ศาลฎีกาฯ 4 ก.ค.- “หมอวรงค์” เข้าร่วมรับฟังการไต่สวนคดีชั้น 14 เผยมีการแทรกแซงกระบวนการยุติธรรมเกิดขึ้นในอดีต
นพ.วรงค์ เดชกิจวิกรม ประธานพรรคไทยภักดี เดินทางเข้าร่วมรับฟังการไต่สวนคดีการพักรักษาตัวที่โรงพยาบาลตำรวจ ชั้น 14 โดย นพ.วรงค์ เปิดเผยว่าวันนี้มาในคดีไต่สวนนักโทษชั้น 14 เนื่องจากเป็นคดีที่เกี่ยวข้องกับทางการแพทย์ และตนได้ติดตามคดีนี้มานานพอสมควร เชื่อว่าคดีนี้จะมีความชัดเจนมากยิ่งขึ้น หลังจากที่ผ่านการไต่สวนไปแล้ว และถ้าเราได้ติดตามการไต่สวนรอบที่แล้ว ข้อมูลที่ตนได้รับคาดว่าไม่น่าจะเป็นคุณกับนายทักษิณ เท่าที่ควร
ซึ่งตนได้อ่านรายละเอียดของคดีในหลายๆ ประเด็น ตนมีการตั้งข้อสังเกตอยู่หนึ่งอย่าง คือการอ้างถึงมาตรา 55 พ.ร.บ. ราชทัณฑ์ว่าด้วยการส่งนักโทษไปรักษาภายนอก ในความเห็นของตนมาตรา 55 มีความขัดแย้งกับกฎกระทรวง ซึ่งในกฎกระทรวงกำหนดไว้ว่าหากมีการเจ็บไข้ได้ป่วยโดยเฉพาะมีอาการจิต หรือโรคติดต่อ ในกฎกระทรวงระบุไว้ว่าให้ไปส่งที่สถานพยาบาลโดยเร็ว แต่ใน พ.ร.บ.ราชทัณฑ์มาตรา 55 ได้ระบุว่าให้พบแพทย์โดยเร็ว ซึ่งมีความขัดแย้งกัน โดยความเห็นของตน การใช้กฎกระทรวง ในการส่งตัวนายทักษิณไปรักษา ตนเชื่อว่าใช้ไม่ได้จึงเป็นสิ่งที่ตนต้องเดินทางมาฟังที่ศาลฎีกาฯ
เมื่อถามว่ามีการแทรกแซงในกระบวนการใช่หรือไม่ นพ.วรงค์ กล่าวว่า เรื่องนี้เกิดขึ้นในเดือน มี.ค. แต่เพิ่งได้รับข้อมูลเมื่อ 2 วันที่ผ่านมา เป็นข้อมูลที่น่าเชื่อถือ คนที่เอาข้อมูลมาให้กับตนเขาต้องการให้ปรามกระบวนการแทรกแซงกระบวนการยุติธรรม ที่จะทำให้กระบวนการยุติธรรมเสียหาย และข่าวที่ตนได้รับทราบในขณะนี้ภายในของกระบวนการกำลังตรวจสอบเรื่องนี้ หลังจากที่ตนได้เผยแพร่ออกไป ส่วนรายละเอียด ขออนุญาตไม่พูด แต่ทราบข่าวว่ามีการขยับในการตรวจสอบคดี ย้ำว่า “ทุกคนส่วนใหญ่ ทำงานเพื่อชาติบ้านเมือง แต่มีคนแค่ไม่กี่คนทำให้กระบวนการยุติธรรมเสียหาย โดยเฉพาะบางคนที่มีความสัมพันธ์กับนักการเมือง”
เมื่อถามว่ามีความกังวลอะไรหรือไม่ในวันนี้ นพ.วรงค์ กล่าวว่า วันนี้เข้าสู่กระบวนการการไต่สวนแล้ว เห็นว่าผ่านขั้นตอนการแทรกแซงมาแล้ว ดังนั้นการที่สื่อสารเลือกแทรกแซงออกมาเพราะต้องการสื่อสารให้รู้ว่าในอดีตเคยมีเรื่องนี้เกิดขึ้น ซึ่งโชคดีที่ตอนนี้ขบวนการเข้าสู่กระบวนการไต่สวน ขอขอบคุณและชื่นชมศาลฎีกาฯ ที่ให้สื่อมวลชนเข้าไปรับฟังการไต่สวนเพื่อให้ประชาชนได้เรียนรู้ไปพร้อมกัน จนถึงวันที่ศาลมีคำพิพากษาออกมา ประชาชนจะได้เรียนรู้และเข้าใจ -สำนักข่าวไทย