รัฐสภา 18 ก.ย.-ส.ส.อภิปรายขอปรับลดงบฯ กระทรวงมหาดไทย ชี้ไม่สอดคล้องกับสถานการณ์ปัจจุบัน โดยเฉพาะการจัดซื้อเฮลิคอปเตอร์ของ ปภ.ที่ยังไม่จำเป็น
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ช่วงบ่าย ที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎรพิจารณาร่าง พ.ร.บ.
งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2564 มาตรา 20 งบประมาณรายจ่ายของกระทรวงมหาดไทย วงเงินงบประมาณกว่า 268,500 ล้านบาท โดยกรรมาธิการฯ มีการปรับลดลงกว่า 3,800 ล้านบาท โดยสมาชิกตั้งข้อสังเกตให้ปรับลดงบประมาณในส่วนของกระทรวงมหาดไทย เพราะไม่สอดคล้องกับสถานการณ์ปัจจุบัน
โดยนายเลิศศักดิ์ พัฒนชัยกุล ส.ส.จังหวัดเลย พรรคเพื่อไทย กล่าวว่า โครงการความร่วมมือระหว่างกระทรวงมหาดไทย โดยกรมป้องกันบรรเทาสาธารณภัยร่วมกับกองทัพบก จัดซื้อเฮลิคอร์ปเตอร์เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการบรรเทาสาธารณภัย ซึ่งไม่สอดคล้องกับสภาวะเศรษฐกิจ รวมทั้งโครงการเช่าระบบคอมพิวเตอร์ให้บริการประชาชนด้านงานทะเบียนและบัตรประชาชน เพื่อทดแทนระบบเดิม จำนวน 455 แห่ง เป็นเงินกว่า 54 ล้านบาท ซึ่งโครงการทั้งหมด ไม่มีความจำเป็นที่ต้องตั้งงบประมาณเพิ่มเติม เพียงแต่กระจายอำนาจไปยังส่วนท้องถิ่น ให้ประชาชนสามารถเข้าถึงบริการงานทะเบียนราษฎร์ได้ง่าย
ด้าน น.ส.ธนภร โสมทองแดง ส.ส.แบบบัญชีรายชื่อ พรรคเสรีรวมไทย กล่าวว่า ร่างงบประมาณฉบับนี้มีกรอบงบประมาณเพิ่มขึ้นสูงถึง 1 แสนล้านบาท หรือคิดเป็น 3.1% ซึ่งการจัดสรรงบประมาณจากเงินภาษีของประชาชน ต้องคำนึงถึงความคุ้มค่าทุกบาททุกสตางค์ พร้อมตั้งข้อสังเกตงบประมาณในส่วนของกรมโยธาธิการและผังเมือง ในการจัดทำโครงการป้องกันการกัดเซาะชายฝั่ง ซึ่งไม่ใช่การแก้ปัญหาที่ต้นเหตุ รวมถึงการทำ Seawall จะสร้างปัญหาต่อเนื่องไม่รู้จบ และเชื่อว่าการแก้ปัญหาไม่ตอบโจทย์ความเดือดร้อนของประชาชน จึงขอปรับลดงบประมาณลง 20%
ขณะที่ นายวิสาร เตชะธีราวัฒน์ ส.ส.จังหวัดเชียงราย พรรคเพื่อไทย เสนอให้ปรับลดงบประมาณของกระทรวงมหาดไทยในส่วนของโครงการนววิถี ในกำกับของกรมการพัฒนาชุมชน เนื่องจากโครงการดังกล่าวไม่มีความโปร่งใส มีการทุจิตและใช้จ่ายงบประมาณไม่เป็นไปตามระเบียบของทางราชการ เอื้อผลประโยชน์ให้กับนายทุนในการรับจัดงานอีเว้นท์ อีกทั้งงบประมาณส่วนใหญ่ยังไม่ตอบโจทย์กับความต้องการของประชาชน ไม่สามารถส่งเสริมและพัฒนาธุรกิจของชุมชนได้อย่างแท้จริง ขณะเดียวกันการจัดสรรงบประมาณยังไม่กระจายให้ทั่วถึงทุกพื้นที่
นางอนุรักษ์ บุญเสริม ส.ส.สกลนคร พรรคเพื่อไทย อภิปรายให้ปรับลดงบฯ 5% โดยเห็นว่าประเทศไทยจะเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุในปี 2565 คิดเป็น 16% และอีก 10 ปีข้างหน้าในปี 2573 คาดว่าจะมีผู้สูงอายุถึง 20 ล้านคน รัฐบาลจะจัดการเรื่องนี้อย่างไร เพราะยังมีผู้สูงอายุอยู่ตามลำพังจำนวนมาก โดยที่ไม่มีบุตรหลานดูแล จึงอยากให้กระจายอำนาจท้องถิ่นอย่างจริงจัง โดยเชื่อมั่นในศักยภาพของ อบต.ทั่วประเทศที่จะช่วยบริหารจัดการสังคมผู้สูงอายุ
ขณะเดียวกัน สมาชิกบางส่วนได้ขอให้กระทรวงมหาดไทยนำงบประมาณจัดการแก้ปัญหาที่ดินทำกิน จัดสรรที่ดินทำกินให้ทั่วถึง รวมทั้งผลักดันปัญหาขยะให้เป็นวาระแห่งชาติ วางมาตรการรองรับปริมาณขยะและวิธีการคัดแยกขยะ เพื่อลดการทิ้งขยะ
นายศรัณย์วุฒิ ศรัณย์เกตุ กรรมาธิการเสียงข้างน้อย ชี้แจงถึงความจำเป็นการจัดซื้อเฮลิคอปเตอร์ของกรมป้องกันบรรเทาสาธารณภัย ร่วมกับกองทัพบก ว่า ไม่สามารถปรับลดหรือชะลอการจัดซื้อได้อีก เพื่อความครอบคลุมในการดูแลภารกิจการป้องกันภัยพิบัติทั่วทุกภูมิภาค และอยากให้สมาชิกพิจารณาถึงความคุ้มค่าว่าหากเจ้าหน้าที่ยังใช้เฮลิคอปเตอร์ลำเก่าและเกิดเหตุขัดข้อง จะทำให้เกิดความเสียหายอย่างมาก
จากนั้นที่ประชุมมีมติ 262 ต่อ 119 เสียง งดออกเสียง 7 เสียง เห็นชอบงบประมาณรายจ่ายของกระทรวงมหาดไทย.-สำนักข่าวไทย
