ครบแล้ว สว.อิสระ ล่าชื่อส่งศาล รธน. สั่ง 138 สว. เอี่ยวคดีฮั้วหยุดปฏิบัติหน้าที่ชั่วคราว

รัฐสภา 6 ส.ค.-ครบแล้ว สว.อิสระ ล่าชื่อยื่นประธานวุฒิฯ ส่งศาล รธน. สั่ง 138 สว. เอี่ยวคดีฮั้วหยุดปฏิบัติหน้าที่ชั่วคราว หรือเฉพาะส่วนให้ความเห็นชอบองค์กรอิสระ “นันทนา” จี้ใช้มาตรฐานเดียวส่งทันที แฉมีปฏิบัติการคลื่นใต้น้ำโทร ล็อบบี้ให้ถอนชื่อ

นางสาวนันทนา นันทวโรภาส สว. แถลงว่า ขณะนี้กลุ่มสว.อิสระได้ลงชื่อครบตามจำนวน 1 ใน 10 ของสภาตามที่รัฐธรรมนูญกำหนดแล้ว เพื่อจะนำ เสนอต่อประธานวุฒิสภาเพื่อส่งไปยังศาลรัฐธรรมนูญต่อไป ให้ วินิจฉัยให้สมาชิกภาพของ สมาชิกวุฒิสภา 138 คนสิ้นสุดลง ตามมาตรา 111 (7) ประกอบมาตรา 113 โดยขอให้ศาลรัฐธรรมนูญมีคำสั่งให้ สว. 138 คนหยุดปฏิบัติหน้าที่เป็นการชั่วคราว จนกว่าศาลรัฐธรรมนูญจะมีคำวินิจฉัย หรือให้หยุดปฏิบัติหน้าที่เฉพาะส่วน ที่เกี่ยวกับการให้ความเห็นชอบบุคคลดำรงตำแหน่งตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ กรรมการองค์กรอิสระ ตุลาการศาลปกครองสูงสุด และผู้ดำรงตำแหน่งระดับสูงอื่นๆ ไว้ก่อน จนกว่าศาลจะมีคำวินิจฉัย เนื่องจากผลการสอบสวน ของกรมคดีพิเศษร่วมกับ กรรมการการเลือกตั้ง ในนามคณะอนุกรรมการสืบสวนไต่สวนกลางชุดที่ 26 ได้สรุปสำนวนพร้อมส่งมอบต่อกกต. แล้ว เมื่อ 17 กรกฎาคมที่ผ่านมา เหลือพี่พูดถูกกล่าวหาทั้งสิ้น 229 คน เป็น สว.ที่อยู่ในตำแหน่ง 138 คน และกรรมการบริหารพรรคภูมิใจไทย และเครือข่ายอีก 91 คน ในข้อหาขัดต่อพระราชบัญญัติ ประกอบการได้มาซึ่ง สว. มาตรา 36 มาตรา 62 และมาตรา 77 และมาตรา 113 ที่ห้าม สว. อยู่ใต้อาณัติของพรรคการเมือง


นางสาวนันทนา กล่าวว่า ขณะนี้ อยู่ในกระบวนการของกกต.ที่จะ พิจารณา ส่งเรื่องต่อ ศาลฎีกาแผนกคดีเลือกตั้ง แต่ก็เป็นที่ทราบว่า กกต. อาจจะต้องใช้เวลานาน ถึง 8 เดือนในการที่จะส่งฟ้อง หรืออาจตรงกับเดือนมีนาคม 2569 จึงถือเป็นความล่าช้า ในกระบวนการ ซึ่งจะส่งผลเสีย ต่อกระบวนการนิติบัญญัติ และกระบวนการยุติธรรมอย่างใหญ่หลวง เพราะหากจะไม่มีการส่งฟ้องสว.เสียงข้างมาก ก็ยังคงให้ความเห็นชอบบุคคลเข้าดำรงตำแหน่งในองค์กรอิสระ อย่างต่อเนื่อง

อย่างไรก็ตาม ตอนนี้มีการใช้กลไกจริยธรรมดำเนินการกับผู้เห็นต่าง ที่มีการร้องเรียนสว.เสียงข้างน้อยหลายราย หากปล่อยให้วุฒิสภามีพฤติการณ์เช่นนี้ต่อไปเรื่อยๆ จะส่งผลต่อภาพลักษณ์ของฝ่ายนิติบัญญัติและทำลายความเชื่อมั่นต่อองค์กรอิสระทั้งปวง จึงนำรายชื่อสว. 1 ใน 10 ส่งให้ประธานวุฒิสภา และหวังว่าจะใช้มาตรฐานเดียวกันกับคำร้องของสว.เสียงข้างมาก และดำเนินการส่งไปยังศาลรัฐธรรมนูญทันที


น.ต.วุฒิพงศ์ พงศ์สุวรรณ สว. กล่าวว่า สว.ที่ถูกกล่าวหาว่ามีการฮั้วยังไม่ได้รับการพิสูจน์ทราบ ดังนั้นเมื่อมีข้อกังวลจึงขออ้างพยานหลักฐานขอให้ศาลรัฐธรรมนูญมีคำสั่ง เรียกสำนวน การสืบสวนสอบสวนของกรมสอบสวนคดีพิเศษ ประเด็นกระบวนการที่เกี่ยวกับการดำเนินการ พรรคการเมืองหนึ่งที่เกี่ยวข้องกับการกำหนดตัวบุคคล ให้ได้รับเลือกเป็นสว. และให้เรียกสำนวน อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ รองอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ ที่ได้รับมอบหมาย และรายงานการสืบสวนสอบสวน คณะที่ 26 ของกรรมการการเลือกตั้ง รวมไปถึงเรียกประธานการสอบสวนและไต่สวนหรือรองประธาน หรือกรรมการ ที่ได้รับมอบหมาย นอกจากนี้ยังต้องเรียกเส้นทางการเงิน ค่าใช้จ่ายของพรรคการเมือง ในกระบวนการที่ถูกมองว่าเป็นการแทรกแซงการเลือกตั้ง เมื่อปี 2567 ขณะที่เรื่องนี้ถือเป็นความทุกข์ของ สว. อิสระทั้งหมด เพราะจะมีประชาชนมาซักถาม ว่าเป็น สว. ที่ฮั้วหรือไม่ อีกทั้งยังโดนติฉินนินทา หรือที่เรียกว่าโลกวัชชะ หรือโลกที่ติเตียน ดังนั้น สว.ไม่ต่ำกว่า 30 คน จึงได้รวบรวมรายชื่อยื่นต่อประธานวุฒิสภาเพื่อส่งต่อให้ศาลรัฐธรรมนูญ แต่ก็ยืนยันว่ายังคงมีความรักความผูกพันกับเพื่อนสว.เพราะหลายคนเป็นคนดีมีฝีมือ จึงอยากทำให้คดีนี้คลี่คลายและชัดเจนมากขึ้น เร่งดำเนินคดีให้เสร็จเรียบร้อย ไม่มีการดึงหรือถ่วงเวลา จึงเป็นเรื่องที่เหมาะสมและทำให้ แล้วทุกคน จะได้ทำงานอย่างเต็มที่ โดยไม่ต้องกังวลกับเรื่องนี้

เมื่อถามว่าหากศาลรัฐธรรมนูญสั่งให้มีการหยุดปฏิบัติหน้าที่จริง สว. ที่เหลือจะสามารถทำหน้าที่ต่อไปได้หรือไม่ นางสาวนันทนากล่าวว่า ถ้าเป็นการสั่งหยุดปฏิบัติหน้าที่โดยศาลรัฐธรรมนูญการทำหน้าที่ของ สว. ในสภาที่เหลือก็สามารถดำเนินการต่อไปได้เพราะถือว่าเป็นคำสั่งให้หยุดปฏิบัติหน้าที่ชั่วคราว หลังจากที่มีคำวินิจฉัยว่าให้พ้นจากตำแหน่งจริงจึงมีการดำเนินการเลื่อนสำรองขึ้นมา เพื่อให้เป็นองค์ประชุม

น.ต.วุฒิพงศ์ พงศ์สุวรรณ สว. กล่าวว่า สว.ที่ถูกกล่าวหาว่ามีการฮั้วยังไม่ได้รับการพิสูจน์ทราบ ดังนั้นเมื่อมีข้อกังวลจึงขออ้างพยานหลักฐานขอให้ศาลรัฐธรรมนูญมีคำสั่ง เรียกสำนวน การสืบสวนสอบสวนของกรมสอบสวนคดีพิเศษ ประเด็นกระบวนการที่เกี่ยวกับการดำเนินการ พรรคการเมืองหนึ่งที่เกี่ยวข้องกับการกำหนดตัวบุคคล ให้ได้รับเลือกเป็นสว. และให้เรียกสำนวน อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ รองอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ ที่ได้รับมอบหมาย และรายงานการสืบสวนสอบสวน คณะที่ 26 ของกรรมการการเลือกตั้ง รวมไปถึงเรียกประธานการสอบสวนและไต่สวนหรือรองประธาน หรือกรรมการ ที่ได้รับมอบหมาย นอกจากนี้ยังต้องเรียกเส้นทางการเงิน ค่าใช้จ่ายของพรรคการเมือง ในกระบวนการที่ถูกมองว่าเป็นการแทรกแซงการเลือกตั้ง เมื่อปี 2567 ขณะที่เรื่องนี้ถือเป็นความทุกข์ของ สว. อิสระทั้งหมด เพราะจะมีประชาชนมาซักถาม ว่าเป็นสว. ที่ฮั้วหรือไม่ อีกทั้งยังโดนติฉินนินทา หรือที่เรียกว่าโลกวัชชะ หรือโลกที่ติเตียน ดังนั้น สว.ไม่ต่ำกว่า 30 คน จึงได้รวบรวมรายชื่อยื่นต่อประธานวุฒิสภาเพื่อส่งต่อให้ศาลรัฐธรรมนูญ แต่ก็ยืนยันว่ายังคงมีความรักความผูกพันกับเพื่อนสว.เพราะหลายคนเป็นคนดีมีฝีมือ จึงอยากทำให้คดีนี้คลี่คลายและชัดเจนมากขึ้น เร่งดำเนินคดีให้เสร็จเรียบร้อย ไม่มีการดึงหรือถ่วงเวลา จึงเป็นเรื่องที่เหมาะสมและทำให้ แล้วทุกคน จะได้ทำงานอย่างเต็มที่ โดยไม่ต้องกังวลกับเรื่องนี้


เมื่อถามว่ามั่นใจในหลักฐานที่มี ว่าจะสามารถ ส่งผลให้ สว. ทั้ง 138 คนหยุดปฏิบัติหน้าที่ได้ ใช่หรือไม่ นาวาตรีวุฒิพงศ์ กล่าวว่า มีการขัดขวาง มีการโทรมาสอบถามทุกวันว่าอยากได้อะไร แต่สิ่งที่ทำไม่ได้คือให้ความยุติธรรมกับประชาชน ความยุติธรรมของเสียงข้างน้อยและเสียงข้างน้อยมีความจำเป็นอย่างน้อยเราเคารพเสียงข้างมาก แต่เสียงข้างน้อยย่อมได้รับความคุ้มครองและเคารพเช่นเดียวกัน

เมื่อถามว่าหาก สว.ทั้ง 138 คน พ้นจากตำแหน่งจะทำให้การเลือกสวเป็นโมฆะหรือไม่ นาวาตรีวุฒิพงศ์กล่าวว่า การเลือกตั้งเป็นโมฆะต่อเมื่อสมาชิก วุฒิสภาเหลือไม่ครบ 100 คน เลื่อนสำรองแล้วและยังไม่ครบ 100 แต่หากเกิน 100 คนอยู่ก็ยังใช้ได้และอยู่ในรัฐธรรมนูญเพราะมีการคำนวณเผื่อไว้แล้ว

น.ส.นันทนา กล่าวเพิ่มเติมว่า ข้อหาที่แจ้งในคำร้อง คือมาตรา 113 สมาชิกวุฒิสภาต้องไม่ยอมตนอยู่ภายใต้พรรคการเมือง แต่หลักฐานที่ กกต.และ DSI ร่วมกันถูกตรวจสอบและแจ้งข้อกล่าวหาชี้ชัดไปว่า สว. ที่ได้เข้ามา 138 คนนั้นมีความสัมพันธ์ และเกี่ยวข้องกับพรรคการเมืองพรรคหนึ่ง ดังนั้นจึงเชื่อมั่นว่าหลักฐานที่ศาลจะเรียกมาจาก DSI และกกต.น่าจะชัดเจนและหนักแน่นพอที่จะดำเนินการเอาผิด กับผู้ที่เกี่ยวข้องในกระบวนการนี้

“แต่ถ้าปล่อยให้ไปถึงมีนาคมปีหน้าบุคลากรในองค์กรอิสระจะถูกคัดเลือกจาก สว. ที่ถูกแจ้งข้อกล่าวหา และประชาชนก็จะต้องกังขาในผลการวินิจฉัยที่จะเกิดขึ้นในอนาคต เพื่อป้องกันหายนะที่จะเกิดขึ้นจากนี้ไปจึงร้องขอต่อศาล ให้ศาลมีคำสั่งให้สว.เสียงข้างมากหยุดปฏิบัติหน้าที่โดยชั่วคราว จนกว่าคำวินิจฉัยของศาลจะออกมา” น.ส.นันทนา กล่าว

น.ส.นันทนา ยังเปิดเผยว่า ขณะนี้มีปฏิบัติการคลื่นใต้น้ำ และมีปฏิบัติการโทรล็อบบี้กันถึงเช้า หากทราบว่ามีใครอยู่ในรายชื่อก็จะโทรรังควานให้ถอนชื่อออก ตอนนี้จึงกังวลใจมาก จึงได้ย้ำว่าอยากให้ ประธานวุฒิสภารับหนังสือและส่งไปยังศาลรัฐธรรมนูญทันทีและเมื่อหนังสือถึงศาลรัฐธรรมนูญแล้วจะสามารถเปิดเผยรายชื่อได้ นี่เป็นปฏิบัติการทำลายล้างคนที่เห็นต่าง พร้อมยกตัวอย่าง นาวาตรีวุฒิพงศ์เกือบจะชกหน้ากัน แต่มีสว.คนอื่นมาขวางไว้ ส่วนตนเองก็โดนร้องเรียนเรื่องจริยธรรม ดังนั้นจึงต้องปกป้องรายชื่อที่ร่วมลงนามเพื่อส่งสารรัฐธรรมนูญให้ถึงที่สุด.-319.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

“บิ๊กเต่า” ชี้พิรุธหมอดูชื่อดังเปิดใช้ชื่อวัดรับบริจาค แต่วัดเบิกไม่ได้

บช.ก. 6 ส.ค. – “บิ๊กเต่า” ชี้พิรุธหมอดูชื่อดัง เปิดรับบริจาค ใช้บัญชีชื่อวัด แต่หมอดูเบิกได้คนเดียว ตามกฎหมายทำไม่ได้ ต้องนำบัญชีมาตรวจสอบเส้นเงิน พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รองผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (รอง ผบช.ก.) เปิดเผยถึงกรณีที่มีหมอดูชื่อดังได้เปิดรับบริจาคเงินโดยใช้บัญชี ชื่อวัดพระบาทน้ำพุ แต่คนที่สามารถถอนเงินออกจากบัญชีได้คือหมอดูคนดังกล่าว ทำให้ประชาชนเกิดข้อสงสัยว่า ทำไมเปิดรับบริจาคใช้ชื่อวัดแต่วัดถอนเงินไม่ได้ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ กล่าวว่า ตอนนี้มีผู้เสียหายได้มาร้องขอความเป็นธรรมที่ กองกำกับการ 1 กองบังคับการปราบปราม เรื่องหมอดูคนดังกล่าว และได้มีการพูดคุยกับผู้กำกับกอง 1 ซึ่งกำลังตรวจสอบอยู่ มีการอ้างว่านำเงินไปให้เจ้าอาวาส อยู่ระหว่างการตรวจสอบ และจะต้องมีการเช็คว่านำเงินไปให้เจ้าอาวาสจริงหรือไม่ และเจ้าอาวาสนำเงินไปใช้อะไร เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่ากรณีนี้จะเข้าข่ายคดีฉ้อโกงหรือไม่ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ บอกว่า คิดว่าน่าจะเข้าข่ายคดีฉ้อโกง แต่ก็ต้องตรวจสอบดูว่าเงินที่รับบริจาคมาเอาไปให้เจ้าอาวาสจริงหรือไม่ และถ้าเอาไปให้จริง เจ้าอาวาสนำเงินไปใช้จ่ายอะไรบ้าง ผู้สื่อข่าวถามอีกว่ากรณีที่หมอดูคนดังกล่าว นำชื่อวัดมารับบริจาคเงินแต่หมอดูคนดังกล่าวกับเบิกเงินได้คนเดียว ทั้งที่ชื่อในบัญชีที่รับบริจาคเป็นชื่อวัดกระทำได้หรือไม่ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ บอกว่าทำไม่ได้ ถ้าใช้ชื่อบัญชีรับบริจาคเป็นชื่อวัดก็ต้องนำเงินไปให้วัดแล้วคนที่เบิกได้ก็ต้องเป็นวัดเท่านั้น เพราะเป็นเงินวัด เดี๋ยวจะต้องมีการนำบัญชีดังกล่าวมาตรวจสอบว่าเงินที่เข้าในบัญชีเท่าไหร่และวัดได้เท่าไหร่ และการรับบริจาคในลักษณะนี้ ต้องมีกรรมการวัดในการตรวจสอบบัญชี ให้ละเอียด ไม่ใช่อยากรับบริจาคก็จะทำได้เลย. -415-สำนักข่าวไทย

บุกค้นบริษัท ยึดโดรน-อุปกรณ์ตัดสัญญาณรวมกว่า 200 ชิ้น

กทม. 6 ส.ค.-ตำรวจกองปราบ ร่วมกับ กสทช. บุกค้นบริษัทใน จ.สมุทรปราการ ยึดโดรน และอุปกรณ์ตัดสัญญาณรวมกว่า 200 ชิ้น ตำรวจกองบังคับการปราบปราม ร่วมกับเจ้าหน้าที่ กสทช. และพนักงานสืบสวนจังหวัดสมุทรปราการ เข้าตรวจค้นบริษัทแห่งหนึ่ง ในอำเภอเมืองสมุทรปราการ หลังพบขัอมูลว่ามีบริษัทแห่งนี้ผลิตอุปกรณ์ และมีอากาศยานไร้คนขับโดรนไว้จำนวนมาก ต่อมาเมื่อแสดงหมายเพื่อขอตรวจค้น นายกฤษนันท์ ได้แสดงตัวเป็นกรรมการผู้จัดการของบริษัทดังกล่าว เป็นผู้นำตรวจค้น จากการตรวจค้นพบอากาศยานไร้คนขับ หรือโดรน 29 เครื่อง, กระเป๋าตรวจจับสัญญาณ 38 อัน, ปืนรบกวนสัญญาณ 129 กระบอก, เครื่องรบกวนสัญญาณ 16 เครื่อง, รถตู้สำหรับตรวจจับและรบกวนสัญญาณ 1 คัน และอุปกรณ์อื่นๆ ที่เกี่ยวข้องอีก 50 รายการ โดยของกลางทั้งหมดจะถูกนำไปเก็บไว้ที่กองบังคับการตำรวจสอบสวนกลาง เพื่อนำไปตรวจสอบความถี่ และเอกสารที่เกี่ยวข้อง สำหรับบริษัทดังกล่าว ตำรวจให้ข้อมูลว่า มีเจ้าของโรงงานเป็นคนสัญชาติสิงคโปร์ และมีกรรมการเป็นชาวไทยร่วมด้วย ประกอบกิจการผลิตอุปกรณ์ และอากาศยานไร้คนขับโดรน.-สำนักข่าวไทย

มหาดไทย เตรียมชง ครม. เด้ง 2 อธิบดีสายน้ำเงิน

กทม 5 ส.ค.-มหาดไทย เตรียมชง ครม. เด้ง 2 อธิบดีสายน้ำเงินอีก “ขจรเกียรติ” ผู้ว่าฯ ฉะเชิงเทรา ผงาดคุมที่ดิน “เชษฐา” คุม ปภ. โยก “ภาสกร” นั่งผู้ว่าฯ ระยอง ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) วันนี้ กระทรวงมหาดไทย เตรียมเสนอให้ ครม.พิจารณาเห็นชอบรวม 5 ตำแหน่ง ประกอบด้วย นายพรพจน์ เพ็ญพาส อธิบดีกรมที่ดิน เป็นรองปลัดกระทรวงมหาดไทย นายเชษฐา โมสิกรัตน์ รองปลัดกระทรวงมหาดไทย เป็นอธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย นายขจรเกียรติ รักพานิชมณี ผู้ว่าฯ ฉะเชิงเทรา เป็นอธิบดีกรมที่ดิน นายภาสกร บุญญลักษม์ อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย เป็นผู้ว่าฯ ระยอง และนายไตรภพ วงศ์ไตรรัตน์ ผู้ว่าฯ ระยอง เป็นผู้ว่าฯ เพชรบุรี.-319.-สำนักข่าวไทย

เปิดปฏิบัติการค้น 200 จุด ล่าพระทำผิดกฎหมาย

กทม. 5 ส.ค.-ตำรวจสอบสวนกลาง เปิดปฏิบัติการทำนุบำรุงพระพุทธศาสนา ลุยค้น 200 จุดทั่วประเทศ ไล่ล่าจับพระทำผิดกฎหมาย 181 เป้าหมาย ล่าสุดจับพระวัดดังย่านคลอง 6 ปทุมธานี พบเอี่ยวองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผบช.ก. ในฐานะหัวหน้าศูนย์ป้องกันปราบปรามภัยคุกคามและเสริมสร้างความมั่นคงทางพระพุทธศาสนา สั่งการ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รอง ผบช.ก. นำกำลังเจ้าหน้าที่หน่วยงานในสังกัด บช.ก. เปิดปฏิบัติการกวาดลานวัด เข้าตรวจค้นพื้นที่เป้าหมาย กว่า 200 จุด เพื่อจับกุมผู้ต้องหาคดีต่างๆ อาทิ ยักยอกทรัพย์ ฟอกเงิน เมาแล้วขับ หรือ มีส่วนเกี่ยวข้องกับขบวนการยาเสพติด รวมไปถึงองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ ที่หลบหนีมาบวชเป็นพระซ่อนตัวตามวัดต่างๆ ทั่วประเทศ โดยกลุ่มผู้ต้องหาที่เป็นเป้าหมายหลักของปฏิบัติการครั้งนี้ มีด้วยกันทั้งหมด 181 ราย แบ่งเป็น ผู้ต้องหาที่ยังมีสถานะเป็นพระ 154 ราย ในจำนวนนี้มีพระตำแหน่งสูงสุดเป็นระดับเจ้าอาวาส ส่วนผู้ต้องหาที่เคยเป็นพระแต่สึกไปแล้วมีทั้งหมด 27 ราย ซึ่งขณะนี้เจ้าหน้าที่อยู่ระหว่างการเข้าดำเนินการจับกุม อย่างไรก็ตามขณะนี้มีรายงานว่า จากปฏิบัติการดังกล่าวขณะนี้เจ้าหน้าที่สามารถจับกุมตัวผู้ต้องหาคนสำคัญได้รายหนึ่งแล้ว […]

ข่าวแนะนำ

ตำรวจเตรียมสอบเชิงลึกชาย BHQ หวั่นเป็นไส้ศึก

บุรีรัมย์ 6 ส.ค.-ตำรวจ สอบปากคำชายชาวกัมพูชา พบมีการใช้ชื่อถึง 4 ชื่อ อ้างเคยเป็นทหารหน่วย BHQ จริง แต่ปัจจุบันไม่ได้เป็นแล้ว เจ้าหน้าที่ยังไม่เชื่อการคำให้การ เกรงแฝงตัวเข้ามาเป็นสายลับ กรณีตำรวจ สภ.ลำดวน จังหวัดบุรีรัมย์ จับกุมชายชาวกัมพูชา ได้ที่บ้านพักภรรยาคนไทยและมีเครื่องแบบทหารพร้อมตราสัญลักษณ์ BHQ จากการสอบปากคำ เคยเป็นทหารหน่วย BHQ จริง แต่ปัจจุบันไม่ได้เป็นแล้ว มาทำงานอยู่ไทย แล้วถูกสวมชื่อ จากการตรวจสอบพบมีการใช้ชื่อถึง 4 ชื่อ ซึ่งแต่ละชื่อไม่ตรงกัน และอ้างว่าเมื่อก่อนเข้ามาอย่างถูกต้อง แต่ล่าสุดมีการลักลอบเข้ามาผ่านช่องทางธรรมชาติทาง จ.สระแก้ว โดยอ้างว่าจ่ายเงินบุคคลที่พาเข้า 4,000 บาท แต่เจ้าหน้าที่ยังไม่เชื่อการคำให้การ เกรงว่าอาจจะแฝงตัวเข้ามาเป็นสายลับคอยส่งข้อมูลความเคลื่อนไหวเกี่ยวกับความมั่นคงของไทย ไปให้ฝั่งกัมพูชา จากการตรวจสอบข้อมูลในโทรศัพท์พบมีรูปถ่ายกายแต่งกายทหารและถือปืน เบื้องต้นทางตำรวจจะดำเนินคดีมีอาวุธปืนไว้ในครอบครองโดยผิดกฎหมาย และลักลอบเข้ามาในราชอาณาจักรไทยโดยไม่ได้รับอนุญาต.-สำนักข่าวไทย

GBC หารือใหม่เช้านี้ หลังเมื่อคืนถกถึงเที่ยงคืน

มาเลเซีย 6 ส.ค.-GBC ประชุมใหม่เช้านี้ หลังเมื่อคืน ฝ่ายกัมพูชา ไม่สามารถตัดสินตกลงใจได้ในบางหัวข้อและต้องส่งกลับไปให้พนมเปญพิจารณาต่อ การหารือภายใต้กรอบ GBC ณ เวลา 07.45 น. วันนี้ (ตามเวลาท้องถิ่น) เมื่อคืน คณะเลขานุการ GBC ของทั้งสองฝ่าย ได้เจรจากันถึงเวลา 00.15 น. (ตามเวลาท้องถิ่น) แต่ไม่สามารถบรรลุข้อตกลงได้ในบางประเด็นสุดท้าย เนื่องจากฝ่ายเลขานุการ GBC ของฝ่ายกัมพูชา ไม่สามารถตัดสินตกลงใจได้ในบางหัวข้อและต้องส่งกลับไปให้พนมเปญพิจารณาต่อ จึงได้นัดประชุมอีกครั้ง เวลา 08.00 น. (ตามเวลาท้องถิ่น) วันนี้ เพื่อหาข้อสรุปสำหรับประเด็นดังกล่าว โดยเมื่อเวลา 07.40 น. รัฐมนตรีช่วยกลาโหม ได้โทรศัพท์มาพูดคุยกับคณะเลขานุการ GBC ของฝ่ายไทยติดตามความคืบหน้าในการเจรจา ให้กำลังใจ และชื่นชมในการทำงานอย่างหนักถึงวินาทีสุดท้ายของทีมไทยแลนด์ ขอให้ประสบความสำเร็จในการเจรจา เพื่อบรรลุผลและปกป้องผลประโยชน์ของไทย.-สำนักข่าวไทย

มทภ.2 ยันไม่เคยสั่งกำลังพลไปเก็บศพเขมร อย่าเชื่อข่าวปลอม

5 ส.ค. – แม่ทัพภาคที่ 2 ยืนยันไม่เคยมีคำสั่งให้กำลังพลไปเก็บศพชาวกัมพูชา บริเวณชายแดน ขออย่าหลงเชื่อข่าวปลอม เมื่อวันที่ 5 ส.ค.68 พล.ท.บุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2 เปิดเผยว่า จากกรณีที่สื่อโซเชียลมีเดียได้ลงข้อความอันเป็นเท็จ ที่ทำให้พี่น้องประชาชนเข้าใจผิดว่า แม่ทัพภาคที่ 2 ได้สั่งให้กำลังพลไปเก็บศพชาวกัมพูชาที่อยู่บริเวณชายแดนนั้น ตนยืนยันว่าไม่เป็นความจริง และไม่เคยมีคำสั่งให้กำลังพลไปปฏิบัติอย่างนั้น ผู้เสียชีวิตนั้นเป็นชาวกัมพูชา ไม่ได้เกี่ยวอะไรกับทางประเทศไทย “ผมไม่เคยมีคำสั่งแบบนี้ และขอยืนยันว่า ข่าวที่ออกมานั้นเป็นข่าวปลอม ขอให้พี่น้องประชาชนอย่าได้หลงเชื่อ“ แม่ทัพภาคที่ 2 กล่าว.-313-สำนักข่าวไทย

ทหารไทยยอมรับได้กลิ่นศพทหารกัมพูชาจริง

ศรีสะเกษ 5 ส.ค. – วันนี้ยังมีการเก็บกู้ระเบิดที่กัมพูชายิงเข้ามาในพื้นที่พลเรือนฝั่งไทย ส่วนเมื่อคืนนี้ (4 ส.ค.) เป็นคืนแรกของการประชุม GBC ชุด ชรบ.หมู่บ้านแนวชายแดน อ.กันทรลักษ์ จึงออกตรวจตราเข้มข้น ขณะที่ทหารแนวหน้ายอมรับได้กลิ่นศพทหารกัมพูชาจริง ทีมข่าวมีโอกาสได้พูดคุยกับทหารที่ปฏิบัติหน้าที่ตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชา สอบถามถึงเรื่องที่กำลังเป็นประเด็น คือกลิ่นศพของทหารกัมพูชา ทหารยอมรับว่ามีกลิ่นจริง และมีศพทหารกัมพูชาถูกทิ้งไว้จริง แต่ไม่สามารถทำอะไรได้ เพราะอยู่ในระหว่างการปฏิบัติหน้าที่ หากมีหน้ากากอนามัยเชื่อว่าจะช่วยบรรเทาได้บ้าง อย่างไรก็ตาม ขณะนี้มีหน้ากาก N95 ส่งถึงพื้นที่บ้างแล้ว พร้อมขอบคุณพี่น้องประชาชนที่ส่งกำลังใจ ทหารยังพร้อมปฏิบัติหน้าที่อย่างเต็มกำลังความสามารถ วันนี้ทีมข่าวยังเกาะติดภารกิจเก็บกู้ระเบิดที่กัมพูชายิงใส่พื้นที่พลเรือนของไทยใน อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ จุดแรก จรวด BM-21 ถูกกัมพูชายิงตกใส่ลงทุ่งนาของชาวบ้าน พื้นที่ ต.ทุ่งใหญ่ เมื่อวันที่ 24 กรกฎาคม วันเดียวกับที่ยิงใส่ปั๊ม ปตท.บ้านผือ โดยห่างกันราว 1 กิโลเมตร ส่วนอีกจุดเป็นการทำลายลูกจรวด PG-7 ที่ถูกยิงจากเครื่องยิงจรวด RPG ตกลงในสวนยางพาราของชาวบ้าน ต.เสาธงชัย อ.กันทรลักษ์ ที่ถูกพบในสภาพพร้อมทำงาน จุดนี้อยู่ห่างจากชายแดนกัมพูชาเพียง […]