กรุงเทพฯ 31 ส.ค. – วันนี้มีการประชุมคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณางบประมาณ 2564 ต้องจับตาว่าจะพิจารณาการจัดซื้อเรือดำน้ำหรือไม่ หลังมีกระแสข่าวกองทัพเรือจะถอยการจัดซื้อออกไปก่อน ติดตามจากรายงาน
นายยุทธพงศ์ จรัสเสถียร บอกว่า ต้องรอดูการพิจารณาของคณะกรรมาธิการก่อน หลังนายกสั่งการให้ชะลอการจัดซื้อเรือดำน้ำ และมองว่า หากกรรมาธิการถอยเรื่องนี้ เพราะนายกรัฐมนตรีสั่งการ ก็เหมือนกับว่า ฝ่ายบริหารครอบงำนิติบัญญัติ
การประชุมคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่าง พ.ร.บ.งบประมาณ รายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2564 วันนี้ ยังคงให้คณะอนุกรรมาธิการฯที่เหลืออีก 5 คณะมารายงานผลการพิจารณา และต้องพิจารณาให้แล้วเสร็จภายในวันนี้ตามกรอบเวลา 105 วัน
ซึ่งนายวราเทพ รัตนากร รองประธานกรรมาธิการฯ เชื่อว่า ไม่น่าจะมีการถ่วงเวลา เพื่อที่จะให้ไม่ทันต่อกรอบเวลา แล้วนำร่างงบประมาณที่รับหลักการในวาระแรกมาใช้ ส่วนงบประมาณที่หลายคนสนใจคือ การจัดซื้อเรือดำน้ำ วันนี้จะเข้าสู่วาระต่อจากคณะอนุกรรมาธิการฯ ฝึกอบรม ซึ่งขณะนี้ ที่ประชุมยังไม่มีมติว่าจะเชิญกองทัพเรือหรือไม่ หากคณะอนุกรรมาธิการฯ ชี้แจงแล้ว อยากเชิญกองทัพเรือ ก็สามารถเชิญได้ แต่วันนี้ เป็นวันสุดท้ายที่ต้องพิจารณาให้เสร็จ หากเชิญก็ต้องเชิญภายในวันนี้ และวันนี้เป็นวันสุดท้ายในการพิจารณาปรับลด จากนั้น จะมีกระบวนการตรวจรายงานเพื่อแก้ไขรายงาน และรายงานที่ค้างอยู่ คือการพิจารณาข้อสังเกตที่นัดหมายไว้ในวันพุธหรือวันพฤหัสบดีนี้
นายวราเทพ ยืนยันว่า ยังไม่ได้รับสัญญาณใดๆ จากรัฐบาลหลังจากมีกระแสข่าวว่ากองทัพเรือจะถอนการจัดซื้อเรือดำน้ำในงบประมาณปี 2564 ออกไปก่อน ซึ่งต้องรอดูข้อมูลอย่างเป็นทางการอีกครั้ง พร้อมย้ำว่า ที่ผ่านมาไม่เคยเลื่อนการพิจารณางบประมาณการจัดซื้อเรือดำน้ำ แต่เนื่องจากยังพิจารณาไม่ถึงวาระดังกล่าว แม้จะดูว่าพิจารณาล่าช้าเกินไป แต่ยอมรับว่า ปีนี้เรื่องที่ต้องพิจารณาค่อนข้างเยอะ และสลับซับซ้อน
ขณะที่นายยุทธพงศ์ จรัสเสถียร รองประธานอนุกรรมาธิการฯครุภัณฑ์ ระบุว่า รอดูในคณะกรรมาธิการว่าจะพิจารณาการจัดซื้อเรือดำน้ำอย่างไร หลังจากที่พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ออกมายอมรับว่า จะชะลอการจัดซื้อเรือดำน้ำในปีนี้ออกไปก่อน เพราะการจะถอยหรือไม่ถอย ก็ต้องขึ้นอยู่กับกรรมาธิการฯ หากกรรมาธิการถอยเรื่องนี้ เพราะนายกรัฐมนตรีสั่งการ ก็เหมือนกับว่า ฝ่ายบริหารครอบงำนิติบัญญัติ ดังนั้น จึงขึ้นอยู่กับกรรมาธิการที่จะพิจารณาในเรื่องนี้ .- สำนักข่าวไทย