“ณัฐวุฒิ” รับหนังสือและกรอบเวลา ประชุม กมธ.สร้างเสริมสังคมสันติสุข

รัฐสภา 7 ส.ค.-“ณัฐวุฒิ” เผย กมธ.สร้างเสริมสังคมสันติสุข ได้ข้อสรุปเรื่องเวลา เริ่มตั้งแต่ปี 48 จนกฎหมายบังคับใช้-จ่อเพิ่มในบัญชีแนบท้าย เป็น 25 ฐานความผิด วางกรอบแล้วเสร็จใน 2 เดือน ย้ำ ไม่ลืม ‘เสื้อแดง ปี 53’ ที่ยังไม่ได้ถูกเยียวยา ลั่น จะทำให้ออกมาดีที่สุดเท่าที่จะดีได้ เพื่อเป็นเครื่องมือคลี่คลายความขัดแย้งทางการเมืองในสังคมไทย ให้คนสามารถเดินหน้าชีวิตในฐานะผู้บริสุทธิ์ต่อไป หลังรับหนังสือจาก ‘กลุ่มนิรโทษกรรมประชาชน’

กลุ่มเครือข่ายนิรโทษกรรมประชาชน พร้อมด้วยทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชน เข้ายื่นหนังสือต่อคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติสร้างเสริมสังคมสันติสุข ซึ่งมีนายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ ประธานคณะกรรมาธิการฯ เป็นตัวแทนรับ


โดยนางสาวพูนสุข พูนสุขเจริญ เป็นตัวแทนกล่าวว่า เนื่องจากเราเห็นว่า ร่างพระราชบัญญัติทั้ง 3 ฉบับ อาจจะไม่ครอบคลุมเพียงพอ ในการนิรโทษกรรมคดีทางการเมืองตลอดระยะเวลา 20 ที่ผ่านมา จึงมายื่นข้อเสนอถึงประธานคณะกรรมาธิการฯ 4 เรื่อง ดังนี้ 1.ระยะเวลาการนิรโทษกรรม ขอเสนอให้ครอบคลุมตั้งแต่ พ.ศ.2548-2568 หรือจนกว่าจะมีการบังคับใช้พระราชบัญญัติ

2.ในส่วนฐานความผิด เมื่อพิจารณาจากบัญชีแนบท้ายร่างพระราชบัญญัติ ที่มีเพียง 12 ข้อ หรือถือเป็น 20 ฐานความผิด ซึ่งทำให้อาจตกหล่นบางฐานความผิดได้


3.คดีเยาวชน ตั้งแต่ปี 63 เป็นต้นมา มีเยาวชนผู้ถูกดำเนินคดี 286 ราย ซึ่งเราคิดว่า เยาวชนควรจะได้รับการนิรโทษกรรมไปด้วยในครั้งนี้ ไม่มีเหตุผลอะไร ที่จะไม่ควรรวมการนิรโทษกรรมให้กับเยาวชนที่อายุต่ำกว่า 18 ในทุกฐานความผิด

4.คณะกรรมการ เสนอให้ควรจะมีองค์ประกอบของทางภาคการเมืองและภาคประชาชนเข้าไปด้วย เพราะในร่างพระราชบัญญัตินั้น องค์ประกอบหลัก จะเป็นเจ้าหน้าที่รัฐ หรืออดีตศาล อัยการ เป็นหลัก แต่เรื่องนี้ไม่ใช่พิจารณาว่า คดีไหนถูกหรือผิด หรือเป็นการเมืองไม่ใช่การเมือง จึงควรจะมีคนที่ถูกดำเนินคดี และคนที่ติดตามสถานการณ์เรื่องนี้มาตลอด เข้าไปเป็นองค์ประกอบของคณะกรรมการด้วย

รวมถึงระยะเวลาที่คณะกรรมาธิการฯ พิจารณา ที่ไม่ว่าจะใช้เวลาเท่าไหร่ก็ตาม หากมีการกำหนดว่า คณะกรรมการนี้ จะยุบภายใน 6 เดือน หรือ 1 ปี หลังจากนั้น ก็ควรเปิดช่องให้ศาลยุติธรรมมีอำนาจในการพิจารณาคดี เผื่อมีคดีไหนตกหล่น และนอกเหนือจากที่คณะกรรมการ จะพิจารณาคดีนิรโทษกรรมแล้ว ก็ยังมีอีกหนึ่งประเด็นที่ควรพูดถึง คือเรื่องของการเยียวยา


ขณะที่นายณัฐวุฒิ กล่าวว่า ใน 2 ประเด็นแรก เป็นเรื่องที่เห็นตรงกันอยู่แล้ว และคณะกรรมาธิการฯ ได้มีการประชุมรวมถึงมีความเห็นร่วมกันเป็นมติของที่ประชุมไปแล้ว คือกรอบเวลาเริ่มต้นปี 48 จนถึงวันที่กฎหมายประกาศใช้ ส่วนเรื่องฐานความผิด ในบัญชีแนบท้ายนั้น แน่นอนว่ายังไม่ครอบคลุม และตกหล่นเป็นจำนวนมาก

ดังนั้น ในสัปดาห์ที่แล้ว กรรมาธิการฯ จึงมีการอภิปรายกันอย่างกว้างขวาง และมีมติด้วยเสียงข้างมาก ว่าจะบรรจุบัญชีแนบท้ายพระราชบัญญัติให้ระบุทั้งความผิด โดยหลักคิดตรงกันว่า จะต้องเพิ่มจาก 12 ฐานความผิดในขณะนี้ จากการอ้างอิงรายงานผลการศึกษาของคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาศึกษาแนวทางการตราพระราชบัญญัตินิรโทษกรรม ที่มีการระบุไว้ 25 ฐานความผิด อย่างไรก็ตาม กรรมาธิการฯ ไม่ได้ปิดกั้น ที่จะมีการเพิ่มฐานความผิดอื่น หากพบข้อเท็จจริงว่า มีผู้ที่ถูกดำเนินคดียังคงตกหล่น ไม่ได้ระบุไว้ในร่างกฎหมาย ก็สามารถดำเนินการ ในขั้นตอนการพิจารณาได้

ส่วนเรื่องเยาวชนและองค์ประกอบของคณะกรรมการนั้น เนื่องจากยังไม่อยู่ในขั้นตอนการพิจารณา แต่ตนขอรับไว้ จะมีการนำไปหารือจนมีข้อสรุป และรายงานให้ทราบต่อไป แต่โดยเบื้องต้นในหลักการไม่มีอะไรขัดกันกับข้อเสนอนี้

นายณัฐวุฒิ ยืนยันว่า การทำงานของคณะกรรมการฯ นั่งรวมกัน โดยคนที่เห็นต่างหรือเห็นตรงในทางการเมือง เพียงแต่เมื่อมีเจตนาร่วมกันว่า จะผลักดันสังคมไปสู่การคลี่คลายความขัดแย้ง โดยใช้การนิรโทษกรรมคดีความอันเกิดขึ้นจากการชุมนุมทางการเมืองหรือเกี่ยวเนื่องกับความเคลื่อนไหวทางการเมืองในห้วง 20 ปีที่ผ่านมาเป็นเครื่องมือหนึ่ง เราตั้งใจว่าจะทำเรื่องนี้ให้คืบหน้า และแล้วเสร็จในชั้นกรรมาธิการฯ โดยเร็ว จากที่วางกรอบไว้ว่า จะอยู่ในเวลา 2 เดือนบวกลบ แต่ก็ต้องดูภารกิจของสภาใหญ่ด้วย ย้ำว่า ทุกนัดที่มีการประชุม เราทำงานการเต็มที่ ล่าสุดก็มีการขยับเวลาเพิ่ม

“ผมก็ไม่เคยมาทำหน้าที่นี้ในสภานี้เลย แล้วก็ไม่คิดว่าจะมาเป็นกรรมการใดๆ ชุดไหนกับเขาด้วย แต่เรื่องนี้ผมตามมาตลอด ผมเคยไปแสดงความคิดเห็นในคณะกรรมาธิการศึกษาเรื่องการนิรโทษกรรม ผมยังคงนั่งคุยกับกลุ่มแกนนำทั้งที่เห็นด้วย และเคยเห็นต่าง เคยเผชิญหน้ากันทางการเมือง พูดคุยกับกลุ่มมวลชนฝ่ายต่างๆ พูดคุยกับตัวแทนคนหนุ่มสาวที่เขาออกมาต่อสู้ พูดคุยกับผู้รู้เรื่องกฎหมาย ผู้รู้เรื่องกระบวนการยุติธรรม หารือกับผู้ใหญ่ในบ้านเมือง ทั้งฝ่ายการเมืองและฝ่ายอื่นๆ และติดตามความคืบหน้าของเรื่องนี้ จนก่อนจะมีการนำเรื่องนี้เข้าพิจารณาในสภาวาระแรก แน่นอนว่า ทุกคนอยากให้ครอบคลุมที่สุด แต่ถ้าความจริงของสถานการณ์มันไปได้ไกลที่สุดแค่ไหน ก็ทำให้ได้มากที่สุดก็แล้วกัน ถ้ายังมีอะไรเหลืออยู่ ก็มาว่ากัน ณ เวลานั้นอีกครั้งหนึ่ง”

ดังนั้น เมื่อตนตัดสินใจว่า จะเข้ามาเป็นกรรมาธิการ และเมื่อกฎหมายได้ผ่านวาระแรกของสภา ตนได้เดินทางไปพบผู้ต้องขังคดีความทางการเมืองที่เรือนจำ และบอกกับเขาตรงๆ ว่า สภาฯ รับมาแบบนี้ และตนจะเข้ามาเป็นกรรมาธิการ ตนมั่นใจว่าตนเข้าใจพวกเขา และก็แน่ใจว่าเขาเข้าใจตน ย้ำว่า ภารกิจของคณะกรรมการธิการชุดนี้ ไม่ได้เป็นเพียงในห้องประชุมของคณะกรรมาธิการนี้ แต่ยังมีภารกิจบางด้านบางประการที่ต้องทำข้างนอก ซึ่งตนก็พยายามดำเนินการอยู่ และเชื่อว่าคณะกรรมาธิการทุกท่านก็กำลังพยายามดำเนินการอยู่

“เราจะทำให้มันออกมาดีที่สุดเท่าที่จะดีได้ เราจะทำให้มันออกมาเป็นเครื่องมือของการคลี่คลายความขัดแย้งทางการเมืองในสังคมไทยให้ได้มากที่สุด แม้ว่าขณะนี้รูปลักษณ์ของความขัดแย้งทางความคิดยังคงชัดเจน และลึกซึ้งอยู่ก็ตาม แต่ไม่มีสังคมไหนไม่ขัดแย้งทางความคิด เราต้องทำให้สังคมนี้พร้อมที่จะเปิดโอกาสให้คนแต่ละกลุ่มได้ตั้งหลักตั้งต้น และเดินหน้าชีวิตในฐานะผู้บริสุทธิ์ต่อไป”

นายณัฐวุฒิ ยังกล่าวถึงคนบางกลุ่ม ซึ่งบางทีสังคมอาจจะมองพร่าเลือนไปแล้ว เช่น คนที่ถูกกล่าวหาว่าเป็นชายชุดดำ เป็นกองกำลังติดอาวุธ ในการชุมนุม ปี 53 คนกลุ่มนี้ ถูกดำเนินคดี ถูกเอาไปขังในเรือนจำ และสู้คดีจนศาลยกฟ้อง เป็นผู้บริสุทธิ์จากกระบวนการยุติธรรม แต่คนกลุ่มนี้ไม่ได้รับการเยียวยา ตามมติคณะรัฐมนตรี (ครม.) สมัยรัฐบาลนางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี จึงกลายเป็นว่าหลักเกณฑ์การเยียวยาชุดนั้น ได้สำหรับคนส่วนหนึ่ง และไม่ได้สำหรับคนอีกส่วน ซึ่งเป็นส่วนที่ข้อกล่าวหาฉกาจฉกรรจ์ นี่ก็เป็นอีกเรื่องหนึ่งที่ตนไปนั่งคุยมา และได้ไปตามข้อมูลที่กรมคุ้มครองสิทธิ์กระทรวงยุติธรรม ได้ข้อมูลมาปึกหนึ่งจะนำมาผลักดัน และหาทางออกที่ดีที่สุดในคณะกรรมาธิการชุดนี้เช่นเดียวกัน.-312.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

“บิ๊กเต่า” ชี้พิรุธหมอดูชื่อดังเปิดใช้ชื่อวัดรับบริจาค แต่วัดเบิกไม่ได้

บช.ก. 6 ส.ค. – “บิ๊กเต่า” ชี้พิรุธหมอดูชื่อดัง เปิดรับบริจาค ใช้บัญชีชื่อวัด แต่หมอดูเบิกได้คนเดียว ตามกฎหมายทำไม่ได้ ต้องนำบัญชีมาตรวจสอบเส้นเงิน พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รองผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (รอง ผบช.ก.) เปิดเผยถึงกรณีที่มีหมอดูชื่อดังได้เปิดรับบริจาคเงินโดยใช้บัญชี ชื่อวัดพระบาทน้ำพุ แต่คนที่สามารถถอนเงินออกจากบัญชีได้คือหมอดูคนดังกล่าว ทำให้ประชาชนเกิดข้อสงสัยว่า ทำไมเปิดรับบริจาคใช้ชื่อวัดแต่วัดถอนเงินไม่ได้ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ กล่าวว่า ตอนนี้มีผู้เสียหายได้มาร้องขอความเป็นธรรมที่ กองกำกับการ 1 กองบังคับการปราบปราม เรื่องหมอดูคนดังกล่าว และได้มีการพูดคุยกับผู้กำกับกอง 1 ซึ่งกำลังตรวจสอบอยู่ มีการอ้างว่านำเงินไปให้เจ้าอาวาส อยู่ระหว่างการตรวจสอบ และจะต้องมีการเช็คว่านำเงินไปให้เจ้าอาวาสจริงหรือไม่ และเจ้าอาวาสนำเงินไปใช้อะไร เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่ากรณีนี้จะเข้าข่ายคดีฉ้อโกงหรือไม่ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ บอกว่า คิดว่าน่าจะเข้าข่ายคดีฉ้อโกง แต่ก็ต้องตรวจสอบดูว่าเงินที่รับบริจาคมาเอาไปให้เจ้าอาวาสจริงหรือไม่ และถ้าเอาไปให้จริง เจ้าอาวาสนำเงินไปใช้จ่ายอะไรบ้าง ผู้สื่อข่าวถามอีกว่ากรณีที่หมอดูคนดังกล่าว นำชื่อวัดมารับบริจาคเงินแต่หมอดูคนดังกล่าวกับเบิกเงินได้คนเดียว ทั้งที่ชื่อในบัญชีที่รับบริจาคเป็นชื่อวัดกระทำได้หรือไม่ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ บอกว่าทำไม่ได้ ถ้าใช้ชื่อบัญชีรับบริจาคเป็นชื่อวัดก็ต้องนำเงินไปให้วัดแล้วคนที่เบิกได้ก็ต้องเป็นวัดเท่านั้น เพราะเป็นเงินวัด เดี๋ยวจะต้องมีการนำบัญชีดังกล่าวมาตรวจสอบว่าเงินที่เข้าในบัญชีเท่าไหร่และวัดได้เท่าไหร่ และการรับบริจาคในลักษณะนี้ ต้องมีกรรมการวัดในการตรวจสอบบัญชี ให้ละเอียด ไม่ใช่อยากรับบริจาคก็จะทำได้เลย. -415-สำนักข่าวไทย

บุกค้นบริษัท ยึดโดรน-อุปกรณ์ตัดสัญญาณรวมกว่า 200 ชิ้น

กทม. 6 ส.ค.-ตำรวจกองปราบ ร่วมกับ กสทช. บุกค้นบริษัทใน จ.สมุทรปราการ ยึดโดรน และอุปกรณ์ตัดสัญญาณรวมกว่า 200 ชิ้น ตำรวจกองบังคับการปราบปราม ร่วมกับเจ้าหน้าที่ กสทช. และพนักงานสืบสวนจังหวัดสมุทรปราการ เข้าตรวจค้นบริษัทแห่งหนึ่ง ในอำเภอเมืองสมุทรปราการ หลังพบขัอมูลว่ามีบริษัทแห่งนี้ผลิตอุปกรณ์ และมีอากาศยานไร้คนขับโดรนไว้จำนวนมาก ต่อมาเมื่อแสดงหมายเพื่อขอตรวจค้น นายกฤษนันท์ ได้แสดงตัวเป็นกรรมการผู้จัดการของบริษัทดังกล่าว เป็นผู้นำตรวจค้น จากการตรวจค้นพบอากาศยานไร้คนขับ หรือโดรน 29 เครื่อง, กระเป๋าตรวจจับสัญญาณ 38 อัน, ปืนรบกวนสัญญาณ 129 กระบอก, เครื่องรบกวนสัญญาณ 16 เครื่อง, รถตู้สำหรับตรวจจับและรบกวนสัญญาณ 1 คัน และอุปกรณ์อื่นๆ ที่เกี่ยวข้องอีก 50 รายการ โดยของกลางทั้งหมดจะถูกนำไปเก็บไว้ที่กองบังคับการตำรวจสอบสวนกลาง เพื่อนำไปตรวจสอบความถี่ และเอกสารที่เกี่ยวข้อง สำหรับบริษัทดังกล่าว ตำรวจให้ข้อมูลว่า มีเจ้าของโรงงานเป็นคนสัญชาติสิงคโปร์ และมีกรรมการเป็นชาวไทยร่วมด้วย ประกอบกิจการผลิตอุปกรณ์ และอากาศยานไร้คนขับโดรน.-สำนักข่าวไทย

มหาดไทย เตรียมชง ครม. เด้ง 2 อธิบดีสายน้ำเงิน

กทม 5 ส.ค.-มหาดไทย เตรียมชง ครม. เด้ง 2 อธิบดีสายน้ำเงินอีก “ขจรเกียรติ” ผู้ว่าฯ ฉะเชิงเทรา ผงาดคุมที่ดิน “เชษฐา” คุม ปภ. โยก “ภาสกร” นั่งผู้ว่าฯ ระยอง ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) วันนี้ กระทรวงมหาดไทย เตรียมเสนอให้ ครม.พิจารณาเห็นชอบรวม 5 ตำแหน่ง ประกอบด้วย นายพรพจน์ เพ็ญพาส อธิบดีกรมที่ดิน เป็นรองปลัดกระทรวงมหาดไทย นายเชษฐา โมสิกรัตน์ รองปลัดกระทรวงมหาดไทย เป็นอธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย นายขจรเกียรติ รักพานิชมณี ผู้ว่าฯ ฉะเชิงเทรา เป็นอธิบดีกรมที่ดิน นายภาสกร บุญญลักษม์ อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย เป็นผู้ว่าฯ ระยอง และนายไตรภพ วงศ์ไตรรัตน์ ผู้ว่าฯ ระยอง เป็นผู้ว่าฯ เพชรบุรี.-319.-สำนักข่าวไทย

เปิดปฏิบัติการค้น 200 จุด ล่าพระทำผิดกฎหมาย

กทม. 5 ส.ค.-ตำรวจสอบสวนกลาง เปิดปฏิบัติการทำนุบำรุงพระพุทธศาสนา ลุยค้น 200 จุดทั่วประเทศ ไล่ล่าจับพระทำผิดกฎหมาย 181 เป้าหมาย ล่าสุดจับพระวัดดังย่านคลอง 6 ปทุมธานี พบเอี่ยวองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผบช.ก. ในฐานะหัวหน้าศูนย์ป้องกันปราบปรามภัยคุกคามและเสริมสร้างความมั่นคงทางพระพุทธศาสนา สั่งการ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รอง ผบช.ก. นำกำลังเจ้าหน้าที่หน่วยงานในสังกัด บช.ก. เปิดปฏิบัติการกวาดลานวัด เข้าตรวจค้นพื้นที่เป้าหมาย กว่า 200 จุด เพื่อจับกุมผู้ต้องหาคดีต่างๆ อาทิ ยักยอกทรัพย์ ฟอกเงิน เมาแล้วขับ หรือ มีส่วนเกี่ยวข้องกับขบวนการยาเสพติด รวมไปถึงองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ ที่หลบหนีมาบวชเป็นพระซ่อนตัวตามวัดต่างๆ ทั่วประเทศ โดยกลุ่มผู้ต้องหาที่เป็นเป้าหมายหลักของปฏิบัติการครั้งนี้ มีด้วยกันทั้งหมด 181 ราย แบ่งเป็น ผู้ต้องหาที่ยังมีสถานะเป็นพระ 154 ราย ในจำนวนนี้มีพระตำแหน่งสูงสุดเป็นระดับเจ้าอาวาส ส่วนผู้ต้องหาที่เคยเป็นพระแต่สึกไปแล้วมีทั้งหมด 27 ราย ซึ่งขณะนี้เจ้าหน้าที่อยู่ระหว่างการเข้าดำเนินการจับกุม อย่างไรก็ตามขณะนี้มีรายงานว่า จากปฏิบัติการดังกล่าวขณะนี้เจ้าหน้าที่สามารถจับกุมตัวผู้ต้องหาคนสำคัญได้รายหนึ่งแล้ว […]

ข่าวแนะนำ

ไร้คู่แข่ง “ไชยา” ได้รับเลือกเป็นรองประธานสภาฯ คนที่ 1

รัฐสภา 7ส.ค. – “ไชยา พรหมา” ได้รับเลือกเป็นรองประธานสภาผู้แทนราษฎร คนที่ 1 แบบไร้คู่แข่ง ประกาศพร้อมจับมือทุกฝ่ายทำให้สภาฯ เป็นที่พึ่งของประชาชน การประชุมสภาผู้แทนราษฎร ที่มีนายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานสภาฯ เป็นประธานการประชุม ได้พิจารณาลงมติเลือกบุคคลให้ดำรงตำแหน่งรองประธานสภาฯ คนที่ 1 แทนนายพิเชษฐ์ เชื้อเมืองพาน ที่ถูกศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยให้พ้นจากตำแหน่ง โดยนายสรวงศ์ เทียนทอง สส.สระแก้ว พรรคเพื่อไทย เป็นผู้เสนอชื่อนายไชยา พรหมา สส.หนองบัวลำภู พรรคเพื่อไทย เพียงชื่อเดียว จากนั้นนายไชยา ได้แสดงวิสัยทัศน์ต่อที่ประชุมสภาฯ ว่า ขอบคุณประธานฯ และสมาชิก ที่ให้ความไว้วางใจให้ทำหน้าที่เป็นรองประธานสภาฯ คนที่ 1 ขอยืนยันว่าจะใช้ความรู้ความสามารถและประสบการณ์การทำงานทางการเมืองตลอดชีวิตการทำงานเพื่อสภาฯ แห่งนี้ อย่างน้อยสถาบันนิติบัญญัติเป็นกลไกที่มีความสำคัญไม่แพ้อำนาจฝ่ายบริหาร ประธานฯ และตัวไชยาเอง อยู่สภาฯ นี้มานาน ได้ผ่านกงล้อประวัติศาสตร์ทางการเมือง สถานการณ์การเมืองที่แตกต่างกันแต่ละยุคสมัย อยากเห็นองค์กรนิติบัญญัติแห่งนี้เป็นที่พึ่งของที่น้องประชาชนต่อไป และสิ่งหนึ่งที่อยากจะเห็นในขณะที่ดำรงตำแหน่งรองประธานสภาฯ คนที่ 1 คือ อยากเห็นความร่วมมือร่วมใจ ไม่ว่าจะฝ่ายค้าน […]

เปิด 13 ข้อตกลงหยุดยิง ไทย-กัมพูชา เห็นพ้องรักษาสันติภาพ

มาเลเซีย 7 ส.ค.-เสร็จสิ้นแล้ว การประชุมคณะกรรมการชายแดนทั่วไป (General Border Committee: GBC) ไทย-กัมพูชา สมัยวิสามัญ ที่ 2 ชาติ เห็นพ้องข้อตกลงหยุดยิง 13 ข้อระหว่างกัน โดยมีสาระสำคัญ ดังนี้1.ยุติการใช้อาวุธทุกประเภท การโจมตีต่อพลเรือน เป้าหมายพลเรือน และเป้าหมายทางทหาร ในทุกพื้นที่และทุกกรณี2.รักษาสถานะการวางกำลังในที่ตั้งปัจจุบัน สถานะตั้งแต่ 28 ก.ค.68 โดยไม่มีการเคลื่อนย้ายกำลัง และไม่มีการลาดตระเวนไปยังที่ตั้งของอีกฝ่าย3.ไม่เพิ่มเติมกำลังตลอดแนวชายแดนไทย – กัมพูชา4.ไม่กระทำการอันเป็นการยั่วยุที่ส่งผลให้เกิดความตึงเครียด การมีกิจกรรมทางทหารเข้าไปยังดินแดน เขตน่านฟ้า หรือที่ตั้งของอีกฝ่าย ตามสถานะการหยุดยิง ตั้งแต่ 28 ก.ค.68 และไม่สร้างโครงสร้างพื้นฐานทางทหารล้ำออกไปนอกขอบเขตของฝ่ายตน5.ไม่ใช้กำลังต่อพลเรือน หรือเป้าหมายทางพลเรือนในทุกกรณี6.การปฏิบัติตามอนุสัญญาเจนีวา: การปฏิบัติต่อผู้ที่ถูกจับกุมตัว การขอส่งตัวผู้บาดเจ็บมารักษาในสถานพยาบาลของอีกฝ่าย โดยจะขึ้นอยู่กับศักยภาพในการรองรับของสถานพยาบาลแล้วแต่กรณี สำหรับทหารที่อยู่ในความควบคุมของอีกฝ่ายหนึ่งจะได้รับการปล่อยตัวและส่งกลับประเทศ หลังจากยุติการใช้กำลังโดยสมบูรณ์ รวมทั้งอำนวยความสะดวกในการส่งคืนร่างผู้เสียชีวิตอย่างสมเกียรติโดยเร็ว และจัดการศพภายใต้สภาพที่ถูกสุขลักษณะและด้วยความเคารพ7.กรณีมีความขัดแย้งกันด้วยอาวุธ ทั้งตั้งใจและไม่ตั้งใจ ทั้งสองฝ่ายจะหารือกันในระดับปฏิบัติผ่านกลไกทวิภาคีที่มีอยู่ เพื่อป้องกันการขยายตัวของสถานการณ์8.เห็นชอบให้เพิ่มในเรื่องของการปฏิบัติดังนี้8.1 ดำรงการติดต่อสื่อสารอย่างต่อเนื่องระหว่างหน่วยทหารในพื้นที่8.2 จัดการประชุม RBC ภายใน 2 สัปดาห์ นับจากการประชุม […]

แม่ทัพภาค 2 เชื่อผลประชุม GBC เป็นทิศทางที่ดี

7 ส.ค. – มทภ.2 ขอรอผลอย่างเป็นทางการหลังประชุม GBC เชื่อจะไปในทิศทางที่ดี เมิน “ฮุนเซน” ขอไทยงดใช้ F-16 ร้องนานาชาติ หยุดขายเครื่องบินรบให้ไทย ส่วนกรณีสายลับเขมร รอเจ้าหน้าที่ตรวจสอบ พลโทบุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2 ให้สัมภาษณ์ภายหลังรับมอบอุปกรณ์โดรนโลเคเตอร์ เครื่องจับพิกัดตัวโดรน รวม 30 เครื่อง มูลกว่า 8 ล้านบาท เครื่องนุ่งห่ม รวมถึงของใช้ที่จำเป็นเพื่อนำไปมอบให้ทหารแนวหน้า จากมูลนิธิยามเฝ้าแผ่นดิน ผู้สื่อข่าวถามว่า วันนี้จะได้ข้อสรุปในการประชุมคณะกรรมการชายแดนทั่วไป (GBC) สถานการณ์ต่อไปจะเป็นอย่างไร พลโท บุญสิน บอกว่ารอการชี้แจงอย่างเป็นทางการ เชื่อว่าจะดีขึ้น ย้ำว่า ในข้อเสนอ 8 เรื่อง 6 ประเด็น ตนให้ความสำคัญ ทหารไทย ณ ปัจจุบันนี้อยู่ตรงไหนก็ให้อยู่ตรงนั้น คำนึงถึงเรื่องนี้เป็นหลัก เน้นย้ำให้ทหารหน้าแนวตั้งอยู่ในความไม่ประมาท และตรึงกำลังไว้ตลอด เรื่องแผ่นดินไม่สามารถคุมได้ด้วยเครื่องมือ ต้องใช้คนเฝ้า เมื่อเปรียบเทียบกับท่าทีของกัมพูชาแล้ว เราจะต้องประกบไว้แบบนี้ […]

“พล.อ.ณัฐพล” เข้าเยี่ยมคำนับนายกฯ มาเลเซีย

มาเลเซีย 7 ส.ค.- “พล.อ.ณัฐพล” รมช.กลาโหม เข้าเยี่ยมคำนับนายกฯ มาเลเซีย ก่อนถก GBC ไทย – กัมพูชา สมัยวิสามัญ บ่ายนี้ เมื่อเช้าวันนี้ (7 ส.ค. 68) พล.อ.ณัฐพล นาคพาณิชย์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหม รักษาราชการแทนรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ได้เข้าเยี่ยมคำนับ ดาโตะ เซอรี อันวาร์ อิบราฮิม นายกรัฐมนตรีมาเลเซีย ซึ่งเป็นประธานอาเซียนในขณะนี้และเป็นเจ้าภาพของสถานที่การประชุมคณะกรรมการชายแดนทั่วไป(General Border Committee: GBC) ไทย – กัมพูชา สมัยวิสามัญ โดยมีรองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมของกัมพูชาเข้าร่วมด้วย ซึ่งเป็นโอกาสแรกที่ฝ่ายไทยและฝ่ายกัมพูชาได้พบกันในระดับรัฐมนตรีก่อนที่จะเข้าร่วมประชุม GBC สมัยวิสามัญ ที่จะมีขึ้นในช่วงบ่ายของวันนี้ Deputy Minister of Defence pays courtesy call on Malaysian Prime Minister before Extraordinary Session […]