“ศิริกัญญา” มองเป็นข่าวดี ไทยได้ภาษีสหรัฐ 19%

รัฐสภา 1 ส.ค.- “ศิริกัญญา” มองเป็นข่าวดี ไทยได้ภาษีสหรัฐ 19% เท่าเพื่อนบ้านอาเซียน จี้ รัฐบาลเปิดเงื่อนไขปิดดีล สินค้าใดบ้างจะกระทบ แนะเตรียมเงินเยียวยาไว้เลย เร่งอนุมัติงบกลางฉุกเฉิน ยอมรับปัจจัยด้านมั่นคงมีผล คาดถ้า “ไทย-กัมพูชา” ปะทะอีกโดนขู่ขึ้นภาษีอีกแน่ เหตุ การเสนอชื่อรางวัลโนเบลสาขาสันติภาพ ยื่นได้ถึง ต.ค. เชื่อ “ทรัมป์” หวังเป็น 1 คนที่ถูกเสนอชื่อ


น.ส.ศิริกัญญา ตันสกุล สส.บัญชีรายชื่อ รองหัวหน้าพรรคประชาชน ให้สัมภาษณ์ถึงการจัดเก็บภาษีนำเข้าสหรัฐ ที่ประเทศไทยได้ 19% ว่า หลังจากที่เราเห็นของประเทศอื่นด้วย 19% ถือเป็นข่าวดี เพราะอยู่ในระดับเดียวกับประเทศเพื่อนบ้านในอาเซียน เช่น อินโดนีเซีย ฟิลิปปินส์ มาเลเซีย และกัมพูชา ขณะที่เวียดนามอยู่ที่ 20% ถือว่าประสบความสำเร็จในระดับหนึ่ง แม้ว่า 19% จะอยู่ในระดับที่ค่อนข้างสูง แต่สิ่งที่น่ากังวลต่อไปคือเงื่อนไขต่างๆ ที่ยังไม่ได้มีการเปิดเผย ซึ่งไม่ใช่ของประเทศไทยประเทศเดียว แต่รวมถึงประเทศอื่น และเงื่อนไขที่ต้องมีทุกประเทศคือเงื่อนไขของสินค้าที่ต้องผ่านทางที่จะต้องถูกเก็บภาษีมากกว่านี้ แต่กลับไม่มีรายละเอียดว่าสินค้าประเภทไหนที่จะต้องผ่านทาง โดยทางสหรัฐอเมริกาก็มีแนวคิดเข้มงวดในการตรวจสอบองค์ประกอบข้างในว่าเป็นของประเทศไหนมากกว่า คือมีสัดส่วนที่ผลิตในภูมิภาคนั้นเท่าไหร่ และมีแนวโน้มที่จะเพิ่มอัตราขึ้น รวมถึงกลไกต่างๆ ที่จะใช้ช่วยเหลือเยียวยา ผลกระทบที่อาจจะเกิดขึ้น ซึ่งไม่ใช่เกิดเฉพาะผู้ส่งออก แต่รวมไปถึงเกษตรกรและการที่กำหนดสัดส่วนของวัตถุดิบภายในภูมิภาคสูงมากเกินไป ก็อาจจะกระทบกับห่วงโซ่อุปทานในภูมิภาคนี้

เมื่อถามว่านายพิชัย ชุณหวชิร รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ระบุว่ามีการเสนอนำเข้า 0% แต่อาจไม่ครบทุกรายการ มีสินค้าใดบ้างที่น่ากังวล น.ส.ศิริกัญญา กล่าวว่า สินค้าที่ถูกนำไปเปิดตลาดให้ลดภาษีลงเหลือ 0% ตนยังไม่แน่ใจว่ามีสินค้าอะไรบ้าง แต่ที่น่าจับตามอง แน่นอนว่าข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ ไม่ใช่จะลดภาษีนำเข้าเหลือ 0% แต่คงจะมีการกำหนดเลยว่าจะนำเข้ากี่ล้านตันต่อปี เป็นต้น หรือสินค้าเกษตรอื่นๆ ที่น่ากังวล จะเป็นพวกเนื้อสัตว์ ไม่ว่าจะเป็นเนื้อหมู เนื้อไก่ หรือเนื้อวัว ที่มีความอ่อนไหว หากจะมีการเปิดตลาดให้กับสหรัฐ แต่เมื่อวันที่ 31 ก.ค. ที่ผ่านมา ก็มีการเปิดเผยว่าสินค้าสำคัญๆ จะไม่มีการเปิดตลาด เช่น ข้าว น้ำตาล เป็นต้น แต่สุดท้ายคงต้องรอฟังเงื่อนไขทั้งหมดว่ามีการนำอะไรไปเจรจาบ้าง รวมถึงเงื่อนไขที่เกี่ยวข้องกับการค้าด้วย ซึ่งเราต้องให้ทางรัฐบาลเร่งรัดเปิดเผยโดยเร็ว เพราะเงื่อนไขต่างๆเหล่านี้ต้องรับฟังความคิดเห็นจากผู้ที่ส่วนได้ส่วนเสีย ไม่ว่าจะเป็นเกษตรกร หรือผู้ประกอบการอื่นๆ


อย่างไรก็ตาม ต้องทำให้เป็นไปตามมาตรา 178 ของรัฐธรรมนูญ การตกลงกันเรื่องการลงทุน การค้าต่างๆ ที่อาจเกิดผลกระทบอย่างมหาศาลในระบบเศรษฐกิจ จำเป็นต้องมีการรับฟังความคิดเห็น ในที่สุดต้องผ่านรัฐสภาให้ความเห็นชอบ

ส่วนสินค้าบางประเภทที่สหรัฐใช้ต้นทุนสูง ไทยอาจจะเปิดให้เข้ามาแข่งขัน เช่น ปลานิล เพราะไม่ค่อยกระทบคนไทย แต่ขณะเดียวกันสินค้าที่กระทบคนไทย เช่น ข้าวโพดเลี้ยงสัตว์อาจจะจำกัดมากขึ้น เช่น ข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ เปลี่ยนจากรับของประเทศเพื่อนบ้านมารับจากสหรัฐแทน น.ส.ศิริกัญญา กล่าวว่า แน่นอนว่าจะเป็นเงื่อนไขต่อมา ในท้ายที่สุดเราจะไม่มีทางทราบเลยว่าหากเปิดจริงจะเกิดผลกระทบอะไรบ้าง โดยสินค้า 0% ตนคิดว่าทางรัฐบาลคงจะระมัดระวังอย่างที่สุด เพื่อให้เกิดผลกระทบกับคนในประเทศน้อยที่สุด แต่เรายังไม่ทราบอยู่ดีว่า 90% ของสินค้าทั้งหมดที่ไปเปิด 0% มีอะไรบ้าง เช่น ปลานิล จริงๆ ก็มีชื่อว่าทิลาเพีย ไม่ได้มีแค่ปลานิลอย่างเดียว อาจจะรวมถึงปลาทับทิมหรือปลาอื่นๆ ในวงศ์นั้นด้วย ซึ่งต้องมาตรวจสอบรายละเอียดกันอีกครั้ง หากเป็นพิกัดศุลกากรของทิลาเพียนี้ จะมีสินค้าตัวไหนที่กระทบกับปลาภายในประเทศบ้าง เพราะบางครั้งก็ไม่ได้สู้กันตรงๆ กับประเภทสินค้า หากนำมาแล้วเป็นสินค้าทดแทนได้และราคาถูกกว่า ก็เป็นไปได้ที่จะมีการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมผู้บริโภค เช่น ตอนที่มีปลาดอลลี่เข้ามาแล้วราคาถูก ทำให้ปลาอื่นๆ ที่เป็นปลาน้ำจืดเกิดผลกระทบเช่นเดียวกัน

ส่วนข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ ต้องรอฟังอย่างเดียวว่าจะเยียวยาให้เกษตรกรอย่างไร เพราะที่ผ่านมามีการพูดถึงเรื่องนี้น้อยมากว่าการนำข้าวโพดจากสหรัฐเข้ามาจะกระทบกับราคาข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ในประเทศแน่นอน มีเพียงการกำหนดราคารับซื้อที่สูงขึ้นกว่าราคาตลาดนิดหน่อย แต่กลายเป็นว่าผู้ประกอบการก็ไม่รับซื้อจากเกษตรกร ฉะนั้น ต้องเร่งทำความเข้าใจกับเกษตรกรและพูดถึงเรื่องมาตรการเยียวยา หากเราไปดูมาตรการที่อยู่ในการกระตุ้นเศรษฐกิจ ส่วนใหญ่แล้วหมื่นกว่าล้านเป็นการให้สินเชื่อผู้ประกอบการที่อยู่ในภาคส่งออก เพื่อพยุงการก้าวงาน แต่เกษตรกรกลับได้รับโดรนเพื่อการเกษตร แต่ไม่ได้เยียวยาอย่างแท้จริงในเรื่องจำเป็นเร่งด่วน


เมื่อถามว่าควรตั้งงบไว้เท่าไหร่ น.ส.ศิริกัญญา กล่าวว่า ตอนนี้จาก 1.57 แสนล้านบาทที่เป็นงบกระตุ้นเศรษฐกิจโดยรวม เพิ่งมีการอนุมัติไปแค่ 1.1 แสนล้านบาท ยังคงเหลืออยู่ 4 หมื่นกว่าล้านบาท แต่ตอนนี้ได้ข่าวว่าจะมีการพูดคุยว่าต้องใช้ไปในเรื่องอื่นๆ เช่น เรื่ององค์การปกครองส่วนท้องถิ่น ก็ยังไม่ได้มีการอนุมัติงบในส่วนนั้น ดังนั้น มีการตุนไว้แล้ว 4 หมื่นล้านบาท ที่อาจจะต้องใช้ในเรื่องอื่น ไม่ใช่เรื่องการให้สินเชื่ออย่างเดียว แต่เป็นการ เตรียมความพร้อมและเยียวยาผลกระทบ ตนคิดว่าไม่เพียงพอเท่าไหร่ในการที่จะต้องเตรียมรับมือ แต่ก็ยังมีงบกลางในส่วนของเงินใช้จ่ายสำรองฉุกเฉินและจำเป็น ซึ่งขณะนี้ขณะนี้มีการอนุมัติไปแล้วประมาณ 2 หมื่นกว่าล้าน จากที่สภาอนุมัติไป 9.6 หมื่นล้าน เท่ากับว่ายังมีเหลืออยู่ประมาณ 6 หมื่นล้าน ขอให้รัฐบาลเร่งนำงบกลางเงินสำรองใช้จ่ายฉุกเฉินตรงนี้ มาเบิกจ่ายเพื่อพยุงเศรษฐกิจ และแก้ไขผลกระทบที่เกิดขึ้น

เมื่อถามว่าหากเปรียบเทียบกับประเทศเพื่อนบ้านที่ได้ภาษี 19% เท่ากันมองว่าเป็นเพราะปัจจัยที่เกี่ยวข้องกับเงื่อนไขที่เราเสนอไปหรือว่าด้านความมั่นคง น.ส.ศิริกัญญา กล่าวว่า เป็นปัจจัยของทุกเรื่อง หนึ่งในเรื่องที่ในเรื่องที่ไทยได้ภาษี 19% เท่ากับกัมพูชาอาจมีปัจจัยเรื่องความมั่นคง ร่วมด้วยเพราะท้ายที่สุดการเจรจาหยุดยิงก็เป็นผล ซึ่งการหยุดยิงเกิดขึ้นจริงแม้จะล่าช้าไปเล็กน้อย จึงทำให้ไทยและกัมพูชาไม่ได้อยู่ในเรทที่ถูกทำโทษ เพิ่มจากประเทศอื่นๆในภูมิภาค

ส่วนที่มีการวิเคราะห์ว่าเวียดนามได้ประกาศว่าภาษี 20% ก่อนประเทศอื่น จะเป็นตัวล่อเป้า ในการยื่นข้อเสนอของประเทศอื่นหรือไม่ น.ส.ศิริกัญญา กล่าวว่า เห็นด้วย เนื่องจากการเปิดข้อตกลงของเวียดนามก่อนเป็นการบรัฟแบบหนึ่ง เพราะเวียดนามคงให้ข้อเสนอที่ค่อนข้างกว้างขวางในการเปิดตลาดสินค้าแทบทุกรายการ ดังนั้นการที่หลายประเทศเห็นดีลของเวียดนามก่อน จึงเป็นการกระตุ้นและหลายประเทศให้เปิดตลาดมากขึ้น เพื่อให้ได้ อัตราภาษีต่ำกว่าหรือเท่ากับเวียดนาม

เมื่อถามว่ากังวลหรือไม่ว่าหลังจากนี้จะมีการเปลี่ยนแปลงอัตราภาษีอีก น.ส.ศิริกัญญา กล่าวว่า เรื่องนี้เป็นความไม่แน่นอนที่เกิดขึ้นได้ในอนาคต เพราะหลังจากที่มีการประกาศอัตราภาษีในหลายประเทศทั่วโลกออกมา ไม่ทันขาดคำทรัมป์ก็ขึ้นภาษีแคนาดา จาก 25% เป็น 35% เนื่องจากการไปสนับสนุนปาเลสไตน์ จึงเป็นความไม่แน่นอน ที่เราจำเป็นต้องอยู่กับมัน ภายใต้ประธานาธิบดีที่ชื่อโดนัลด์ ทรัมป์ที่ต้องเตรียมพร้อมหลายเรื่องในอนาคต ที่ไม่ทราบว่าจะออกมาตรการอะไร ประหลาด ๆ ออกมาหรือไม่

แล้วต้องอย่าลืมว่ารายการสินค้าที่เคย ขึ้นมาก่อนหน้านี้ ก็มีการขึ้นต่อ เช่น ทองแดง แล้วก่อนหน้านี้การขึ้นภาษีที่ยังคงที่อยู่ที่ 25% เช่น ส่วนรถยนต์ เป็นต้นเป็นสิ่งที่เราต้องจับตาดูต่อไปว่าจะมีการเปลี่ยนแปลงหลังจากนี้หรือไม่

เมื่อถามว่าการปะทะตามแนวชายแดนไทยกัมพูชาที่อาจจะยังไม่จบ มีโอกาสที่ภาษีจะขึ้นอีกหรือไม่ น.ส.ศิริกัญญา กล่าวว่า ถ้าการเจรจาหยุดยิงไม่เป็นผลและกลับมาปะทะกันใหม่ คิดว่าทางประธานาธิบดีสหรัฐอาจจะใช้จุดนี้ มาเป็นข้อเรียกร้องโดยการขู่ขึ้นภาษี อีกรอบหนึ่งก็อาจจะเป็นไปได้ เพราะกำหนดการยื่นเสนอชื่อของผู้ที่จะได้รับรางวัลโนเบลสาขาสันติภาพ จะเกิดขึ้นต้นเดือน ต.ค. จึงแอบเดาว่าประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา อยากให้มีคนเสนอชื่อเหมือนกัน แล้วถ้าสามารถเจรจาให้เกิดการหยุดยิงได้ระหว่างไทยกับกัมพูชา ก็อาจจะเป็นหนึ่งในเรื่องที่ทรัมป์ ถูกเสนอชื่อให้ได้รับรางวัลโนเบลสาขาสันติภาพได้ .-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

“ภูมิธรรม” ลั่นฟ้อง “ธนพร” อยู่ที่ทนายหากขอโทษแล้วจบหรือไม่

ทำเนียบ 21 ส.ค.-“ภูมิธรรม” ลั่นฟ้อง “ธนพร” อยู่ที่ทนายหากขอโทษแล้วจบหรือไม่ ย้ำวิพากษ์วิจารณ์โดยไม่สุจริต ไม่มีข้อเท็จจริง ต้องรับผิดชอบ นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย รักษาราชการแทนนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณีมอบอำนาจทนายความยื่นฟ้อง นายธนพร ศรียากูล ผอ.สถาบันวิเคราะห์การเมือง ฐานความผิดหมิ่นประมาทโดยการโฆษณา ถ้า นายธนพร ขอโทษ จะเลิกแล้วต่อกันหรือไม่ว่า แล้วแต่ทนายความตนได้มอบหมายไปแล้วเมื่อวานนี้ (20 ส.ค.) ส่วนจะฟ้องเฉพาะนายธนพร หรือจะมีบุคคลอื่นด้วยหรือไม่นั้น นายภูมิธรรม กล่าวว่า อะไรที่เกินเลยเป็นการพูดที่ไม่รับผิดชอบทำลายเกียรติยศ เกียรติภูมิ ของผู้อื่น ก่อให้เกิดความสับสนเป็นภัยต่อปัญหาของประเทศก็คงฟ้อง เมื่อถามว่าที่ผ่านมาก็มีการวิพากษ์วิจารณ์กันแต่ไม่เคยมีการส่งฟ้องกันใช่หรือไม่ นายภูมิธรรม ระบุว่า ไม่จริง มีการฟ้องกันมาเยอะแล้ว ถ้าไปทำลายเกียรติภูมิของเขาหรือครอบครัวเขาก็ฟ้องกันทั้งนั้น ถ้าเป็นการวิพากษ์วิจารณ์โดยสุจริตไม่ผิดอะไร แต่ถ้าวิพากษ์วิจารณ์โดยไม่สุจริต นำเข้าข้อมูลอันเป็นเท็จอันนี้เป็นเรื่องที่ควรรับผิดชอบ และต้องถามผู้ที่วิจารณ์ว่า วิจารณ์ไปโดยที่ไม่มีข้อเท็จจริงเป็นที่ประจักษ์ ทำอย่างนี้ได้หรือเปล่า ต้องย้อนไปถามผู้ทำผิดอย่ามาย้อนถามผู้เสียหาย.-316.-สำนักข่าวไทย

รวบแล้ว! มือยิง “กำนันเล้น” หนีกบดานเกาะลันตา

กระบี่ 21 ส.ค. – ไล่ล่าเกือบ 20 วัน จับได้แล้วมือยิง “กำนันเล้น” กำนันคนดัง จ.ตรัง หนีกบดานเกาะลันตา จ.กระบี่ เจ้าหน้าที่ปิดล้อมกดดัน 3 วัน 3 คืน สุดท้ายไม่รอด เจ้าหน้าที่บุกจับ นายธวัชชัย อายุ 33 ปี ผู้ต้องหายิง นายบัณฑิต รองพล หรือ กำนันเล้น อายุ 57 ปี กำนัน ต.นาวง อ.ห้วยยอด จ.ตรัง เสียชีวิต เมื่อวันที่ 3 สิงหาคมที่ผ่านมา คดีนี้อุกอาจและสะเทือนขวัญคนในพื้นที่มาก เพราะคนร้ายไปรอดักยิงกำนันถึงหน้าบ้าน ขณะที่กำนันกำลังขับรถเข้าบ้าน และใช้อาวุธสงคราม M16 ในการก่อเหตุ ซึ่งกำนันเล้น เป็นกำนันคนดังในจังหวัด และเป็นประธานชมรมกำนันผู้ใหญ่บ้านอำเภอห้วยยอด หลักฐานสำคัญในตอนนั้น คือ ภาพจากกล้องวงจรปิด โดยคนร้ายใส่ชุดดำ สวมหมวกกันน็อกปิดบังใบหน้า บุกไปก่อเหตุหน้าบ้านกำนัน […]

“ไชยา” สั่งปิดประชุมดื้อๆ หนีถกญัตติด่วน MOU 43-44

รัฐสภา 21 ส.ค.- งงทั้งห้องประชุม! “ไชยา” สั่งปิดประชุมดื้อๆ หนีถกญัตติด่วน MOU 43 และ 44 ด้านประธานวิปรัฐบาลบอกไม่รู้เรื่อง ยันไม่ได้ส่งสัญญาณให้ปิดประชุม ขณะที่ “ไชยา” อ้างเป็นข้อตกลง 2 วิปขอปิดประชุมเอง การประชุมสภาผู้แทนราษฎร มีนายไชยา พรหมา รองประธานสภาผู้แทนราษฎร ทำหน้าที่ประธานการประชุม ภายหลังจากการพิจารณากระทู้ถามสด และกระทู้ถามทั่วไป เสร็จสิ้นแล้ว จึงเข้าสู่วาระพิจารณารับทรารายงานการประชุม เรื่องรายงานประจำปี 2567 ของกองทุนพัฒนาสื่อปลอดภัยและสร้างสรรค์ โดยมีการตกลกระหว่างวิปรัฐบาลกับวิปฝ่ายแล้วว่า หลังจากจากเสร็จสิ้นวาระรับทราบการประชุมแล้ว จะเข้าสู่การประชุมลับ เพื่อพิจารณาญัตติด่วนเรื่องขอให้สภาผู้แทนราษฎรพิจารณาบันทึกข้อตกลง MOU 43 และ 44 ของนายสฤษฏ์พงษ์ เกี่ยวข้อง สส.กระบี่ พรรคภูมิใจไทย แต่ปรากฏว่าภายหลังที่ประชุมรับทราบรายงานการประชุมกองทุนพัฒนาสื่อปลอดภัยและสร้างสรรค์ เสร็จเรียบร้อยแล้ว นายไชยากล่าวต่อที่ประชุมว่า ใช้เวลาการประชุมมาพอสมควรแล้ว และสั่งปิดประชุมดื้อๆ ในเวลา 14.59 น. สร้างความงุนงงให้กับสส. เพราะตกลงกันเรียบร้อยแล้วว่า จะพิจารณาญัตติด่วนเรื่อง MOU 43 […]

นายกฯ พกยาดม เข้าไต่สวนปมคลิปเสียง

ศาล รธน. 21 ส.ค.-“แพทองธาร” นายกฯ พกยาดม เข้าไต่สวนปมคลิปเสียง ผู้สื่อข่าวรายงานว่าเวลา 11.34 น ที่ศาลรัฐธรรมนูญได้กลับมาเผยแพร่โทรทัศน์วงจรปิดอีกครั้ง หลังจากไต่สวนนายฉัตรชัย บางชวด เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ พยานในคดีปมคลิปเสียงสนทนา ระหว่าง นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี กับสมเด็จฮุน เซน ประธานวุฒิสภากัมพูชา เสร็จสิ้นโดยใช้เวลาไต่สวนนายฉัตรชัย ประมาณ 1 ชั่วโมง จากนั้นได้เบิกตัวนางสาวแพทองธาร มาไต่สวนต่อ โดยเริ่มจากการกล่าวสาบานตน ก่อนให้การ ซึ่งเป็นที่สังเกตว่านางสาวแพทองธาร ได้พกยาดมสีเหลืองวางไว้ใกล้มือด้วย โดยหลังสาบานตนเสร็จก็ได้มีการตัดสัญญาณถ่ายทอดสดทางโทรทัศน์ อีกครั้ง.-319.-สำนักข่าวไทย

ข่าวแนะนำ

มือยิงถล่ม “กำนันเล้น” สารภาพแค้นส่วนตัว

ตรัง 22 ส.ค.- ตำรวจแถลงคดียิง “กำนันเล้น” แห่งตำบลนาวง จ.ตรัง ผู้ต้องหาสารภาพยิงถล่มจนตายเพราะแค้นส่วนตัว คุมตัวฝากขังศาล พร้อมค้านประกัน ที่ สภ.ห้วยยอด อำเภอห้วยยอด จังหวัดตรัง ผู้ว่าราชการจังหวัด พร้อมตำรวจ ร่วมกันแถลงรายละเอียดผลการจับกุมนายธวัชชัย ผู้ต้องหาคดีฆ่านายบัณฑิต หรือ “กำนันเล้น” กำนันตำบลนาวง และประธานชมรมกำนันผู้ใหญ่บ้านอำเภอห้วยยอด ตั้งแต่เกิดเหตุการณ์เมื่อวันที่ 3 สิงหาคมที่ผ่านมา การสืบสวนสอบสวนแกะรอยจนรู้ตัวผู้ก่อเหตุ คือ นายธวัชชัย จึงยื่นขอศาลออกหมายจับเมื่อวันที่ 8 สิงหาคม ในข้อหา”ฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน มีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนโดยผิดกฎหมาย และพาอาวุธปืนไปในที่สาธารณะโดยไม่ได้รับอนุญาต” จากการสืบสวนสอบสวนร่วมกันของตำรวจหลายหน่วยกระทั่งทราบแหล่งกบดาน จนนำไปสู่การจู่โจมจับกุมที่ห้องเช่าในพื้นที่ ตำบลศาลาด่าน อำเภอเกาะลันตา จังหวัดกระบี่ เมื่อวานนี้ (21 ส.ค.) โดยใช้เวลา 18 วันในการปิดคดี “ในชั้นจับกุม ผู้ต้องหาให้การรับสารภาพตลอดข้อกล่าวหา โดยมีสาเหตุมาจากความแค้นส่วนตัวที่สะสมจนถึงจุดแตกหักและลงมือก่อเหตุ” ขณะเดียวกันวันนี้ พนักงานสอบสวน ได้ควบคุมนำตัวนายธวัชชัย ส่งขออำนาจศาลจังหวัดตรัง ฝากขังผัดแรก พร้อมคัดค้านการประกันตัว โดยระหว่างคุมตัวลงมาขึ้นรถ […]

บุกจับปลัด อบจ. เรียกเงินผู้รับเหมา

22 ส.ค.- รวบคาโต๊ะทำงาน ตำรวจบุกจับปลัด อบจ.มุกดาหาร เรียกรับเงินผู้รับเหมา 7 โครงการ วงเงินกว่า 12 ล้านบาท แลกอนุมัติเบิกจ่ายงบฯ เจ้าหน้าที่บุกอ่านหมายจับ ว่าที่ร้อยเอก วัทธิกร ปลัดองค์การบริหารส่วนจังหวัดมุกดาหาร ตามหมายจับของศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบภาค 4 ฐานเป็นเจ้าพนักงาน ใช้อำนาจในตำแหน่ง โดยมิชอบ, ข่มขืนใจ บุคคลใดมอบให้ ซึ่งทรัพย์สินหรือประโยชน์อื่นใดแก่ตนเอง  และฐานเป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 148 และมาตรา 157 เป็นการเข้าทำการตรวจค้น จับกุมที่ห้องทำงานปลัดองค์การบริหารส่วนจังหวัดมุกดาหาร  ก่อนหน้านี้ ผู้รับเหมาเข้าร้องเรียนกับ สำนักงาน ป.ป.ช. ภาค 4  ว่า ในระหว่างที่ผู้ถูกกล่าวหาอยู่ในตำแหน่งปลัด อบจ.มุกดาหาร ปฏิบัติหน้าที่นายก อบจ.มุกดาหาร ระหว่างนั้น ผู้เสียหายได้เข้าเป็นคู่สัญญา รับจ้างในโครงการปรับปรุงถนนลาดยางผิวทางแอสฟัลท์ติกคอนกรีตฯ 1 โครงการ วงเงินงบประมาณ 9,780,000 บาท โครงการเสริมผิวทางแอสฟัลท์ติกคอน กรีตฯ จำนวน 6 โครงการ วงเงินงบประมาณ […]

ผบ.ทอ. บินสวีเดน ลงนามจัดซื้อ “กริพเพน” 25 ส.ค.นี้

22 ส.ค.- กองทัพไทยเพิ่มแสนยานุภาพ เสริมความแข็งแกร่ง ลงนามจัดซื้อ “กริพเพน” กับสวีเดน อย่างเป็นทางการ 25 สิงหาคมนี้ การลงนามครั้งนี้ นำโดย พล.อ.อ.พันธ์ภักดี พัฒนกุล ผู้บัญชาการทหารอากาศ จะลงนามกับบริษัท SAAB AB ที่ประเทศสวีเดน ในวันที่ 25 สิงหาคมนี้ ตามมติ คณะรัฐมนตรี ที่อนุมัติหลักการโครงการจัดหาเครื่องบินขับไล่โจมตี Gripen E/F ระยะที่ 1 จำนวน 4 เครื่อง ( วงเงิน 19,500 ล้านบาท ) การจัดหาเครื่องบินขับไล่โจมตีทดแทนครั้งนี้ ไม่เพียงเพิ่มขีดความสามารถด้านความมั่นคงทางทหาร ในการเสริมศักยภาพป้องกันประเทศเท่านั้น แต่ยังเป็นการลงทุนเพื่ออนาคตของคนไทยทุกคน และยังเป็นกลไกสำคัญในการพัฒนาประเทศในด้านเศรษฐกิจ สังคม การศึกษา และเทคโนโลยี ในการลงนามจัดซื้อ “กริพเพน” 25 สิงหาคมนี้ ทางประเทศสวีเดน จะมีรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมสวีเดน เข้าร่วมในฐานะสักขีพยาน “มาริษ” ร่วมเป็นสักขีพยานจัดซื้อ “กริพเพน” […]

IOT ลุยบ้านหนองจาน สำรวจหมู่บ้านเขมรรุกล้ำอธิปไตยไทย

22 ส.ค.- IOT ลงพื้นที่บ้านหนองจาน สำรวจหมู่บ้านกัมพูชาปลูกรุกล้ำอธิปไตยไทย ชาวบ้านบอกแค้นใจ โดนเขมรยึดแผ่นดิน เมื่อเวลา 16.00 น. ที่ ต.หนองจาน อ.โคกสูง จ.สระแก้ว กองทัพไทยนำคณะผู้สังเกตการณ์ชั่วคราว (IOT) 8 ประเทศ ลงพื้นที่ชายแดนไทย–กัมพูชา ตรวจสอบข้อเท็จจริงถึงการรุกล้ำอธิปไตยแผ่นดินไทยของกัมพูชา และรายงานถึงหลักเขตที่ 46 – 48 ที่อยู่ด้านในพื้นที่ พร้อมรับทราบมาตรการควบคุมและป้องกันการกระทำผิดกฎหมายข้ามชาติ เช่น อาชญากรรมออนไลน์ และการลักลอบเข้าเมืองอย่างผิดกฎหมาย ทันทีที่คณะผู้สังเกตการณ์ชั่วคราว เดินสำรวจพื้นที่ ได้พบกับหมู่บ้านขนาดเล็ก พร้อมซากอาคาร บ้านเรือน และโรงงานที่ชาวกำพูชาได้ลักลอบมาสร้างไว้กว่า 200 ครอบครัว โดยก่อนหน้านั้นทหารได้ผลักดันให้ออกนอกพื้นที่โดยไม่ได้มีการใช้อาวุธแต่อย่างใด หลังจากดำเนินการเรียบร้อยแล้วได้มีการนำสแลน และวางแนวรั้วลวดหนาม เพื่อเป็นแนวป้องกัน ไม่ใช่การวางเพื่อกำหนดเส้นเขตแดน ผู้สื่อข่าวรายงานด้วยว่า ช่วงที่คณะผู้สังเกตการณ์ชั่วคราว และสื่อมวลชนลงพื้นที่ มีชาวกัมพูชาพยายามที่จะมาแอบดูตามแนวปิดกั้น ทำให้เจ้าหน้าที่ทหารต้องขอความร่วมมือไม่ให้เข้าไปใกล้ในบริเวณดังกล่าวมากจนเกินไป -สำนักข่าวไทย