ให้ ป.ป.ท.ประสานหน่วยงานดำเนินการคดี “บอส”

ทำเนียบฯ 3 ก.ย.-“วิษณุ” ให้ ป.ป.ท.เร่งประสานหน่วยงานดำเนินการคดี “บอส- อยู่วิทยา” ตามข้อเสนอชุด “วิชา” พร้อมรายงานกับนายกฯ ระบุดีเอสไอจะเป็นผู้เคาะคดีอาญา ย้ำการตรวจสอบผู้เกี่ยวข้องต้องกำหนดกรอบเวลา ไม่ให้ขาดอายุความ


นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงการเชิญคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ (ป.ป.ท.) รวมถึงเลขานุการคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงและข้อกฎหมายกรณีคำสั่งไม่ฟ้องคดีที่อยู่ในความสนใจของประชาชน หรือคดีของนายวรยุทธ อยู่วิทยา ของนายวิชา มหาคุณ มาหารือวานนี้ (2 ก.ย.) ว่า ได้ตกลงแบ่งงานจากที่คณะกรรมการฯ ชุดดังกล่าวมีข้อเสนอแนะเร่งด่วนออกมา 5 ข้อ ซึ่งให้ ป.ป.ท.ทำหน้าที่เป็นศูนย์กลางประสานการทำงานกับหน่วยงานที่เกี่ยวกับคดี คือ ให้รือฟื้นคดีและดำเนินคดีใหม่ ที่ยังไม่ขาดอายุความ โดยเฉพาะในข้อหาขับรถขณะเสพยาเสพติด ซึ่งยังไม่เคยมีการตั้งข้อหามาก่อน โดยให้ ป.ป.ท.ส่งเรื่องไปยังสำนักงานตำรวจแห่งชาติ และที่มีบุคคลที่เกี่ยวข้องกับความรับผิดชอบในทางอาญาและวินัย ประมาณ 8 กลุ่ม จะแจ้งไปยังหน่วยงานของแต่ละบุคคล เช่น สำนักงานตำรวจแห่งชาติ คณะกรรมการข้าราชการอัยการ สภาทนายความ ส่วนที่เป็นบุคคลธรรมดา ป.ป.ท.มีอำนาจในการสอบสวนข้อเท็จจริง

นายวิษณุ กล่าวอีกว่า ส่วนเรื่องใดที่เห็นว่ามีมูลการทุจริต จะส่งให้คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ดำเนินการ ส่วนเรื่องใดที่จะเป็นคดีอาญา เป็นหน้าที่ของคณะกรรมการสอบสวนของกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) รับเป็นคดีพิเศษ โดยคาดว่าวันนี้ (3 ก.ย.) ป.ป.ท.จะทำหนังสือขอความร่วมมือไปยังทุกหน่วยงาน ส่วนข้อเสนอที่เกี่ยวกับความรับผิดและความรับผิดชอบนั้น ส่วนนี้อาจจะไปเกี่ยวพันกับนักการเมืองที่เคยเป็นคณะกรรมาธิการ ซึ่งไม่สามารถทราบได้ว่าใครจะเกี่ยวข้องหรือไม่เกี่ยวข้องกับคดีนี้ จึงต้องส่งเรื่องให้กับประธานรัฐสภาพิจารณาว่าจะสามารถดำเนินการได้หรือไม่


นายวิษณุ กล่าวด้วยว่า ส่วนข้อเสนอที่เกี่ยวข้องกับการมอบอำนาจนั้น ซึ่งได้บทเรียนจากรณีนี้ว่าข้าราขการทุกฝ่ายรู้จักคำว่ามอบอำนาจ แต่อาจจะเข้าใจคำว่ามอบอำนาจ และความรับผิดชอบในการมอบอำนาจคลาดเคลื่อน เพราะเมื่อมอบอำนาจไปแล้ว ผู้มอบยังจำเป็นต้องติดตามตรวจสอบว่าการดำเนินการนั้นเป็นไปตามข้อกฎหมายหรือไม่ หรือเรียกว่า ไม่ใช่การมอบขาด แต่เป็นการมอบอำนาจให้ไปทำเท่านั้น หรือเป็นการปฏิบัติราชการแทน ตนจึงได้ขอให้คณะกรรมการกฤษฎีกาจัดทำเป็นคู่มือการปฏิบัติสำหรับการมอบอำนาจ

นายวิษณุ กล่าวอีกว่า ส่วนข้อเสนอให้มีการปรับปรุงแก้ไขระเบียบบางอย่าง เช่น การที่อัยการสูงสุดมอบให้รองอัยการสูงสุดคนหนึ่งเป็นผู้มีหน้าที่รับเรื่องร้องทุกข์ ขณะเดียวกันได้มอบให้รองอัยการสูงสุดอีกคนหนึ่งให้สามารถทำการสั่งฟ้องหรือไม่ฟ้องแทนอัยการสูงสุดได้ แต่คนที่ทำหน้าที่สองอย่างนี้ ไม่ควรเป็นคน ๆ เดียวกัน แต่ในคดีของนายวรยุทธ เป็นคน ๆ เดียวกัน ซึ่งมองว่าไม่เกิดการคานและดุลกัน เรื่องนี้ในส่วนของอัยการนั้นสามารถใช้ดุลยพินิจได้ เพราะถือเป็นองค์กรอิสระ แต่ในส่วนของตำรวจ การแย้งหรือไม่แย้งดุลยพินิจของอัยการ ยังไม่เคยมีการจัดทำหลักเกณฑ์ จึงต้องการให้มีการดำเนินการเรื่องนี้ ไม่ให้เป็นปัญหาในอนาคต และข้อสุดท้าย ที่ระบุว่า คดีใดเป็นคดีอาญา ผู้ต้องหาหลบหนี ไม่ควรมีอายุความนั้น ในส่วนของคดีทุจริตได้แก้กฎหมายให้ไม่ขาดอายุความแล้ว แต่หากมองภาพรวมคดีอาญาทั้งหมด จะต้องพิจารณารอบคอบ เพราะคณะกรรมการฯ ชุดนี้พิจารณาเฉพาะคดีของนายวรยุทธเท่านั้น ยังไม่นำคดีอื่น ๆ เข้ามาร่วมพิจารณา จึงต้องถามความเห็นฝ่ายอื่น ๆ ว่าเห็นด้วยหรือไม่ และต้องส่งให้คณะกรรมการปฏิรูปกระบวนการยุติธรรมศึกษาทั้งระบบ ทั้งนี้ได้ขอให้ ป.ป.ท.รายงานความคืบหน้าต่าง ๆ ให้นายกรัฐมนตรีทราบต่อเนื่อง

“เรื่องใดที่ต้องแก้กฎระเบียบทันที ก็จะดำเนินการ แต่เรื่องใดเป็นการแก้ปัญหาเชิงปฏิรูป ก็จะต้องทำไปตามขั้นตอน ทั้งนี้ การแจ้งเรื่องไปยังหน่วยงานต่าง ๆ บางเรื่องมีการกำหนดกรอบเวลา บางเรื่องก็ไม่สามารถกำหนดได้ เช่น เรื่องการสอบสวนบุคลใน 8 กลุ่ม ต้องมีกรอบเวลา เพราะมีเรื่องการขาดอายุความ แต่ในส่วนการปฏิรูปกฎหมาย จำเป็นต้องใช้เวลา” นายวิษณุ กล่าว


ส่วนที่มีบางคนระบุว่า ควรจะต้องยกเลิกคำสั่งเดิมของรองอัยการสูงสุดที่สั่งไม่ฟ้องคดีก่อน เพื่อไม่ให้เกิดปัญหาเมื่อคดีไปถึงชั้นศาลนั้น นายวิษณุ กล่าวว่า ยังไม่ขอให้ความเห็นเรื่องนี้ เพราะยังไม่เคยตรวจดูสำนวน และถือเป็นเรื่องของอัยการจะเป็นผู้พิจารณา.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

พบร่างพลทหารรัวยิงชาวบ้านแล้ว คาดจบชีวิตตัวเองในป่า

15 ส.ค.- พบร่างพลทหารที่ก่อเหตุยิงชาวบ้านแล้ว คาดใช้อาวุธปืนจบชีวิตตัวเอง ห่างจากที่เกิดเหตุประมาณ 200 เมตร อยู่ระหว่างเคลียร์พื้นที่ นำร่างผู้เสียชีวิตออกมา เมื่อเวลาประมาณ 10.30 น. พบร่างพลทหารที่ก่อเหตุยิงชาวบ้านแล้ว คาดใช้อาวุธปืนจบชีวิตตัวเอง ห่างจากที่เกิดเหตุประมาณ 200 เมตร ซึ่งเป็นป่าติดกับคลองส่งน้ำ เจ้าหน้าที่อยู่ระหว่างเคลียร์พื้นที่ นำร่างผู้เสียชีวิตออกมาส่งพิสูจน์ทราบต่อไป ด้านครอบครัวที่มาเฝ้ารอ ต่างเสียใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น – สำนักข่าวไทย

ทบ.แจงเหตุทหารรัวยิงชาวบ้านกาบเชิง เจ็บ 2 ยังคุมตัวไม่ได้

15 ส.ค.- กองทัพบกแจงเหตุทหารหนีออกจากหน่วยพร้อมอาวุธปืน รัวยิงกลางดึก ชาวบ้านกาบเชิง เจ็บ 2 ราย จนท.เร่งล่า ยังไม่พบตัว หากประชาชนพบเห็นรีบแจ้งทันที กองทัพบกชี้แจงเหตุการณ์ใช้อาวุธปืนในพื้นที่อำเภอกาบเชิง จังหวัดสุรินทร์ เมื่อวันที่ 15 สิงหาคม 2568 เวลา 00.45 น. กำลังพลกองร้อยทหารราบที่ 1623 ได้ยินเสียงปืนดังเป็นชุด จำนวน 10 นัด บริเวณถนนข้างวัดบ้านเขื่อนแก้ว อำเภอกาบเชิง จังหวัดสุรินทร์ ต่อมาเวลา 00.54 น. ได้ยินเสียงปืนเพิ่มอีก 2 นัด จากการตรวจสอบกำลังพลและอาวุธประจำกาย พบว่า พลทหารรัฐภูมิ เทพศิริ สังกัดกองร้อยทหารราบที่ 1623 ได้ออกจากที่ตั้งโดยไม่ได้รับอนุญาต พร้อมอาวุธปืนเล็กยาวและกระสุนจำนวนหนึ่ง เจ้าหน้าที่ได้เข้าตรวจสอบที่เกิดเหตุ พบผู้ได้รับบาดเจ็บ 2 ราย ได้แก่ ผู้บาดเจ็บทั้งสองรายได้รับการปฐมพยาบาลเบื้องต้นและส่งโรงพยาบาลกาบเชิง ก่อนส่งต่อรักษาตามความเหมาะสม โดยขณะนี้พ้นขีดอันตรายแล้ว เจ้าหน้าที่ตำรวจสายตรวจร่วมกับกำลังพลกองร้อยทหารราบที่ 1623 ได้ตรวจสอบพื้นที่และสอบถามพยาน เบื้องต้นคาดว่าพลทหารดังกล่าวอาจเป็นผู้ก่อเหตุ […]

แจ้งจับ “ภูมิธรรม” ปล่อยกัมพูชารุกราน ทำไทยเสียเปรียบ

ขอนแก่น 15 ส.ค. – องค์กรต่อต้านคอร์รัปชันภาคพลเมืองจังหวัดขอนแก่น แจ้งความเอาผิด “ภูมิธรรม” รักษาการนายกฯ ไม่ทำหน้าที่ตัวเอง ปล่อยกัมพูชารุกรานไทย องค์กรต่อต้านคอร์รัปชันภาคพลเมืองจังหวัดขอนแก่น เข้าแจ้งความร้องทุกข์กล่าวโทษต่อพนักงานสอบสวน เพื่อเอาผิด นายภูมิธรรม เวชยชัย รักษาการนายกรัฐมนตรีและ รมว.มหาดไทย ในข้อหาหรือฐานความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา ม.119, ม.120, ม.124 ม.157 และมาตราอื่นที่เกี่ยวข้อง นายตุลย์ ประเสริฐศิลป์ ประธานองค์กรต่อต้านคอรัปชั่นภาคพลเมืองจังหวัดขอนแก่น กล่าวว่า การมาร้องทุกข์กล่าวโทษครั้งนี้ ด้วยเรื่องเอกราชและอธิปไตยของชาติเป็นสิ่งสำคัญสูงสุด แต่รักษาการนายกฯ ไม่ได้ทำหน้าที่ตัวเอง โดยปล่อยปละละเลยทำให้ต่างชาติรุกรานประเทศไทย ต้องปกป้องรักษาเอกราชและอธิปไตยของชาติให้มั่นคง แต่ที่ทหารขาขาด บาดเจ็บ ประชาชนล้มตายทรัพย์สินเสียหาย คือ ความร้ายแรงของของผู้รักษาการนายกรัฐมนตรีต้องทำและต้องปกป้องให้ได้ แต่ไม่มี มีแต่ไปเข้าข้างศัตรูโดยเฉพาะกัมพูชา เป็นโทษร้ายแรงมาก.-สำนักข่าวไทย

“วีระ” เตือน รัฐบาลควรเลิกนโยบายกึ่งการคลัง หลังแบกหนี้ 1 ล้านล้านบาท

รัฐสภา 15 ส.ค.-“วีระ” เตือน รัฐบาลควรเลิกนโยบายกึ่งการคลัง ผ่านสถาบันการเงินเฉพาะกิจ หลังแบกหนี้ 1 ล้านล้านบาท ตั้งคำถามหลายรัฐวิสาหกิจมีผลกำไรดี จะมาตั้งของบอีกทำไม นายวีระ ธีระภัทรานนท์ ในฐานะกรรมาธิการ (กมธ.) วิสามัญพิจารณางบประมาณรายจ่ายประจำปี 2569 ในเรื่องของรัฐวิสาหกิจ ว่า ในเอกสารงบประมาณที่เป็นงบประมาณรายจ่าย มาตรา 29 มีรัฐวิสาหกิจ 21 แห่งของบประมาณรวมกันทั้งสิ้น 79,298 ล้านบาท แต่ค่าใช้จ่ายของรัฐวิสาหกิจทั้งหมด 1.43 แสนล้านบาท ซึ่งในรัฐวิสาหกิจ 21 แห่งที่ของบประมาณมาตนไม่ค่อยติดใจ เพราะมีรัฐวิสาหกิจจำนวนหนึ่งไม่มีรายได้ อีกส่วนเป็นรัฐวิสาหกิจมีรายจ่ายมากกว่ารายได้ บางรัฐวิสาหกิจมีหนี้สินจำนวนมาก เช่น ขสมก. การรถไฟแห่งประเทศไทย นายวีระ ฝากไปถึงคนที่ต้องจัดการรัฐวิสาหกิจว่า รัฐวิสาหกิจที่มีปัญหารัฐบาลต้องตัดสินใจให้เด็ดขาดว่า รัฐวิสาหกิจเหล่านั้นคงอยู่ต่อไปในสภาพแบบนั้น หรือ จะดำเนินการแปรรูปให้เอกชนเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ เพื่อไม่ให้เกิดภาระการคลังในอนาคตอย่างที่เป็นอยู่ปัจจุบัน สำหรับกรณี บริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) ซึ่งประสบความสำเร็จในการฟื้นฟูกิจการ โดยที่รัฐบาลยังถือหุ้นใหญ่อยู่ประมาณ 40% แต่ไม่มีสถานะภาพเป็นรัฐวิสาหกิจอีกต่อไป […]

ข่าวแนะนำ

พลทหารยิงชาวบ้านเจ็บ 2 ก่อนหนีเข้าป่า จบชีวิตตัวเอง

สุรินทร์ 15 ส.ค. – ตื่นตระหนก เหตุพลทหารที่ปฏิบัติภารกิจในพื้นที่ชายแดน อำเภอกาบเชิง จังหวัดสุรินทร์ ควงปืนอาวุธประจำกาย ออกมายิงชาวบ้าน มีผู้ได้รับบาดเจ็บ 2 ราย ก่อนจะหลบหนี และสุดท้ายปลิดชีพตนเอง ขณะนี้อยู่ระหว่างการสอบสวนหาสาเหตุ ติดตามได้จากรายงานของศูนย์ข่าวภาคตะวันออกเฉียงเหนือ.-สำนักข่าวไทย

ไล่ล่าโจรชิงทอง 123 บาท กลางห้างย่านบางบ่อ

สมุทรปราการ 15 ส.ค. – ผบก.ภ.จว.สมุทรปราการ เรียกประชุมตำรวจที่เกี่ยวข้อง แกะรอยหาเบาะแส ไล่ล่าโจรชิงทองห้างย่านบางบ่อ ยืนยันจำนวนทอง 123 บาท มูลค่ากว่า 6 ล้าน ขณะที่พนักงานยังผวาทุกครั้งที่เห็นคนใส่ชุดไรเดอร์เดินเข้าห้าง จากเหตุการณ์คนร้ายแต่งกายด้วยชุดไรเดอร์ สวมกางกางยีนขายาวสีดำ รองเท้าผ้าใบสีขาว เดินเท้าบุกเดี่ยวมาที่ร้านทอง แล้วชักอาวุธปืนพกแบบออโตเมติก สีบอร์นซ์ ขู่บังคับให้พนักงานขายทองซึ่งเป็นหญิง 3 คน หยิบทองรูปพรรณส่งให้คนร้าย แต่พนักงานขายทองไม่หยิบส่งให้ และหมอบลงกับพื้น คนร้ายจึงกระโดดข้ามตู้ทองด้านหน้าร้าน ไปเลื่อนกระจกตู้ทองด้านหลัง หยิบเอาทองคำรูปพรรณ มีสร้อยข้อมือ หนัก 5 บาท 5 เส้น น้ำหนัก 25 บาท น้ำหนัก 3 บาท 30 เส้น น้ำหนักรวม 90 บาท, หนัก 2 บาท 24 เส้น รวม 48 บาท […]

ย้าย “ลุงพล” มาคุมขังต่อที่เรือนจำกลางนครพนม

15 ส.ค. – เจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์ ย้ายตัว “ลุงพล” จำเลยคดีน้องชมพู่ ไปควบคุมต่อที่เรือนจำกลางนครพนม ด้าน “ป้าแต๋น” ตามมาเยี่ยมให้กำลังใจสามี บอกเอาหัวใจมาฝาก ยืนยันลุงพลสู้ต่อถึงฎีกา หลังเมื่อวันที่ 13 สิงหาคมที่ผ่านมา ศาลอุทธรณ์ภาค 4 พิพากษาแก้เพิ่มโทษ นายไชย์พล วิภา หรือ “ลุงพล” จำเลยที่ 1 จาก 20 ปี เป็น 26 ปี และยกฟ้อง นางสมพร หลาบโพธิ์ หรือ “ป้าแต๋น” ในคดีฆ่า เด็กหญิงอรวรรณ หรือน้องชมพู่ อายุ 3 ขวบ หลังหายตัวจากบ้านพัก ขณะนั่งเล่นกับพี่สาวที่บ้าน กกกอก ต.กกตูม อ.ดงหลวง จ.มุกดาหาร เหตุเกิดช่วงเช้าวันที่ 11 พ.ค.2563 ต่อมาจำเลย ได้ยื่นหลักทรัพย์ขอปล่อยตัวชั่วคราว และวานนี้ ศาลฎีกาไม่อนุญาตให้ประกันตัว […]

สส.เพื่อไทย ให้กำลังใจ “แพทองธาร” ผ่านอุปสรรคกลับมารับใช้ประชาชน

รัฐสภา 15 ส.ค.-สส.เพื่อไทย ให้กำลังใจ “แพทองธาร” ผ่านอุปสรรคกลับมารับใช้ประชาชน ด้านเจ้าตัวยิ้มสู้-ยังเข้มแข็ง กำชับ สส.ทำงานสภาเต็มที่ ลงพื้นที่ดูแลประชาชนใกล้ชิด ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในการประชุมสภาผู้แทนราษฎร​ เพื่อพิจารณาร่างพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปี 2569 วาระที่สอง วันสุดท้าย ซึ่ง นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม ในฐานะหัวหน้าพรรคเพื่อไทย ได้เดินทางเข้ามาติดตามการประชุม ตลอด 3 วันที่ผ่านมา โดยในช่วงเช้า สส.พรรคเพื่อไทย โดยเฉพาะ สส.เขต ได้มีการเข้าพบหารือกับนางสาวแพทองธาร ในฐานะหัวหน้าพรรคเพื่อไทย เพื่อปรึกษาปัญหาในพื้นที่ รวมถึงเรื่องการผลักดันนโยบายต่างๆ ที่จะลงในพื้นที่ เนื่องจากในหลายจังหวัดมีโครงสร้างพื้นฐานพร้อมทุกด้าน แต่ยังขาดเรื่องการประชาสัมพันธ์ จึงอยากให้นางสาวแพทองธาร ในฐานะรัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรมผลักดันเกี่ยวกับซอฟพาวเวอร์ และจัดกิจกรรมอีเวนท์ต่างๆเพื่อ ให้จังหวัดนั้นๆเป็นที่รู้จักมากขึ้น นอกจากนี้ บรรดา สส. ของพรรคยังได้ให้กำลังใจนางสาวแพทองธาร เนื่องจากกลัวว่า อาจมีความเครียดและกังวลเรื่องคดีความ พร้อมขอให้นายกฯสู้ๆ เข้มแข็ง ผ่านอุปสรรคไปได้และได้กลับมาทำงานเพื่อประชาชน ขณะที่นางสาวแพทองธาร ยังคงยิ้มแย้ม แสดงความเข้มแข็ง และขอให้ สส.ทุกคน เดินหน้าทำหน้าทำงานในสภาอย่างเข้มแข็งเช่นกัน […]