“หมอวรงค์” เข้าให้ถ้อยคำ กกต. 3 ประเด็น

กกต. 29 ต.ค.- “หมอวรงค์” เข้าให้ถ้อยคำต่อ กกต. อีก 3 ประเด็น เอาผิด “ทักษิณ” ครอบงำเพื่อไทย ยันไม่ได้ยื่นยุบพรรคร่วม


นพ.วรงค์ เดชกิจวิกรม ประธานที่ปรึกษาพรรคไทยภักดี เข้าให้ถ้อยคำต่อ กกต.กรณียื่นคำร้องขอให้ยุบพรรคเพื่อไทย ยินยอมให้นายทักษิณ ชินวัตร เข้าครอบงำ ชี้นำพรรค โดยนพ.วรงค์ กล่าวว่า วันนี้ กกต.เชิญมาให้ถ้อยคำเพิ่มเติมใน 3 ประเด็น ที่ได้มีการร้องไว้ทั้งการประชุมเพื่อจัดตั้งรัฐบาลที่บ้านจันทร์ส่องหล้า เมื่อวันที่ 14 ส.ค.2567 การที่นายทักษิณ ชี้นำว่าน.ส.แพทองธาร ชินวัตร จะควบตำแหน่งรัฐมนตรี และการเชิญ 6 พรรคร่วมรัฐบาลหารือเพื่อจัดตั้งรัฐบาล

และตนก็จะมีการเข้าให้ข้อมูลเพิ่มเติมที่จะให้กกต.อีก 3 ประเด็น แต่ทีมที่ปรึกษากฎหมายของพรรคเห็นว่าไม่ควรจะเปิดเผยต่อสาธารณะ เพราะการเปิดเผยจะทำให้อีกฝ่ายนำข้อมูลไปบิดเบือน โดย 3 ประเด็นใหม่นี้เป็นข้อมูลที่สำคัญ และมีเหตุผลที่น่าเชื่อถือซึ่งเราได้เตรียมเอกสารมายื่นให้กับกกต. เราเชื่อว่าหลักฐานที่มีอยู่และสิ่งที่สื่อรายงานไม่มีคนของพรรคเพื่อไทยสักคนออกมาปฏิเสธการรายงานของสื่อ ถ้ารายงานไม่ถูกต้องคนของพรรคเพื่อไทยต้องออกมาปฏิเสธ เราจึงมั่นใจว่าหลักฐานชิ้นนี้จะเอาผิดพรรคเพื่อไทย และนายทักษิณ ได้


เมื่อถามว่าพรรคเพื่อไทยอ้างว่านายทักษิณ ไม่ได้ครอบงำเพราะการประชุมที่บ้านจันทร์ส่องหล้า มีการเสนอชื่อนายชัยเกษม นิติสิริ แต่สุดท้าย 6 พรรคร่วมก็โหวตให้น.ส.แพรทองธาร เป็นนายกนายกรัฐมนตรี นพ.วรงค์ กล่าวว่า พรรคเพื่อไทยโต้แย้งหลายประเด็นแต่ถ้าวันนั้นไม่ได้มีการประชุมจัดตั้งรัฐบาล ทำไมพรรคเพื่อไทยจึงไม่ได้ออกมาตอบโต้ตั้งแต่วันนั้น ทำไมเพิ่งออกมาแก้ตัวหลังจากที่กกต. รับคำร้องว่าเป็นการไปทานข้าว แม้วันที่ประชุมที่บ้านจันทร์ส่องหล้า จะมีมติเสนอชื่อนายชัยเกษม แต่วันรุ่งขึ้นกลับโหวตเลือกน.ส.แพทองธาร เป็นนายกรัฐมนตรี ก็ต้องถามกลับว่า เย็นวันนั้นที่นายทักษิณ มาประชุม หากพรรคร่วมรัฐบาลไม่เชื่อว่านายทักษิณ มีอำนาจเหนือพรรคเพื่อไทย 6 พรรคร่วมจะมาร่วมประชุมทำไม คงไม่ได้มาเพื่อนั่งเล่นเฉยๆ เพราะสื่อก็รายงานตรงกัน แสดงว่าสิ่งที่นายทักษิณ จะทำเป็นเครื่องยืนยันว่ามีอำนาจเหนือพรรคเพื่อไทย พรรคร่วมรัฐบาลทั้ง 6 พรรคจึงมาร่วมประชุมด้วย และถ้านายทักษิณ ไม่มีอำนาจเหนือพรรคเพื่อไทยจริง ทำไมคนของพรรคเพื่อไทยไม่ออกมาปฏิเสธไม่ให้นายทักษิณ เข้ามายุ่งย่าม เรื่องการจัดตั้งรัฐบาล ณ ขณะนั้น

นพ.วรงค์ กล่าวอีกว่าในคำร้องของตนไม่ได้มีการกล่าวหาพรรคร่วมรัฐบาล แต่อาจจะมีของผู้ร้องคนอื่นๆ ซึ่งเหตุผลที่ตนไม่ได้ร้อง 6 พรรคร่วม เพราะในฐานะที่ทำพรรคการเมืองตนไม่เชื่อว่านายทักษิณ จะสามารถครอบงำพรรคการเมืองอื่นได้ แต่เขามีสิทธิที่จะต่อรองกับ 6 พรรค ซึ่งเป็นการตอกย้ำว่า 6 พรรคร่วมต่อรองกับนายทักษิณแล้วจะจบ และเท่ากับว่านายทักษิณ มีอำนาจเหนือพรรคเพื่อไทย คิดว่าพรรคเพื่อไทยคงคิดว่าสิ่งที่เขาทำมาทั้งหมดมันสร้างกระแสโต้กลับให้พรรคเพื่อไทย และนายทักษิณ หนักหน่วงกว่าที่คิด ซึ่งแน่นอนว่าเขาจะต้องแก้เกม แต่เกมที่มันไหลลงมา มันหลายเกมมาก ทำให้เขาต้องหยุดนิ่งและประเมินสถานการณ์ อย่างน้อยเขาต้องมาชี้แจงต่อ กกต. และเขาต้องคาดเดาว่าอีก 3 ประเด็นเพิ่มเติมที่ตนมายื่นต่อกกต.มีอะไรบ้าง ซึ่งตนคิดว่าไม่ควรที่จะเปิดเผย เพราะเมื่อเปิดแล้วเขาจะไปสร้างสถานการณ์ทำให้คนเข้าใจผิด ฉะนั้นการที่วันนี้เขานิ่ง เขาต้องตั้งรับเขาไม่สามารถที่จะรุกคืบต่อไปได้

เมื่อถามว่า พรรคเพื่อไทยเชื่อมือทีมกฎหมายว่าจะชี้แจงในเรื่องนี้ได้ นพ.วรงค์ กล่าวว่า ทุกอย่างมีข้อเท็จจริง ต่อให้ทีมกฎหมายเก่งแค่ไหน ถ้าคุณทำผิดมันก็สู้ยาก และเท่าที่สังเกตดู ทีมกฎหมายก็ประกาศอยู่เสมอว่าไร้สาระแต่สุดท้ายก็มีประเด็น ทีมกฎหมายก็พูดแบบให้กำลังใจกันไปก่อน บอกเลยว่าประเด็นนี้ไม่ง่ายสำหรับทีมกฎหมาย ยังไม่รวมในประเด็นที่นายธีรยุทธ สุวรรณเกษร ยื่นเรื่องชั้น 14 สิ่งเหล่านี้เป็นสิ่งที่นายทักษิณ พรรคเพื่อไทย ยินยอมกระทำร่วมกัน ทำให้สถานการณ์โต้กลับเขาแรงกว่าที่คิด ฝากไปถึงพรรคเพื่อไทยว่า วันนี้กับ 20 กว่าปีที่แล้ว สังคมไม่เหมือนเดิม มีการสื่อสารหลายช่องทาง ในอดีตคุณอาจจะทำอะไรกับสื่อก็ได้ แต่วันนี้ทุกอย่างผ่านโซเชียลมีเดีย ทำให้กระแสโต้กลับมันแรงกว่าที่เขาคาดคิด แล้วตกอยู่ในสถานะที่ลำบาก


“แม้วันนี้คุณทักษิณ จะไม่ออกมา แต่เชื่อว่าคุณทักษิณ ยังคุมและมีอิทธิพลเหนือรัฐบาลอยู่ ซึ่งหลักฐานในอดีตมีอยู่หลายชิ้น แล้วผมก็เคยพูดเตือนคุณทักษิณ ว่าอย่าออกมาแต่สุดท้ายนายทักษิณ ก็เป็นผู้สร้างหลักฐานขึ้นมาเอง วันนี้การที่อยู่นิ่งๆก็ดีแล้ว จะทำให้รัฐบาลมีเวลาแก้ปัญหา”นพ.วรงค์ กล่าว .314.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

รวบแล้ว! มือปืนโหดสวมชุดไรเดอร์ ตามยิงซ้ำที่ รพ. ดับ 2

ปทุมธานี 5 มิ.ย.- จับแล้ว! มือปืนโหดสวมชุดไรเดอร์ รัวกระสุนใส่หน้าบ้าน ก่อนตามไปยิงซ้ำที่ รพ. เสียชีวิต 2 ราย สารภาพอ้างแค้นถูกตีท้ายครัว ความคืบหน้าเหตุมือปืนชายแต่งกายไรเดอร์ ใช้รถจักรยานยนต์เป็นยานพาหนะ ยิงใส่กลุ่มวัยรุ่นชายหญิง ที่นั่งจับกลุ่มกันอยู่หน้าบ้าน ในพื้นที่ ต.ระแหง อ.ลาดหลุมแก้ว ทำให้มีผู้ได้รับบาดเจ็บ 2 ราย หลังเกิดเหตุกลุ่มเพื่อนได้นำคนเจ็บไปส่งโรงพยาบาล แต่คนร้าย ได้ขี่รถจักรยานยนต์ตามประกบ ใช้อาวุธปืนตามยิงซ้ำถึงในโรงพยาบาล ส่งผลให้ผู้ได้รับบาดเจ็บที่อยู่ท้ายกระบะเสียชีวิต 2 ราย ล่าสุดเจ้าหน้าที่สามารถจับกุมตัวมือปืน ทราบชื่อนายสมยศ อายุ 32 ปี พร้อมของกลางอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนที่ใช้ในการก่อเหตุ โดยให้การรับสารภาพว่าตนเองจะมายิงนายมานะ หรือไอซ์ อายุ 33 ปี เพียงคนเดียว ซึ่งก่อนเกิดเหตุตนได้นั่งกินเบียร์มาก่อน และที่ทำไปนั้น เพราะจับได้ว่าผู้ตายเป็นชู้กับภรรยาตน หลังก่อเหตุขับรถหนีไปจังหวัดสมุทรปราการ ซึ่งขณะนี้ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจกำลังหาพยานหลักฐานเพิ่มเติม .-สำนักข่าวไทย

“ภูมิธรรม” รับกัมพูชาล้ำ 200 ม. จริง แต่เป็นจุด No Man’s Land

ทำเนียบ 5 มิ.ย.- “ภูมิธรรม” รับกัมพูชาล้ำ 200 เมตร จริง แต่เป็นจุด No Man’s Land ย้ำใช้เวที JBC เจรจา บอกไม่ใช่เรายอมศิโรราบ แต่ไทยมีข้อมูลหลักฐาน รอชัดเจน 14 มิ.ย. ขณะที่กองทัพเตรียมพร้อมตรึงกำลังแนวชายแดน ลั่นไม่ยอมใคร ยืนยันไทยเริ่มต้นจากสันติ ชี้หากประกาศกฏอัยการศึก แม่ทัพภาค 2 มีอำนาจสั่งได้ทันที นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม กล่าวถึงการลงพื้นที่ชายแดน ไทย-กัมพูชา บริเวณช่องบก จังหวัดอุบลราชธานีเมื่อวานนี้ ว่า ตนได้รับรายงานจากกองทัพภาคที่สอง ถึงข้อมูลที่ออกไปในปัจจุบัน ผิดไปจากสิ่งที่เป็นอยู่ ในปัจจุบันมากพอสมควร จึงอยากให้ระมัดระวังเรื่องข้อมูลข่าวสาร ยืนยันว่า ในพื้นที่ไม่ได้มีการวางทุ่นระเบิด จะเป็นภาพเก่าในอดีต ซึ่งตนมองว่าเป็นการสร้างความสับสน และทำลายศรัทธาความร่วมมือของประชาชน นายภูมิธรรม กล่าวถึงการรุกล้ำ 200 เมตร ว่า ทั้งหมดนี้อยู่ที่คณะกรรมการ JBC ซึ่งปัญหาที่เกิดขึ้นในพื้นที่ชายแดนกำหนดแต่ละฝ่ายมีจุดที่ค่อมกัน ดังนั้นจึงกำหนดให้เป็น […]

ดรามานิติไล่ไรเดอร์รับลูกค้าหน้าคอนโดฯ

5 มิ.ย. – สาวเรียกรถผ่านแอปฯ มารับหน้าคอนโดฯ หัวหน้าวินมอเตอร์ไซค์ถือวิทยุสื่อสารพร้อมไล่ให้ลงรถ ขู่ไม่อนุญาตให้เรียกรถผ่านแอปฯ ด้านไรเดอร์รู้ข่าวบุกรวมตัว ลั่นถ้าคู่กรณีไม่ออกมาก็อย่าหวังว่าแยกย้าย คลิปจากผู้โดยสารคนหนึ่งถ่ายไว้ขณะเรียกรถมารับบริเวณด้านหน้าคอนโดฯ ย่านสาทร แต่กลับถูกชายรายหนึ่งถือวิทยุสื่อสาร ไล่ให้ลงจากรถ พร้อมพูดขู่ว่าไม่ใช่วินห้ามเข้า แฟนเพจเฟซบุ๊กอยากดังเดี๋ยวจัดให้ รีเทริน์ part 6 ได้รับเรื่องร้องเรียนจากลูกบ้านคอนโดฯ แห่งหนึ่ง โพสต์ไว้หลังจากเรียกรถผ่านแอปพลิเคชัน แต่กลับถูกขัดขวาง ระบุว่า “เราได้เรียกรถจักรยานยนต์ผ่านแอปพลิเคชันเพื่อไปทำงานตามปกติ แต่มีชายคนหนึ่ง (คาดว่าเป็นวินในหมู่บ้าน มีวิทยุสื่อสารด้วย) เข้ามาไล่ให้ลงจากรถ พร้อมพูดในลักษณะข่มขู่ว่า “ไม่ให้เรียกผ่านแอปฯ เพราะที่นี่มีวินอยู่แล้ว” และยังไล่คนขับกลับไปทันที เหตุการณ์นี้ทำให้รู้สึกไม่ปลอดภัยและเสียเวลาในการเดินทาง รบกวนช่วยตรวจสอบ ขอความชัดเจนว่าในหมู่บ้านมีข้อกำหนดห้ามเรียกรถผ่านแอปฯ หรือไม่ หากมีรบกวนขอเอกสารหรือประกาศที่เป็นทางการด้วย หากไม่มีรบกวนช่วยดำเนินการกับบุคคลดังกล่าว เพราะพฤติกรรมที่เกิดขึ้นเข้าข่ายคุกคามและไม่เหมาะสม” หลังจากโพสต์ดังกล่าวถูกเผยแพร่ ปรารกฏว่าวานนี้ (4 มิ.ย.) มีไรเดอร์จำนวนมานัดรวมตัวกันและเดินทางไปยังคอนโดฯ ดังกล่าว โดยมีตำรวจเข้ามาพูดคุย ขณะที่ทางตัวแทนไรเดอร์ระบุว่า ถ้าคู่กรณีไม่ออกมาก็อย่าหวังว่าแยกย้าย และนิติคอนโดฯ ต้องออกมาพูดให้ชัดเจนว่าไรเดอร์เข้าไปรับผู้โดยสารได้ไหม” ต่อมาที่ สน.บางขุนเทียน เจ้าหน้าที่เรียกตัวนายพงษ์ อายุ 52 […]

คนขับหลับใน รถทัวร์เสียหลักตกร่องถนน ดับ 2 สาหัส 5

ประจวบคีรีขันธ์ 4 มิ.ย. – รถทัวร์ตกร่องกลางถนนชนเสาไฟ บนถนนเพชรเกษม อ.เมืองประจวบคีรีขันธ์ ผู้โดยสารเสียชีวิต 2 ราย บาดเจ็บสาหัส 5 คน คนขับยอมรับหลับใน วงจรปิดจับภาพขณะเกิดเหตุรถทัวร์ขับมาดีๆ จู่ๆ ไถลลงร่องกลางถนน โดยไม่มีคู่กรณี เหตุเกิดประมาณตี 04.30 น.ที่ผ่านมา (4 มิ.ย.) บนถนนเพชรเกษม บริเวณหน้าค่ายพระมงกุฎเกล้า อ.เมืองประจวบคีรีขันธ์ รถที่เกิดเหตุเป็นรถบัสโดยสารปรับอากาศ สายระยอง-มุกดาหาร พลิกตะแคงอยู่ในร่องกลาง มีร่องรอยชนกับเสาไฟและการ์ดเลนถนน สภาพรถด้านหน้าพังยับเยิน กระจกหน้าและด้านข้างแตกร้าว หลังคาฉีกขาด ที่เกิดเหตุมีผู้เสียชีวิต 2 คน เป็นชาย และอาการสาหัส 5 คน นอกจากนี้ยังมีผู้บาดเจ็บอีกจำนวนมาก เจ้าหน้าที่ปฐมพยาบาลเบื้องต้นและเร่งนำตัวนำส่งโรงพยาบาล ขณะที่ผู้โดยสารต่างอยู่ในอาการตกใจ บอกว่าก่อนเกิดเหตุรู้สึกว่ารถส่ายไปมา คนขับรถคือ นายทศพร อายุ 51 ปี ให้การว่า ในรถมีผู้โดยสารรวมคนขับแล้ว 28 คน รับผู้โดยสารจาก จ.ระยอง […]

ข่าวแนะนำ

กัมพูชาจะไม่นำเรื่องพื้นที่พิพาทเข้าสู่วาระการประชุมเจบีซีกับไทย

กรุงเทพ 5 มิ.ย. – รัฐบาลกัมพูชาออกแถลงการณ์ลงวันที่ 4 มิถุนายนตำหนิเหตุการณ์ยิงปะทะกับทหารไทย พร้อมประกาศนำข้อพิพาทเรื่องดินแดนในพื้นที่ 4 จุดต่อศาลยุติธรรมระหว่างประเทศ โดยจะไม่นำเข้าวาระการประชุมคณะกรรมาธิการเขตแดนร่วม (Joint Boundary Committee- JBC) หรือ เจบีซี ไทย-กัมพูชา กลางเดือนนี้ แถลงการณ์ของรัฐบาลกัมพูชา รัฐบาลกัมพูชาได้ดำเนินนโยบายต่างประเทศบนรากฐานแห่งสันติภาพ มิตรภาพ และความร่วมมือระหว่างประเทศ เสมอมา โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับประเทศเพื่อนบ้านที่มีชายแดนร่วมกันตามที่กำหนดไว้ตั้งแต่สมัยอาณานิคมฝรั่งเศส นับตั้งแต่ได้รับเอกราช ยกเว้นช่วงระบอบการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ของเขมรแดง กัมพูชายังคงยึดมั่นอย่างแน่วแน่ในการเปลี่ยนชายแดนร่วมเหล่านี้ให้เป็นเขตแห่งสันติภาพ มิตรภาพ ความร่วมมือ และการพัฒนา แม้จะมีความท้าทายเกิดขึ้นตลอดเส้นทางที่ผ่านมา กัมพูชาได้ให้ความสำคัญกับการยุติปัญหาชายแดนอย่างสันติ แม้ในช่วงเวลาที่มีความตึงเครียดเป็นครั้งคราวและมีการสูญเสียชีวิตของทหารผู้กล้าหาญที่ยืนหยัดปกป้องอธิปไตยและบูรณภาพแห่งดินแดนของชาติ ความมุ่งมั่นที่ไม่เปลี่ยนแปลงของรัฐบาลกัมพูชา ในการแก้ไขปัญหาอย่างสันติเป็นที่ประจักษ์ในการดำเนินงานในอดีตที่ผ่านมา รวมถึงการส่งข้อพิพาทไปยังศาลยุติธรรมระหว่างประเทศ หรือ ICJ ซึ่งมีคำวินิจฉัยเป็นคุณแก่กัมพูชาในปี 2505 และอีกครั้งหนึ่งในปี 2556 ในข้อพิพาทชายแดนกับประเทศไทย การกระทำเหล่านี้สะท้อนให้เห็นถึงความมุ่งมั่นของกัมพูชาต่อกฎหมายระหว่างประเทศและการแก้ไขปัญหาความขัดแย้งอย่างสันติ อย่างไรก็ตามเป็นเรื่องที่น่าเศร้าใจ ที่ในช่วงเช้าตรู่ของวันที่ 28 พฤษภาคม 2565 เวลาประมาณ 05:30 น. เกิดเหตุการณ์ที่ทหารไทยได้เปิดฉากยิงเข้าใส่ทหารกัมพูชาในพื้นที่หมู่บ้านเตโชมรกต ตำบลมรกต […]

อดีตพระพรหมเมธี กลับไทยสู้คดีเงินทอนวัด หลังลี้ภัยนาน 7 ปี

กรุงเทพฯ 5 มิ.ย. – อดีตพระพรหมเมธี กลับถึงไทยเช้านี้ เพื่อสู้คดีเงินทอนวัด หลังตกเป็นผู้ต้องหามาตั้งแต่ปี 2561 ทำให้ต้องลี้ภัยไปอยู่เยอรมนี นานถึง 7 ปี เมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมามีรายงานข่าวว่า พระจำนงค์ ธัมมจารี หรืออดีตพระพรหมเมธี อายุ 84 ปี อดีตผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดสัมพันธวงศาราม และอดีตกรรมการมหาเถรสมาคม ผู้ต้องหาในคดีความผิดร่วมกันฟอกเงินจากคดีเงินทอนวัด เมื่อปี 2561 เดินทางจากเมืองแฟรงก์เฟิร์ต ประเทศเยอรมนี กลับประเทศไทย โดยมาถึงท่าอากาศยานสุวรรณภูมิตั้งแต่เวลา 06.30 น.ที่ผ่านมา หลังจากลี้ภัยไปอยู่ประเทศเยอรมนี ตั้งแต่ปี 2561 หรือเมื่อ 7 ปีที่ผ่านมา การเดินทางกลับมายังประเทศไทยครั้งนี้ อดีตพระพรหมเมธีต้องการจะเข้าสู่กระบวนการต่อสู้คดีตามกฎหมาย ต่อมาอดีตพระพรหมเมธีได้เดินทางไปยังกองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง เพื่อมอบตัวต่อสู้คดี ขณะนี้อยู่ระหว่างการสอบปากคำ บริเวณชั้น 27 ขณะที่บรรยากาศที่กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลางในช่วงเช้าวันนี้ พบว่าเมื่อเวลา 10.40 น.ที่ผ่านมา มีพระสงฆ์ 2 รูป เดินทางมายังกองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง ผู้สื่อข่าวจึงพยายามเข้าไปกราบสอบถามพระสงฆ์ทั้ง 2 รูป […]

“ภูมิธรรม” รับกัมพูชาล้ำ 200 ม. จริง แต่เป็นจุด No Man’s Land

ทำเนียบ 5 มิ.ย.- “ภูมิธรรม” รับกัมพูชาล้ำ 200 เมตร จริง แต่เป็นจุด No Man’s Land ย้ำใช้เวที JBC เจรจา บอกไม่ใช่เรายอมศิโรราบ แต่ไทยมีข้อมูลหลักฐาน รอชัดเจน 14 มิ.ย. ขณะที่กองทัพเตรียมพร้อมตรึงกำลังแนวชายแดน ลั่นไม่ยอมใคร ยืนยันไทยเริ่มต้นจากสันติ ชี้หากประกาศกฏอัยการศึก แม่ทัพภาค 2 มีอำนาจสั่งได้ทันที นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม กล่าวถึงการลงพื้นที่ชายแดน ไทย-กัมพูชา บริเวณช่องบก จังหวัดอุบลราชธานีเมื่อวานนี้ ว่า ตนได้รับรายงานจากกองทัพภาคที่สอง ถึงข้อมูลที่ออกไปในปัจจุบัน ผิดไปจากสิ่งที่เป็นอยู่ ในปัจจุบันมากพอสมควร จึงอยากให้ระมัดระวังเรื่องข้อมูลข่าวสาร ยืนยันว่า ในพื้นที่ไม่ได้มีการวางทุ่นระเบิด จะเป็นภาพเก่าในอดีต ซึ่งตนมองว่าเป็นการสร้างความสับสน และทำลายศรัทธาความร่วมมือของประชาชน นายภูมิธรรม กล่าวถึงการรุกล้ำ 200 เมตร ว่า ทั้งหมดนี้อยู่ที่คณะกรรมการ JBC ซึ่งปัญหาที่เกิดขึ้นในพื้นที่ชายแดนกำหนดแต่ละฝ่ายมีจุดที่ค่อมกัน ดังนั้นจึงกำหนดให้เป็น […]

นายกฯ ย้ำรัฐบาลยึดหลักอธิปไตย-ประโยชน์สูงสุดของประเทศ

กรุงเทพฯ 4 มิ.ย. – นายกฯ ย้ำรัฐบาลไม่นิ่งนอนใจต่อสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา ยืนยันหลักอธิปไตยและประโยชน์สูงสุดของประเทศ วันนี้ (4 มิ.ย.68) นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี โพสต์เรื่องสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา รัฐบาลยืนยันหลักอธิปไตยและประโยชน์สูงสุดของประเทศ “ดิฉันขอย้ำอีกครั้งว่า รัฐบาลไม่ได้นิ่งนอนใจต่อสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา และได้บูรณาการการทำงานอย่างใกล้ชิดระหว่างกระทรวงการต่างประเทศ กระทรวงกลาโหม และหน่วยงานความมั่นคง เพื่อประเมินสถานการณ์อย่างรอบด้าน” นายกรัฐมนตรี ยังกล่าวว่า เรารวบรวมข้อมูลจากทั้งเจ้าหน้าที่ในพื้นที่ ภาพแผนที่จากเทคโนโลยีและการวิเคราะห์ทางวิทยาศาสตร์ ตลอดจนพิจารณาอย่างเคร่งครัดภายใต้หลักกฎหมายระหว่างประเทศ โดยมีเป้าหมายคือการปกป้องอธิปไตยของชาติและผลประโยชน์ของประชาชนเป็นสำคัญ หากมีความคืบหน้า รัฐบาลจะมอบหมายให้กระทรวงการต่างประเทศ เป็นผู้ชี้แจงรายละเอียดเป็นระยะ เพื่อให้พี่น้องประชาชนได้รับข้อมูลที่ถูกต้องและรอบด้านต่อไป.-314-สำนักข่าวไทย