กมธ.มั่นคงแห่งรัฐฯ ถกสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา

รัฐสภา 24 ก.ค.-กมธ.มั่นคงแห่งรัฐฯ ถกสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา “โรม” ถาม “แพทองธาร” ไม่มา-ไม่แจ้งเลยหรือ ด้าน “ชุติพงศ์” สงสัยทำไมไม่ให้ความร่วมมือ ขณะที่ “เพื่อไทย” ป้องกลัวบังคับใช้อำนาจเรียกแล้วมีคนร้องศาล ยันไม่ได้ปกป้องใคร ด้าน “ทูตรัศม์” ร่วมประชุมไม่นาน รีบกลับ กต. ด่วน เหตุ “ไทย-เขมร” ปะทะกัน

การประชุมคณะกรรมาธิการความมั่นคงแห่งรัฐ กิจการชายแดนไทย ยุทธศาสตร์ชาติ และการปฏิรูปประเทศ สภาผู้แทนราษฎร โดยมีนายรังสิมันต์ โรม สส.บัญชีรายชื่อ และรองหัวหน้าพรรคประชาชน ในฐานะประธานคณะกรรมาธิการฯ เป็นประธานการประชุม วาระพิจารณากรณีความขัดแย้ง ไทย-กัมพูชา ที่ส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจ สังคม รวมถึงการปราบปรามแก๊งคอลเซนเตอร์ และกลไกการพูดคุย JBC และวาระพิจารณากรณีคลิปเสียงการสนทนาระหว่างนายกรัฐมนตรีกับ ฮุน เซน ประธานวุฒิสภากัมพูชา


โดยสัปดาห์นี้ ที่ประชุมมีมติใช้อำนาจเรียกบุคคลให้มาแถลงข้อเท็จจริง หรือแสดงความเห็นต่อคณะกรรมาธิการฯ ตามพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) อำนาจเรียกของคณะกรรมาธิการของรัฐสภา ได้แก่ นางสาวแพทองธาร ชินวัตร รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม ซึ่งถูกสั่งให้หยุดปฏิบัติหน้าที่นายกรัฐมนตรี ซึ่งไม่มีการมอบหมายให้ใครเข้าชี้แจงแทน , นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรักษาราชการแทนนายกรัฐมนตรี ซึ่งแจ้งว่าไม่มา แต่มอบหมายให้เลขาธิการสภาความมั่นคงเข้าชี้แจงแทน , นายมาริษ เสงี่ยมพงษ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ซึ่งแจ้งว่าติดภารกิจเดินทางไปที่นิวยอร์ก สหรัฐอเมริกา มอบหมายให้นายรัศม์ ชาลีจันทร์ ผู้ช่วยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ เข้าชี้แจงแทน , พลเอก ณัฐพล นาคพาณิชย์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรงกลาโหม ในตอนแรกได้รับการประสานว่าจะมาด้วยตนเอง แต่เนื่องด้วยสถานการณ์ขณะนี้ จึงไม่สามารถมาได้ และมอบหมายให้ผู้อำนวยการสำนักนโยบายและแผนกรมยุทธการทหารบก มาแทน

ขณะที่ ประธานกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ มอบหมาย ผู้อำนวยการสำนักกำกับดูแล กิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ มาแทน , เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ มอบหมายรองเลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ ชี้แจงแทน , พลตำรวจเอก ธัชชัย ปิตะนีละบุตร จเรตำรวจแห่งชาติ ในฐานะผู้อำนวยการศูนย์ปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยีสารสนเทศ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ผอ.ศปอส.ตร.) มอบหมายผู้บัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมเทคโนโลยีมาแทน แต่ไม่มา จึงมอบให้รองผู้บัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมเทคโนโลยี มาแทนอีกทอดหนึ่ง , ผู้บัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี , ผู้ว่าการการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค มอบหมายผู้ช่วยผู้ว่าการการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค และผู้อำนวยการมูลนิธิอิมมานูเอล นอกจากนั้น ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ยังได้มอบหมายให้ผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เข้าร่วมการประชุมด้วย


โดยช่วงเริ่มการประชุมฝ่ายเลขาฯ ได้ชี้แจงถึงการใช้อำนาจเรียกตาม พ.ร.บ.ว่า กฎหมายได้กำหนดให้บุคคลที่ได้รับหนังสือเรียกให้มาแถลงข้อเท็จจริง หรือแสดงความคิดเห็นด้วยตนเอง กรณีหากมาไม่ได้ และมอบหมายบุคคลมาดำเนินการแทน ให้คณะกรรมาธิการฯ พิจารณา เพื่อมีมติว่า จะให้บุคคลที่ถูกมอบหมายดำเนินการแทนหรือไม่ ทั้งนี้ หากคณะกรรมาธิการฯ มีมติให้บุคคลที่ได้รับมอบหมายมาแสดงข้อเท็จจริงหรือความคิดเห็นต่อคณะกรรมาธิการฯ แทน ให้ถือว่าความเห็นของบุคคลที่ได้รับมอบหมายนั้น เป็นคำแถลงหรือความเห็นของผู้ที่คณะกรรมาธิการฯ มีหนังสือเรียก

โดยนายรังสิมันต์ ได้ถามกับผู้ช่วยเลขานุการประจำกรรมาธิการฯ ว่า นางสาวแพทองธาร ไม่มาหรือ ไม่แจ้งหรือ แต่ผู้ช่วยเลขานุการฯ ตอบว่า “ไม่มา”

ต่อมา นายชุติพงศ์ พิภพภิญโญ สส.ระยอง พรรคประชาชน ในฐานะเลขานุการคณะกรรมาธิการฯ กล่าวว่า นี่เป็นครั้งแรกที่เราใช้ พ.ร.บ.อำนาจเรียก ผ่านสภา จากการรับฟังเหตุผลของผู้ที่ถูกเรียกมา อย่างกรณี นายมาริษ พลเอก ณัฐพล ก็พอเข้าใจเหตุผลได้อยู่ แต่ส่วนของนายภูมิธรรม ตนไม่แน่ใจว่า เรามีการเชิญเลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติมาอยู่แล้ว แล้วทำไมรองนายกรัฐมนตรีถึงใช้วิธีการมอบหมายเช่นนี้ เนื่องจากปกติ ที่เรามีการเชิญไป ที่ผ่านมา ไม่ได้รับความร่วมมือในหลายๆ ครั้ง และเมื่อไม่ได้รับความร่วมมือ เราจึงใช้คำสั่งเรียก ซึ่งก็ไม่เป็นผล


ดังนั้น จึงไม่แน่ใจว่า เราจะรับกับการไม่มีเหตุผล ในการชี้แจงเหตุผล ที่ไม่สามารถมาได้อย่างไรกับบางกรณี ส่วนตัวติดใจกรณีของนายภูมิธรรม และนางสาวแพทองธาร พร้อมกับสอบถามว่า ผู้ที่ไม่มาชี้แจงตามอำนาจเรียก จะต้องมาชี้แจงในที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎรหรือไม่

“อย่างที่เห็น กรณีคลิปเสียง ปัญหาวิกฤติชายแดนไทย กัมพูชา มันดำเนินมาเรื่อยๆ จนวันนี้ตอนเช้าก็มีข้อพิพาทเรื่องการยิงอยู่ ในภาวะที่ไม่ปลอดภัยและเมื่อความขัดแย้งกัมพูชาเดินหน้ามาถึงตอนนี้ พื้นที่ของสภาผู้แทนราษฎรของเรา กรรมาธิการฯ ของเราพยายามอย่างสุดความสามารถใช้ทุกอย่างที่มีในการดึงเอาทุกองคาพยพมาพูดคุย เพื่อหาข้อสรุป เพื่อจะหาวิธีการแก้ปัญหา เสนอแนะต่อรัฐบาล เพื่อหาข้อกระจ่างให้กับสังคม แต่สิ่งที่เราได้รับกลับมากลับไม่ได้รับความร่วมมือเลย ติดอยู่อย่างเดียว คือท่านรักษาการนายกฯ ภูมิธรรมให้เหตุผลว่าอย่างไร ในการที่จะไม่มาชี้แจงด้วยตัวเอง และผมไม่เข้าใจเลยว่ากรณีนางสาวแพทองธาร ใครจะมาชี้แจงได้ หรือถ้าชี้แจงไม่ได้แจ้งเหตุผลว่าอย่างไร ส่วนตัวผมติดใจตรงนี้” นายชุติพงศ์ กล่าว

จากนั้น นายประยุทธ์ ศิริพานิชย์ สส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย กล่าวว่า เรื่องนี้ตนต้องการเป็นผู้ฟังมากกว่าที่จะเป็นผู้พูด กรณีนี้ก็เป็นคนใกล้ตัวของตน ก็อึดอัด

“ผมไม่มีหน้าที่จะมาปกป้องใคร กราบเรียนตรงไปตรงมา แต่ข้อเท็จจริงในการที่จะต้องแยกแยะ กรณีอย่างนี้ต้องมาพิจารณาร่วมกัน กรณีมอบหมายให้บุคคลใดมาทำหน้าที่นั้น ก็ไม่ได้หมายความว่าคนที่มาทำหน้าที่แทนจะพูดได้เสียทุกเรื่อง เพราะการมอบหมาย มันมอบหมายได้ตามลำดับ ผมก็เรียนกฎหมายมาเหมือนกับหลายท่าน แต่บังเอิญกฎหมายอำนาจเรียกเราก็พิจารณากันหลายแง่หลายประเด็น ประเด็นนายภูมิธรรม ผมก็ไม่แน่ใจว่าท่านมอบหมายในประเด็นใดบ้าง มอบให้เต็มที่หรือไม่ ถ้ามอบหมายลอย ๆ การที่จะตอบแล้วผูกพัน ผมก็ว่าลำบากอยู่เหมือนกัน สำหรับคนที่ทำหน้าที่ ซึ่งเขาก็ต้องทำหน้าที่อยู่แล้ว ส่วนประเด็นนางสาวแพทองธาร ผมไม่ต้องตอบคำถามเหล่านี้ เพราะมันไม่อยู่ในสถานะที่จะต้องตอบ แต่การบังคับบุคคลภายนอก ไม่ใช่ข้าราชการ เราก็ได้พิจารณากันมากมาย ว่าเราสามารถทำได้หรือไม่ ผมไม่สามารถตอบได้และไม่ประสงค์ที่จะป้องกันใครด้วย เพราะเอาตามข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้น” นายประยุทธ์ กล่าว

ด้านนายสุธรรม แสงประทุม สส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย กล่าวว่า ครั้งนี้เป็นครั้งแรกที่ใช้กฎหมายอำนาจเรียก ถ้าทำโดยที่ไม่มีความเข้าใจที่ชัดเจน เกรงว่าจะมีการฟ้องไปถึงศาลรัฐธรรมนูญ เป็นอุปสรรค และถึงแม้ผู้ได้รับเชิญได้มอบหมายให้คนมาชี้แจงก็ตาม ก็เป็นหน้าที่ของกรรมาธิการว่าจะต้องพิจารณาว่าจะรับฟังหรือไม่ ควรจะให้ชี้แจงหรือไม่ เพราะฉะนั้น เราต้องเคลียร์เรื่องนี้กันให้ดี เพื่อให้เกิดปัญหาตามมา เราไม่ได้ปกป้องใคร เราอยากใช้เครื่องมือให้ดีที่สุด

ต่อมานายขจิตร ชัยนิคม สส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย กล่าวว่า เราเรียกบุคคลธรรมดาก็ส่วนหนึ่ง แต่ถ้าเราเรียกราชการก็ต้องใช้หลักราชการ หมายความว่ามีใครทำแทนได้ ไม่ใช่มอบไปเรื่อย ๆ วิธีพิจารณาเราต้องอิงหลักราชการ แต่ถ้าคนธรรมดา จะมองใครก็อยู่ที่การวินิจฉัย ตนห่วงว่าการปฏิบัติของแต่ละกรรมาธิการฯ ทั้ง สส.และ สว. จะมีหลักไม่เหมือนกัน ดังนั้น ตนเห็นว่าประธานรัฐสภาควรทำความเข้าใจกับทุกประธานคณะกรรมาธิการฯ ถ้าเร่งด่วน ใช้เลยก็ได้ แต่สุ่มเสี่ยงที่จะให้เกิดปัญหาเยอะ เราต้องมีหลัก

จากนั้น นายประยุทธ์ กล่าวว่า ตนขอทราบนิดเดียวว่าการมอบหมายแบบเป็นลายลักษณ์อักษร มอบหมายแบบเปิดหรือมอบหมายตามลำดับ แล้วกรรมาธิการจะพิจารณาว่าจะอนุมัติว่าการมอบหมายนั้น ทำได้หรือไม่ ถ้าทำไม่ได้เราก็แจ้งไปว่าไม่รับ

ช่วงหนึ่ง นายรัศม์ ได้ขออนุญาตด่วน ด้วยท่าทีจริงจัง ระบุว่ามีเรื่องด่วนต้องไปประชุมเกี่ยวกับสถานการณ์ชายแดนไทย กัมพูชา ที่ตอนนี้ปะทะกันแล้ว โดยเป็นการประชุมด่วนที่กระทรวงการต่างประเทศ ก่อนจะเดินออกจากห้องประชุมทันที

จากนั้น นายรังสิมันต์ ได้ขอมติว่าการที่บุคคลที่เชิญมา แล้วมีการมอบหมายนั้น จะอนุมัติของใครได้บ้าง ทำให้นายขจิตร เปิดไมค์ท้วงว่าตนรับไม่ได้ ต้องมีหลักก่อน ไม่ใช่มาถามเป็นคนๆไปโดยไม่มีหลัก ตนขออนุญาตไม่ร่วมพิจารณา ซึ่งที่ประชุมได้ลงมติต่อ ก่อนที่ผู้ช่วยเลขานุการฯ จะสรุปผลการลงมติว่า กรรมาธิการฯ 10 ท่าน มีมติให้ผู้ชี้แจง ชี้แจงแทนในส่วนของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม, เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ และที่ประชุมมีมติให้ครั้งต่อไป พิจารณาเรื่องความขัดแย้ง ไทยกัมพูชา ตามเดิม โดยเรียกบุคคลมาเข้าร่วมประชุมตามเดิม.-316.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

“พี สะเดิด” เปิดใจเป็นมะเร็งเต้านมนานเกือบ 20 ปี แพทย์ชี้พบได้น้อยมากในผู้ชาย

กรุงเทพฯ 13 ส.ค. – “พี สะเดิด” เจ้าของเพลงฮิต “จี่หอย” เผยเป็นมะเร็งเต้านมมานานเกือบ 20 ปี ตัดสินใจหยุดบุหรี่ หยุดเหล้า ทำให้ตัวเองแข็งแกร่งต่อสู้กับโรค จนค่ามะเร็งดีขึ้น แพทย์ชี้พบได้น้อยมากในผู้ชาย “พี สะเดิด” นักร้องลูกทุ่งชื่อดัง อายุ 46 ปี เปิดใจว่าป่วยเป็นมะเร็งเต้านม มาเกือบ 20 ปีแล้ว รักษาโรคนี้โดยที่ไม่บอกใครเลย เพราะกลัวครอบครัวเป็นห่วง ตอนแรกมีอาการเจ็บหน้าอก และพบว่าก้อนเนื้อมันขึ้นเรื่อยๆ ขนาดเท่าลูกมะนาว คิดว่าเป็นเพราะไม่ดูแลตัวเอง ทำงานหนัก กิน-นอนไม่เป็นเวลา แต่เพราะเป็นคนที่ตรวจสุขภาพตลอดทุก 6 เดือน พอเช็กดูเลยรู้ว่ามีเชื้อมะเร็งเต้านม หมอบอกว่าโอกาสน้อยที่จะเห็นผู้ชายเป็นมะเร็งเต้านม จะเป็นหนึ่งในล้าน หรือหนึ่งในสิบล้าน พี สะเดิด บอกว่าตอนแรกก็กลัว เลยตัดสินใจหันหน้าเข้าทางธรรม และปรับปรุงตัวเองควบคู่กันไป กินของที่มีประโยชน์ หยุดบุหรี่ หยุดเหล้า ทำให้ตัวเราแข็งแกร่งต่อสู้กับโรคมะเร็งของตัวเอง จนตอนนี้อยู่ทุกระยะค่ามะเร็งดีขึ้น ค่อยๆ ลดลงมา จนเหลือ 0 […]

“ชยพล” แฉ “กองทัพบก” ซื้ออุปกรณ์ฟิตเนสผู้ช่วยทูตทหารพนมเปญ

รัฐสภา 13 ส.ค.-“ชยพล” แฉ “กองทัพบก” ซื้ออุปกรณ์ฟิตเนสผู้ช่วยทูตทหารพนมเปญ ทั้งที่ตัดสัมพันธ์ทางการทูตกับกัมพูชาแล้ว ด้าน “อนุสรณ์” แจงยัน กมธ.ไม่ได้ตีเช็คเปล่า แต่ตรวจเช็กความพร้อมให้ทหาร การอภิปรายมาตรา 8 กระทรวงกลาโหม วงเงิน 9.51 หมื่นล้านบาท นายชยพล สท้อนดี สส.กทม. พรรคประชาชน (ปชน.) อภิปรายว่า ปีนี้ตัดงบกระทรวงกลาโหมยาก เมื่อถามหารายละเอียดจะมีคนพูดว่าปล่อยไปเถอะ ตอนนี้มีสถานการณ์ชายแดน ซึ่งตนเข้าใจถึงความจำเป็นที่ต้องใช้งบประมาณ เพราะเป็นห่วงทหารหน้างานเช่นกัน เลยต้องดูงบประมาณว่าใช้ถูกจุดหรือไม่ นายชยพล กล่าวต่อว่า ทั้งนี้ ตนเห็นงบเกี่ยวกับอุปกรณ์การแพทย์ คิดว่าเป็นอุปกรณ์ผ่าตัดแต่กลายเป็นว่าเป็นอุปกรณ์สำหรับม้า ตนหาอุปกรณ์ทางการแพทย์เพื่อดูว่าใส่ใจทหารมากแค่ไหน แต่กลับไม่พบอุปกรณ์สำหรับขันชะเนาะห้ามเลือดที่ใช้ได้ด้วยมือข้างเดียว มีแค่สายยางไส้ไก่ ถ้าอยู่คนเดียวจะทำอย่างไร อยากถามว่าเราใส่ใจบุคลากรของเราจริงหรือไม่ และที่ข้องใจคือเราตัดสัมพันธ์ทางการทูตกับกัมพูชา มีการเรียกทูตไทยประจำพนมเปญกลับ แต่ปรากฏว่ากองทัพบกสั่งอุปกรณ์ฟิตเนสไปเติมที่บ้านผู้ช่วยทูตทหารอยู่เลย จะมีใครได้อยู่ใช้หรือไม่ “นี่เป็นเหตุผลว่าแม้อยู่ในความขัดแย้งแต่ต้องตรวจสอบกองทัพอย่างเข้มข้น การที่รัฐบาลเซ็นเช็คเปล่าให้กองทัพโดยไม่ตรวจสอบ คือการทำให้กองทัพอ่อนแอ คนที่ชอบออกมาพูดเชียร์ทหารอยากให้คิดไว้ด้วยว่า หากรักชีวิตทหารจริง ก็อยากให้ฟังทหารชายแดนว่าเขาลำบากอย่างไร การทำงานของนายพลสะท้อนความต้องการคนเหล่านั้นจริงหรือไม่” ด้าน นายสรวุฒิ เนื่องจำนงค์ กมธ.เสียงข้างมากชี้แจงว่า […]

“สืบพงษ์” ขึ้นศาลสืบพยานนัดแรก กรณียื่นฟ้องรักษาการอธิบดี ม.รามฯ ข้อหาเบิกความเท็จ

ศาลอาญา 13 ส.ค. – ศาลนัดสืบพยาน “สืบพงษ์” ยื่นฟ้อง รักษาการ อธ.รามคำแหง พร้อมพวก ข้อหาเบิกความเท็จถูกยื่นถอดถอนเมื่อปี 65 ชี้ “ฮุนเซน” ทิ้งใบปริญญาลงโถส้วมเป็นการไม่ให้เกียรติมหาวิทยาลัย วอนยุติพฤติกรรมไม่เหมาะสม ที่ศาลอาญา ถนนรัชดาภิเษก ศาลนัดสืบพยานที่ นายสืบพงษ์ ปราบใหญ่ อดีตอธิการบดี ม.รามคำแหง เป็นโจทก์ยื่นฟ้อง นายวุฒิศักดิ์ ลาภเจริญทรัพย์ รักษาการอธิการบดี ม.รามคำแหง กับพวกรวม 2 คน ในความผิดฐาน “ฟ้องเท็จ / เบิกความเท็จ นายสืบพงษ์ เปิดเผยว่า ศาลนัดสืบพยานนัดแรกในคดีที่ตนได้ฟ้องผู้บริหารมหาวิทยาลัยรามคำแหงฟ้องตนที่ศาลแขวงพระนครเหนือโดยกล่าวหาตนว่ากระทำตนเป็นเจ้าพนักงานทั้ง ๆ ที่ไม่มีอำนาจ จากนั้นทางศาลได้ยกฟ้องคดีดังกล่าว ซึ่งได้ดำเนินคดีที่ศาลอาญาในข้อหาฟ้องเท็จและเบิกความเท็จ โดยวันนี้ตนเองเป็นพยานปากแรกที่ขึ้นเบิกความในวันนี้และจะมีพยานทั้งหมด 5 ปาก สืบพยานในวันนี้และวันที่ 14 ส.ค. ส่วนประเด็นที่ถูกถอดถอนอธิการบดีมหาวิทยาลัยรามคำแหงเมื่อปี 2565 นั้น มีการถอดถอนตนเองทั้งหมด 2 ครั้ง หลังจากที่ดำรงตำแหน่งอธิการบดีได้ […]

หนุ่มขี่จยย. พุ่งชนฝาคอนกรีต ตกบ่อร้อยสายไฟดับสลด

11 ส.ค.- หนุ่มวัย 26 ขี่รถจักรยานยนต์ฝ่าแนวกั้นพุ่งชนฝาคอนกรีต ร่างกระเด็นตกบ่อร้อยสายไฟใต้ดิน ลึก 10 เมตร จมน้ำดับสลด เมื่อเวลา 00.30 น.วันที่ 11 ส.ค.68 ร.ต.ท.เจนวิทย์ เหลือผล รองสารวัตร(สอบสวน) สน.ทุ่งสองห้อง รับแจ้งอุบัติเหตุรถจักรยานยนต์พุ่งตกบ่อร้อยสายไฟใต้ดิน ถนนแจ้งวัฒนะ ขาออก บริเวณหน้าศาลปกครอง แขวงทุ่งสองห้อง เขตหลักสี่ กทม. จึงรุดตรวจสอบพร้อมอาสาสมัครมูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง ที่เกิดเหตุใกล้สถานีรถไฟฟ้า ศูนย์ราชการเฉลิมพระเกียรติ เป็นถนน 5 เลน บริเวณช่องทางซ้าย 3 เลนปิดเป็นพื้นที่ก่อสร้างโครงการร้อยสายไฟใต้ดิน พบรถจักรยานยนต์สีครีม ทะเบียน กทม. ล้มคว่ำหน้ารถพังยับพุ่งชนเครื่องปั่นไฟฟ้า ใกล้บ่อมีความลึก 10 เมตร เจ้าหน้าที่จึงใช้อุปกรณ์โรยตัวลงไปตรวจสอบพบผู้ขับขี่จมน้ำเสียชีวิต นำร่างขึ้นมาทราบชื่อนายสันติสุข (สงวนนามสกุล) อายุ 26 ปี สวมเสื้อยืดคอกลม แขนสั้น นุ่งกางเกงกีฬาขาสั้นสีน้ำเงิน ตามร่างกายมีบาดแผล กระโหลกศีรษะแตก เจ้าหน้าที่จึงบันทึกรวบรวมที่เกิดเหตุไว้เป็นหลักฐาน สอบถามคนงานที่อยู่บริเวณจุดเกิดเหตุให้การว่า […]

ข่าวแนะนำ

อุตุฯ เตือนตะวันออก-ใต้ฝั่งตะวันตก ฝนตกหนักบางแห่ง

กรุงเทพฯ 15 ส.ค. – กรมอุตุฯ เผยภาคตะวันออก ภาคใต้ฝั่งตะวันตก มีฝนตกหนักถึงหนักมากบางแห่ง ส่วนภาคเหนือ ภาคอีสาน ภาคกลาง และภาคใต้ฝั่งตะวันออก มีฝนตกหนักบางพื้นที่ ขอให้ประชาชนบริเวณ จ.หนองคาย บึงกาฬ สกลนคร นครพนม จันทบุรี ตราด ระนอง และพังงา ระวังอันตรายจากฝนตกหนัก กรุงเทพฯ-ปริมณฑล มีฝนฟ้าคะนอง 60% กรมอุตุนิยมวิทยาพยากรณ์อากาศ 24 ชั่วโมงข้างหน้า ภาคตะวันออกและภาคใต้ฝั่งตะวันตก มีฝนตกหนักถึงหนักมากบางแห่ง ส่วนภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคกลาง และภาคใต้ฝั่งตะวันออก มีฝนตกหนักบางพื้นที่ ขอให้ประชาชน โดยเฉพาะบริเวณจังหวัดหนองคาย บึงกาฬ สกลนคร นครพนม จันทบุรี ตราด ระนอง และพังงา ระวังอันตรายจากฝนตกหนักถึงหนักมากและฝนที่ตกสะสม ซึ่งอาจทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลันและน้ำป่าไหลหลาก โดยเฉพาะพื้นที่ลาดเชิงเขาใกล้ทางน้ำไหลผ่านและพื้นที่ลุ่มไว้ด้วย เนื่องจากมีร่องมรสุมพาดผ่านภาคเหนือตอนบนเข้าสู่หย่อมความกดอากาศต่ำบริเวณประเทศเวียดนามตอนบน ประกอบกับมรสุมตะวันตกเฉียงใต้ที่พัดปกคลุมทะเลอันดามัน ประเทศไทย และอ่าวไทย มีกำลังแรงขึ้น สำหรับคลื่นลมบริเวณทะเลอันดามันมีกำลังค่อนข้างแรง โดยทะเลอันดามันตอนบน […]

“ลุงพล” นอนคุกยาว ศาลไม่ให้ประกันตัว เกรงหลบหนี

14 ส.ค. – ศาลฎีกายกคำร้อง ไม่อนุญาตให้ประกันตัว “ลุงพล” คดีน้องชมพู่ ชี้เป็นคดีร้ายแรง เกรงจะหลบหนี ส่งผลให้ลุงพลต้องนอนคุกระหว่างฎีกา นายประยุทธ เพชรคุณ อธิบดีอัยการสำนักงานคดีศาลสูงภาค 4 กล่าวถึงความคืบหน้าในคดีที่ศาลอุทธรณ์ภาค 4 พิพากษาแก้เพิ่มโทษ “ลุงพล” ในคดีฆ่าเด็กหญิงอรวรรณ หรือน้องชมพู่ อายุ 3 ปี รวมเป็น 26 ปี เมื่อวานนี้ ลุงพลยื่นประกันตัวและศาลจังหวัดมุกดาหารส่งให้ศาลฎีกาพิจารณา เรื่องการปล่อยชั่วคราว โดยวันนี้ศาลฎีกา ได้มีคำสั่งออกมาว่า พฤติการณ์แห่งคดีเป็นเรื่องร้ายแรง กระทบต่อสังคมเป็นการลงโทษสถานหนัก ทั้งศาลอุทธรณ์พิพากษาลงโทษให้จำคุก 26 ปี และเกรงว่าจำเลยจะหลบหนี จึงไม่อนุญาตให้ปล่อยตัวชั่วคราวระหว่างฎีกา ยกคำร้องการประกันตัว ส่งผลให้จำเลยต้องคุมขังอยู่ในเรือนจำระหว่างฎีกา ทั้งนี้ มีรายงานว่า ในวันพรุ่งนี้ (15 ส.ค.) เจ้าหน้าที่จะนำตัวลุงพลไปคุมขังที่เรือนจำจังหวัดนครพนม เนื่องจากโทษจำคุกสูง.-สำนักข่าวไทย

บุกชิงทอง

ควงปืนชิงทองกลางห้างดังย่านบางบ่อ กวาดทอง 163 บาท ขี่ จยย.หนี

สมุทรปราการ 14 ส.ค. – คนร้ายสวมชุดไรเดอร์ควงปืนจี้ชิงทอง ร้านทองกลางห้าง ย่านบางบ่อ กวาดทอง 163 บาท มูลค่ากว่า 8 ล้านบาท ก่อนขี่จักรยานยนต์หลบหนี ตำรวจเร่งล่าตัว เมื่อช่วงบ่ายวันนี้ เกิดเหตุอุกอาจภายในห้างสรรพสินค้าแห่งหนึ่ง ย่านบางบ่อ จ.สมุทรปราการ คนร้ายรูปร่างสูงใหญ่ สวมชุดไรเดอร์ ใส่หมวกกันน็อกเต็มใบ สะพายกระเป๋าข้าง บุกเข้าไปในร้านทองพร้อมใช้อาวุธปืนข่มขู่พนักงาน กวาดสร้อยคอและสร้อยข้อมือทองคำ น้ำหนักรวมราว 163 บาท หรือคิดเป็นมูลค่ากว่า 8 ล้านบาท วิ่งขึ้นรถจักรยานยนต์ยามาฮ่า เอ็นแม็ก ที่จอดอยู่ด้านหน้า ขี่หลบหนีไปอย่างรวดเร็ว พนักงานรักษาความปลอดภัยของห้าง ให้ข้อมูลว่า เห็นคนร้ายเดินเข้ามา จึงบอกให้ถอดหมวกกันน็อก แต่คนร้ายไม่สนใจ ก่อนบุกเข้าไปก่อเหตุในร้านทอง พนักงานชายร้านทอง เล่าว่า ผู้ก่อเหตุปีนเข้ามาแล้วพูดว่า ‘หยิบทองมา’ จึงสั่งให้น้องพนักงานหมอบลงเพื่อความปลอดภัย เพราะเห็นว่าคนร้ายมีอาวุธปืน และไม่เคยเห็นหน้าของคนร้ายมาก่อน เจ้าหน้าที่กองพิสูจน์หลักฐาน และตำรวจ สภ.บางบ่อ พร้อมผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดสมุทรปราการ อยู่ระหว่างตรวจสอบที่เกิดเหตุ เร่งไล่ล่าตัวคนร้ายมาดำเนินคดีต่อไป. – […]

เปิดคำร้อง 36 สว. ปมคลิปเสียง ยกละเอียดยิบผิดจริยธรรมข้อใด

กทม.14 ส.ค.- เปิดคำร้อง 36 สว. ปมคลิปเสียง ยกละเอียดยิบผิดจริยธรรมข้อใด อ้างอิงเหตุการณ์คลิปเสียง และพฤติการณ์ที่นิ่งเฉย ไม่กำหนดมาตรการหรือความชัดเจนตอบโต้กัมพูชาในช่วงปะทะ ไล่เลียงตั้งแต่กัมพูชารุกล้ำพื้นที่อธิปไตยไทย 200 เมตร จนถึงวันปล่อยคลิปเสียง 18 มิ.ย.68 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในคำร้องของ 36 สว. ต่อกรณีคลิปสนทนาของนางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี กับสมเด็จฮุน เซน ประธานวุฒิสภาแห่งกัมพูชา ที่ศาลนัดวินิจฉัยคำร้องในวันที่ 29 สิงหาคมนี้ ซึ่งในคำร้องขอให้ศาลสั่งให้ความเป็นนายกรัฐมนตรีของนางสาวแพทองธาร สิ้นสุดลงเฉพาะตัวตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 170 วรรคหนึ่ง (4) ประกอบกับมาตรา 160 (4)(5) ในเนื้อหาคำร้องอ้างอิงถึงคลิปสนทนาของนางสาวแพทองธาร กับสมเด็จฮุน เซน ที่มีการเอ่ยพาดพิงแม่ทัพภาคที่ 2 แม้นายกรัฐมนตรีพยายามแถลงข่าวชี้แจงกรณีคลิปเสียง แต่สมาชิกวุฒิสภาเห็นว่า ข้อกล่าวอ้างดังกล่าวฟังไม่ขึ้น เพราะเมื่อมีการเผยแพร่คลิปเสียงเช่นนี้แล้ว นายกรัฐมนตรีย่อมพยายามจะต้องหาข้อแก้ตัวอย่างไรก็ได้ โดยสมาชิกวุฒิสภาเห็นว่า หากนายกรัฐมนตรีมีเจตนาเจรจาเพื่อยุติปัญหาความขัดแย้งและการสู้รบระหว่างประเทศเพื่อผลประโยชน์ของประเทศชาติจริง นายกรัฐมนตรีสามารถดำเนินการตามหลักเกณฑ์ ขั้นตอน และวิธีการเจรจาทางการทูตตามหลักและมาตรฐานการดำเนินการที่ถูกต้องอย่างโปร่งใส ตามกระบวนการของกระทรวงการต่างประเทศและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้ ประการสำคัญ […]