“หมอวรงค์” ร้อง กกต. ปม “ทักษิณ” ครอบงำเพื่อไทย

กกต. 11 ก.ย.- “หมอวรงค์” ร้อง กกต. ปม “ทักษิณ” ครอบงำ “เพื่อไทย” ชี้เข้าข่ายการยุบพรรคโดยศาลรัฐธรรมนูญ ลั่นหากไม่ทำตามกฎหมาย จากระบอบทักษิณจะกลายเป็นระบอบชินวัตร แนะ กกต. ทำหน้าที่ให้เต็มที่ เชื่อบ้านเมืองจะดีขึ้น


นพ.วรงค์ เดชกิจวิกรม ประธานพรรคไทยภักดี พร้อมคณะ เดินทางยื่นหนังสือต่อคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ร้องเรียนกรณีนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ครอบงำพรรคเพื่อไทย โดยนายแพทย์วรงค์ ให้สัมภาษณ์ก่อนยื่นหนังสือว่าวันนี้ตนมายื่นเอกสารร้องเรียน 2 กรณี ประกอบด้วย 1.ร้องเรียนนายทักษิณ ที่ครอบงำพรรคเพื่อไทย ซึ่งเป็นความผิดตามพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) ประกอบรัฐธรรมนูญ (รธน.) ว่าด้วยพรรคการเมือง ในมาตรา 29 ส่วนประเด็นที่ 2 พรรคเพื่อไทย ยินยอมให้บุคคลที่ไม่ใช่สมาชิกพรรคเข้ามาชี้นำพรรค ซึ่งเป็นไปตามความผิด พ.ร.บ. เดียวกัน ในส่วนของมาตรา 28

ส่วนที่ตนมาร้อง เนื่องจากการครอบงำเป็นปัญหาใหญ่ของระบบการเมืองไทย เนื่องจากผู้ปฏิบัติเป็นเพียงหุ่นเชิดให้ถูกชี้นำ แต่บุคคลที่ครอบงำ อาจได้ผลประโยชน์แต่ประชาชนไม่รับรู้ จึงทำให้ตนต้องเข้ามาร้องเรียน เพื่อปกป้องประโยชน์ของประชาชน และปกป้องกฎหมายรัฐธรรมนูญ


ทั้งนี้ มี 3 สาระสำคัญ ที่เป็นเหตุผลต่อการร้องเรียน คือ การที่ นายทักษิณ เชิญชวนแกนนำบางส่วนของพรรคเพื่อไทย รวมทั้งนายชัยเกษม นิติสิริ แคนดิเดตนายกรัฐมนตรีพรรคเพื่อไทย และพรรคร่วมรัฐบาล เพื่อเจรจาในการจัดตั้งรัฐบาล ช่วงเย็นของวันที่ 14 สิงหาคมที่ผ่านมา หลังจากมีกระแสข่าวว่า นายเศรษฐา ทวีสิน หลุดจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรี และการพูดคุยได้บทสรุปว่า จะเสนอนายชัยเกษม ขึ้นเป็นนายกรัฐมนตรี แม้วันรุ่งขึ้นจะมีการประชุมพรรคเพื่อไทย โดยการเปลี่ยนตัวจากนายชัยเกษม เป็นนางสาวแพทองธาร ขึ้นเป็นนายกรัฐมนตรี แต่อย่างไรก็ตาม มันเป็นกรรมหรือเป็นวาระที่สำเร็จไปเรียบร้อยแล้ว เพราะนายทักษิณ ไม่ใช่สมาชิกพรรค แต่มาครอบงำ รวมทั้งชี้นำพรรคเพื่อไทย โดยเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ไม่มีหัวหน้าพรรคและเลขาธิการพรรค รวมทั้งกรรมการบริหารพรรคออกมาปฏิเสธตามกระแสข่าว

ส่วนประเด็นที่ 2 เป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นวันที่ 20 สิงหาคมที่ผ่านมา สื่อมวลชนสอบถามนายทักษิณ ว่า จะให้นางสาวแพทองธาร รวบตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมด้วยหรือไม่ และนายทักษิณ ได้ตอบกลับว่า มันหนักเกินไป ดังนั้น แม้จะอ้างว่านางสาวแพทองธาร เป็นลูกสาว แต่นางสาวแพทองธาร เป็นหัวหน้าพรรคเพื่อไทย ฉะนั้น เป็นการชี้นำหัวหน้าพรรคเพื่อไทย

ทั้งนี้ นายทักษิณได้ระบุอีกว่า การกระทำดังกล่าว ไม่ใช่การครอบงำ แต่เป็นการครอบครอง เพราะ นางสาวแพทองธาร เป็นลูกสาวตน ดังนั้น ตนจึงมองว่า การครอบครองนั้นหนักกว่าการครอบงำ เนื่องจากมีสิทธิ์เป็นเจ้าของ ส่วนการจะให้คำปรึกษาในฐานะคนเป็นพ่อ ตนมองว่า ควรให้คำปรึกษาที่บ้าน ไม่ใส่แสดงผ่านสื่อสาธารณะ เสมือนเป็นหัวหน้าพรรค ซึ่งเข้าข่ายผิดกฎหมาย


ส่วนประเด็นที่ 3 คือ การให้สัมภาษณ์ที่จะนำพรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) เข้าร่วมรัฐบาล เนื่องจากรัฐบาลต้องการเสียงที่เพียงพอต่อการผ่านกฎหมาย จึงให้เลขาธิการพรรคเพื่อไทยทำหนังสือเชิญร่วมรัฐบาล ดังนั้นเห็นชัดเจนว่านายทักษิณ ชี้นำในการจัดตั้งรัฐบาล โดยมีพรรคเพื่อไทยเป็นแกนนำ ร่วมทั้งกรณีที่ พรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) ที่จะมีกลุ่มของ ร้อยเอก ธรรมนัส พรหมเผ่า อดีตรัฐมนตรีเพื่อการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ และพลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ ซึ่งคำพูดของนายทักษิณ นั้นชัดเจนว่า จะเลือกกลุ่มใด และเป็นไปตามนั้น คือ ร้อยเอก ธรรมนัส

นายแพทย์วรงค์ กล่าวต่อว่า การกระทำดังกล่าวของพรรคเพื่อไทย ที่ให้บุคคลที่ไม่ใช่สมาชิกพรรคมาครอบงำ พรรคการเมืองนั้นจึงมีความผิด และนำไปสู่การยุบพรรคโดยศาลรัฐธรรมนูญ

เมื่อถามว่าปัจจุบัน มีประเด็นกระบวนการนิติสงคราม ถึงการร้องเรียนนางสาวแพทองธาร นายกรัฐมนตรีในประเด็นต่างๆ ว่าเป็นกระบวนการเช็คบิล และมีการจ้างโดยนำเงินมาแลกเปลี่ยน นายแพทย์ วรงค์ กล่าวว่า คำว่านิติสงคราม เป็นคำโจมตีของบุคคลที่มาฟ้อง และถามกลับว่าบุคคลเหล่านั้น เชื่อมั่นต่อกระบวนการระบบประชาธิปไตยหรือไม่ และประชาธิปไตย มีหัวใจหลัก 3 ข้อ คือ 1.สิทธิเสรีภาพ 2.การเลือกตั้ง และ 3.กระบวนการตรวจสอบ

ดั้งนั้นกระบวนการของประชาธิปไตย ต้องยอมรับการตรวจสอบ ส่วนบุคคลที่ระบุว่า เป็นกระบวนการนิติสงคราม เท่ากับบุคคลเหล่านั้นไม่ยอมรับการตรวจสอบ แล้วการตรวจสอบน้ำตนมองว่าเป็นเสน่ห์ของระบบประชาธิปไตย และประชาชนได้ประโยชน์ ดังนั้น คำว่านิติสงคราม เป็นวาทะกรรมที่เกร็งกลัวการตรวจสอบ ของพวกที่ไม่ชอบการตรวจสอบแต่อ้างว่ารักประชาธิปไตย ซึ่งมันของปลอม ฉะนั้น ตนยืนยันว่า ตนไม่รับเงิน และหากบุคคลใดบอกชื่อตนว่าตนรับเงิน ตนจะฟ้องทุกคน

ส่วนที่ระบอบทักษิณ จะฟื้นขึ้นมานั้น หากนายทักษิณ ไม่ทำตามกฎหมาย จากระบอบทักษิณ จะกลายเป็นระบอบชินวัตร

ทั้งนี้ ตนขอเรียกร้อง กกต. เนื่องจากเป็นหัวใจสำคัญที่จะทำให้ระบอบประชาธิปไตยเกิดการบาลานซ์ หาก กกต. ทำหน้าที่อย่างเต็มที่ ตนยืนยันว่า บ้านเมืองจะดีขึ้นอย่างแน่นอน ยืนยันว่า ไม่ได้ร้องไปเรื่อย และไม่เลอะเทอะ มีหลักมีเกณฑ์ และร้องแต่เรื่องใหญ่ๆ เรื่องเล็กตนไม่ร้อง .-317 -สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

ทหารกัมพูชาขุด “คูเลต” ลากยาว 650 เมตร

อุบลราชธานี 28 พ.ค.- เปิดภาพ! “คูเลต” ทหารกัมพูชาขุดลากยาว 650 เมตร จากต้นสัตบรรณถึงสามแยกลาว จุดปะทะทหารไทย เมื่อวันที่ 28 พ.ค.68 ผู้สื่อข่าวรายงาน ภายหลังเกิดเหตุปะทะระหว่างทหารไทยกับทหารกัมพูชา บริเวณช่องบก จังหวัดอุบลราชธานี หลังพบขุดคูเลต จากจุดต้นสัตบรรณถึงสามแยกลาว ระยะทาง 650 เมตร ซึ่งเป็นพื้นที่อ้างสิทธิ์ โดยก่อนจะเกิดเหตุปะทะกัน ทหารไทยได้เข้าไปเจรจา เพราะเป็นการละเมิด MOU 2543 เป็นครั้งที่ 2 แต่ทางทหารกัมพูชากับยิงสวนออกมา จึงเกิดการปะทะกัน โดยช่วงนี้อยู่ระหว่างการเจรจาของผู้นำในพื้นที่ทั้งสองฝ่าย โดยฝ่ายทหารไทยยืนยันว่าให้ทหารกัมพูชา ออกจากพื้นที่อ้างสิทธิพร้อมกัน-313 .-สำนักข่าวไทย

มทภ.2 ย้ำกัมพูชาต้องยึด MOU 43 หลังละเมิดขุดคูเลต 2 รอบ

อุบลราชธานี 28 พ.ค.- มทภ.2 ย้ำกัมพูชาต้องยึด MOU 43 หลังละเมิดขุดคูเลต 2 รอบ ทหารไทยเข้าเจรจากลับยิงสวน ลั่นปกป้องอธิปไตยตามแผนที่ 1:50,000 เต็มที่ พล.ท.บุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2 กล่าวถึง เหตุปะทะระหว่างทหารไทยและทหารกัมพูชา บริเวณช่องบก จังหวัดอุบลราชธานี ว่า ในช่วงเช้าที่ผ่านมา กำลังพลของกองกำลังสุรนารีได้ลาดตระเวนและพบว่า ทหารกัมพูชาขุดคูเลต เช่นเดียวกับเนิน 745 ช่องบก ซึ่งพื้นที่ดังกล่าวเป็นพื้นที่อ้างสิทธิ์ โดยก่อนจะเกิดเหตุปะทะกัน ทหารไทยได้เข้าไปเจรจา แต่ทางกัมพูชา ยิงสวนออกมา จึงเกิดการปะทะกัน อย่างที่เป็นข่าว สำหรับแนวทางการแก้ไขปัญหาต่อจากนี้ ผู้บังคับบัญชาในระดับพื้นที่กำลังพูดคุยเจรจา “ยืนยันว่าทหารไทยทำหน้าที่รักษาอธิปไตยตามแผนที่ 1:50,000 ซึ่งในพื้นที่ทับซ้อนของทั้ง 2 ประเทศ จะมีการออกลาดตระเวนอย่างต่อเนื่อง เพื่อป้องกันไม่ให้อีกฝ่ายล้ำเข้ามา ซึ่งทุกฝ่ายต้องยึดตาม MOU 2543”.-313.-สำนักข่าวไทย

ปะทะทหารกัมพูชา

ทบ.แจงเหตุปะทะทหารกัมพูชาบริเวณช่องบก คลี่คลายแล้ว

กองทัพบก 28 พ.ค.-ทบ.แจงเหตุปะทะทหารกัมพูชาบริเวณชายแดนช่องบก จ.อุบลราชธานี ปัจจุบันสถานการณ์คลี่คลายแล้ว อยู่ระหว่างรอการเจรจา พล.ต.วินธัย สุวารี โฆษกกองทัพบก เผยถึงสถานการณ์ตามแนวชายแดนไทยกัมพูชา โดยระบุว่าได้รับรายงานจาก กองกำลังสุรนารีเกี่ยวกับเหตุการณ์ปะทะบริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา จังหวัดอุบลราชธานี เมื่อวันที่ 28 พฤษภาคม 2568 เวลา 05.30 น. โดย หน่วยเฉพาะกิจที่ 1 กองกำลังสุรนารี ได้รับการรายงานว่ามีทหารกัมพูชาเข้ามาวางกำลังในพื้นที่อ้างสิทธิ์ ซึ่งไม่เป็นไปตามข้อตกลง ฝ่ายไทยจึงจัดชุดประสานงานเพื่อเข้าพูดคุยเจรจาตามแนวทางการปฏิบัติที่เคยกระทำมา เมื่อถึงบริเวณดังกล่าว กำลังส่วนระวังเหตุของทหารกัมพูชา ได้เข้าใจผิด และเริ่มใช้อาวุธ ฝ่ายไทยจึงใช้อาวุธตอบโต้กลับไป โดยใช้เวลาประมาณ 10 นาที ต่อมาเวลา 05.55 น. พลตรี ทล โซะวัน รองผู้บัญชาการกองพลสนับสนุนที่ 3 ฝ่ายกัมพูชา ได้โทรศัพท์ประสานงานกับ พันเอก บุญเสริม บุญบำรุง รองผู้บัญชาการกองกำลังสุรนารี เพื่อให้ทั้งสองฝ่ายยุติ โดยทั้งสองฝ่ายได้ตกลงหยุดยิงและตรึงกำลังบริเวณจุดปะทะ ปัจจุบันทั้งสองฝ่ายอยู่ระหว่างการเจรจาผ่านกลไกทวิภาคี เพื่อจัดการกรณีอ้างสิทธิในพื้นที่ และกำหนดแนวทางร่วมกันในการปฏิบัติอย่างสันติ ตามข้อตกลงที่มีอยู่ […]

มติเอกฉันท์ สภาอนุมัติ “พ.ร.ก.ไซเบอร์-สินทรัพย์ดิจิทัล”

รัฐสภา 28 พ.ค.- สภาเอกฉันท์อนุมัติ “พ.ร.ก.ไซเบอร์-สินทรัพย์ดิจิทัล” ให้ธนาคารร่วมชดใช้ค่าเสียหายจาก “แก๊งคอลเซ็นเตอร์” เร่งคืนเงินผู้เสียหาย ในการประชุมสภาผู้แทนราษฎร สมัยวิสามัญ วาระการพิจารณาพระราชกำหนด (พ.ร.ก.) มาตรการป้องกันและปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2568 และ พ.ร.ก.การประกอบธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัล (ฉบับที่ 2) พ.ศ.2568 ที่คณะรัฐมนตรีเป็นผู้เสนอ ซึ่งแบ่งเวลาในการอภิปรายฝ่ายละ 2 ชั่วโมง รวม 4 ชั่วโมง และจะเป็นการรวมพิจารณา และแยกลงมติทีละฉบับ โดยนายประเสริฐ จันทรรวงทอง รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม เสนอหลักการว่า เนื่องจากปัจจุบัน มี พ.ร.ก.มาตรการป้องกันและปราบปรามอาชญกรรมทางเทคโนโลยี พ.ศ. 2566 ยังมีมาตรการบังคับทางกฎหมายที่ยังไม่เพียงพอ กับรูปแบบอาชญากรรม กลุ่มมิจฉาชีพ จึงต้องแก้ไขปรับปรุงให้ทันสมัย เช่น การเร่งคืนเงินให้ผู้เสียหาย, การอาญัติบัญชีม้า, การกำหนดหน้าที่และความรับผิดชอบของสถาบันการเงิน ผู้ให้บริการเครือข่ายโทรศัพท์ และมาตรการการโอนเงินผิดกฎหมาย ผ่านสินทรัพย์ดิจิทัล จากนั้น ได้เปิดโอกาสให้ สส.อภิปรายอย่างกว้างขวาง โดยนายจุติ […]

ข่าวแนะนำ

จับแล้ว “เกม” มือยิงยัดถังถ่วงอ่างเก็บน้ำห้วยใหญ่ตะคร้อ

นครสวรรค์ 29 พ.ค. – เมื่อสัปดาห์ก่อน เกิดเหตุสะเทือนขวัญ พบศพถูกยัดใส่ถังพลาสติกขนาด 200 ลิตร โยนทิ้งในอ่างเก็บน้ำห้วยใหญ่ตะคร้อ จ.นครสวรรค์ วันนี้จับผู้ต้องหาได้แล้ว จากเหตุสยองอ่างเก็บน้ำห้วยใหญ่ตะคร้อ อ.ไพศาลี จ.นครสวรรค์ เมื่อมีผู้พบศพชายปริศนา ถูกยัดอยู่ภายในถังพลาสติกขนาด 200 ลิตร ลอยอยู่ใกล้กับตลิ่ง เมื่อวันที่ 18 พ.ค.ที่ผ่านมา ทำให้ตำรวจ สภ.ตะคร้อ ต้องทำงานกันอย่างหนัก เพื่อหาคำตอบให้กับเหตุการณ์อันโหดเหี้ยมนี้ เบื้องต้นสามารถยืนยันได้ว่าชายดังกล่าวเสียชีวิตมาแล้ว 3-5 วัน และมีร่องรอยถูกยิงด้วยปืนลูกซอง จากการตรวจสอบในถังพลาสติกยังพบก้อนหินขนาดใหญ่ ถุงปุ๋ย และกระเป๋าสะพายข้าง ไปจนถึงโทรศัพท์มือถือ ทำให้สามารถค้นหาและทราบชื่อผู้เสียชีวิตคือ นายจุฑาเพชร หรืออ้วน อายุ 44 ปี ที่รับจ้างทำไร่ในพื้นที่ อ.โคกเจริญ จ.ลพบุรี จากการสืบสวนและแกะรอยจากกล้องวงจรปิดมานานกว่า 1 สัปดาห์ ทำให้พบว่านายปารวี หรือเกม อายุ 35 ปี เป็นผู้ก่อเหตุ เมื่อตรวจสอบรถกระบะและห้างนาของนายเกม ยิ่งพบหลักฐานสำคัญที่ยืนยันได้ว่านายเกมคือคนร้าย […]

ตั้ง 2 ประเด็น เหตุบุกยิง ครู-อส. งานแข่งตะกร้อ

นราธิวาส 29 พ.ค. – เจ้าหน้าที่เก็บหลักฐานเหตุคนร้ายยิงถล่ม สภ.จะแนะ จ.นราธิวาส คาดผู้ก่อเหตุมีไม่ต่ำกว่า 10 คน ด้านภรรยาตำรวจที่เสียชีวิต ร่ำไห้ทำใจไม่ได้ ส่วนเหตุบุกยิง ครู-อส. กลางงานแข่งตะกร้อ จนท.ตั้ง 2 ปมก่อเหตุ “ปัญหาส่วนตัว-ความมั่นคง” จากเหตุคนร้ายลอบยิงตำรวจขณะเข้าแถวเคารพธงชาติ ที่สถานีตำรวจภูธรจะแนะ ต.จะแนะ อ.จะแนะ จ.นราธิวาส และยิงใส่ป้อมรักษาการประตู กระทั่งเกิดการยิงตอบโต้กลุ่มผู้ก่อเหตุรุนแรงประมาณ 15 นาที จนกลุ่มผู้ก่อเหตุหลบหนีไป หลังเกิดเหตุ ส.ต.อ.อับดุลเลาะ มะกาเซ็ง อายุ 30 ปี เสียชีวิตในที่เกิดเหตุ และสิบตำรวจเอก เจษฎา พรหมรัตน์ อายุ 33 ปี บาดเจ็บสาหัส เมื่อวานนี้ (28 พ.ค.) ผู้สื่อข่าวเดินทางไปที่บ้านตำรวจที่เสียชีวิต เป็นสถานที่จัดงานให้ชาวบ้านมาร่วมทำบุญและแสดงความเสียใจกับครอบครัว หลังนำร่าง ส.ต.อ.อับดุลเลาะ ประกอบพิธีฝังศพที่กูโบร์บ้านบาเร๊ะบาโร๊ะ เมื่อคืนที่ผ่านมา (28 พ.ค.) นางสาวนุชฮูดา […]

ทางออก 3 ข้อ ไทย-กัมพูชา ตกลงร่วมคลี่คลายสถานการณ์ช่องบก

อุบลราชธานี 29 พ.ค. – สถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา หลังเกิดเหตุปะทะระหว่างทหารไทยกับทหารกัมพูชา เช้าวานนี้ (28 พ.ค.) บริเวณช่องบก อ.น้ำยืน จ.อุบลราชธานี ขณะนี้เข้าสู่วันที่ 2 แม้ไม่มีการปะทะเพิ่มเติม แต่เจ้าหน้าที่ยังตรึงกำลังแน่นหนา ส่วนชาวบ้านในพื้นที่เริ่มเตรียมความพร้อมสำหรับการอพยพ หากเกิดเหตุฉุกเฉิน แต่การแก้ปัญหาที่สำคัญคือ ผู้บัญชาการทหารบกของทั้งสองประเทศได้คุยกันแล้ว เพื่อคลี่คลายสถานการณ์ที่เกิดขึ้น เบื้องต้นได้ข้อสรุป 3 ข้อ.-สำนักข่าวไทย

จับแล้ว! “สามีภรรยา” คนสนิทอดีตเจ้าอาวาสวัดไร่ขิง

29 พ.ค.- จับแล้ว! สองสามีภรรยา คนสนิทอดีตเจ้าอาวาสวัดไร่ขิง มือคุมบัญชีประมูลร้านค้างานประจำปี – ร้านค้าสวัสดิการ หลังศาลอาญาทุจริตและประพฤติมิชอบกลาง ออกหมายจับ วันนี้ ( 29 พ.ค.68) เวลา 16.00 น. เจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.5 บก.ปปป. สนธิกำลังร่วมเจ้าหน้าที่ กก.5 บก.ป. นำกำลังเข้าจับกุม สองสามีภรรยา คนสนิทนายแย้ม อดีตเจ้าอาวาสวัดไร่ขิง หลังศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลาง อนุมัติออกหมายจับ ในความผิดฐาน ข้อหาฟอกเงิน และ เป็นผู้สนับสนุนเจ้าพนักงานที่มีหน้าที่ซื้อหรือการรักษาทรัพย์ แต่กลับเบียดบังหรือทุจริตทรัพย์นั้นมาเป็นของตน, เป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหรือละเว้นการปฎิบัติหน้าที่โดยมิชอบและเป็นเจ้าพนักงานของรัฐปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต” โดยสามารถจับกุมตัวทั้งสองได้ภายในค่ายลูกเสือพระพุทธศาสนา มูลนิธิหลวงพ่อวัดไร่ขิง อ.สามพราน จ.นครปฐม ก่อนควบคุมตัวผู้ต้องหาทั้ง 2 ราย มาสอบปากคำยัง กองบังคับการป้องกันปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบ (บก.ปปป.) ขณะเดียวมีรายงานว่า นอกเหนือจากผู้ต้องหาทั้งสองรายนี้ พนักงานสอบสวนยังได้ขออำนาจศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลาง อนุมัติออกหมายจับอดีตพระลูกวัดคนสนิท ทิดแย้ม ซึ่งถูกจับกุมก่อนหน้านี้ และถูกควบคุมตัวอยู่ในเรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ โดย พนักงานสอบสวน เตรียมประสานไปยังเรือนจำพิเศษกรุงเทพ […]