด-ถอดสมณศักดิ์ พระอาบัติปาราชิก เผยสึกแล้ว 6 คน ยังติดต่อไม่ได้ 2 คน เตรียมแก้กฎมหาเถรสมาคม อ้างสุดล้าหลังกว่า 50 ปี ขณะที่พระเทพพัชราภรณ์ เจ้าอาวาสวัดชูจิตฯ ชิงลาออกแล้ว นายอินทพร จั่นเอี่ยม ผอ.สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ (พศ.) แถลงข่าวภายหลังการประชุมมหาเถรสมาคมนัดพิเศษ ครั้งที่ 1/2568 ว่า สมเด็จพระสังฆราชห่วงใยต่อกระแสข่าวที่เกิดขึ้น จึงมีพระบัญชาให้มหาเถรสมาคม นิมนต์กรรมการฯประชุมเร่งด่วน ซึ่งทางกรรมการฯ มีข้อห่วงใย และมีการอภิปรายกันอย่างกว้างขวาง โดยมีมติ ดังนี้ -พระที่ถูกกล่าวหา ต้องอาบัติปราชิก ถือว่าสิ้นสุดความเป็นพระภิกษุทางวินัย และต้องสึกโดยทันที ส่วนพระที่ยังไม่ถึงขั้นปราชิก ก็ให้ปลดออกจากตำแหน่งเจ้าคณะพระสังฆาธิการทุกรูป และจะมีมติขอพระราชทานพระบรมราชานุญาตถอดสมณศักดิ์-ในระยะเร่งด่วน ให้เจ้าคณะผู้ปกครองสงฆ์ทุกระดับ ตรวจสอบดูแลและกำกับพฤติกรรมองพระในปกครองอย่างใกล้ชิด หากพบพฤติกรรมละเมิดพระธรรมวินัยให้ดำเนินการสอบสวน และรายงานมหาเถรสมาคมโดยเร็ว-กรณีพระภิกษุถูกกล่าวหาผิดพระธรรมวินัย ประเภทครุกาบัติ ให้ออกคำสั่พักการปฏิบัติหน้าที่ และให้เจ้าหน้าที่ดำเนินการตามกฏหมาย พร้อมขอให้ระมัดระวังการให้ข้อมูลต่อสื่อมวลชนและสาธารณชน เนื่องจากยังเป็นเพียงผู้ถูกกล่าวหา-และทบทวนปรับปรุงกฎระเบียบคณะสงฆ์ว่าด้วยการประทำผิดพระธรรมวินัย ประเภทครุกาบัติ โดยมหาเถรสมาคม เห็นควรขอประทานพระวินิจฉัยสมเด็จพระสังฆราช มีพระบัญชาโปรดให้แต่งตั้งคณะกรรมการพิเศษเพื่อคุ้มครองพระพุทธศาสนาคณะหนึ่ง […]

ส่งตัวดำเนินคดี นักท่องเที่ยวไทยทำร้ายทหารกัมพูชา

สุรินทร์ 13 ก.ค.-ทบ. เผยนักท่องเที่ยวไทยต่อยทหารกัมพูชา ที่ปราสาทตาเมือนธม เป็นอดีตทหารพราน ส่งตัวให้ตำรวจดำเนินคดีตามกฎหมาย เมื่อวันที่ 13 ก.ค.68 พล.ต.วินธัย สุวารี โฆษกกองทัพบกกล่าวถึงกรณีที่งนักท่องเที่ยวชาวไทย ทำร้ายร่างกายเจ้าหน้าที่ทหารกัมพูชาชุดประสานงาน ที่บริเวณปราสาทตาเมือนธม จังหวัดสุรินทร์ ว่า กองทัพบกได้รับรายงานจากกองกำลังสุรนารี ว่า เมื่อเวลาประมาณ 10.20 น. ได้เกิดเหตุการณ์นักท่องเที่ยวชาวไทยทำร้ายร่างกายเจ้าหน้าที่ทหารกัมพูชาชุดประสานงาน ณ บริเวณปราสาทตาเมือนธม โดยผู้ก่อเหตุได้ชกเจ้าหน้าที่กัมพูชา ทั้งทางด้านหลังและด้านหน้า ก่อนจะหลบหนีออกจากพื้นที่ ซึ่งเจ้าหน้าที่ฝ่ายไทยสามารถติดตามและควบคุมตัวได้ในเวลาต่อมา จากการตรวจสอบเบื้องต้น ทราบว่าผู้ก่อเหตุคือ นายสมหมาย ศรีศุกรานันทน์ อดีตอาสาสมัครทหารพราน ปัจจุบันดำรงตำแหน่งประธานชมรมทหารพรานจิตอาสาค่ายปักธงชัย และประธานเครือข่ายทหารผ่านศึกจังหวัดสมุทรสาคร ทั้งนี้ เนื่องจากบริเวณพื้นที่เกิดเหตุเป็นสถานที่ท่องเที่ยว ทางเจ้าหน้าที่ทหารฝ่ายไทย ได้ทำความเข้าใจกับผู้เสียหายไปแล้วในเบื้องต้น เพื่อพยายามไม่ให้กระทบความสัมพันธ์ในระดับเจ้าหน้าที่ทั้งสองฝ่าย สำหรับผู้ก่อเหตุ ได้ให้ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ ดำเนินการไปตามขั้นตอนของกฎหมายต่อไป.-313.-สำนักข่าวไทย

ข่าวแนะนำ

อุตุฯ เตือนฝนตกหนักถึงหนักมากบางแห่ง-กทม.ฟ้าคะนอง 60%

กรุงเทพฯ 16 ก.ค. – กรมอุตุฯ เตือนฝนตกหนักถึงหนักมากบางแห่งบริเวณ จ.เชียงราย พะเยา น่าน แพร่ อุตรดิตถ์ เลย หนองคาย จันทบุรี และตราด ขอให้ประชาชนระวังอันตรายจากฝนตกหนัก ส่วนกรุงเทพฯ และปริมณฑล มีฝนฟ้าคะนอง 60% และมีฝนตกหนักบางแห่ง กรมอุตุนิยมวิทยาพยากรณ์อากาศ 24 ชั่วโมงข้างหน้า ประเทศไทยยังคงมีฝนฟ้าคะนองและมีฝนตกหนักถึงหนักมากบางแห่ง โดยเฉพาะบริเวณจังหวัดเชียงราย พะเยา น่าน แพร่ อุตรดิตถ์ เลย หนองคาย จันทบุรี และตราด ขอให้ประชาชนในบริเวณดังกล่าวระวังอันตรายจากฝนตกหนักถึงหนักมากและฝนที่ตกสะสม อาจทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก โดยเฉพาะพื้นที่ลาดเชิงเขาใกล้ทางน้ำไหลผ่านและพื้นที่ลุ่ม ทั้งนี้ เนื่องจากมีหย่อมความกดอากาศต่ำปกคลุมบริเวณประเทศลาวและเวียดนามตอนบน ในขณะที่มรสุมตะวันตกเฉียงใต้ที่พัดปกคลุมทะเลอันดามัน ประเทศไทย และอ่าวไทย มีกำลังอ่อนลงเป็นกำลังปานกลาง สำหรับคลื่นลมบริเวณทะเลอันดามันตอนบนมีกำลังปานกลาง โดยมีคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร ส่วนทะเลอันดามันตอนล่าง มีคลื่นสูง 1-2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร […]

วธ. ยันกัมพูชาไม่ได้สอดไส้วรรณกรรมไทย ขึ้นทะเบียนต่อยูเนสโก

กทม. 15 ก.ค.-กรมส่งเสริมวัฒนธรรม ยืนยันกัมพูชาไม่ได้นำวรรณกรรมไทย 22 รายการ สอดไส้ขึ้นทะเบียนต่อยูเนสโก กรมส่งเสริมวัฒนธรรม กระทรวงวัฒนธรรม ออกหนังสือชี้แจง ตามที่มีการกล่าวอ้างในเพจดังกล่าวว่า “นี่คือวรรณกรรมไทย ที่กัมพูชานำไปสอดไส้ขึ้นทะเบียนต่อ Unesco และได้รับการขึ้นทะเบียนไปเรียบร้อย เพราะรัฐบาลไทยปล่อยปละละเลยและไม่คัดค้านเลยแม้แต่นิดเดียว…” กระทรวงวัฒนธรรม ขอขอบคุณท่านที่ห่วงใยต่อกรณีประเทศกัมพูชานำวรรณกรรมไทย จำนวน 22 รายการ นำไปขึ้นทะเบียนต่อยูเนสโก ในหัวข้อ มรดกทางวัฒนธรรมที่จับต้องไม่ได้ของกัมพูชา เพื่อใช้ในการแสดง Royal Ballet of Cambodia เป็นมรดกทางวัฒนธรรมที่จับต้องไม่ได้กับยูเนสโก ทั้งนี้ กระทรวงวัฒนธรรมได้ดำเนินการตรวจสอบข้อมูลดังกล่าว และขอชี้แจง ดังนี้ 1.ข้อมูลที่อ้างว่ามีการขึ้นทะเบียน “วรรณกรรมไทย 22 รายการ” โดยกัมพูชา ไม่เป็นความจริง เนื่องจากกัมพูชาไม่ได้เสนอขอขึ้นทะเบียนวรรณกรรม จำนวน 22 เรื่อง ต่อองค์การยูเนสโก แต่กัมพูชาได้เสนอขึ้นทะเบียน The Royal Ballet of Cambodia ซึ่งเป็นศิลปะการแสดงโบราณของกัมพูชา และยูเนสโกได้ประกาศขึ้นทะเบียนเป็นรายการตัวแทนมรดกวัฒนธรรมที่จับต้องไม่ได้ของมนุษยชาติ เมื่อปี พ.ศ. 2546 […]

รวมพลัง 5 ศาสนา เฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว

15 ก.ค. – กระทรวงวัฒนธรรม โดยกรมการศาสนา จัดพิธีทางศาสนามหามงคล 5 ศาสนา เฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษา 28 กรกฎาคม นางสาวแพทองธาร ชินวัตร รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม พร้อมด้วย องค์การทางศาสนาทั้ง 15 องค์การ จาก 5 ศาสนา ได้แก่ ศาสนาพุทธ ศาสนาอิสลาม ศาสนาคริสต์ ศาสนาพราหมณ์ – ฮินดู และศาสนาซิกข์ รวมทั้งหน่วยงานเครือข่าย มีผู้เข้าร่วมทั้งผู้ประกอบพิธีทางศาสนา ผู้นำทางศาสนา ศาสนิกชน เครือข่ายสถานศึกษา ผู้บริหารและเจ้าหน้าที่กระทรวงวัฒนธรรม รวมกว่า 1,000 คน ร่วมพิธีทางศาสนามหามงคล 5 ศาสนา เฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษา 28 กรกฎาคม จัดขึ้น ณ ศูนย์วัฒนธรรมแห่งประเทศไทย เพื่อถวายพระราชกุศลและถวายพระพรชัยมงคล แสดงความจงรักภักดีและสำนึก ในพระมหากรุณาธิคุณ ที่พระองค์ทรงมีต่อพสกนิกรทุกหมู่เหล่า กิจกรรมประกอบด้วย พิธีถวายพระพรชัยมงคล […]

หน่วยงาน 3 ป. แถลงปฏิบัติการจับกุม “สีกากอล์ฟ” จ่อขยายผลเส้นเงิน

บก.ป. 15 ก.ค.- ตำรวจแถลงปฏิบัติการจับกุม “สีกากอล์ฟ” ตรวจสอบเงินในบัญชี 3 ปีย้อนหลัง พบมีเงินหมุนเวียน 385 ล้านบาท ส่วนใหญ่โอนไปเว็บพนัน เหลือเงินในบัญชี 8,000 บาท ขณะที่พระผิดธรรมวินัยทยอยลาสิกขาแล้ว 9 รูป จากทั้งหมด 13 รูป พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รอง ผบช.ก. พร้อมด้วยนายภูมิวิศาล เกษมสุข เลขาธิการคณะกรรมการ ป.ป.ท., พ.ต.ท.สิริพงษ์ ศรีตุลา ผู้ช่วยเลขาธิการคณะกรรมการ ป.ป.ท., นายกมลสิษฐ์ วงศ์บุตรน้อย รองเลขาธิการคณะกรรมการ ปปง., นายสุขสันต์ ประสาระเอ ผู้อำนวยการสำนักสืบสวนและกิจการพิเศษ สำนักงานคณะกรรมการ ป.ป.ช., พล.ต.ต.ประสงค์ เฉลิมพันธ์ ผบก.ปปป., พล.ต.ต.วิทยา ศรีประเสริฐภาพ ผบก.ป., พ.ต.อ.เอนก เตาสุภาพ รอง ผบก.ป. ตำรวจกองบังคับการป้องกันปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบ (บก.ปปป.) ร่วมกับ […]