รัฐสภา 18ส.ค.-สว.ประทุม ชี้ตำรวจท่องเที่ยวไม่พอ แนะเพิ่ม เหตุ 1 นายดูแลนักท่องเที่ยว 2 หมื่น เสี่ยงกระทบท่องเที่ยวไทย ด้าน “สรวงศ์” ยันมีแผนขยาย-เพิ่มประสิทธิภาพทำงานด้วยเทคโนโลยีAI- โดรน-กล้อง
นางประทุม วงศ์สวัสดิ์ สมาชิกวุฒิสภาจากจังหวัดชลบุรี ได้ตั้งกระทู้ถามสดต่อรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ถึงประเด็นปัญหาการขาดแคลนกำลังพลของตำรวจท่องเที่ยว ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อภาพลักษณ์และความปลอดภัยของนักท่องเที่ยว โดยระบว่าจากข้อมูลที่ พบ แม้ประเทศไทยจะเป็นแหล่งท่องเที่ยวอันดับต้นๆ ของโลก แต่กำลังพลของตำรวจท่องเที่ยวกลับมีเพียง 1,700-1,800 นายทั่วประเทศ นั่นหมายความว่าตำรวจ 1 นายต้องดูแลนักท่องเที่ยวสูงถึง 20,000 คน โดยเฉพาะในพื้นที่ท่องเที่ยวรองและแหล่งท่องเที่ยวใหม่ที่ยังขาดแคลนกำลังพลและการเฝ้าระวังเชิงรุก
นางประทุม ยังระบุถึงปัญหาการบริหารงบประมาณที่ไม่สอดคล้องกัน โดยงบประมาณของตำรวจท่องเที่ยวขึ้นตรงกับสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ไม่ใช่กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ทำให้การจัดสรรงบไม่ตรงกับภารกิจที่เร่งด่วน จึงเรียกร้องให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยว เร่งแก้ปัญหา 4 ประเด็นสำคัญ ได้แก่ การจัดสรรงบประมาณ, แผนระยะยาวในการบูรณาการทำงานระหว่างสองหน่วยงาน, แผนขยายกำลังพลไปยังเมืองรอง, และการปรับปรุงภารกิจตำรวจท่องเที่ยวให้เน้นความปลอดภัย และใช้เทคโนโลยีรวมถึงอาสาสมัครให้มากขึ้น
ด้านนายสรวงศ์ เทียนทอง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ยอมรับว่ารัฐบาลให้ความสำคัญกับเรื่องนี้เป็นอย่างยิ่ง และอยู่ระหว่างการขยายกำลังพล ซึ่งปัจจุบันมีนายตำรวจ 1,796 นายที่ปฏิบัติหน้าที่ได้จริง เนื่องจากข้อจำกัดด้านงบประมาณและอัตรากำลังพล พร้อมระบุว่ากระทรวงฯ กำลังเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานด้วยเทคโนโลยีใหม่ๆ เช่น AI, โดรน, และกล้องจดจำใบหน้า
นอกจากนี้ ยังมีแผนเพิ่มอาสาสมัครตำรวจท่องเที่ยวอีก 8,000 นาย ทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติ โดยจะเริ่มปฏิบัติหน้าที่ตั้งแต่วันที่ 1 กันยายนรวมถึงมีการใช้ระบบ 1155 และแอปพลิเคชัน “Thailand Tourist Police” ที่รองรับ 8 ภาษาและใช้ AI ช่วยแปลภาษาด้วย
อย่างไรก็ตาม นางประทุม ได้แสดงความเห็นเพิ่มเติมว่าการทำงานควรเป็นเชิงรุกมากขึ้น โดยเฉพาะในด้านการตลาดและประชาสัมพันธ์ และเสนอให้มีการจัดสรรกำลังพลตามจำนวนนักท่องเที่ยวในแต่ละพื้นที่ และวัดผลการทำงานจากความพึงพอใจของนักท่องเที่ยว ซึ่งนายสรวงศ์ได้รับปากว่าจะนำข้อเสนอแนะทั้งหมดไปพิจารณาต่อไป.-319.-สำนักข่าวไทย