รัฐสภา 30 พ.ค.- “ธีรัจชัย” จวกงบ ศธ. แฉพบ “งบปลวก กินหนังสือ” เผยองค์การค้ารับบทนายหน้า กินส่วนต่างจัดพิมพ์หนังสือ 1,000 ล้าน จี้ “เพิ่มพูน” จัดการเรื่องนี้ให้เด็ดขาด พิสูจน์ว่าไม่เกี่ยวข้อง
นายธีรัจชัย พันธุมาศ สส.กทม. พรรคประชาชน อภิปรายงบกระทรวงศึกษาธิการ ว่า ขอตั้งหัวข้อว่า “งบปลวก กินหนังสือ” ที่มีการตั้งงบประมาณซื้อหนังสือให้โรงเรียนในสังกัดปีละ 9,000 ล้านบาท หากนับเฉพาะโรงเรียนในสังกัด สพฐ. แต่ละปี งบซื้อหนังสือปีละกว่า 5,000 ล้านบาท ซึ่งในปี69 ได้รับการจัดสรรงบ 5,057 ล้านบาท แบ่งเป็นหนังสือเรียนจากสำนักพิมพ์เอกชน 3,000 ล้านบาท และหนังสือเรียนฉบับกระทรวง 2,000 ล้านบาท โดยการพิมพ์หนังสือของสังกัด สพฐ. มีส่วนต่างค่าจ้างพิมพ์กับหนังสือที่ขาย โดยองค์การการค้าที่จะมีส่วนต่างจากการพิมพ์ 1,000 ล้านบาท ต่อปี ซึ่งเงินในจำนวนนี้คุ้มหรือไม่ หมายถึงองค์การค้ามีรายได้เพิ่มขึ้น 1,000 ล้านบาท จากส่วนเกินในการขายหนังสือ แต่มองในแง่งบของรัฐ คือรัฐจะต้องจ่ายเงินค่าหนังสือเรียนจากภาษีของประชาชนแพงขึ้น 1,000 ล้านบาท
“ท่านประธานสงสัยหรือไม่ว่าหนังสือแพง มันแพงได้อย่างไร ส่วนเกินจากการขายหนังสือ 1,000 ล้านบาท มันมีปัญหาอะไรบ้าง และเป็นงบประมาณปลวกกินหนังสือได้อย่างไร” นายธีรจัยชัยกล่าว
นายธีรัจชัย กล่าวต่อว่า ต้นทุนที่ให้องค์การค้าตัวกลางการบริหารจัดการจัดทำหนังสือ ที่มีส่วนเกินปีละ 1,000 ล้านบาทจากการขายหนังสือราคาปก แต่รายได้หลังหักค่าใช้จ่าย เหลือ 247 ล้านบาทเท่านั้น แต่องค์การค้าไม่ได้ขายหรือส่งหนังสือเอง แต่เป็นนายหน้าค้ากำไรเอง โดยปล่อยให้ตัวแทนจำหน่าย 12 ราย ขายหนังสือแทน และยังทำส่วนลดตัวแทนจำหน่ายสูงถึง 18-30% ของราคาปก หรือราคายอดขายอยู่ที่ 360 ถึง 600 ล้านบาทต่อปี ขอถามเหตุผลจำเป็นที่ต้องตั้งส่วนลดให้ตัวแทนจำหน่ายสูงขนาดนี้ สกสค. ทำไปเพื่อ… รมว.! ศึกษาธิการ ซึ่งเป็นประธานบอร์ด สกสค. ปล่อยให้ทำไปเพื่อ ถ้าเปลี่ยนใหม่ สพฐ. หรือ สสวท. จ้างพิมพ์เองแล้วให้ตัวแทนจำหน่ายขายแทนก็ได้ ไม่ต้องเสียค่าบริหารอีกต่อไป แบบองค์การค้าที่ทำอยู่ ไม่ดีกว่าหรือ
“อยากถามว่าการประกวดราคาจัดพิมพ์หนังสือเรียนมีปลวกกินได้อย่างไร องค์การค้ามีการกำหนด TOR กีดกันไม่ให้คู่แข่งรายใหม่เข้าแข่งขันกับเจ้าประจำ ที่ได้งานมานานหลาย 10 ปี ผ่านการฮั้วราคาล็อคสเปค ให้เจ้าเดิมเป็นเสือนอนกินมาตลอด คนที่ต้องแบกรับคือรัฐเสียงบที่มาจากภาษีประชาชน ซื้อหนังสือเรียนแพงกว่าที่ควรจะเป็น และไม่มีคุณภาพ ซึ่งรัฐมนตรีก็รู้ดี”นายธีรัจชัย กล่าว
นายธีรัจชัย กล่าวต่อว่า เรื่องการควบคุมคุณภาพปกหนังสือ ซึ่งองค์การค้ามีการแยกพิมพ์ระหว่าง “ตัวหนังสือกับปกหนังสือ” ซึ่งทำให้เกิดปัญหากับโรงพิมพ์หากส่งไม่ครบ จะถูกนำไปอ้างเรื่องส่งหนังสือไม่ครบตามสัญญา หากตีตามสัดส่วนในแต่ละปีองค์การค้าจะโดนโกง 30 ถึง 40 ล้านบาทต่อปี ซึ่งมีการส่งจดหมายร้องเรียนไปยัง พล.ต.อ.เพิ่มพูน ชิดชอบ รมว.ศึกษาธิการ แต่จนถึงวันนี้ไม่มีการจัดการโรงพิมพ์เหล่านี้ และจนถึงขณะนี้ก็ยังคงรับงาน อย่างนี้ รมว.ศึกษาธิการอยู่เฉยได้อย่างไร ถ้าไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ทั้งที่ต้องพิสูจน์ตัวเอง และจัดการเรื่องนี้อย่างเด็ดขาด
นายธีรัจชัย กล่าวอีกว่า ขอถามเหตุผลความจำเป็นที่ให้องค์การค้าทำหน้าที่จัดพิมพ์หนังสือต่อไป เมื่อการขายหนังสือไม่ได้เป็นรายได้ของรัฐหรือแผ่นดิน และการบริหารโดยองค์การค้าไม่ได้ทำให้รัฐได้ประโยชน์ ทำให้เสียงบประมาณแพงเกินกว่า 1,000 ล้านบาท เช่นนี้หากรัฐให้หาตัวแทนจำหน่ายเองหรือจัดซื้อหนังสือจากเอกชนที่พิมพ์หนังสือแต่ละหลักสูตร จะเป็นประโยชน์กว่าหรือไม่ และการกระทำของ สกสค. ขัดกับมติคณะรัฐมนตรี(ครม.) ปี 2516 ที่ระบุว่า จะต้องไม่ไปส่งงานพิมพ์ให้เอกชนรับช่วงต่อในลักษณะนายหน้าค้ากำไร แต่ดูเหมือนเป็นองค์การค้านั้นทำอยู่ในขณะนี้
“รัฐอาจประหยัดงบได้ถึง 1,000 ล้านบาทหากรัฐจ้างพิมพ์และส่งเองไม่ผ่านตัวกลาง การประกวดราคาจริงไม่ล็อก TOR ผู้ชนะได้เสนอราคาสูงสุดและราคาถูกลง 15% จากราคากลาง ประหยัดได้ถึง 150 ล้านบาท กำหนดราคากลางลดลงตามราคากระดาษที่ลดลงประหยัดได้ถึง 150 ล้านบาท ไม่เสียค่าโง่ปก ปีละ 40 ล้านบาท เปลี่ยนจากตัวแทนจำหน่ายเป็นจ้างพิมพ์หนังสือให้โรงเรียนประหยัดได้ถึง 360-600 ล้านบาท ถ้าทำอย่างนี้ไม่ต้องให้ สกสค. เป็นผู้บริหารจัดการจ้างพิมพ์หนังสือเอง รัฐประหยัดเงินได้รับ 1,000 ล้านบาทและเสนอให้กรรมาธิการวิสามัญเสนอตัดงบตรงนี้ และขอให้รมว.ศึกษาธิการ ไปจัดการทำเรื่องนี้ให้โปร่งใสอย่าให้ต้องมีการอภิปรายอีกในสภาแห่งนี้” นายธีรัจชัยกล่าว .-สำนักข่าวไทย