รัฐสภา 8 ก.ย. – 7 พรรคเล็ก แถลงจุดยืนโหวตคว่ำ วาระ 3 ร่างแก้ไข รธน. แจงไม่ได้กลัวสูญพันธุ์ แต่ห่วงคะแนนเสียงตกน้ำ เสียดายระบบ ส.ส.พึงมีที่ยุติธรรมที่สุด หวั่นใช้บัตร 2 ใบได้เผด็จการรัฐสภาเหมือนสมัย “ทักษิณ-สมัคร-ยิ่งลักษณ์”
นพ.ระวี มาศฉมาดล หัวหน้าพรรคพลังธรรมใหม่ เป็นตัวแทน 7 พรรคเล็กร่วมรัฐบาล ได้แก่ พรรคพลังธรรมใหม่ พลเมืองไทย ครูไทย ไทรักธรรม ประชาธรรมไท พลังชาติไทย เพื่อชาติไทย แถลงจุดยืนในการโหวต ร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญ วาระ3 ในวันที่ 10 กันยายนนี้ ว่า กลุ่มพรรคเล็กมีมติโหวตคว่ำร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญครั้งนี้ ด้วยเหตุผลว่ารัฐธรรมนูญฉบับปี 60 ผ่านการทำประชามติจากประชาชนแล้ว อีกทั้ง ร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญฉบับนี้ ยกเลิกระบบจัดสรรปันส่วนผสม ไม่เปิดโอกาสให้ประชาชนตัวเล็กๆเข้ามามีโอกาสทำงานในสภา รวมถึงล้มระบบ ส.ส.พึงมีที่ถือเป็นระบบที่ยุติธรรมที่สุด และยังล้มหลักการเรื่องคะแนนเสียงตกน้ำจากเดิมที่นำมารวมเป็นคะแนนของพรรคการเมืองได้ตกน้ำไป
“รัฐธรรมนูญปี 40 และ ปี50 ที่ใช้ระบบบัตรเลือกตั้ง 2 ใบ ทำให้เห็นว่าเกิดรัฐบาลทักษิณ-สมัคร-ยิ่งลักษณ์ เกิดเผด็จการรัฐสภา มีการคอรัปชั่นเชิงนโยบายมโหฬารอย่างโจ่งแจ้ง”นพ.ระวี กล่าว
ส่วนที่หลายฝ่ายมองว่าการที่พรรคเล็กออกมาประกาศคว่ำร่างรัฐธรรมนูญฉบับนี้ เพื่อรักษาผลประโยชน์ไม่ให้สูญพันธุ์ หรือไม่ นพ.ระวี ระบุว่า เหมือนจะใช่แต่ไม่ใช่ เพราะถ้าผ่านร่างรัฐธรรมนูญฉบับนี้พรรคขนาดเล็กจะสูญพันธุ์ พรรคขนาดกลางจะถูกแช่แข็งไปด้วย ยืนยันว่าพรรคเล็กมีจุดยืนเรื่องมาโดยตลอด พร้อมยืนยันไม่เคยมีการแจกเงิน หรือ”กล้วย” ที่มีการเปรียบเปรย มีแต่พรรคขนาดใหญ่ที่มีรัฐมนตรีได้เงินทอนจากโครงการต่างๆ ซึ่งการที่พรรคเล็กกล้าโหวตสวน เพราะพรรคเล็กไม่มีรัฐมนตรี จึงไม่มีผลประโยชน์แอบแฝง
นพ.ระวี กล่าวว่า ในวันที่ 10 กันยายนนี้ ขอเรียกร้องให้ ส.ส. โหวตคว่ำร่วมกับพรรคเล็ก รวมถึงเรียกร้องให้ ส.ว.คิดให้รอบคอบร่วมโหวตคว่ำร่างรัฐธรรมนูญฉบับนี้ด้วย เพราะถ้า ส.ว.สนับสนุนไม่ถึง 84 เสียงจะทำให้ร่างนี้ตกไป แต่หากร่างรัฐธรรมนูญฉบับนี้ผ่าน กลุ่มพรรคเล็กจะร่วมกับพรรคขนาดกลางลงชื่อยื่นต่อศาลรัฐธรรมนูญตีความ พร้อมนย้ำว่า หากจะแก้ไขรัฐธรรมนูญจริงๆขอให้ทำประชามติก่อน ซึ่งพรรคเล็กก็พร้อมสู้ในระบบบัตรเลือกตั้ง 2 ใบ ถ้าผ่านความเห็นของประชาชน ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับพรรคเล็กร่วมรัฐบาล 2 พรรคที่สนับสนุนแนวทางบัตรเลือกตั้ง 2 ใบ คือ พรรคประชาธิปไตยใหม่ประชาธิปไตย และพรรคประชาภิวัฒน์. สำนักข่าวไทย