หมอวรงค์ ยันไม่ปะทะม็อบคณะราษฎร 63

นนทบุรี 16 พ.ย.- กลุ่มไทยภักดี คัดค้านแก้รัฐธรรมนูญตั้งส.ส.ร. ยืนยันชุมนุมหน้าสภา ยุติก่อนกลุ่มคณะราษฎร 63 รวมตัว ไม่ต้องห่วงว่าจะมีการปะทะ เล็งยื่นอัยการสูงสุดส่งศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัย การแก้ไขไม่ชอบด้วยกฎหมาย


ที่สำนักงานกลุ่มไทยภักดี พระราม 5 นพ.วรงค์ เดชกิจวิกรม แกนนำกลุ่มไทยภักดี แถลงจุดยืนการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ว่า กลุ่มไทยภักดีคัดค้านการแก้ไขรัฐธรรมนูญทั้ง 3 ร่างประกอบด้วยร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญของรัฐบาล ฝ่ายค้าน และไอลอร์ ที่เปิดช่องให้มีการตั้งสมาชิกสภาร่างรัฐธรรมนูญ (ส.ส.ร.) ด้วยเหตุผลคือการแก้ไขทั้งฉบับอาจมีการแก้ไขในหมวดหมู่ที่เกี่ยวข้องกับสถาบันพระมหากษัตริย์ ลดทอนพระราชอำนาจ และการแก้ไขรัฐธรรมนูญใหม่ทั้งฉบับ จะเป็นเรื่องผลประโยชน์ของนักการเมืองไม่ใช่ของประชาชน เพราะรัฐธรรมนูญปี 2560 สามารถแก้ไขปัญหาทางการเมืองในอดีตได้ ดังนั้น การเมืองจะต้องแก้ไขปัญหาด้วยการเมืองเอง โดยไม่ไปเกี่ยวข้องกับรัฐธรรมนูญ ทั้งนี้กลุ่มไทยภักดีไม่ขัดข้อง หากจะแก้ไขรายมาตรา เฉพาะในส่วนที่เป็นปัญหาและทำให้ประชาชนได้ประโยชน์ โดยวันพรุ่งนี้ขอเชิญชวนประชาชน รวมตัวกันที่หน้ารัฐสภาในเวลา 9.00 น. ยื่นหนังสือถึงประธานวุฒิสภา เพื่อเตือนว่ามีประชาชนเข้าชื่อ 130,000 รายชื่อ ไม่ต้องการให้มีการแก้ไขรัฐธรรมนูญ

“ไม่ต้องห่วงว่าจะมีการรวมตัวของกลุ่มไทยภักดีในวันพรุ่งนี้ และจะมีการรวมตัวกันของกลุ่มคณะราษฎร 63 ในเวลา 15.00 น. ที่หน้ารัฐสภา จะมีการปะทะกัน เพราะกลุ่มไทยภักดีจะใช้เวลาไม่เกิน 2 ชั่วโมง จากนั้นจะยุติกันชุมนุม โดยกิจกรรมที่จัดขึ้นจะมีการเปิดเวทีให้ความรู้แก่ประชาชน ถึงประโยชน์ของรัฐธรรมนูญฉบับปัจจุบันและความพยายามแก้ไขเพื่อผลประโยชน์ของคนบางกลุ่ม ปัญหาของการเมืองต้องแก้ด้วยการเมืองไม่ใช่แก้รัฐธรรมนูญและนำสถาบันไปเกี่ยวข้อง และขอยืนยันว่าไม่มีเป้าหมายจะไปสร้างความวุ่นวายหรือปลุกระดมมวลชนไปกระทบกระทั่งให้เกิดความรุนแรง เพราะหลังจากกิจกรรมในวันที่ 17 พ.ย.นี่แล้วกลุ่มไทยภักดีจะไม่มีนำมวลชนไปชุมนุมที่หน้าอาคารรัฐสภาในระหว่างการประชุมรัฐสภา เพื่อพิจารณาร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญ” นพ.วรงค์ กล่าว


แกนนำกลุ่มไทยภักดี กล่าวว่า การแก้ไขรัฐธรรมนูญทั้งฉบับ ส่วนตัวมองว่าอาจเข้าข่ายเป็นการล้มล้างการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ดังนั้นในเวลา 14.00 น. ตนจะใช้สิทธิตามรัฐธรรมนูญมาตรา 49 ยื่นเรื่องต่ออัยการสูงสุด ให้พิจารณาส่งคำร้องไปยังศาลรัฐธรรมนูญให้วินิจฉัยเรื่องดังกล่าว และ ระงับยับยั้งการแก้รัฐธรรมนูญด้วยการตั้งส.ส.ร. ทั้งนี้ระหว่างการพิจารณาของรัฐสภาในวันที่ 17-18 พ.ย.นี้ อยากให้สมาชิกรัฐสภา พิจารณาทบทวนให้เกิดความรอบคอบและอย่าหวั่นไหวต่อกระแสกดดันที่จะนำรัฐธรรมนูญ มาเป็นตัวประกัน อ้างว่าจะสามารถยุติความขัดแย้งในบ้านเมืองได้ เพราะ หากเปิดช่องให้มีการตั้งส.ส.ร.แล้ว มีการไปแก้ไขในบางมาตราที่ไม่เหมาะสมอาจจะยิ่งสร้างปัญหาให้กับบ้านเมือง.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

สำนักสงฆ์หูตาทิพย์

ขุดพบ 12 ศพ ในสำนักสงฆ์ลัทธิประหลาด “สอนหู-ตาทิพย์”

ขุดพบ 12 ศพ ในสำนักสงฆ์ลัทธิประหลาด “สอนหู-ตาทิพย์” พระอ้างใช้สอนวิปัสสนากรรมฐาน เบื้องต้นอายัดไว้พิสูจน์ดีเอ็นเอ พร้อมเอาผิดหัวหน้าสำนักสงฆ์ ฐานนำศพเก็บไว้ในสถานที่ที่ไม่ใช่สุสานและฌาปนสถาน

“สนธิ” ยื่นถอด “ตั้ม-เดชา” ออกจากทนาย

“สนธิ ลิ้มทองกุล” หอบหลักฐานบุกสภาทนายความ ถอดทนายตั้ม-ทนายเดชา ออกจากทนาย ระบุ ได้รับมอบอำนาจจาก “มาดามอ้อย” แล้ว เดินหน้าเอาผิด ทนายตั้มแบบสุดซอย ไม่ให้มีคนตกเป็นเหยื่อผู้รู้กฎหมายอีก

รัสเซียยิงขีปนาวุธข้ามทวีปรุ่นใหม่ถล่มยูเครน

ประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน ของรัสเซีย แถลงยืนยันว่ารัสเซียยิงขีปนาวุธข้ามทวีปรุ่นใหม่ถล่มภาคตะวันออกยูเครนเมื่อวานนี้ ตอบโต้ที่ยูเครนใช้ขีปนาวุธที่ได้รับมอบจากสหรัฐและอังกฤษ

ข่าวแนะนำ

โค้งสุดท้าย ศึกสองนารีชิงเก้าอี้ นายก อบจ.นครฯ

เหลือไม่ถึง 2 วันแล้ว ที่ชาวนครศรีธรรมราชจะได้ออกไปใช้สิทธิเลือกตั้งนายก อบจ.นครฯ ศึกนี้เป็นการสู้กันเองของพรรคร่วมรัฐบาล ฝ่ายหนึ่งต้องการรักษาฐานที่มั่นไว้ให้ได้ อีกฝ่ายต้องการเจาะฐานให้แตก เพื่อหวังครองที่นั่งการเมืองระดับชาติในสมัยหน้า

ร้อนระอุโค้งสุดท้าย ศึกชิงเก้าอี้ นายก อบจ.อุดรธานี

การเลือกตั้งนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดอุดรธานี ครั้งนี้ดุเดือดเกินคาด ผู้สมัครจาก 2 พรรคใหญ่ลงชิงชัย ต่างเร่งเครื่องเต็มที่ในโค้งสุดท้าย การเลือกตั้งจะเกิดขึ้นในวันอาทิตย์ที่ 24 พ.ย.นี้ ใครจะเป็นผู้คว้าชัยชนะและสร้างการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญให้จังหวัดอุดรธานี ไปติดตามจากรายงาน

ความเห็นนักวิชาการ คดีทักษิณ

ศาลรัฐธรรมนูญมีมติไม่รับคำร้อง นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีและพรรคเพื่อไทย ร่วมกันกระทำการอันเป็นการใช้สิทธิหรือเสรีภาพเพื่อล้มล้างการปกครอง ขณะที่นักวิชาการชี้ว่าไม่ได้พลิกไปจากความคาดหมาย และผลจากคดีนี้ ไม่ทำให้เกิดจุดเปลี่ยนทางการเมือง แต่ก็ยังมีจุดเสี่ยงที่ต้องระวัง