กรุงเทพฯ 24 ส.ค.-“องอาจ” ย้ำปากท้องประชาชนจำเป็นกว่าเรือดำน้ำ แนะอนุฯ พิจารณาใหม่ หลังได้ข้อมูลรอบด้านมากขึ้น
นายองอาจ คล้ามไพบูลย์ รองหัวหน้าพรรคและประธาน ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณีที่ประธานคณะอนุกรรมาธิการครุภัณฑ์ ไอซีที รัฐวิสาหกิจ และทุนหมุนเวียน สภาผู้แทนราษฎร จะยอมถอยเสนอให้ที่ประชุมคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2564 ทบทวนการจัดซื้อเรือดำน้ำ ว่า เป็นเรื่องดีที่ประธานคณะอนุกรรมาธิการครุภัณฑ์ฯ จะยอมถอยเรื่องนี้ เพื่อพิจารณามติการจัดซื้อเรือดำน้ำใหม่ แต่แทนที่จะส่งเรื่องไปให้คณะกรรมาธิการวิสามัญงบประมาณชุดใหญ่พิจารณา ประธานคณะอนุกรรมาธิการฯ ควรเรียกประชุมคณะอนุกรรมาธิการฯ เพื่อพิจารณาลงมติเรื่องการจัดซื้อเรือดำน้ำใหม่
“เชื่อว่าหลังจากคณะอนุกรรมาธิการฯ ได้ฟังข้อมูลรอบด้านมากขึ้น ทั้งจากในสภาและนอกสภา อาจมีมติที่แตกต่างไปจากเดิมได้ เพราะที่ผ่านมาอาจจะฟังจากหน่วยงานที่ขอรับงบประมาณ คือ กองทัพเรือด้านเดียว ถึงความจำเป็นที่ต้องอนุมัติงบประมาณซื้อเรือดำน้ำปีนี้ แต่เมื่อได้ฟังข้อมูลเหตุผลจากหลากหลายด้านที่มาจากนอกสภามากขึ้น คณะอนุกรรมาธิการฯ อาจลงมติที่ต่างไปจากเดิมได้ ซึ่งไม่ใช่เรื่องที่เสียหายอะไร กลับเป็นเรื่องที่น่าชื่นชมมากกว่าที่คณะอนุกรรมาธิการฯ เปิดใจกว้างรับฟังความคิดเห็นจากทุกภาคส่วนของสังคม ไม่ใช่ฟังข้อมูลจากหน่วยงานที่ต้องการใช้เงินงบประมาณแต่เพียงอย่างเดียว” นายองอาจ กล่าว
นายองอาจ กล่าวอีกว่า การส่งเรื่องไปให้คณะกรรมาธิการงบประมาณชุดใหญ่ทบทวนว่าจะซื้อเรือดำน้ำหรือไม่ เท่ากับโยนภาระไปให้โดยไม่จำเป็น ควรทำให้จบในชั้นคณะอนุฯ ถึงแม้คณะกรรมาธิการงบประมาณชุดใหญ่จะมีสิทธิทบทวนมติของคณะอนุกรรมาธิการฯ ได้ก็ตาม
นายองอาจ กล่าวด้วยว่า ส่วนที่ประธานคณะอนุกรรมาธิการฯ กังวลว่าการลงมติเห็นชอบให้ซื้อเรือดำน้ำจะถูกโยงไปเติมเชื้อสถานการณ์การเมืองให้แรงขึ้น ควรเลื่อนการจัดซื้อออกไปก่อนนั้น ตนเห็นว่าการจะซื้อเรือดำน้ำหรือไม่ ไม่ควรไปผูกโยงกับสถานการณ์การเมืองในขณะนี้ ถึงแม้ไม่มีการซื้อเรือดำน้ำ การชุมนุมก็คงดำเนินต่อไปจนกว่าจะบรรลุเป้าหมาย แต่ควรดูว่าการซื้อเรือดำน้ำขณะนี้มีความเหมาะสมกับสถานการณ์และมีความจำเป็นหรือไม่ ซึ่งตนมองว่าการซื้อเรือดำน้ำขณะนี้ ไม่เหมาะสมและไม่จำเป็นอย่างยิ่ง เพราะประเทศไทยกำลังมีวิกฤติเศรษฐกิจและสังคมที่เป็นผลกระทบจากโควิด-19 จึงควรใช้จ่ายงบประมาณเพื่อแก้ไขผลกระทบทางเศรษฐกิจสังคมที่เกิดขึ้นจากโควิด-19 เป็นหลัก รวมทั้งขณะนี้ประชาชนแทบทุกภาคส่วนล้วนกำลังเดือดร้อน มีคนว่างงานเพิ่มขึ้น ธุรกิจ SME จำนวนมากกำลังอยู่ในภาวะดิ้นรนช่วยตัวเองอย่างมาก มีแนวโน้มจะไปไม่รอดสูง จึงควรใช้เงินทุกบาทเพื่อช่วยเหลือดูแลเยียวยาประชาชนให้เดินหน้าต่อไปได้จะเหมาะสมกว่า
“ขณะที่บ้านเมืองมีวิกฤติเศรษฐกิจแบบนี้ ภาครัฐควรนำเงินไปใช้ให้เกิดการจ้างงาน เพิ่มการผลิตเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจให้ก่อผลิตภาพทางเศรษฐกิจมากที่สุด มากกว่าไปใช้ซื้อเรือดำน้ำที่ไม่ก่อให้เกิดผลิตภาพทางเศรษฐกิจและไม่จำเป็นแต่อย่างใด ขอยืนยันว่าการนำเงินไปใช้เพื่อช่วยเหลือแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจดูแลปากท้องของประชาชนจำเป็นมากกว่าการซื้อเรือดำน้ำที่กำลังผลักดันกันอยู่ขณะนี้ ขอให้ทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องทบทวนการซื้อเรือดำน้ำอย่างจริงจัง เพื่อประโยชน์ของประเทศชาติบ้านเมือง” นายองอาจ กล่าว.-สำนักข่าวไทย