“พรรคร่วมฝ่ายค้าน” เห็นพ้องกดดันรัฐบาล ปลดล็อกปท. แก้ รธน.

รัฐสภา 3 ก.ค. – “พรรคร่วมฝ่ายค้าน” เห็นพ้อง 4 ประเด็นเดินหน้ากดดันรัฐบาล ปลดล็อกประเทศ แก้ รธน. ย้ำ “รัฐบาล” ต้องถอนร่างเอ็นเตอร์เทนเมนต์ฯ “เท้ง” แจง ปชน. เสนอ “นายกฯ ชั่วคราว” ไม่ได้เสนอว่าจะร่วมโหวตหรือไม่ร่วมโหวตให้ใคร แต่ต้องมีเงื่อนไขยุบสภา-แก้ รธน. ยืนยัน “ฝ่ายค้าน” ไม่ทำประเทศถึงทางตัน ด้าน “อนุทิน” ยันไม่มีการเสนอตัว ย้ำ ต้องรอเวลาเหมาะสม


นายณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ สส.บัญชีรายชื่อและหัวหน้าพรรคประชาชน ในฐานะผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร เป็นตัวแทนแถลงภายหลังการประชุมหารือทิศทางการทำงานร่วมกันของพรรคร่วมฝ่ายค้านในวันแรกของการเปิดสมัยประชุมสภาผู้แทนราษฎร ซึ่งใช้เวลาหารือกันประมาณ 30 นาที

โดย นายณัฐพงษ์ กล่าวว่า ขอบคุณหัวหน้าพรรคร่วมฝ่ายค้าน และตัวแทนแต่ละพรรค ที่วันนี้เข้าร่วมประชุมทุกท่าน ผลสรุปในการประชุมวันนี้ หรือสิ่งที่พวกเรามาหารือกัน คือเรื่องการนำในสิ่งที่ประชาชนอยากเห็นเป็นตัวตั้ง ภายใต้สถานการณ์วิกฤตประเทศในขณะนี้ และวิกฤตศรัทธาที่รัฐบาลชุดปัจจุบัน ขาดความเชื่อมั่นต่อประชาชนอย่างสูง


สำหรับวาระในการประชุมวันนี้ คือการใช้กลไก ของฝ่ายค้าน และสภา ในการหาทางออกให้กับประเทศเป็นหลัก โดยยึดหลักการทำงานของพรรคร่วมฝ่ายค้าน แสวงหาจุดร่วมที่จะสามารถผลักดันร่วมกันได้ รวมถึงให้เกียรติ และเคารพซึ่งกันและกัน ในจุดยืนของแต่ละพรรค ซึ่งแต่ละพรรคอาจจะมีข้อคิดเห็น หรือจุดเด่นที่แตกต่างกันได้

ส่วน 4 เรื่องหลักที่มีการพูดคุยกัน ซึ่งเป็นปัญหาที่ประชาชนรอฟังคำตอบอยู่ คือ

1.การเดินหน้ากลไกในสภาทุกอย่าง เพื่อกดดันให้รัฐบาลหยุดเดินหน้าหรือถอนร่างพระราชบัญญัติการประกอบธุรกิจสถาบันเทิงครบวงจร หรือเอนเตอร์เทนเมนท์คอมเพล็กซ์ออกไป โดยมีเงื่อนไขว่า ว่าจะต้องให้ความเชื่อมั่นต่อพวกเรา และประชาชนว่า จะไม่มีการเสนอร่างนี้กลับเข้ามาอีก


2.การเดินหน้าแก้ไขรัฐธรรมนูญ ซึ่งมีรายละเอียดอีกหลายเรื่องที่ตนมองว่า ยังไม่สามารถบอกได้ในตอนนี้ แต่หนึ่งอย่างที่เห็นตรงกัน ในหลักการ คือการจัดทำประชามติ ครั้งที่ 0 ซึ่งในปัจจุบันยังอยู่ระหว่างที่ศาลรัฐธรรมนูญกำลังพิจารณา เรื่องการแก้ไขมาตรา 256 เพื่อเปิดช่องทางสรรหาสมาชิกสภาร่างรัฐธรรมนูญ (สสร.) หรือไม่ โดยพรรคร่วมฝ่ายค้าน จะใช้กลไกสภาในสมัยประชุมปัจจุบันตามที่เหมาะสม ในการเดินหน้าเสนอให้มีการจัดทำประชามติ พร้อมกับการเลือกตั้งใหม่

3.การพิจารณากฎหมายนิรโทษกรรม ที่ยังมีรายละเอียดอีกหลายส่วน ซึ่งพรรคร่วมฝ่ายค้านยังเห็นแตกต่างกันอยู่นั้น เราจะมีการตั้งคณะทำงาน เพื่อศึกษาเรื่องนี้

4.การยื่นญัตติเปิดอภิปรายไม่ไว้วางใจตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 151 ซึ่งเราเห็นตรงกันว่า สถานการณ์ภายใต้นิติสงคราม ที่มีการดำเนินคดีต่างๆ ยังมีความไม่แน่นอนสูง ดังนั้น สิ่งที่พวกเราต้องรอประเมินตอนนี้ คือประเมินสถานการณ์ทางการเมือง เรื่องความชัดเจนของคดีที่ศาลรัฐธรรมนูญกำลังพิจารณากรณีของนางสาวแพทองธาร ชินวัตร อยู่ ก่อนจะมีการตัดสินใจว่า จะยื่นญัตติเมื่อไหร่

ในส่วนรายละเอียดที่จะต้องมีการหารือกันต่อ รวมถึงเรื่องอื่นๆ ในอนาคต จะเป็นส่วนที่คณะทำงานของพรรคร่วมฝ่ายค้านจะหารือร่วมกันต่อไป

สำหรับกรณีกระแสข่าวการเสนอตัวนายกรัฐมนตรีชั่วคราวนั้น นายณัฐพงษ์ ระบุว่า ต้องให้เกียรตินายอนุทินด้วย แต่โดยหลักการ ตนขอย้อนกลับไปในสิ่งที่เราต้องมาประชุมร่วมกันว่า เราประชุมเพื่อหาทางออกให้กับประเทศ ซึ่งในวันนี้อาจจะยังไม่เหมาะสม หากจะพูดอะไรไปล่วงหน้า เพราะสถานการณ์ยังไม่เกิด เนื่องจากขณะนี้นายกรัฐมนตรี ยังชื่อนางสาวแพรทองธาร เพียงถูกศาลรัฐธรรมนูญมีคำสั่งให้หยุดปฏิบัติหน้าที่

แต่แน่นอนที่สุด การวิเคราะห์การเมือง การประเมินฉากทัศน์ข้างหน้า ทุกคนสามารถวิเคราะห์ได้ ว่าจะเกิดอะไรขึ้นบ้าง โดยการหารือเป็นการภายในนั้น ก็มีการพูดคุยกันถึงเรื่องนี้ ตนขอยืนยันว่า พรรคร่วมฝ่ายค้านทุกคน และหัวหน้าพรรคทุกคน มีการหารือกันว่า เราจะไม่ทำให้การเมืองเดินถึงทางตัน อย่างไรประเทศมีทางออก ส่วนรายละเอียดคิดว่า คุยกันในสถานการณ์ข้างหน้าได้

นายอนุทิน ชาญวีรกูล สส.บัญชีรายชื่อและหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย กล่าวเสริมว่า เรื่องกระแสข่าว ตนได้ชี้แจงจากการให้สัมภาษณ์ไปเมื่อวานนี้ตอนเย็นแล้ว และต้องขอพูดว่า มันไม่มีการเสนอตัว เป็นความเข้าใจที่คาดเคลื่อนอย่างมาก ไม่ได้มีการพูดถึงตรงนั้นเลย ตอนนี้เราพูดในหลักการ ในสถานการณ์แบบนี้ ใครที่เข้ามาก็ตาม ต้องเข้ามาด้วยระยะเวลาที่เฉพาะกิจ เฉพาะกาล เพื่อมาแก้ไขปัญหาปัจจุบัน และยุบสภา ให้เกิดการเลือกตั้ง คืนอำนาจให้ประชาชนได้ตัดสินใจต่อไป แต่เรื่องพวกนี้ เราไว้รอถึงเวลาที่เหมาะสมก่อน เพราะตอนนี้นายกรัฐมนตรียังอยู่ในตำแหน่ง

ส่วนกรณีที่พรรคประชาชน มีมติจะโหวตให้นายกรัฐมนตรีคนใหม่ โดยไม่ร่วมรัฐบาล แต่ต้องมีเงื่อนไขนั้น นายณัฐพงษ์ ระบุว่า สิ่งที่พรรคประชาชนเสนอไป ไม่ได้เสนอว่า เราจะร่วมโหวตหรือไม่ร่วมโหวตให้ใคร ทุกอย่างที่เราเสนอ เป็นข้อเสนอที่เราเชื่อว่า เป็นทางออกของประเทศจริง ๆ หากวันหนึ่งสถานการณ์ทางการเมืองเดินไปถึงจุดนั้น ไม่มีใครที่ไม่เห็นด้วยกับสิ่งที่พรรคประชาชนได้นำเสนอไปเมื่อวานนี้

แต่เข้าใจว่า ประชาชน และสื่อมวลชน อาจจะให้ความสนใจเรื่องการรวมขั้วทางการเมืองได้ แต่อย่างไรเรื่องนี้ ตนคิดว่ายังไม่มีความเหมาะสม ที่จะนำเสนอในวันนี้ เพราะสถานการณ์ทางการเมือง ยังเดินไปไม่ถึงจุดนั้น

เมื่อถามว่า หากมีการเสนอชื่อนายชัยเกษม นิติสิริ เป็นนายกรัฐมนตรี จะมีการโหวตให้หรือไม่ นายณัฐพงษ์ ระบุว่า ไม่ได้อยู่ที่ว่า จะโหวตให้ใคร จะนายชัยเกษม หรือนายอนุทิน แต่เราดูที่จุดยืนร่วมกันว่า การออกเสียงของพรรคประชาชน และพรรคร่วมฝ่ายค้าน แต่ละพรรค แต่ละคน มีจุดยืนของตัวเอง

ในส่วนของพรรคประชาชน เรายืนยันในหลักการว่า การโหวตให้ใครก็ตาม เราไม่ยึดติดกับตัวบุคคลหรือพรรค แต่ต้องเป็นการสร้างทางออกให้กับประเทศได้

เมื่อถามถึงจุดยืนร่วมกันระหว่างพรรคภูมิใจไทยและพรรคประชาชนในเรื่องการยุบสภา นายณัฐพงษ์ กล่าวว่า เฉพาะในส่วนพรรคประชาชน เราเชื่ออย่างนั้นอยู่แล้ว นายอนุทิน กล่าวเสริมว่า ตนพูดชัดเจนแล้ว.-319 -สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

หนุ่มขี่จยย. พุ่งชนฝาคอนกรีต ตกบ่อร้อยสายไฟดับสลด

11 ส.ค.- หนุ่มวัย 26 ขี่รถจักรยานยนต์ฝ่าแนวกั้นพุ่งชนฝาคอนกรีต ร่างกระเด็นตกบ่อร้อยสายไฟใต้ดิน ลึก 10 เมตร จมน้ำดับสลด เมื่อเวลา 00.30 น.วันที่ 11 ส.ค.68 ร.ต.ท.เจนวิทย์ เหลือผล รองสารวัตร(สอบสวน) สน.ทุ่งสองห้อง รับแจ้งอุบัติเหตุรถจักรยานยนต์พุ่งตกบ่อร้อยสายไฟใต้ดิน ถนนแจ้งวัฒนะ ขาออก บริเวณหน้าศาลปกครอง แขวงทุ่งสองห้อง เขตหลักสี่ กทม. จึงรุดตรวจสอบพร้อมอาสาสมัครมูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง ที่เกิดเหตุใกล้สถานีรถไฟฟ้า ศูนย์ราชการเฉลิมพระเกียรติ เป็นถนน 5 เลน บริเวณช่องทางซ้าย 3 เลนปิดเป็นพื้นที่ก่อสร้างโครงการร้อยสายไฟใต้ดิน พบรถจักรยานยนต์สีครีม ทะเบียน กทม. ล้มคว่ำหน้ารถพังยับพุ่งชนเครื่องปั่นไฟฟ้า ใกล้บ่อมีความลึก 10 เมตร เจ้าหน้าที่จึงใช้อุปกรณ์โรยตัวลงไปตรวจสอบพบผู้ขับขี่จมน้ำเสียชีวิต นำร่างขึ้นมาทราบชื่อนายสันติสุข (สงวนนามสกุล) อายุ 26 ปี สวมเสื้อยืดคอกลม แขนสั้น นุ่งกางเกงกีฬาขาสั้นสีน้ำเงิน ตามร่างกายมีบาดแผล กระโหลกศีรษะแตก เจ้าหน้าที่จึงบันทึกรวบรวมที่เกิดเหตุไว้เป็นหลักฐาน สอบถามคนงานที่อยู่บริเวณจุดเกิดเหตุให้การว่า […]

“ขัตติยา” ชี้ภารกิจชายแดนเป็นผลงานร่วมทุกฝ่าย ใต้ร่ม ศบ.ทก.

กทม. 10 ส.ค.-“ขัตติยา” สส.เพื่อไทย ชี้โพลฯ ประชาชนเชื่อมั่นกองทัพสูง แต่ภารกิจชายแดนเป็นผลงานร่วมทุกฝ่าย ใต้ร่ม ศบ.ทก. น.ส.ขัตติยา สวัสดิผล สส.บัญชีรายชื่อและรองโฆษกพรรคเพื่อไทย โพสต์ X ถึงผลสำรวจล่าสุดของนิด้าโพล ที่ให้ความไว้วางใจกองทัพสูงกว่ารัฐบาลและกระทรวงการต่างประเทศ ว่าอยากชวนมองภาพให้ครบว่า ทุกหน่วยงานของรัฐที่เกี่ยวข้อง ล้วนทำงานร่วมเป็นทีมเดียวกัน ภายใต้ศูนย์เฉพาะกิจบริหารสถานการณ์บริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา หรือ ศบ.ทก. ศูนย์นี้จัดตั้งขึ้นตั้งแต่เดือนมิถุนายน โดยรวมเอาหลายภาคส่วนเข้ามาทำงานร่วมกัน ทั้งกระทรวงกลาโหม สภาความมั่นคงแห่งชาติ กระทรวงมหาดไทย กระทรวงการต่างประเทศ กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม กระทรวงพาณิชย์ กระทรวงแรงงาน กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา สำนักข่าวกรองแห่งชาติ ผู้บัญชาการทหารสูงสุด และผู้บัญชาการทหารบก ทุกฝ่าย คือทีมไทยแลนด์ ที่แบ่งบทบาทหน้าที่และประสานงาน เพื่อเป้าหมายเดียวกัน คือ การรักษาอธิปไตยของประเทศ และปกป้องความปลอดภัยของชีวิตประชาชน แม้กองทัพจะมีบทบาทสำคัญเป็นด่านหน้าในพื้นที่ชายแดน แต่ก็ไม่ได้ทำงานแยกเดี่ยวหรือเป็นอิสระจากภาคส่วนอื่นๆ หากทำงานเคียงบ่าเคียงไหล่กับทุกหน่วยงานภายใต้ร่มของ ศบ.ทก. ในสถานการณ์ที่ท้าทายเช่นนี้ ไม่มีหน่วยงานใดสามารถทำงานบรรลุเป้าหมายได้เพียงลำพัง ความสำเร็จต้องเกิดจากการร่วมแรงร่วมใจของทุกภาคส่วน.-314.-สำนักข่าวไทย

วันแม่แห่งชาติ ขึ้นทางด่วนฟรี 𝟯 สายทาง

กทม. 9 ส.ค.-วันแม่แห่งชาติ 12 สิงหาคม 2568 กทพ. แจ้งยกเว้นค่าผ่านทางพิเศษของทางพิเศษรวม 𝟯 สายทาง ดังนี้ ทางพิเศษเฉลิมมหานคร จำนวน 𝟮𝟭 ด่าน ทางพิเศษศรีรัช จำนวน 𝟯𝟮 ด่าน และทางพิเศษอุดรรัถยา จำนวน 𝟭𝟬 ด่าน นายอนุกูล พฤกษานุศักดิ์ รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ตามที่รัฐบาลประกาศให้วันจันทร์ ที่ 11 สิงหาคม 2568 เป็นวันหยุดพิเศษ ทำให้มีวันหยุดต่อเนื่องกันรวม 4 วัน (9-12 สิงหาคม 2568) เพื่อให้ประชาชนเดินทางท่องเที่ยวภายในประเทศ และช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจของประเทศในภาพรวม โดยการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) คาดการณ์สถานการณ์ “คนไทย” เดินทาง “ท่องเที่ยวภายในประเทศ” วันหยุดยาวช่วงวันแม่แห่งชาติ ระหว่างวันที่ 9-12 สิงหาคม 2568 จะสร้างรายได้สะพัดทั่วประเทศ 13,750 ล้านบาท […]

“มาริษ” แจงโทรเคลียร์ รมว.ต่างประเทศสิงคโปร์ ปมถูกบิดเบือนคำพูด

สุรินทร์ 9 ส.ค. – “มาริษ” แจงโทรเคลียร์ “วิเวียน” รมว.ต่างประเทศสิงคโปร์ ถูกบิดเบือนคำพูด ย้ำไม่ได้วิจารณ์เชิงลบ แต่ห่วงภาวะผู้นำทำงานได้ไม่เต็มที่เพราะมีอุปสรรคขัดขวาง นายมาริษ เสงี่ยมพงษ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่มีบางสื่อบิดเบือนคำพูดของนายวิเวียน บาลากริชนิน (Vivian Balakrishnan) รัฐมนตรีว่าการกระทรวงต่างประเทศสิงคโปร์ ซึ่งตนไม่สบายใจตั้งแต่ต้น และได้สะท้อนไปว่าการแสดงความคิดเห็นในเรื่องที่ละเอียดอ่อนเหล่านี้มักจะทำให้เกิดความเข้าใจผิด และจะมีคนเอาคำพูดท่านไปใช้ประโยชน์ในการโจมตีทางการเมือง นายมาริษ เปิดเผยว่า ได้คุยโทรศัพท์กับนายวิเวียน เพื่อแสดงความห่วงกังวล เขายอมรับแล้วอนุญาตให้ช่วยชี้แจง อธิบายกับสื่อมวลชนที่เป็นสื่อหลัก เพราะข้อความที่แปลผิดได้แพร่สะพัดอยู่ในโซเชียลมีเดีย “นายวิเวียนไม่ได้มีความประสงค์ที่จะไปตั้งคำถามในเรื่องภาวะผู้นำของใครทั้งสิ้น เขาเพียงแต่พูดว่าอยากเห็นการทูตทำงานอย่างเต็มที่ เพราะการทูตจะแก้ไขปัญหาได้หากอยู่ในจุดที่สมดุล และเมื่อไรที่ภาวะผู้นำถูกขัดขวาง ไม่ว่าจะด้วยปัจจัยอะไรก็ตาม มันจะมีผลกระทบให้การแก้ไขปัญหาซับซ้อนมากยิ่งขึ้น” นายมาริษ กล่าว นายมาริษ กล่าวย้ำว่า สิ่งที่นายวิเวียนพูด จะพยายามสื่อสารเพื่อให้ทุกคนได้ตระหนักว่าอยากเห็นผู้นำได้ทำงานอย่างเต็มที่ ไม่มีอุปสรรคขัดขวาง ซึ่งจะเป็นสิ่งสำคัญที่จะทำให้การแก้ไขปัญหาลุล่วงไปได้อย่างสมบูรณ์.-319-สำนักข่าวไทย

ข่าวแนะนำ

อุตุฯ เตือนฝนตกหนักบางพื้นที่บริเวณอีสาน-ตะวันออก-ใต้ฝั่งตะวันตก

กรุงเทพฯ 13 ส.ค. – กรมอุตุฯ เตือนฝนตกหนักบางพื้นที่บริเวณภาคอีสาน ภาคตะวันออก ภาคใต้ฝั่งตะวันตก โดยเฉพาะบริเวณ จ.จันทบุรี ตราด ระนอง พังงา ระวังอันตรายจากฝนตกหนัก ส่วนกรุงเทพฯ และปริมณฑล มีฝนฟ้าคะนอง 60% กรมอุตุนิยมวิทยาพยากรณ์อากาศ 24 ชั่วโมงข้างหน้า ประเทศไทยมีฝนฟ้าคะนองและมีฝนตกหนักบางพื้นที่บริเวณภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคตะวันออก และภาคใต้ฝั่งตะวันตก โดยเฉพาะบริเวณจังหวัดจันทบุรี ตราด ระนอง และพังงา ระวังอันตรายจากฝนตกหนักและฝนที่ตกสะสม ซึ่งอาจทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลันและน้ำป่าไหลหลาก โดยเฉพาะพื้นที่ลาดเชิงเขาใกล้ทางน้ำไหลผ่านและพื้นที่ลุ่มไว้ด้วย เนื่องจากมีร่องมรสุมพาดผ่านตอนบนของภาคเหนือ ประเทศลาว เข้าสู่หย่อมความกดอากาศต่ำบริเวณประเทศลาว และประเทศเวียดนามตอนบน ประกอบกับมรสุมตะวันตกเฉียงใต้กำลังปานกลางพัดปกคลุมทะเลอันดามัน ประเทศไทย และอ่าวไทย สำหรับคลื่นลมบริเวณทะเลอันดามันและอ่าวไทยตอนบนมีกำลังปานกลาง โดยทะเลอันดามันตอนบน มีคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร ส่วนอ่าวไทยตอนบนและทะเลอันดามันตอนล่างมีคลื่นสูง 1-2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร ขอให้ชาวเรือบริเวณทะเลอันดามันและอ่าวไทยเดินเรือด้วยความระมัดระวัง และหลีกเลี่ยงการเดินเรือในบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองไว้ด้วย อนึ่ง […]

“ภูมิธรรม” นำจุดเทียนถวายพระพรชัยมงคล เนื่องในวันเฉลิมพระชนมพรรษา 12 สิงหาคม 2568

สนามหลวง 12 ส.ค.- “ภูมิธรรม” และภริยา เป็นประธานในพิธีถวายเครื่องราชสักการะและพิธีจุดเทียนถวายพระพรชัยมงคล เนื่องในโอกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษา สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง 12 สิงหาคม 2568 เวลา 20.05 น. ณ เวทีใหญ่ ท้องสนามหลวง นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี รักษาราชการแทนนายกรัฐมนตรี พร้อมด้วย นางอภิญญา เวชยชัย ภริยา เป็นประธานในพิธีถวายเครื่องราชสักการะและพิธีจุดเทียนถวายพระพรชัยมงคล เนื่องในโอกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษา สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง 12 สิงหาคม 2568 โดยมีประธานวุฒิสภา (ผู้แทนประธานรัฐสภา) ประธานศาลฎีกาและคู่สมรส ประธานองค์กรตามรัฐธรรมนูญพร้อมคู่สมรส คณะรัฐมนตรีและคู่สมรส เลขาธิการนายกรัฐมนตรี ข้าราชการชั้นผู้ใหญ่ ทหาร ตำรวจ พลเรือน และภาคประชาชน เข้าร่วมพิธีอย่างพร้อมเพรียง เมื่อรักษาราชการแทนนายกรัฐมนตรี และภริยา ถึงบริเวณพิธีท้องสนามหลวง ขึ้นสู่เวที รักษาราชการแทนนายกรัฐมนตรี ประธานวุฒิสภา (ผู้แทนประธานรัฐสภา) ประธานศาลฎีกา […]

จากแม่ถึงลูกทหารบาดเจ็บ เหตุปะทะไทย-กัมพูชา

ขอนแก่น 12 ส.ค. – ครอบครัวตระกูลบุญธรรมในอำเภอบ้านไผ่ จังหวัดขอนแก่น ที่ลูกชายทหารเกณฑ์บาดเจ็บจากเหตุปะทะชายแดนไทย-กัมพูชา แม้สื่อสารกันน้อย แต่ความรักของแม่ลูก ไม่ได้ลดน้อยลง และพร้อมสนับสนุนลูกชายสู่เส้นทางทหารอาชีพตามความตั้งใจ หลังไปเป็นรั้วของชาติ แล้วเปลี่ยนแปลงไปในทางที่ดีขึ้น.-สำนักข่าวไทย

มทภ.2 ลั่นพร้อมใช้สิทธิปกป้องกำลังพล-ปรับแผนลาดตระเวน

12 ส.ค.- “แม่ทัพภาค2” ชี้เขมรแอบลอบวางทุ่นระเบิด ละเมิดเงื่อนไขหยุดยิง หวังยั่วยุ พร้อมใช้สิทธิปกป้องคุ้มครองกำลังพล เป็นเรื่องหน้างานไม่เกี่ยวเจรจา เชื่อเขมรไม่ยอมรับตามเงื่อนไขที่ไทยเสนอ เล็งใช้กล้องวงจรปิด ปรับแผนการลาดตระเวน เผยรายงานรัฐบาล-ผบ.ทบ.แล้ว จ่อประท้วงระดับสากล เมื่อวันที่ 12 ส.ค.68 พล.ท.บุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2 เปิดเผยว่า เหตุการณ์ที่ทหารพราน ร้อย.ทพ.2610 เหยียบกับระเบิดระหว่างปฏิบัติภารกิจลาดตระเวน ในพื้นที่บริเวณปราสาทตาเมือนธม อำเภอพนมดงรัก จังหวัดสุรินทร์ ส่งผลให้กำลังพลได้รับบาดเจ็บสูญเสียขาซ้าย 1 นาย คือ ส.อ.ธีรพล เพียขันที ขณะนี้ปลอดภัยแล้ว ซึ่งเหตุเกิดในจุดแนววางรั้วลวดหนามทางด้านทิศตะวันตก ถ้าหันหน้าเข้าเขมรจะอยู่ฝั่งขวาของตัวปราสาท และห่างจากตัวปราสาทประมาณ 1 กิโลเมตร เรียกว่าช่องจุ๊บตาโมก สันนิษฐานว่าเขมรลักลอบมาวางระกับเบิดช่วงที่ถอนกำลังทหารออกไป ซึ่งวันนี้ทหารไปตรวจสอบแนววางลวดหนาม บริเวณดังกล่าวอยู่ในเขตแดนไทย เป็นเส้นทางที่ใช้ลาดตระเวนประจำอยู่ในฝั่งไทยอยู่แล้ว อย่างไรก็ตาม เหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ถือเป็นการยั่วยุ ผิดเงื่อนไขการหยุดยิง เพราะการวางทุ่นระเบิด ถือเป็นการยิงเหมือนกัน เราจะมีมาตรการตอบโต้ และรายงานให้รัฐบาลรับทราบตามขั้นตอนแล้ว หลังจากนี้จะนำไปสู่ขั้นตอนการประท้วงในระดับสากล พล.อ.พนา แคล้วปลอดทุกข์ […]