“ภูมิธรรม” ย้ำสิ้นเดือนนี้ออกหมายจับขบวนการทุจริตยา

องค์การทหารผ่านศึก 12 มี.ค.- “ภูมิธรรม” ย้ำสิ้นเดือนนี้ออกหมายจับขบวนการทุจริตยา รพ.ทหารผ่านศึก มีทั้งระดับหัวหน้าและเครือข่าย สั่งพัฒนาระบบจ่ายยาแบบ รพ.เอกชน เพื่อความคล่องตัว-โปร่งใส ไม่ฟันธงทำกันมาเป็นสิบปี แต่ถ้าสอบถึงใครก็ดำเนินการทั้งสิ้น


นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม แถลงภายหลังเป็นประธานการประชุมสภาทหารผ่านศึก โดยกล่าวถึงความคืบหน้าการสืบสวนกรณีคดีทุจริตยาโรงพยาบาลทหารผ่านศึก ว่า เรื่องนี้สำคัญมาก เพราะสังคมกำลังเฝ้ามองอยู่ และเราได้รับข่าวสาร และมีผู้แทนราษฎรเขียนโน้ตถึงตน จึงได้สั่งการให้ตรวจสอบ โดยไม่ได้นิ่งนอนใจและตอบสนองทันที พร้อมตั้งกรรมการสอบ และได้เรียกผู้อำนวยการองค์การสงเคราะห์ทหารผ่านศึก มาคุย ซี่งการสอบสวนขั้นต้นถือว่าคืบหน้าไปด้วยดี ขณะนี้กำลังตรวจสอบผู้ที่อยู่ในเครือข่าย ว่าป่วยเป็นโรคนั้นจริงหรือไม่ ซึ่งก็มีการจ่ายยาให้ อีกทั้งมีผู้ป่วยเบาหวานแต่พอไปตรวจเลือดแล้วก็พบว่าไม่ได้เป็น แต่ส่วนที่ป่วยจริงๆก็มี ตอนนี้ก็สอบปากคำไปเกือบ 150 คนแล้ว และมีการไปสอบเพิ่มเติมที่ จ.ลพบุรี และสมุทรปราการ ซึ่งเป็นสถานที่ที่มีรายชื่อเครือข่ายปรากฏอยู่

นอกจากนี้ ยังมีคนที่ไม่ได้อยู่ในรายชื่อ แต่อาสามาให้ข้อมูลอีก 30 กว่าราย นี่เป็นเฉพาะจุดแรกที่เริ่มสอบสวน ซึ่งตนได้เชิญให้เจ้าหน้าที่ ป.ป.ท. และ ปปง. เข้ามาร่วมตรวจสอบ เพราะเราต้องดูเรื่องเส้นทางการเงินด้วย ซึ่งได้รับความร่วมมืออย่างดี คาดว่าสิ้นเดือนมีนาคมนี้จะสามารถออกหมายจับได้ เพราะตอนนี้ได้พบเครือข่ายและผู้เกี่ยวข้องแล้ว แต่ขอให้ชัดเจนออกหมายจับก่อน ค่อยว่ากัน


“มีทั้งผู้เกี่ยวข้องระดับสูงและเครือข่ายต่างๆ รวมทั้งหัวหน้าหน่วย หัวหน้าส่วนที่เป็นเครือข่ายในการดำเนินการ ดังนั้นมีนาคมนี้น่าจะจบ และจะมีการชี้แจงสื่อมวลชนชัดเจนขึ้น ขณะเดียวกันเราก็สอบต่อด้วยอีกทางว่าหมดเครือข่ายนี้หรือยัง หรือมีต่อ เพราะเราพบหลายจุดซึ่งอาจจะอยู่ในเครือข่ายเดียวกัน ก็จะขอเวลาดำเนินการ ซึ่งตั้งแต่เป็นข่าวเราก็เริ่มดำเนินการเลย คิดว่าภายใน 1 เดือนก็คงจบเรื่องนี้ชัดเจน”

เมื่อถามว่า ถ้ารอจนถึงสิ้นเดือนมีนาคม จะมีการทำลายพยานหลักฐานหรือไม่ เพราะขณะนี้ยังไม่มีคำสั่งให้พักงานเจ้าหน้าที่บางส่วน นายภูมิธรรม กล่าวว่า เดี๋ยวรอ เพราะมันมีหลายหน่วย พร้อมยืนยันว่า หลักฐานทำลายไม่ได้ เพราะเราเข้าไปกำชับเข้มงวดในการตรวจสอบอยู่แล้ว อีกทั้งหลักฐานที่เราได้มาก็พอสมควร กำลังหารายละเอียดให้ครบถ้วน จึงขอไม่เปิดเผยรายละเอียดมากกว่านี้ เพราะอยู่ในกระบวนการ แต่ยืนยันว่าสิ้นเดือนมีนาคม มีความชัดเจน

เมื่อถามว่า นอกจากโรงพยาบาลทหารผ่านศึกแล้ว อาจมีโรงพยาบาลรัฐอื่นๆ ที่กระทำในลักษณะนี้เช่นกัน หรือไม่ นายภูมิธรรม กล่าวว่า ขณะนี้พบที่โรงพยาบาลทหารผ่านศึกแห่งเดียว แต่ก็กำลังสอบต่อว่าจะมีแค่นี้ หรือจะมีเพิ่มอีก ซึ่งการตรวจสอบจะเห็นความชัดเจนมากน้อยแค่ไหน ก็ต้องดูอีกที จึงยังไม่ควรพูดอะไรที่ยังไม่ชัดเจน


เมื่อถามถึงกรอบระยะเวลาในการตรวจสอบ เพราะมีการแบ่งทำงานถึง 5 ทีม ทีมละ 100 คน นายภูมิธรรม บอกว่า ตอนนี้มีการแยกสอบทั้ง ป.ป.ท. ปปง. อผศ. และตำรวจ เพราะเราได้แจ้งความไว้ชัดเจนแล้ว ซึ่งผลที่ออกมาจะเป็นประโยชน์ต่อประชาชนแน่นอน

เมื่อถามว่า ขบวนการทำกันมาเป็น 10 ปีแล้ว การตรวจสอบจะย้อนหลังไปถึงผู้ที่เกษียณไปแล้วหรือไม่ นายภูมิธรรม กล่าวว่า เขาทำมา 10 ปีแล้วจริงหรือไม่ ตอบไม่ได้ แต่เราพบ ณ ขณะนี้ ก็ต้องทำให้ชัดเจนก่อน ส่วนถ้าสอบแล้วต่อไปถึงไหนเราก็ต้องไปตรงนั้น เพราะความผิดมันขึ้นอยู่กับอายุความ และความเป็นจริง

“ถ้าความเป็นจริงมันถึง เราก็ต้องเอาให้ถึง และผมได้พูดในที่ประชุมว่าเราเป็นองค์กรที่เกี่ยวข้องและเป็นประโยชน์ต่อทหารหาญที่สละชีพ และทุพพลภาพจากการสู้รบเพื่อปกป้องประเทศชาติ แทนที่เงินเหล่านี้จะไปช่วยพวกเขาได้มากขึ้น กลับถูกเบียดยังไป เราก็ต้องดำเนินการ จึงบอกเจ้าหน้าที่ไปว่าขอให้ดำเนินการอย่างตรงไปตรงมา และเต็มที่ เข้มงวด ให้ถูกต้องตามระเบียบกฎหมาย และข้อบังคับอย่างเคร่งครัด ได้อย่างไรก็เอาอย่างนั้น ก็จะเป็นโอกาสที่จะทำให้สังคมเชื่อมั่น ในสิ่งที่เราเป็นอยู่ รวมถึงได้เสนอรายละเอียดเพิ่มเติมว่า ขอให้ไปวางระบบดูแลที่เข้มงวดกว่านี้ เพราะโรงพยาบาลเอกชนก็มีระบบในการเบิกจ่ายยา ก็ขอให้ไปศึกษาไปดู ถ้าจัดการตรงนี้แล้ว ก็ต้องวางระบบไปพร้อมด้วย”

นายภูมิธรรม ยอมรับว่า ระบบที่มีการจัดวางใหม่ อาจจะกระทบต่อการบริการประชาชนบ้าง แต่โรงพยาบาลเอกชน หรือโรงพยาบาลรัฐที่ทันสมัย อย่างเช่นโรงพยาบาลรามาธิบดี โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ และโรงพยาบาลศิริราช เขาก็ใช้กันได้ แม้ประชาชนจะได้ได้รับผลกระทบบ้าง แต่ก็ต้องทำให้โปร่งใส และตนคิดว่าทุกวันนี้มันไม่ได้พัฒนาระบบป้องกันอย่างเดียว แต่ต้องพัฒนาระบบให้รวดเร็วมากขึ้นอีก สามารถจองคิวได้ พร้อมยืนยันไม่มีอะไรต้องเป็นห่วงในเรื่องนี้-313 .-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

“ภูมิธรรม” แบ่งงาน 2 รมช.มหาดไทย เจ้าตัวคุม “โยธาฯ-ปค.”

กระทรวงมหาดไทย 14 ก.ค. –“ภูมิธรรม” แบ่งงาน 2 รมช.มหาดไทยแล้ว เจ้าตัวคุม “โยธาฯ – ปค.” ฟาก “เดชอิศม์” คุม “ที่ดิน – สถ.” สางปัญหาที่ดิน นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกฯ และรมว.มหาดไทย รักษาราชการนายกฯ กล่าวว่า ขณะนี้ตนได้แบ่งงานกับทั้ง 2 รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทยเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ซึ่งการทำงานของทั้ง 3 คนเราทำงานเป็นทีมเดียวกัน ส่วนหลักเกณฑ์การแบ่งก็กระจายให้ทั่วถึงเพื่อช่วยกันดูแล โดยตนกำกับดูแลกรมโยธาธิการและผังเมือง กรมการปกครอง สำนักปลัดกระทรวงมหาดไทย สำนักงานรัฐมนตรี กระทรวงมหาดไทย การประสานงานส่วนราชการในสังกัด กระทรวงมหาดไทยตาม พ.ร.บ.การบริหารราชการจังหวัดชายแดนภาคใต้ พ.ศ.2553 การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค การประปาส่วนภูมิภาค และดูหน่วยงานส่วนที่เหลือทั้งหมด โดยทั้งหมดสงวนไว้ในส่วนที่เกี่ยวข้องกับงบประมาณ และบุคคลซึ่งตนเป็นผู้ดูแล นายภูมิธรรม กล่าวต่อว่า ได้มอบหมายให้ น.ส.ธีรรัตน์ สำเร็จวาณิชย์ รมช.มหาดไทย กำกับดูแล กรมการพัฒนาชุมชน เพราะเป็นเรื่องเกี่ยวกับสตรีและการดำเนินการเรื่องผ้าไทย รวมถึงกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย […]

รถพ่วงเบรกแตกลงเขา ชนแหลก 10 คัน เจ็บ 3

นครราชสีมา 13 ก.ค. – รถพ่วงเบรกแตกลงเขามอกลางดง ชนแหลกรวมสิบคัน บาดเจ็บ 3 คน ทำถนนมิตรภาพรถติดยาวหลายกิโลเมตร คนขับรถพ่วงบาดเจ็บ แต่ยังให้การได้ รถพ่วงบรรทุกตู้คอนเทนเนอร์ ชนแหลกนับ 10 คัน บนถนนมิตรภาพ ขาเข้ากรุงเทพมหานคร ช่วงลงเขามอกลางดง กิโลเมตรที่ 37-38 อ.ปากช่อง จ.นครราชสีมา ตำรวจ สภ.กลางดง พร้อมเจ้าหน้าที่กู้ภัยหลายหน่วยระดม เข้าตรวจสอบที่เกิดเหตุ และช่วยเหลือผู้บาดเจ็บ ที่เกิดเหตุพบรถบรรทุกตู้คอนเทนเนอร์คันต้นเหตุ ยี่ห้อฮีโน่ สีขาว ทะเบียน กรุงเทพมหานคร ด้านหน้าหัวลากพังยับ นายวิทยา อายุ 34 ปี คนขับ ได้รับบาดเจ็บที่ขาซ้าย ยังนั่งอยู่บริเวณที่นั่งข้างคนขับ โดยเล่าว่า บรรทุกของมาเต็มตู้คอนเทนเนอร์ ช่วงลงเขาเกิดเบรกไม่อยู่ เนื่องจากลมหมด จึงทำให้พุ่งชนท้ายรถพ่วงบรรทุกไม้อีกคันที่อยู่ด้านหน้า จนกระเด็นไปคนละทิศละทาง ไม้กระจายเกลื่อนถนน ด้วยความแรงยังวิ่งไปเฉี่ยวชนกับรถที่วิ่งอยู่ด้านหน้าเสียหายอีก 8 คัน เป็นรถกระบะ 5 คัน, รถเก๋ง […]

มส.มีมติสั่งปลด-ถอดสมณศักดิ์ พระอาบัติปาราชิก เรียกพระ 5 รูปแจงด่วน

กรุงเทพฯ 13 ก.ค.-มหาเถรสมาคม ประชุมนัดพิเศษ มีมติสั่งปลด-ถอดสมณศักดิ์ พระอาบัติปาราชิก เผยสึกแล้ว 6 คน ยังติดต่อไม่ได้ 2 คน เตรียมแก้กฎมหาเถรสมาคม อ้างสุดล้าหลังกว่า 50 ปี ขณะที่พระเทพพัชราภรณ์ เจ้าอาวาสวัดชูจิตฯ ชิงลาออกแล้ว นายอินทพร จั่นเอี่ยม ผอ.สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ (พศ.) แถลงข่าวภายหลังการประชุมมหาเถรสมาคมนัดพิเศษ ครั้งที่ 1/2568 ว่า สมเด็จพระสังฆราชห่วงใยต่อกระแสข่าวที่เกิดขึ้น จึงมีพระบัญชาให้มหาเถรสมาคม นิมนต์กรรมการฯประชุมเร่งด่วน ซึ่งทางกรรมการฯ มีข้อห่วงใย และมีการอภิปรายกันอย่างกว้างขวาง โดยมีมติ ดังนี้ -พระที่ถูกกล่าวหา ต้องอาบัติปราชิก ถือว่าสิ้นสุดความเป็นพระภิกษุทางวินัย และต้องสึกโดยทันที ส่วนพระที่ยังไม่ถึงขั้นปราชิก ก็ให้ปลดออกจากตำแหน่งเจ้าคณะพระสังฆาธิการทุกรูป และจะมีมติขอพระราชทานพระบรมราชานุญาตถอดสมณศักดิ์-ในระยะเร่งด่วน ให้เจ้าคณะผู้ปกครองสงฆ์ทุกระดับ ตรวจสอบดูแลและกำกับพฤติกรรมองพระในปกครองอย่างใกล้ชิด หากพบพฤติกรรมละเมิดพระธรรมวินัยให้ดำเนินการสอบสวน และรายงานมหาเถรสมาคมโดยเร็ว-กรณีพระภิกษุถูกกล่าวหาผิดพระธรรมวินัย ประเภทครุกาบัติ ให้ออกคำสั่พักการปฏิบัติหน้าที่ และให้เจ้าหน้าที่ดำเนินการตามกฏหมาย พร้อมขอให้ระมัดระวังการให้ข้อมูลต่อสื่อมวลชนและสาธารณชน เนื่องจากยังเป็นเพียงผู้ถูกกล่าวหา-และทบทวนปรับปรุงกฎระเบียบคณะสงฆ์ว่าด้วยการประทำผิดพระธรรมวินัย ประเภทครุกาบัติ โดยมหาเถรสมาคม เห็นควรขอประทานพระวินิจฉัยสมเด็จพระสังฆราช มีพระบัญชาโปรดให้แต่งตั้งคณะกรรมการพิเศษเพื่อคุ้มครองพระพุทธศาสนาคณะหนึ่ง […]

ส่งตัวดำเนินคดี นักท่องเที่ยวไทยทำร้ายทหารกัมพูชา

สุรินทร์ 13 ก.ค.-ทบ. เผยนักท่องเที่ยวไทยต่อยทหารกัมพูชา ที่ปราสาทตาเมือนธม เป็นอดีตทหารพราน ส่งตัวให้ตำรวจดำเนินคดีตามกฎหมาย เมื่อวันที่ 13 ก.ค.68 พล.ต.วินธัย สุวารี โฆษกกองทัพบกกล่าวถึงกรณีที่งนักท่องเที่ยวชาวไทย ทำร้ายร่างกายเจ้าหน้าที่ทหารกัมพูชาชุดประสานงาน ที่บริเวณปราสาทตาเมือนธม จังหวัดสุรินทร์ ว่า กองทัพบกได้รับรายงานจากกองกำลังสุรนารี ว่า เมื่อเวลาประมาณ 10.20 น. ได้เกิดเหตุการณ์นักท่องเที่ยวชาวไทยทำร้ายร่างกายเจ้าหน้าที่ทหารกัมพูชาชุดประสานงาน ณ บริเวณปราสาทตาเมือนธม โดยผู้ก่อเหตุได้ชกเจ้าหน้าที่กัมพูชา ทั้งทางด้านหลังและด้านหน้า ก่อนจะหลบหนีออกจากพื้นที่ ซึ่งเจ้าหน้าที่ฝ่ายไทยสามารถติดตามและควบคุมตัวได้ในเวลาต่อมา จากการตรวจสอบเบื้องต้น ทราบว่าผู้ก่อเหตุคือ นายสมหมาย ศรีศุกรานันทน์ อดีตอาสาสมัครทหารพราน ปัจจุบันดำรงตำแหน่งประธานชมรมทหารพรานจิตอาสาค่ายปักธงชัย และประธานเครือข่ายทหารผ่านศึกจังหวัดสมุทรสาคร ทั้งนี้ เนื่องจากบริเวณพื้นที่เกิดเหตุเป็นสถานที่ท่องเที่ยว ทางเจ้าหน้าที่ทหารฝ่ายไทย ได้ทำความเข้าใจกับผู้เสียหายไปแล้วในเบื้องต้น เพื่อพยายามไม่ให้กระทบความสัมพันธ์ในระดับเจ้าหน้าที่ทั้งสองฝ่าย สำหรับผู้ก่อเหตุ ได้ให้ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ ดำเนินการไปตามขั้นตอนของกฎหมายต่อไป.-313.-สำนักข่าวไทย

ข่าวแนะนำ

ทบ. เร่งตรวจสอบวิเคราะห์ “ทุ่นระเบิด” คาดผลชัด 2-3 วัน

17 ก.ค.- โฆษก ทบ. แจงเร่งตรวจสอบเหตุกำลังพลเหยียบกับระเบิดชายแดนช่องบก คาดใช้เวลา 2-3 วัน ชัดเจนเรื่องชนิดและห้วงเวลาที่มีการนำทุ่นระเบิดมาติดตั้ง ยังไม่ยืนยันว่าเป็นทุ่นระเบิดใหม่ พลตรี วินธัย สุวารี โฆษกกองทัพบก เปิดเผยภายหลังได้รับทราบรายงานจากกองทัพภาคที่ 2 กรณีเมื่อช่วงบ่ายวานนี้ (16 ก.ค.68) เกิดเหตุกำลังพลกองร้อยทหารราบที่ 6021 เหยียบกับระเบิดระหว่างการลาดตระเวนในพื้นที่ช่องบก จ.อุบลราชธานี ทำให้กำลังพลได้รับบาดเจ็บ 3 นาย ปัจจุบันทุกนายอาการปลอดภัยอยู่ในระหว่างการพักสังเกตอาการที่โรงพยาบาลค่ายสรรพสิทธิประสงค์ จ.อุบลราชธานี อย่างใกล้ชิด สำหรับรายละเอียดเกี่ยวกับทุ่นระเบิดดังกล่าวนั้น ปัจจุบันอยู่ในระหว่างการเข้าพื้นที่เกิดเหตุและเก็บหลักฐาน มาดำเนินการวิเคราะห์โดยผู้เชี่ยวชาญด้านวัตถุระเบิดอย่างละเอียด ซึ่งขั้นตอนนี้ คาดว่าจะใช้เวลาประมาณ 2 – 3 วัน เพื่อให้ได้ข้อเท็จจริงที่ชัดเจน ในเรื่องของชนิดและห้วงเวลาที่มีการนำทุ่นระเบิดมาติดตั้ง ตามที่สังคมได้ให้ข้อสังเกตว่าอาจเป็นทุ่นระเบิดที่ถูกวางขึ้นใหม่ ไม่ใช่ทุ่นระเบิดที่ตกค้างอยู่ในพื้นที่การสู้รบเดิม ทั้งนี้ โฆษกกองทัพบก ยังได้กล่าวว่า หลังจากนี้หน่วยในพื้นที่ชายแดน จะได้มีการตรวจสอบพิสูจน์ทราบเพิ่มเติมว่า ทางกัมพูชาได้มีการนำทุ่นระเบิดมาใช้ในพื้นที่หรือไม่ เพราะในปัจจุบันทั้งไทยและกัมพูชา ได้ให้สัตยาบันในการเข้าร่วมเป็นประเทศภาคีในอนุสัญญาออตตาวา ว่าด้วยการห้ามใช้ทุ่นระเบิดสังหารบุคคล อย่างเป็นทางการ ตั้งแต่เมื่อปี พ.ศ. 2542.-สำนักข่าวไทย

มทภ.2 สั่งดูแลสิทธิสวัสดิการ-ปูนบำเหน็จ ทหารเหยียบกับระเบิด

17 ก.ค.- แม่ทัพภาค 2 สั่งดูแลสิทธิสวัสดิการ-ปูนบำเหน็จ ทหารเหยียบกับระเบิดขาขาด เลื่อนยศ “สิบเอก” รับบำนาญเกือบ 30,000 บาท/เดือน เงินช่วยเหลือกว่า 1 ล้านบาท บรรจุทายาทรับราชการ เมื่อวันที่ 17 ก.ค.68 รายงานข่าวจากกองทัพภาคที่ 2 เปิดเผยว่า พล.ท.บุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2 ได้สั่งการให้ฝ่ายกำลังพลกองทัพภาคที่ 2 ได้ตรวจสอบสิทธิของข้าราชการทหารในการปฏิบัติราชการสนาม และให้ดำเนินการปูนบำเหน็จแก่พลทหารธนพัฒน์ หุยวัน สูงสุด เพราะ เป็นการปฏิบัติภารกิจเพื่อปกป้องอธิปไตยในการ ออกลาดตระเวนและเหยียบกับระเบิดที่เนิน 481 วานนี้ โดย ได้รับการปูนบำเหน็จ เลื่อนชั้นเป็นสิบเอก (ส.อ.) หลังจากรักษาตัวแล้วเสร็จ ปลดเหตุสูญเสียฯจากการรบ ได้รับบำนาญเดือนละ 15,600 บาท ซึ่งเมื่อรวม เงินรายเดือน จากหน่วยงาน/องค์กรต่าง ๆ แล้ว คาดว่าจะได้รับเงิน รวม 29,800 บาท/เดือน (โดยประมาณ) […]

“พิเชษฐ์” ชิงปิดประชุมสภาฯ หลังถกวุ่นเสนอนับองค์ประชุม

รัฐสภา 17 ก.ค.- “พิเชษฐ์” ทำแฮตทริก ชิงปิดประชุมสภาฯ หลัง “สส.ปชน.” เสนอนับองค์ประชุม ขณะที่ สส.เพื่อไทย ขอให้นับแบบขานชื่อ ผู้สื่อข่าวรายงานว่า การประชุมสภาผู้แทนราษฎร ที่มีนายพิเชษฐ์ เชื้อเมืองพาน รองประธานสภาผู้แทนราษฎร คนที่ 1 เป็นประธานการประชุม ขณะรับทราบรายงานของผู้สอบบัญชีและรายงานการเงินสำหรับปีสิ้นสุดวันที่ 30 ก.ย. 66 และรายงานการประเมินผลการใช้จ่ายเงินและทรัพย์สินประจำปีงบประมาณ 2566 ของสำนักงานคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ โดยมีผู้อภิปรายไปเพียงคนเดียวคือนายเอกราช อุดมอำนวย สส.กทม. พรรคประชาชน ทำให้นายเฉลิมพงศ์ แสงดี สส.ภูเก็ต พรรคประชาชน ลุกขึ้นอภิปรายว่า เห็นสมาชิกในห้องประชุมบางตาอยากจะเช็คความตั้งใจการทำงานของสส.ฝ่ายรัฐบาล จึงขอนับองค์ประชุม และมีผู้รับรองถูกต้องจากนั้นนายพิเชษฐ์ กดออดเรียกสมาชิกพร้อมกล่าวว่า “ไม่อยากอภิปรายแล้วหรือ” พร้อมทั้งขอให้วิปรัฐบาลแจ้งสส.ที่อยู่ในห้องประชุมอื่นเพื่อรีบเข้าห้องประชุมใหญ่ ขณะที่นายครูมานิตย์ สังข์พุ่ม สส.สุรินทร์ พรรคเพื่อไทย อภิปรายว่า การขอนับองค์ประชุมและมีผู้รับรอง ถือเป็นสิ่งสวยงาม แต่หากมีคนเสนอให้นับองค์ประชุมด้วยการขานชื่อ คงใช้เวลาถึงค่ำ ดังนั้น ขอร้องเพื่อนสมาชิก เดือนนี้ขออย่านับองค์ประชุมเลย แล้วไปนับองค์ประชุมเดือนหน้า […]

จนท. เข้าพบพระพรหมบัณฑิต ขอตรวจสอบบัญชีเงินวัดประยูรฯ

กทม. 17 ก.ค. – ตำรวจ ปปป. ป.ป.ท. และเจ้าหน้าที่สำนักพุทธฯ บุกวัดประยุรวงศาวาส เข้าตรวจสอบบัญชีเงินวัด เบื้องต้น  ยืนยันไม่ใช่การบุกค้นกุฏิ พระพรหมบัณฑิต เจ้าอาวาส พ.ต.ท.สิริพงษ์ ศรีตุลา รักษาราชการแทนรองเลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ (ป.ป.ท.), พ.ต.อ.สถาปนา จุณณวัตต์ ผู้กำกับการกองกำกับการ 6 กองบังคับการปราบปราม พร้อมเจ้าหน้าที่สำนักงานพระพุทธแห่งชาติแห่งชาติ เดินทางเข้าพบพระพรหมบัณฑิต เจ้าอาวาสวัดประยุรวงศาวาสวรวิหาร เพื่อพูดคุยและขอข้อมูลเกี่ยวกับเอกสารการเงินภายในวัด หลังอดีตเจ้าคุณประสิทธิ์ อดีตผู้ช่วยเจ้าอาวาส เข้าไปพัวพันกับสีกากอล์ฟ และตรวจสอบข้อเท็จจริงจากคำให้การของพยาน ที่พบเงินถูกพับในลักษณะถูกนำออกมาจากตู้บริจาคในบ้านของสีกากอล์ฟ ซึ่งการตรวจสอบในวันนี้จะเน้นเรื่องเส้นทางการเงินของวัดทั้งหมด ที่ต้องสงสัยว่าอาจมีบางส่วนถูกยักยอก หลังการตรวจสอบ ผู้กำกับการ 6 บก.ปปป. กล่าวว่า ไม่สามารถที่จะเปิดเผยข้อมูลได้ ผู้บังคับบัญชาจะเป็นผู้ชี้แจง หลังจากนี้จะนำข้อมูลต่างๆ กลับไปเรียนให้ผู้บังคับบัญชาได้ทราบ แต่ยืนยันว่า วันนี้เป็นเพียงแค่การเข้ามาขอข้อมูลเท่านั้น ด้านเจ้าหน้าที่สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติระบุว่า เป็นเพียงการบูรณาการของหน่วยงาน ที่เกี่ยวข้อง และในการตรวจสอบเรื่องนี้ไม่เกี่ยวข้องกับ พระพรหมบัณฑิต เจ้าอาวาสวัดประยุรวงศาวาสวรวิหารแต่อย่างใด มีรายงานเพิ่มเติมว่าเจ้าหน้าที่ทั้ง 3 หน่วยงาน ได้นำกำลังส่วนหนึ่งเข้าไปตรวจสอบที่มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณ์ราชวิทยาลัย หรือ […]