รัฐสภา 6 ส.ค.-ครบแล้ว สว.อิสระ ล่าชื่อยื่นประธานวุฒิฯ ส่งศาล รธน. สั่ง 138 สว. เอี่ยวคดีฮั้วหยุดปฏิบัติหน้าที่ชั่วคราว หรือเฉพาะส่วนให้ความเห็นชอบองค์กรอิสระ “นันทนา” จี้ใช้มาตรฐานเดียวส่งทันที แฉมีปฏิบัติการคลื่นใต้น้ำโทร ล็อบบี้ให้ถอนชื่อ
นางสาวนันทนา นันทวโรภาส สว. แถลงว่า ขณะนี้กลุ่มสว.อิสระได้ลงชื่อครบตามจำนวน 1 ใน 10 ของสภาตามที่รัฐธรรมนูญกำหนดแล้ว เพื่อจะนำ เสนอต่อประธานวุฒิสภาเพื่อส่งไปยังศาลรัฐธรรมนูญต่อไป ให้ วินิจฉัยให้สมาชิกภาพของ สมาชิกวุฒิสภา 138 คนสิ้นสุดลง ตามมาตรา 111 (7) ประกอบมาตรา 113 โดยขอให้ศาลรัฐธรรมนูญมีคำสั่งให้ สว. 138 คนหยุดปฏิบัติหน้าที่เป็นการชั่วคราว จนกว่าศาลรัฐธรรมนูญจะมีคำวินิจฉัย หรือให้หยุดปฏิบัติหน้าที่เฉพาะส่วน ที่เกี่ยวกับการให้ความเห็นชอบบุคคลดำรงตำแหน่งตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ กรรมการองค์กรอิสระ ตุลาการศาลปกครองสูงสุด และผู้ดำรงตำแหน่งระดับสูงอื่นๆ ไว้ก่อน จนกว่าศาลจะมีคำวินิจฉัย เนื่องจากผลการสอบสวน ของกรมคดีพิเศษร่วมกับ กรรมการการเลือกตั้ง ในนามคณะอนุกรรมการสืบสวนไต่สวนกลางชุดที่ 26 ได้สรุปสำนวนพร้อมส่งมอบต่อกกต. แล้ว เมื่อ 17 กรกฎาคมที่ผ่านมา เหลือพี่พูดถูกกล่าวหาทั้งสิ้น 229 คน เป็น สว.ที่อยู่ในตำแหน่ง 138 คน และกรรมการบริหารพรรคภูมิใจไทย และเครือข่ายอีก 91 คน ในข้อหาขัดต่อพระราชบัญญัติ ประกอบการได้มาซึ่ง สว. มาตรา 36 มาตรา 62 และมาตรา 77 และมาตรา 113 ที่ห้าม สว. อยู่ใต้อาณัติของพรรคการเมือง
นางสาวนันทนา กล่าวว่า ขณะนี้ อยู่ในกระบวนการของกกต.ที่จะ พิจารณา ส่งเรื่องต่อ ศาลฎีกาแผนกคดีเลือกตั้ง แต่ก็เป็นที่ทราบว่า กกต. อาจจะต้องใช้เวลานาน ถึง 8 เดือนในการที่จะส่งฟ้อง หรืออาจตรงกับเดือนมีนาคม 2569 จึงถือเป็นความล่าช้า ในกระบวนการ ซึ่งจะส่งผลเสีย ต่อกระบวนการนิติบัญญัติ และกระบวนการยุติธรรมอย่างใหญ่หลวง เพราะหากจะไม่มีการส่งฟ้องสว.เสียงข้างมาก ก็ยังคงให้ความเห็นชอบบุคคลเข้าดำรงตำแหน่งในองค์กรอิสระ อย่างต่อเนื่อง
อย่างไรก็ตาม ตอนนี้มีการใช้กลไกจริยธรรมดำเนินการกับผู้เห็นต่าง ที่มีการร้องเรียนสว.เสียงข้างน้อยหลายราย หากปล่อยให้วุฒิสภามีพฤติการณ์เช่นนี้ต่อไปเรื่อยๆ จะส่งผลต่อภาพลักษณ์ของฝ่ายนิติบัญญัติและทำลายความเชื่อมั่นต่อองค์กรอิสระทั้งปวง จึงนำรายชื่อสว. 1 ใน 10 ส่งให้ประธานวุฒิสภา และหวังว่าจะใช้มาตรฐานเดียวกันกับคำร้องของสว.เสียงข้างมาก และดำเนินการส่งไปยังศาลรัฐธรรมนูญทันที
น.ต.วุฒิพงศ์ พงศ์สุวรรณ สว. กล่าวว่า สว.ที่ถูกกล่าวหาว่ามีการฮั้วยังไม่ได้รับการพิสูจน์ทราบ ดังนั้นเมื่อมีข้อกังวลจึงขออ้างพยานหลักฐานขอให้ศาลรัฐธรรมนูญมีคำสั่ง เรียกสำนวน การสืบสวนสอบสวนของกรมสอบสวนคดีพิเศษ ประเด็นกระบวนการที่เกี่ยวกับการดำเนินการ พรรคการเมืองหนึ่งที่เกี่ยวข้องกับการกำหนดตัวบุคคล ให้ได้รับเลือกเป็นสว. และให้เรียกสำนวน อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ รองอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ ที่ได้รับมอบหมาย และรายงานการสืบสวนสอบสวน คณะที่ 26 ของกรรมการการเลือกตั้ง รวมไปถึงเรียกประธานการสอบสวนและไต่สวนหรือรองประธาน หรือกรรมการ ที่ได้รับมอบหมาย นอกจากนี้ยังต้องเรียกเส้นทางการเงิน ค่าใช้จ่ายของพรรคการเมือง ในกระบวนการที่ถูกมองว่าเป็นการแทรกแซงการเลือกตั้ง เมื่อปี 2567 ขณะที่เรื่องนี้ถือเป็นความทุกข์ของ สว. อิสระทั้งหมด เพราะจะมีประชาชนมาซักถาม ว่าเป็น สว. ที่ฮั้วหรือไม่ อีกทั้งยังโดนติฉินนินทา หรือที่เรียกว่าโลกวัชชะ หรือโลกที่ติเตียน ดังนั้น สว.ไม่ต่ำกว่า 30 คน จึงได้รวบรวมรายชื่อยื่นต่อประธานวุฒิสภาเพื่อส่งต่อให้ศาลรัฐธรรมนูญ แต่ก็ยืนยันว่ายังคงมีความรักความผูกพันกับเพื่อนสว.เพราะหลายคนเป็นคนดีมีฝีมือ จึงอยากทำให้คดีนี้คลี่คลายและชัดเจนมากขึ้น เร่งดำเนินคดีให้เสร็จเรียบร้อย ไม่มีการดึงหรือถ่วงเวลา จึงเป็นเรื่องที่เหมาะสมและทำให้ แล้วทุกคน จะได้ทำงานอย่างเต็มที่ โดยไม่ต้องกังวลกับเรื่องนี้
เมื่อถามว่าหากศาลรัฐธรรมนูญสั่งให้มีการหยุดปฏิบัติหน้าที่จริง สว. ที่เหลือจะสามารถทำหน้าที่ต่อไปได้หรือไม่ นางสาวนันทนากล่าวว่า ถ้าเป็นการสั่งหยุดปฏิบัติหน้าที่โดยศาลรัฐธรรมนูญการทำหน้าที่ของ สว. ในสภาที่เหลือก็สามารถดำเนินการต่อไปได้เพราะถือว่าเป็นคำสั่งให้หยุดปฏิบัติหน้าที่ชั่วคราว หลังจากที่มีคำวินิจฉัยว่าให้พ้นจากตำแหน่งจริงจึงมีการดำเนินการเลื่อนสำรองขึ้นมา เพื่อให้เป็นองค์ประชุม
น.ต.วุฒิพงศ์ พงศ์สุวรรณ สว. กล่าวว่า สว.ที่ถูกกล่าวหาว่ามีการฮั้วยังไม่ได้รับการพิสูจน์ทราบ ดังนั้นเมื่อมีข้อกังวลจึงขออ้างพยานหลักฐานขอให้ศาลรัฐธรรมนูญมีคำสั่ง เรียกสำนวน การสืบสวนสอบสวนของกรมสอบสวนคดีพิเศษ ประเด็นกระบวนการที่เกี่ยวกับการดำเนินการ พรรคการเมืองหนึ่งที่เกี่ยวข้องกับการกำหนดตัวบุคคล ให้ได้รับเลือกเป็นสว. และให้เรียกสำนวน อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ รองอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ ที่ได้รับมอบหมาย และรายงานการสืบสวนสอบสวน คณะที่ 26 ของกรรมการการเลือกตั้ง รวมไปถึงเรียกประธานการสอบสวนและไต่สวนหรือรองประธาน หรือกรรมการ ที่ได้รับมอบหมาย นอกจากนี้ยังต้องเรียกเส้นทางการเงิน ค่าใช้จ่ายของพรรคการเมือง ในกระบวนการที่ถูกมองว่าเป็นการแทรกแซงการเลือกตั้ง เมื่อปี 2567 ขณะที่เรื่องนี้ถือเป็นความทุกข์ของ สว. อิสระทั้งหมด เพราะจะมีประชาชนมาซักถาม ว่าเป็นสว. ที่ฮั้วหรือไม่ อีกทั้งยังโดนติฉินนินทา หรือที่เรียกว่าโลกวัชชะ หรือโลกที่ติเตียน ดังนั้น สว.ไม่ต่ำกว่า 30 คน จึงได้รวบรวมรายชื่อยื่นต่อประธานวุฒิสภาเพื่อส่งต่อให้ศาลรัฐธรรมนูญ แต่ก็ยืนยันว่ายังคงมีความรักความผูกพันกับเพื่อนสว.เพราะหลายคนเป็นคนดีมีฝีมือ จึงอยากทำให้คดีนี้คลี่คลายและชัดเจนมากขึ้น เร่งดำเนินคดีให้เสร็จเรียบร้อย ไม่มีการดึงหรือถ่วงเวลา จึงเป็นเรื่องที่เหมาะสมและทำให้ แล้วทุกคน จะได้ทำงานอย่างเต็มที่ โดยไม่ต้องกังวลกับเรื่องนี้
เมื่อถามว่ามั่นใจในหลักฐานที่มี ว่าจะสามารถ ส่งผลให้ สว. ทั้ง 138 คนหยุดปฏิบัติหน้าที่ได้ ใช่หรือไม่ นาวาตรีวุฒิพงศ์ กล่าวว่า มีการขัดขวาง มีการโทรมาสอบถามทุกวันว่าอยากได้อะไร แต่สิ่งที่ทำไม่ได้คือให้ความยุติธรรมกับประชาชน ความยุติธรรมของเสียงข้างน้อยและเสียงข้างน้อยมีความจำเป็นอย่างน้อยเราเคารพเสียงข้างมาก แต่เสียงข้างน้อยย่อมได้รับความคุ้มครองและเคารพเช่นเดียวกัน
เมื่อถามว่าหาก สว.ทั้ง 138 คน พ้นจากตำแหน่งจะทำให้การเลือกสวเป็นโมฆะหรือไม่ นาวาตรีวุฒิพงศ์กล่าวว่า การเลือกตั้งเป็นโมฆะต่อเมื่อสมาชิก วุฒิสภาเหลือไม่ครบ 100 คน เลื่อนสำรองแล้วและยังไม่ครบ 100 แต่หากเกิน 100 คนอยู่ก็ยังใช้ได้และอยู่ในรัฐธรรมนูญเพราะมีการคำนวณเผื่อไว้แล้ว
น.ส.นันทนา กล่าวเพิ่มเติมว่า ข้อหาที่แจ้งในคำร้อง คือมาตรา 113 สมาชิกวุฒิสภาต้องไม่ยอมตนอยู่ภายใต้พรรคการเมือง แต่หลักฐานที่ กกต.และ DSI ร่วมกันถูกตรวจสอบและแจ้งข้อกล่าวหาชี้ชัดไปว่า สว. ที่ได้เข้ามา 138 คนนั้นมีความสัมพันธ์ และเกี่ยวข้องกับพรรคการเมืองพรรคหนึ่ง ดังนั้นจึงเชื่อมั่นว่าหลักฐานที่ศาลจะเรียกมาจาก DSI และกกต.น่าจะชัดเจนและหนักแน่นพอที่จะดำเนินการเอาผิด กับผู้ที่เกี่ยวข้องในกระบวนการนี้
“แต่ถ้าปล่อยให้ไปถึงมีนาคมปีหน้าบุคลากรในองค์กรอิสระจะถูกคัดเลือกจาก สว. ที่ถูกแจ้งข้อกล่าวหา และประชาชนก็จะต้องกังขาในผลการวินิจฉัยที่จะเกิดขึ้นในอนาคต เพื่อป้องกันหายนะที่จะเกิดขึ้นจากนี้ไปจึงร้องขอต่อศาล ให้ศาลมีคำสั่งให้สว.เสียงข้างมากหยุดปฏิบัติหน้าที่โดยชั่วคราว จนกว่าคำวินิจฉัยของศาลจะออกมา” น.ส.นันทนา กล่าว
น.ส.นันทนา ยังเปิดเผยว่า ขณะนี้มีปฏิบัติการคลื่นใต้น้ำ และมีปฏิบัติการโทรล็อบบี้กันถึงเช้า หากทราบว่ามีใครอยู่ในรายชื่อก็จะโทรรังควานให้ถอนชื่อออก ตอนนี้จึงกังวลใจมาก จึงได้ย้ำว่าอยากให้ ประธานวุฒิสภารับหนังสือและส่งไปยังศาลรัฐธรรมนูญทันทีและเมื่อหนังสือถึงศาลรัฐธรรมนูญแล้วจะสามารถเปิดเผยรายชื่อได้ นี่เป็นปฏิบัติการทำลายล้างคนที่เห็นต่าง พร้อมยกตัวอย่าง นาวาตรีวุฒิพงศ์เกือบจะชกหน้ากัน แต่มีสว.คนอื่นมาขวางไว้ ส่วนตนเองก็โดนร้องเรียนเรื่องจริยธรรม ดังนั้นจึงต้องปกป้องรายชื่อที่ร่วมลงนามเพื่อส่งสารรัฐธรรมนูญให้ถึงที่สุด.-319.-สำนักข่าวไทย