กรุงเทพฯ 12 มี.ค.-AIMC คาดเม็ดเงินใหม่เข้า ThaiESGX 2-3 หมื่นล้านบาท ช่วยสร้างสภาพคล่องใหม่ให้ตลาดหุ้นไทย ชะลอการขาย LTF
นางชวินดา หาญรัตนกูล นายกสมาคมบริษัทจัดการการลงทุน (AIMC) กล่าวว่า ตามที่ ครม. มีมติจัดตั้ง ThaiESGX นั้น เป็นนโยบายที่มีทั้งเม็ดเงินใหม่ และเม็ดเงินที่อยู่ในกองทุน LTF เดิม โดยแบ่งออกเป็น 2 ส่วน คือ เงินใหม่ที่บุคคลธรรมดาลงทุนในกองทุน Thai ESGX เฉพาะปี 2568 จะสามารถลดหย่อนภาษีได้สูงสุด 300,000 บาท เปิดให้ลงทุนภายใน 2 เดือน (คาดว่าเริ่มเปิดขายหน่วยได้ทุกวันทำการของเดือน พ.ค. – มิ.ย. 68) และผู้ลงทุนที่สับเปลี่ยนหน่วยลงทุน LTF เดิม ที่ถือทั้งหมดใน LTF ทุกกองทุนในทุก บลจ. มาเป็นหน่วยลงทุนของ Thai ESGX เพื่อรับเงินสิทธิลดหย่อนสำหรับ LTF เดิม สูงสุด 500,000 บาท โดยจะแบ่งเป็น ปีแรก (2568) สูงสุด 300,000 บาท ส่วนปีที่ 2 – 5 (2569-2572) สูงสุด ปีละ 50,000 บาท
ดังนั้น ปีนี้นักลงทุนจะได้สิทธิประโยชน์ทางภาษีสูงสุด 600,000 บาท/ราย โดยจะได้จากเม็ดเงินใหม่ที่ลงทุนไม่เกิน 300,000 บาท และที่โอนจาก LTF อีก 300,000 บาท ซึ่งต้องโอนกองทุนที่มีอยู่ในกองทุน LTF ทั้งหมด โดยแจ้งความประสงค์ ต่อ บลจ. ว่าต้องการใช้สิทธิประโยชน์ทางภาษี ทั้งนี้มองว่า เงินทั้งก้อนจาก LTF ที่จะโอนเข้ามาใน ThaiESGX ถ้ามีพอดีกับการใช้สิทธิประโยชน์ทางภาษีก็เป็นจังหวะที่ดี แต่หากมีมากกว่าต้องกลับมาพิจารณาว่ามีความต้องการใช้เงินในช่วงนี้หรือไม่ เนื่องจากต้องถือครองไปจนถึง 5 ปี
สำหรับกองทุนที่จะเปิดใหม่คาดว่าแต่ละบลจ. น่าจะเปิดน้อยลงจาก LTF เดิม เนื่องจากมีนโยบายเดียว ซึ่งในช่วงเดือน เม.ย.นี้ เป็นช่วงที่ บลจ. ยื่นจดทะเบียนกองทุนกับสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) คาดว่าจะมีการอนุมัติได้ภายในเดือน เม.ย. 68 และเริ่มเปิดขายให้นักลงทุนได้ ในช่วงต้น พ.ค.- ปลายเดือน มิ.ย. 68
นโยบายของ ThaiESGX นั้น ต้องลงทุนหุ้นไทยไม่ต่ำกว่า 65% โดยแบ่งเป็น ThaiESG ไม่ต่ำกว่า 80% ซึ่งแต่ละบลจ. จะมีระยะเวลาในการปรับพอร์ตประมาณ 1 ปีให้เข้ามาอยู่ใน TESG ประเมินว่าช่วงระยะเวลาระดมทุนประมาณ 2 เดือน (พ.ค.-มิ.ย.) จะมีเม็ดเงินใหม่เข้าสู่กองทุน ThaiESGX ไม่ต่ำกว่า 2-3 หมื่นล้านบาท ส่วนเม็ดเงิน ใน LTF ที่คงค้างอยู่ประมาณ 1.6 แสนล้านบาท ยังไม่มั่นใจว่าจะดึงมาได้มากน้อยแค่ไหน เนื่องจากฐานลูกค้าของแต่ละ บลจ. มีแตกต่างกัน
อย่างไรก็ตาม ตลาดหุ้นไทยที่ปรับตัวลดลงยังขึ้นอยู่กับทิศทางตลาดทั่วโลก ในฐานะผู้จัดการกองทุนมองว่าเป็นจังหวะที่ดีในการลงทุน และและมองว่าอีก 5 ปีข้างหน้าจะสร้างผลตอบแทนที่ดีได้ เนื่องจากพื้นฐานของบริษัทจดทะเบียนยังดี รวมทั้งภาพรวมเศรษฐกิจไทยยังไปต่อได้ใน 5 ปีข้างหน้า.-516.-สำนักข่าวไทย