“พรรคร่วมฝ่ายค้าน” เห็นพ้องกดดันรัฐบาล ปลดล็อกปท. แก้ รธน.

รัฐสภา 3 ก.ค. – “พรรคร่วมฝ่ายค้าน” เห็นพ้อง 4 ประเด็นเดินหน้ากดดันรัฐบาล ปลดล็อกประเทศ แก้ รธน. ย้ำ “รัฐบาล” ต้องถอนร่างเอ็นเตอร์เทนเมนต์ฯ “เท้ง” แจง ปชน. เสนอ “นายกฯ ชั่วคราว” ไม่ได้เสนอว่าจะร่วมโหวตหรือไม่ร่วมโหวตให้ใคร แต่ต้องมีเงื่อนไขยุบสภา-แก้ รธน. ยืนยัน “ฝ่ายค้าน” ไม่ทำประเทศถึงทางตัน ด้าน “อนุทิน” ยันไม่มีการเสนอตัว ย้ำ ต้องรอเวลาเหมาะสม


นายณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ สส.บัญชีรายชื่อและหัวหน้าพรรคประชาชน ในฐานะผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร เป็นตัวแทนแถลงภายหลังการประชุมหารือทิศทางการทำงานร่วมกันของพรรคร่วมฝ่ายค้านในวันแรกของการเปิดสมัยประชุมสภาผู้แทนราษฎร ซึ่งใช้เวลาหารือกันประมาณ 30 นาที

โดย นายณัฐพงษ์ กล่าวว่า ขอบคุณหัวหน้าพรรคร่วมฝ่ายค้าน และตัวแทนแต่ละพรรค ที่วันนี้เข้าร่วมประชุมทุกท่าน ผลสรุปในการประชุมวันนี้ หรือสิ่งที่พวกเรามาหารือกัน คือเรื่องการนำในสิ่งที่ประชาชนอยากเห็นเป็นตัวตั้ง ภายใต้สถานการณ์วิกฤตประเทศในขณะนี้ และวิกฤตศรัทธาที่รัฐบาลชุดปัจจุบัน ขาดความเชื่อมั่นต่อประชาชนอย่างสูง


สำหรับวาระในการประชุมวันนี้ คือการใช้กลไก ของฝ่ายค้าน และสภา ในการหาทางออกให้กับประเทศเป็นหลัก โดยยึดหลักการทำงานของพรรคร่วมฝ่ายค้าน แสวงหาจุดร่วมที่จะสามารถผลักดันร่วมกันได้ รวมถึงให้เกียรติ และเคารพซึ่งกันและกัน ในจุดยืนของแต่ละพรรค ซึ่งแต่ละพรรคอาจจะมีข้อคิดเห็น หรือจุดเด่นที่แตกต่างกันได้

ส่วน 4 เรื่องหลักที่มีการพูดคุยกัน ซึ่งเป็นปัญหาที่ประชาชนรอฟังคำตอบอยู่ คือ

1.การเดินหน้ากลไกในสภาทุกอย่าง เพื่อกดดันให้รัฐบาลหยุดเดินหน้าหรือถอนร่างพระราชบัญญัติการประกอบธุรกิจสถาบันเทิงครบวงจร หรือเอนเตอร์เทนเมนท์คอมเพล็กซ์ออกไป โดยมีเงื่อนไขว่า ว่าจะต้องให้ความเชื่อมั่นต่อพวกเรา และประชาชนว่า จะไม่มีการเสนอร่างนี้กลับเข้ามาอีก


2.การเดินหน้าแก้ไขรัฐธรรมนูญ ซึ่งมีรายละเอียดอีกหลายเรื่องที่ตนมองว่า ยังไม่สามารถบอกได้ในตอนนี้ แต่หนึ่งอย่างที่เห็นตรงกัน ในหลักการ คือการจัดทำประชามติ ครั้งที่ 0 ซึ่งในปัจจุบันยังอยู่ระหว่างที่ศาลรัฐธรรมนูญกำลังพิจารณา เรื่องการแก้ไขมาตรา 256 เพื่อเปิดช่องทางสรรหาสมาชิกสภาร่างรัฐธรรมนูญ (สสร.) หรือไม่ โดยพรรคร่วมฝ่ายค้าน จะใช้กลไกสภาในสมัยประชุมปัจจุบันตามที่เหมาะสม ในการเดินหน้าเสนอให้มีการจัดทำประชามติ พร้อมกับการเลือกตั้งใหม่

3.การพิจารณากฎหมายนิรโทษกรรม ที่ยังมีรายละเอียดอีกหลายส่วน ซึ่งพรรคร่วมฝ่ายค้านยังเห็นแตกต่างกันอยู่นั้น เราจะมีการตั้งคณะทำงาน เพื่อศึกษาเรื่องนี้

4.การยื่นญัตติเปิดอภิปรายไม่ไว้วางใจตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 151 ซึ่งเราเห็นตรงกันว่า สถานการณ์ภายใต้นิติสงคราม ที่มีการดำเนินคดีต่างๆ ยังมีความไม่แน่นอนสูง ดังนั้น สิ่งที่พวกเราต้องรอประเมินตอนนี้ คือประเมินสถานการณ์ทางการเมือง เรื่องความชัดเจนของคดีที่ศาลรัฐธรรมนูญกำลังพิจารณากรณีของนางสาวแพทองธาร ชินวัตร อยู่ ก่อนจะมีการตัดสินใจว่า จะยื่นญัตติเมื่อไหร่

ในส่วนรายละเอียดที่จะต้องมีการหารือกันต่อ รวมถึงเรื่องอื่นๆ ในอนาคต จะเป็นส่วนที่คณะทำงานของพรรคร่วมฝ่ายค้านจะหารือร่วมกันต่อไป

สำหรับกรณีกระแสข่าวการเสนอตัวนายกรัฐมนตรีชั่วคราวนั้น นายณัฐพงษ์ ระบุว่า ต้องให้เกียรตินายอนุทินด้วย แต่โดยหลักการ ตนขอย้อนกลับไปในสิ่งที่เราต้องมาประชุมร่วมกันว่า เราประชุมเพื่อหาทางออกให้กับประเทศ ซึ่งในวันนี้อาจจะยังไม่เหมาะสม หากจะพูดอะไรไปล่วงหน้า เพราะสถานการณ์ยังไม่เกิด เนื่องจากขณะนี้นายกรัฐมนตรี ยังชื่อนางสาวแพรทองธาร เพียงถูกศาลรัฐธรรมนูญมีคำสั่งให้หยุดปฏิบัติหน้าที่

แต่แน่นอนที่สุด การวิเคราะห์การเมือง การประเมินฉากทัศน์ข้างหน้า ทุกคนสามารถวิเคราะห์ได้ ว่าจะเกิดอะไรขึ้นบ้าง โดยการหารือเป็นการภายในนั้น ก็มีการพูดคุยกันถึงเรื่องนี้ ตนขอยืนยันว่า พรรคร่วมฝ่ายค้านทุกคน และหัวหน้าพรรคทุกคน มีการหารือกันว่า เราจะไม่ทำให้การเมืองเดินถึงทางตัน อย่างไรประเทศมีทางออก ส่วนรายละเอียดคิดว่า คุยกันในสถานการณ์ข้างหน้าได้

นายอนุทิน ชาญวีรกูล สส.บัญชีรายชื่อและหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย กล่าวเสริมว่า เรื่องกระแสข่าว ตนได้ชี้แจงจากการให้สัมภาษณ์ไปเมื่อวานนี้ตอนเย็นแล้ว และต้องขอพูดว่า มันไม่มีการเสนอตัว เป็นความเข้าใจที่คาดเคลื่อนอย่างมาก ไม่ได้มีการพูดถึงตรงนั้นเลย ตอนนี้เราพูดในหลักการ ในสถานการณ์แบบนี้ ใครที่เข้ามาก็ตาม ต้องเข้ามาด้วยระยะเวลาที่เฉพาะกิจ เฉพาะกาล เพื่อมาแก้ไขปัญหาปัจจุบัน และยุบสภา ให้เกิดการเลือกตั้ง คืนอำนาจให้ประชาชนได้ตัดสินใจต่อไป แต่เรื่องพวกนี้ เราไว้รอถึงเวลาที่เหมาะสมก่อน เพราะตอนนี้นายกรัฐมนตรียังอยู่ในตำแหน่ง

ส่วนกรณีที่พรรคประชาชน มีมติจะโหวตให้นายกรัฐมนตรีคนใหม่ โดยไม่ร่วมรัฐบาล แต่ต้องมีเงื่อนไขนั้น นายณัฐพงษ์ ระบุว่า สิ่งที่พรรคประชาชนเสนอไป ไม่ได้เสนอว่า เราจะร่วมโหวตหรือไม่ร่วมโหวตให้ใคร ทุกอย่างที่เราเสนอ เป็นข้อเสนอที่เราเชื่อว่า เป็นทางออกของประเทศจริง ๆ หากวันหนึ่งสถานการณ์ทางการเมืองเดินไปถึงจุดนั้น ไม่มีใครที่ไม่เห็นด้วยกับสิ่งที่พรรคประชาชนได้นำเสนอไปเมื่อวานนี้

แต่เข้าใจว่า ประชาชน และสื่อมวลชน อาจจะให้ความสนใจเรื่องการรวมขั้วทางการเมืองได้ แต่อย่างไรเรื่องนี้ ตนคิดว่ายังไม่มีความเหมาะสม ที่จะนำเสนอในวันนี้ เพราะสถานการณ์ทางการเมือง ยังเดินไปไม่ถึงจุดนั้น

เมื่อถามว่า หากมีการเสนอชื่อนายชัยเกษม นิติสิริ เป็นนายกรัฐมนตรี จะมีการโหวตให้หรือไม่ นายณัฐพงษ์ ระบุว่า ไม่ได้อยู่ที่ว่า จะโหวตให้ใคร จะนายชัยเกษม หรือนายอนุทิน แต่เราดูที่จุดยืนร่วมกันว่า การออกเสียงของพรรคประชาชน และพรรคร่วมฝ่ายค้าน แต่ละพรรค แต่ละคน มีจุดยืนของตัวเอง

ในส่วนของพรรคประชาชน เรายืนยันในหลักการว่า การโหวตให้ใครก็ตาม เราไม่ยึดติดกับตัวบุคคลหรือพรรค แต่ต้องเป็นการสร้างทางออกให้กับประเทศได้

เมื่อถามถึงจุดยืนร่วมกันระหว่างพรรคภูมิใจไทยและพรรคประชาชนในเรื่องการยุบสภา นายณัฐพงษ์ กล่าวว่า เฉพาะในส่วนพรรคประชาชน เราเชื่ออย่างนั้นอยู่แล้ว นายอนุทิน กล่าวเสริมว่า ตนพูดชัดเจนแล้ว.-319 -สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

โปรดเกล้าฯ ครม. “อนุทิน” รายชื่อตรงตามโผ

กทม. 19 ก.ย.-โปรดเกล้าฯ ครม. “อนุทิน” นั่งนายกฯ ควบมหาดไทย พร้อมตั้ง รองนายกฯ 6 คน รมต.สำนักนายกฯ 4 คน ขณะรายชื่อตรงตามโผ ไม่มีเปลี่ยนแปลง ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันนี้ (19 ก.ย. 68) เวลา 09.30 น. เว็บไซต์ราชกิจจานุเบกษา เผยแพร่ประกาศ สำนักนายกรัฐมนตรี เรื่อง แต่งตั้งคณะรัฐมนตรี โดยพระบาทสมเด็จพระปรเมนทรรามาธิบดีศรีสินทรมหาวชิราลงกรณ พระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ ให้ประกาศว่า ตามที่ได้ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ แต่งตั้ง นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี ตามประกาศลงวันที่ 7 กันยายนพุทธศักราช 2568 แล้วนั้น บัดนี้ นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี ได้เลือกผู้ที่สมควรดำรงตำแหน่ง รัฐมนตรีเพื่อบริหารราชการแผ่นดินสืบต่อไปแล้ว อาศัยอำนาจตามความในมาตรา 158 ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย จึงทรงพระกรุณาโปรดเก้าแต่งตั้งรัฐมนตรีดังต่อไปนี้ นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ […]

“เจ๊ปอง” น้ำตาคลอ เปิดใจหลังศาลฎีกาตีกลับยกฟ้อง

กรุงเทพฯ 19 ก.ย. – “เจ๊ปอง” น้ำตาคลอ เปิดใจหลังศาลฎีกาตีกลับยกฟ้อง เชื่อ 15 ปีที่ผ่านมา เป็นบทเรียนของชีวิต หลังจากนี้จะใช้ชีวิตของตัวเองอุทิศให้ประชาชนและประเทศชาติ ชี้ขึ้นอยู่กับสถานการณ์บ้านเมืองว่าจะออกมาเคลื่อนไหวอีกหรือไม่ น.ส.อัญชะลี ไพรีรัก สื่อมวลชนอาวุโส กล่าวขอบคุณกระบวนการยุติธรรม และศาลด้วยที่ความเมตตากับตนเอง ที่ผ่านมาเราต่อสู้ด้วยความบริสุทธิ์ยุติธรรม สำหรับการตัดสินในวันนี้ทำให้รู้สึกโล่งใจ ดีใจทำให้เรารู้ว่าหลังจากนี้เราจะใช้ชีวิตของเราอย่างไรต่อ เพราะถือว่าเป็นคดีสุดท้าย 15 ปีที่ผ่านมา เป็นบทเรียนของชีวิต ต่อจากนี้เป็นต้นไปขอทำหน้าที่สื่อมวลชนที่ดีเป็นประโยชน์ต่อพี่น้องประชาชน เป็นประโยชน์กับประเทศชาติ มันเป็นสิ่งที่ดีที่สุดชีวิตนี้จะอุทิศให้กับพี่น้องประชาชนและประเทศชาติ พร้อมบอกว่าเป็นคดีสุดท้ายใน 20 ปี ตลอด 20 ปีที่ผ่านมา เราใช้วิชาชีพของตัวเองใช้ความเชี่ยวชาญของตัวเองรับใช้พี่น้องประชาชน ถือว่าเป็น 20 ปี ที่คุ้มมาก พี่น้องประชาชนให้กำลังใจเราเป็นจำนวนมาก โดยเฉพาะคนที่ร่วมมือกับเราในการแสวงหาข้อมูล เรารู้สึกว่ามีคนรักเรามาก และความจริงมีเพียงหนึ่งเดียวเท่านั้น เรานำเสนอความจริง เมื่อถามว่าที่ผ่านรู้สึกอย่างไรได้มีเตรียมใจไว้หรือไม่ น.ส.อัญชะลี ระบุว่า ทุกอย่างเตรียมความพร้อม ทุกอย่างไม่ต้องแอบทำใจ หากเราสู้จนถึงที่สุดแล้วอะไรจะเกิดขึ้นก็ต้องเกิด ขอบคุณทุกหน่วยงานที่เคยช่วยเหลือทั้งในเรื่องเอกสาร หรืออื่นๆ ส่วนเหตุผลที่ศาลพิจารณายกฟ้องในคดีนี้ คือ ศาลเห็นว่าพยานให้การไม่ตรงกันในหลายประเด็นทั้งพยานวัตถุ […]

ศาลฎีกานัดฟังคำพิพากษาคดีม็อบพันธมิตรบุกยึด NBT ปี51

ศาลอาญา 19 ก.ย. – วันนี้ที่ศาลอาญา รัชดา ได้นัดฟังคำพิพากษาศาลฎีกา หรือคดีแกนนำกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยหรือ พธม. นำผู้ชุมนุมบุกยึดสถานีโทรทัศน์แห่งประเทศไทย หรือ NBT เมื่อวันที่ 26 สิงหาคม 2551 หรือเมื่อ 17 ปีก่อน ในช่วงระหว่างการชุมนุมขับไล่รัฐบาลนายสมัคร สุนทรเวช ในขณะนั้น ซึ่งศาลอาญานัดฟังคำพิพากษาในเวลา 10:00 น. โดยคดีดังกล่าวมีจำเลย 4 คน ได้แก่ น.ส.อัญชะลี ไพรีรัก, นายภูวดล ทรงประเสริฐ, นายยุทธิยง ลิ้มเลิศวาที และนายชิติพัทธ์ ลิ้มทองกุล ซึ่งเป็นน้องชายของนายสนธิ ลิ้มทองกุล อดีตแกนนำ พธม. ทั้งหมดถูกฟ้องในความผิดฐานร่วมกันมั่วสุมตั้งแต่ 10 คนขึ้นไป อั้งยี่ซ่องโจร บุกรุก และทำให้เสียทรัพย์ เนื่องจากปรากฏหลักฐานว่า จำเลยทั้งห้าเป็นระดับหัวหน้าและผู้สั่งการให้กระทำความผิด ทั้งนี้ ก่อนหน้านี้ได้มีจำเลยอีก 1 คน คือ นายสมเกียรติ […]

‘มาครง’ เตรียมเสนอหลักฐานยืนยัน ‘บริฌิตต์’ เป็นหญิงไม่ใช่ชาย

ปารีส 19 ก.ย. – ประธานาธิบดีเอมมานูเอล มาครง ผู้นำฝรั่งเศส และบริฌิตต์ ภริยา เตรียมเสนอหลักฐานทางวิทยาศาสตร์ต่อศาลสหรัฐเพื่อพิสูจน์ว่าบริฌิตต์เป็นผู้หญิงจริงๆ ไม่ใช่ผู้ชาย ทนายความของประธานาธิบดีมาครงและบริฌิตต์ บอกว่า ทั้งคู่จะยื่นเอกสารเหล่านี้ในคดีหมิ่นประมาทที่ทั้งสองได้ยื่นฟ้อง แคนแดซ โอเวนส์ อินฟลูเอนเซอร์ฝ่ายขวาชาวอเมริกัน ที่เผยแพร่ความเชื่อของตนผ่านทางสื่อและรายการพ็อคแคสต์ของตนเองว่าบริฌิตต์ เกิดมาเป็นผู้ชาย ซึ่งเรื่องนี้ทำให้เธอเสียใจและไม่สบายใจอย่างมากกับข้อกล่าวหาดังกล่าว และเรื่องนี้รบกวนจิตใจของประธานาธิบดีฝรั่งเศส แม้จะไม่ได้ทำให้มาครงสมาธิหลุดจากภารกิจหน้าที่ของเขาในฐานะผู้นำประเทศ แต่มันก็เป็นเรื่องรบกวนจิตใจของคนที่ต้องรับผิดชอบทั้งเรื่องครอบครัวและเรื่องงาน ซึ่งตัวประธานาธิบดีก็ไม่มีข้อยกเว้น ในส่วนของการยื่นหลักฐานต่อศาลนั้น ทนายความของมาครงและภริยาบอกว่า ทั้งคู่พร้อมที่จะแสดงหลักฐานอย่างชัดเจนทั้งในภาพรวมและในรายละเอียด รวมถึงคำให้การจากผู้เชี่ยวชาญ ซึ่งจะเป็นลักษณะทางวิทยาศาสตร์เพื่อพิสูจน์ว่าข้อกล่าวหานั้นเป็นเท็จ แม้จะเป็นกระบวนการที่บริฌิตต์จะต้องเผชิญต่อหน้าสาธารณชนอย่างเปิดเผย แต่เธอก็ยินดีที่จะทำ เธอตัดสินใจแน่วแน่แล้วว่าจะทำทุกอย่างที่จำเป็นเพื่อทำให้เรื่องนี้กระจ่าง สำหรับประเด็นเรื่องบริฌิตต์ เป็นผู้ชาย ถูกเผยแพร่ครั้งแรกตามสื่อออนไลน์ของฝ่ายขวาและกลุ่มต่อต้านวัคซีนในฝรั่งเศสตั้งแต่ปี 2021 ต่อมา แคนแดซ โอเวนส์ อดีตนักวิจารณ์ของเดลี่ไวร์ (Daily Wire) สำนักข่าวสายอนุรักษ์นิยมของสหรัฐฯ ซึ่งมีผู้ติดตามบนโซเชียลมีเดียหลายล้านคน ได้เผยแพร่มุมมองของตนเองหลายครั้งว่า บริฌิตต์ เป็นผู้ชาย ที่มีชื่อว่า ฌอง-มิเชล ทรอกโนซ์ (Jean-Michel Trogneux) ก่อนที่จะแปลงเพศในเวลาต่อมา ถึงขั้นอ้างว่าเธอพร้อมเดิมพันชื่อเสียงในอาชีพทั้งหมดของเธอกับข้อกล่าวหานี้ ส่งผลให้มาครงและภริยายื่นฟ้องต่อศาลสหรัฐฯ […]

ข่าวแนะนำ

ชนกัน 10 คันรวด ทางลอดอุโมงค์แยกดาราสมุทร จ.ภูเก็ต

ภูเก็ต 23 ก.ย.-รถพ่วง 18 ล้อ บรรทุกเสาเข็ม เบรกแตก พุ่งชนระเนระนาดในอุโมงค์ดาราสมุทร จ.ภูเก็ต รถเสียหาย 10 คัน บาดเจ็บ 4 คน เป็นคนไทย 3 คน และชาวมาเลเซีย 1 คน เมื่อเวลา 12.00 น. วันที่ 23 กันยายน 2568 ศูนย์วิทยุพิทักษ์วิชิตได้รับแจ้งเหตุรถชนกันหลายคันภายในอุโมงค์ทางลอดแยกดาราสมุทร ถนนเฉลิมพระเกียรติ ร.9 ตำบลวิชิต อำเภอเมืองภูเก็ต มีรถได้รับความเสียหายจำนวนมากและมีผู้บาดเจ็บ พ.ต.อ.สมศักดิ์ ทองเกลี้ยง ผกก.สภ.วิชิต พร้อมด้วย พ.ต.ท.วุฒิวัฒน์ เลี้ยงบุญจินดา รอง ผกก.ป. และเจ้าหน้าที่ตำรวจจราจร รีบรุดไปตรวจสอบที่เกิดเหตุ พบการจราจรติดขัดอย่างหนัก รถไม่สามารถผ่านอุโมงค์ได้ทั้ง 2 เลน เบื้องต้นตรวจสอบพบรถชนกันเสียหายรวม 10 คัน มีผู้บาดเจ็บ 4 ราย อาการแน่นหน้าอก […]

ผลตรวจยืนยัน “น้องข้าวต้ม” ลูกช้างป่าพลัดหลง โครงสร้างผิดปกติตั้งแต่เกิด

สุพรรณบุรี 23 ก.ย. – ทีมสัตวแพทย์สรุปผลตรวจ “น้องข้าวต้ม” ลูกช้างป่าเพศเมียแรกเกิดที่พลัดหลงจากแม่ในพื้นที่ อ.ทองผาภูมิ จ.กาญจนบุรี พบความผิดปกติทางโครงสร้างร่างกายตั้งแต่เกิด เร่งวางแผนการดูแลรักษาและฟื้นฟูสุขภาพ นายอรรถพล เจริญชันษา อธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช เปิดเผยว่า ได้รับรายงานจากทีมสัตวแพทย์สำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 3 (บ้านโป่ง) และกลุ่มงานจัดการสุขภาพสัตว์ป่า สำนักอนุรักษ์สัตว์ป่าซึ่งร่วมกับคณะสัตวแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ วิทยาเขตกำแพงแสน ตรวจสุขภาพ “น้องข้าวต้ม” อย่างละเอียด โดยผลมีดังนี้ สัตวแพทย์สรุปว่า “น้องข้าวต้ม” มีภาวะโครงสร้างร่างกายผิดปกติตั้งแต่กำเนิดในลูกสัตว์ นอกจากนี้จากภาวะร่างกายที่อ่อนแอ จำเป็นต้องเอาตัวรอด รวมถึงความพยายามช่วยประคับประคองโดยฝูงทำให้เกิดการบาดเจ็บมากขึ้น เบื้องต้นทีมสัตวแพทย์ได้ฉีดยาลดปวดและลดอักเสบให้แล้ว พร้อมวางแผนรักษาตามอาการระยะยาว โดยเน้นการให้อาหารและเสริมโภชนาการควบคู่กับการทำกายภาพบำบัดอย่างต่อเนื่อง เพื่อช่วยให้ลูกช้างป่าสามารถยืนและเคลื่อนไหวได้ในอนาคต หากอาการไม่ฟื้นตัวดีเท่าที่คาด จะตรวจ X-ray และ Ultrasound ซ้ำอีกครั้ง ลำดับเหตุการณ์การช่วยเหลือลูกช้างป่าตัวนี้ • 21 ก.ย. เจ้าหน้าที่อุทยานแห่งชาติลำคลองงูได้รับแจ้งจากชาวบ้านว่า พบลูกช้างเพศเมียนอนอยู่เพียงลำพังในสภาพอ่อนแรงและบาดเจ็บที่ขาหลัง จึงรีบประสานทีมสัตวแพทย์จากสำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 3 (บ้านโป่ง) เข้าช่วยเหลือและเคลื่อนย้ายมาดูแลที่ทำการอุทยานฯ โดยเบื้องต้นได้ป้อนน้ำข้าวต้มเพื่อให้พลังงาน […]

ทหารเขมรเข้าใกล้รั้วภูผี ฝ่ายไทยเตือน แต่เขมรยิงปืนขึ้นฟ้า

ศรีสะเกษ 23 ก.ย.-แม่ทัพภาค 2 เผยได้รับรายงานเหตุทหารเขมรเข้าใกล้เขตรั้วลวดหนามพื้นที่ภูผีแล้ว ฝ่ายไทยเตือน แต่เขมรยิงปืนขึ้นฟ้า ก่อนถูกตอบโต้จนต้องล่าถอยออกไป ยันติดตามสถานการณ์ใกล้ชิด จากกรณีมีการเผยแพร่ข่าวเหตุยิงปะทะในพื้นที่ภูผี ตำบลเสาธงชัย อำเภอกันทรลักษ์ จังหวัดศรีสะเกษ ล่าสุด พล.ท.บุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2 เปิดเผยว่า เมื่อเวลา 13.30 น. ตนได้รับรายงานเหตุการณ์ดังกล่าวแล้ว เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ทหารฝ่ายไทยได้ตรวจพบทหารกัมพูชามีลักษณะท่าทางจะเข้ามาในอธิปไตยไทยใกล้กับเขตรั้วลวดหนาม เจ้าหน้าที่ทหารฝ่ายไทยจึงได้แจ้งเตือน ทำให้ทหารกัมพูชาใช้อาวุธปืนเล็กประจำกายยิงขึ้นฟ้า เจ้าหน้าที่ทหารฝ่ายไทยจึงยิงตอบโต้ไป กระทั่งทหารกัมพูชา ซึ่งคาดว่าน่าจะมาจำนวน 2-3 นาย ได้ล่าถอยกลับไป ขณะนี้ยืนยันว่า เหตุการณ์ปกติ และกองทัพภาคที่ 2 มีการตรวจเฝ้าระวังทหารกัมพูชาที่รุกล้ำและลักลอบเข้ามาวางทุ่นระเบิด ซึ่งเรามีมาตรการในการดูแลตรงนี้อยู่แล้วอย่างใกล้ชิด.-313.-สำนักข่าวไทย

ตร.จราจร นำส่งอวัยวะ ถูกรถพุ่งชน

23 ก.ย. – รถแท็กซี่พุ่งชนตำรวจจราจรขณะขี่จยย.นำส่งอวัยวะ บริเวณแยกสวนมิสกวัน กรุงเทพฯ ตำรวจบาดเจ็บที่ขาขวาและข้อมือ พล.ต.ท.นิธิธร จินตกานนท์ ผู้บัญชาการศึกษา เปิดเผยว่าช่วงเที่ยงวานนี้เกิดเหตุผู้ขับรถแท็กซี่ ไม่ชะลอความเร็วเพื่อหยุดรถเมื่อสัญญาณไฟจราจรเปลี่ยนจากสีเหลืองเป็นสีแดง ประกอบกับมีขบวนรถของตำรวจจราจรโครงการพระราชดำริที่เปิดไฟสัญญาณฉุกเฉินขณะปฏิบัติภารกิจนำส่ง “ปอด” จากจังหวัดชลบุรี ไปยังโรงพยาบาลศิริราช ทำให้เกิดอุบัติเหตุเฉี่ยวชนบริเวณแยกสวนมิสกวัน กรุงเทพฯ เป็นเหตุให้ตำรวจได้รับบาดเจ็บที่ขาขวาและข้อมือ โชคดีรถแท็กซี่ไม่เฉี่ยวชนกับรถพยาบาลที่บรรทุกอวัยวะ จึงสามารถนำส่ง “ปอด” ให้ถึงมือแพทย์ได้ทันเวลา จึงขอเน้นย้ำไปยังผู้ขับขี่ว่า “เมื่อเห็นสัญญาณไฟและเสียงไซเรน โปรดให้ทาง” ไม่ฝ่าฝืนสัญญาณไฟจราจร เพื่อรักษากฎหมายและช่วยชีวิตเพื่อนมนุษย์.-สำนักข่าวไทย