ครม.เคาะโอนงบดิจิทัลวอลเล็ต 1.57 แสนล้าน กระจาย 4 โครงการ

ทำเนียบ 20 พ.ค.-นายกฯ เผย ครม.เคาะโอนงบแจกเงินดิจิทัลวอลเล็ต 1.57 แสนล้านบาท กระจาย 4 โครงการ ลงทุนน้ำ-คมนาคม-ท่องเที่ยว-ส่งออก ชี้มีปัญหาแทรกต้องคำนึงคนทั้งประเทศ ชะลอให้เงินคนบางกลุ่ม ลั่นไม่ใช่ทำไม่ได้ แต่เป็นเหตุสุดวิสัย ให้ สส.ช่วยแจงประชาชน บอกหวังเศรษฐกิจดี กลับมาเดินหน้าต่อ

นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี แถลงผลการประชุมคณะรัฐมนตรีถึงแผนการกระตุ้นเศรษฐกิจวงเงิน 1.57 แสนล้านบาท ตามมติคณะกรรมการนโยบายโครงการกระตุ้นเศรษฐกิจ ประชุมครม.เห็นชอบ ทบทวนค่าใช้จ่ายงบปี 2568 ในส่วนของงบกลาง รายการค่าใช้จ่ายเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจให้สอดคล้องกับสถานการณ์ปัจจุบัน นอกจากนี้ได้มีการรับฟัง และข้อเสนอแนะจากหลายภาคส่วนไม่ว่าจะเป็นธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) และสภาการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ หรือ สภาพัฒน์ฯ ที่ขอให้รัฐบาลทบทวนการกระตุ้นเศรษฐกิจ เพื่อสอดคล้องกับการเปลี่ยนแปลงของเศรษฐกิจโลก เมื่อรับฟังแล้วจึงจะจำเป็นต้องเร่งปรับนโยบายเศรษฐกิจที่มีความจำเป็นและเร่งด่วนเพื่อสร้างรากฐานการเติบโตในระยะยาว และการพัฒนาเศรษฐกิจให้ดียิ่งขึ้น ทำให้ต้องมีการปรับแผนและเปลี่ยนเงินในส่วนงบกลางมาลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานและการพัฒนาบุคคล ระยะยาว กระทรวงการคลังจะมีการชี้แจงรายละเอียดเพิ่มเติม


เมื่อถามโครงการดิจิทัลวอลเล็ต เฟสหนึ่ง เฟสสอง กระตุ้นเศรษฐกิจได้จริงหรือไม่ และเฟสสาม เป็นเพราะไม่มีเงินหรือไม่ แล้วจะทำความเข้าใจกับประชาชนที่รอเงิน 10,000 นายกรัฐมนตรี ยืนยันว่าเป้าหมายการค้าที่เศรษฐกิจของประเทศทั้งหมด ครั้งแรกกับครั้งที่สองจ่ายไปแล้วในกลุ่มผู้สูงอายุและกลุ่มเปราะบาง แต่ขณะนี้เรื่องกำแพงภาษีสหรัฐก็ต้องพิจารณาทบทวนและได้ข้อเสนอจาก ธนาคารแห่งประเทศไทย และสภาพัฒน์ ให้ ให้ทบทวนเรื่องนี้ใหม่ว่าเงินก้อนนี้จะสามารถใช้อะไรที่เป็นความจำเป็นและเร่งด่วนกว่าเรื่องการแจกเงินดิจิทัล 10,000 บาท โดยการเปลี่ยนรูปแบบการกระตุ้นและเรียงลำดับความสำคัญว่าอะไรที่เป็นความจำเป็นขณะนี้เพื่อเกิดผลต่อประเทศมากและสูงสุด

ส่วนการใช้คำว่าชะลอประชาชนจะยังหวังเงินดิจิทัล 10,000 ได้หรือไม่ หรือเพียงแค่ไม่กล้าพูดคำว่ายกเลิกเพราะมันกระทบถามเสียง นายกรัฐมนตรี ชี้แจงว่า ต้องพูดกันให้เข้าใจก่อนว่าตอนนี้ปัญหาที่เข้ามาแทรกคิดว่าประเทศไหนก็ ไม่มีใครอยากได้ปัญหานี้ เพราะฉะนั้นเงินก้อนนี้ทั้งก้อนเกิดประโยชน์สูงสุดที่ตรงไหนเราจะเน้นที่ตรงนั้นมากกว่า และที่เราไม่บอกว่ายกเลิกหากเรากลับมาทำอีกครั้งในสถานการณ์ที่ดีขึ้นและเศรษฐกิจดีขึ้นแล้ว การกระตุ้นเศรษฐกิจรูปแบบนี้จะได้ผลมากที่สุด เราก็มีความหวังว่าอะไรที่เป็นประโยชน์สูงสุดในการกระตุ้นเศรษฐกิจของประเทศก็ต้องได้ทำ ดังนั้นจากการทบทวนของคณะกรรมการฯมองว่าการจ่ายเงินดิทัลวอลเล็ต 10,000 บาท ยังไม่ใช่ตัวกระตุ้นที่ดีที่สุดเพราะฉะนั้นเราก็ต้องรับฟังและถามว่าตัวกระตุ้นไหนดีที่สุดสำหรับประเทศนั่นคือสิ่งที่เราทำอยู่กับสถานการณ์ปัจจุบันที่มีเรื่องกำแพงภาษีเข้ามา


เมื่อถามว่าการหาเสียงของพรรคเพื่อไทยในอนาคตอะไรที่สัญญาไว้แล้วแต่ไม่เป็นไปตามนั้นจะทำให้หาเสียงยากขึ้นหรือไม่ นายกรัฐมนตรี กล่าวว่าพรรคเพื่อไทยเวลาหาเสียง ก็ประเมินสถานการณ์ว่าเราทำได้จริง แต่ว่าไม่มีใครพูดถึงเรื่องกำแพงภาษีสหรัฐที่จะขึ้นมาและเรื่องนี้ไม่มีประเทศไหนคาดคิดไม่ใช่เฉพาะประเทศไทยอย่างเดียว ซึ่งเป็นสถานการณ์พิเศษซึ่งตัวเลขเปอร์เซ็นต์ภาษีที่ออกมาก็ทำให้ทุกคนตกใจกันหมด ซึ่งเป็นสิ่งที่เราไม่สามารถคาดการณ์ได้ แต่หากถามว่าทุกอันไม่สามารถทำไม่ได้จริงหรือไม่ ยืนยันว่าไม่จริง และได้ทำไปแล้ว ซึ่งไม่ใช่ว่านโยบายนี้ทำไม่ได้เลยแต่มีสถานการณ์ที่แทรกเข้ามาเป็นสถานการณ์สุดวิสัย ไม่ใช่ว่าทำอยู่แล้วยกเลิก หรือว่าไม่ทำแล้วชะลอ เราก็ไม่ได้ชะลอ แต่สองครั้งที่เราทำมาผ่านความคิดเห็นและสามารถทำได้ แต่ครั้งนี้มีเหตุการณ์ใหม่คือเรื่องภาษีเข้ามามันผ่านไปได้ ความจริงก็แค่นั้นเอง

ส่วนที่ประชาชนผิดหวังจะต้องให้ สส.ไปทำความเข้าใจหรือไม่ นายกรัฐมนตรีกล่าวว่าแน่นอนจะต้องมีการทำความเข้าใจ แต่ถามว่าเงินก้อนนี้ไปไหน เรานำมาทำโครงสร้างพื้นฐานของประเทศใหม่ อย่างโครงการที่เสนอไปแล้ว เช่น เรื่องน้ำ เพื่อการอุปโภคบริโภค น้ำท่วมน้ำแล้ง ซึ่งเป็นเรื่องที่สำคัญอย่างมากต่อประเทศทุกคนได้รับประโยชน์จากเรื่องนี้ รวมถึงเรื่องการทำน้ำสะอาดที่จะได้ใช้ทุกพื้นที่ นี่คือความจำเป็นที่ต้องโยยกเงินก้อนนี้ไปทำตามที่คณะกรรมการลงความเห็นแล้วว่าต้องทำก่อนการจ่ายเงิน 10,000 ที่จะเกิดขึ้นกับเพียงบางกลุ่ม

เมื่อถามว่ามีความกังวลว่าการโยกเงิน 1.57 แสนล้าน จะสามารถรับมือกับกำแพงภาษีได้หรือไม่จะเป็นการตำน้ำพริกละลายแม่น้ำหรือไม่ นายกรัฐมนตรีกล่าวว่า เงินก้อนนี้ 1.57 แสน เป็นก่อนที่จะมาจากงบกลาง ซึ่งจะต้องใช้ให้หมดภายใน 30 กันยายน 2568 นี้ ไม่ใช่เงินในส่วนที่จะไปจัดการเรื่องกำแพงภาษี แต่ต่อสู้กับกำแพงภาษีเป็นเรื่องของนโยบายว่าจะต้องปรับเปลี่ยนอะไร กับทางสหรัฐ และเราจะต้องมีส่วนของอัดฉีดเงินเข้าระบบหรือไม่ ต้องรอดูเพราะเป็นคนละเรื่องกัน


ดังนั้นจึงต้องวางแผนว่าระยะสั้นนี้ที่จะใช้เงินก่อนได้จะสร้างประโยชน์อะไรให้กับประชาชนได้บ้าง และหลัง 30 กันยายนเป็นต้นไป จะมีนโยบายใดบ้างในระยะกลางและระยะยาวเพื่อรองรับต่อจากเงินก้อนนี้ เพื่อไม่ให้เงินก้อนนี้ใช้แล้วหายไป ซึ่งต้องใช้เพื่อเป็นการลงทุนในก้อนแรกเพื่อต่อนโยบายระยะกลางและระยะยาวต่อไปนี่คือสิ่งที่ต้องทำ

เมื่อถามว่าในระหว่างที่โครงการดิจิทัลวอลเล็ต ชะลอไป จะมีโครงการอะไรเพื่อมาชดเชยความรู้สึกของประชาชนหรือไม่ นายกรัฐมนตรี กล่าวว่าเงินที่เราจะลงเป็นโครงสร้างทั้งประเทศ ตรงนี้อาจจะไม่ได้ลงไปถึงรายบุคคลแต่เป็นภาพรวมทั้งประเทศจะได้ประโยชน์ร่วมกัน เรื่องนี้ต้องขอความร่วมมือช่วยกันสื่อสารว่าเมื่อมีเรื่องแทรกเข้ามาทำให้ต้องชะลอเรื่องการให้เงินคนบางกลุ่มก่อน ตอนนี้ต้องเป็นภาพที่ต้องให้คนทั้งประเทศก่อน นี่คือสิ่งที่เราต้องเรียงลำดับความสำคัญ ส่วนเรื่องการชะลอ เพราะเราต้องทบทวน ว่าเงินก้อนนี้มันสำคัญจะต้องทำอะไรก่อนเพื่อกอบกู้การเปลี่ยนแปลงทางเศรษฐกิจไว้

ส่วนเงินที่จะมาสู้กับกำแพงภาษีสหรัฐ อยู่ในงบ 1.57 ล้าน หรืออยู่ในส่วนของเงินที่กำลังพิจารณาจะออก พ.ร.บ.เงินกู้ 5 แสนล้านบาทหรือไม่ นายกรัฐมนตรีกล่าวว่า ในนี้มีส่วนหนึ่งที่อยู่ในก้อน 1.57 แสนล้านบาท แต่ส่วนที่จะเห็นชัดเป็นรูปธรรมคือต้องการให้เงินก้อนนี้ออกมาเป็นรูปธรรมได้ แต่ในส่วนของกำแพงภาษีก็จะมีเงินอีกก้อนหนึ่งที่เราใช้ รายละเอียดขอให้กระทรวงการคลังเป็นผู้ชี้แจง

เมื่อถามว่าเรื่องกำแพงภาษีสหรัฐมีนักธุรกิจรายใหญ่ของไทยไปพบ โดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐ เกี่ยวข้องกับดูที่นายกฯ เคยพูดหรือไม่ นายกรัฐมนตรี กล่าวว่านายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ไม่ได้ไปจึงไม่ทราบว่าคุยอะไรกัน กับนักธุรกิจใหญ่บ้าง ซึ่งตนก็เคยบอกไปแล้วว่าเสียดายที่นายทักษิณไม่ได้ไป ไม่เช่นนั้นก็ได้คุยกันแล้ว

ส่วนจะมีการดึงตัวนาย สารัชถ์ รัตนาวะดี ประธานกรรมการบริหารของกัลฟ์ ดีเวลลอปเมนท์ มาช่วยเจรจาเรื่องภาษีสหรัฐหรือไม่ นายกรัฐมนตรี กล่าวว่าต้องทำตามระบบก่อน แต่เป็นนักธุรกิจไม่ว่าจะเป็นเจ้าไหน ถ้าจะเกิดประโยชน์ต่อรัฐบาล เชื่อว่าทุกฝ่ายคงความร่วมมือกันไม่ว่าจะธุรกิจใหญ่หรือธุรกิจเล็ก ถ้าสามารถช่วยรัฐบาลได้ก็ยินดี.-316.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

เปิดเนื้อหาหนังสือแจง UNSC กัมพูชาวางทุ่นระเบิด-เริ่มยิงก่อน

25 ก.ค.- เปิดเนื้อหาหนังสือจากผู้แทนถาวรไทยประจำสหประชาชาติที่นิวยอร์ก เพื่อชี้แจงต่อประธานคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ ถึงสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา นายเชิดชาย ใช้ไววิทย์เอกอัครราชทูต ผู้แทนถาวรไทย ประจำสหประชาชาติ ณ นครนิวยอร์ก ส่งหนังสือชี้แจงต่อประธานคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ ถึงสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา ระบุว่า ขอแจ้งให้ท่านและสมาชิกคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติทุกท่านทราบ ถึงสถานการณ์อันร้ายแรงที่ส่งผลกระทบต่ออธิปไตยและบูรณภาพแห่งดินแดนของไทย อันเป็นผลจากการรุกรานทางทหารของประเทศกัมพูชา โดยมีรายละเอียด ดังนี้ 1.     เมื่อวันที่ 16 และ 23 กรกฎาคม ค.ศ. 2025 ขณะที่เจ้าหน้าที่ทหารไทยกำลังลาดตระเวนตามเส้นทางปกติที่กำหนดไว้ ซึ่งอยู่ภายในอาณาเขตของประเทศไทย ทหารได้เหยียบทุ่นระเบิดชนิด PMN-2 ส่งผลให้ทหาร 2 นาย ได้รับบาดเจ็บอย่างสาหัสส่งผลถึงขั้นพิการถาวร ขณะที่ทหารนายอื่น ๆ ก็ได้รับบาดเจ็บสาหัส ทุ่นระเบิด PMN-2 ทั้งหมดที่พบอยู่ในสภาพใหม่ ยังมีเครื่องหมายที่มองเห็นได้ชัดเจน หลักฐานบ่งชี้ว่าทุ่นระเบิดเหล่านี้เพิ่งถูกวางใหม่ ในฐานะที่ประเทศไทยเป็นรัฐภาคีของอนุสัญญาห้ามทุ่นระเบิดสังหารบุคคล ไทยได้ยื่นรายงานประจำปีเกี่ยวกับความโปร่งใสในการดำเนินการตามพันธกรณีในอนุสัญญาดังกล่าว ตามมาตรา 7 ของอนุสัญญาฯ อย่างต่อเนื่อง รายงานดังกล่าวระบุว่าประเทศไทยได้ทำลายทุ่นระเบิดในคลังทั้งหมดแล้วตั้งแต่ปี ค.ศ. 2003 และต่อมา ได้ทำลายทุ่นระเบิดทั้งหมดที่เก็บไว้เพื่อการฝึกอบรมและการวิจัยในปี ค.ศ. […]

“ภูมิธรรม” เชื่อประชาชนคิดเหมือน “ทักษิณ” ขอให้กองทัพลบเหลี่ยม “ฮุนเซน”

ก.มหาดไทย 25 ก.ค.-“ภูมิธรรม” เชื่อประชาชนคิดเหมือน “ทักษิณ” ขอให้กองทัพลบเหลี่ยม “ฮุนเซน” ชี้รับฟังทุกความไม่พอใจ แต่ทุกอย่างเป็นไปตามยุทธวิธี ให้ทหารมีอิสระในการทำงาน มอง “ก่อแก้ว” ขอศาล รธน. คืนอำนาจให้ “แพทองธาร” เป็นความเห็นเหมือนประชาชนจำนวนมาก แต่ให้เป็นตามกระบวนการยุติธรรม นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย รักษาการนายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี โพสต์ข้อความผ่านทวิตเตอร์ ระบุถึง อยากให้กองทัพสั่งสอนความเจ้าเล่ห์ของฮุนเซนก่อน ว่า ก็เหมือนประชาชนทั่วไป ที่เวลานี้มีความรู้สึกเช่นนั้น หลายคนแสดงความเห็นให้ทำแบบนู้นแบบนี้ เราก็รับฟังความห่วงใยความไม่พอใจที่เราถูกกระทำ ตนเข้าใจความรู้สึกเหล่านั้น และเห็นว่าเป็นจุดมุ่งหมายเดียวกัน เพราะเรื่องอธิปไตยของประเทศ การรุกล้ำเข้ามา กระทบประชาชนเรายอมไม่ได้ ซึ่งที่ผ่านมาทุกฝ่ายจะเห็นว่าเราประนีประนอม (Compromise) ให้มากที่สุด แต่เมื่อสิ่งดังกล่าวไม่เกิดขึ้น และเป็นปัญหา วันนี้จึงได้สั่งการให้ทหารมีอิสระในพื้นที่ โดยผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) เป็นผู้คุมยุทธการ ปฏิบัติได้ตามสถานการณ์ที่เกิดขึ้น รวมถึงได้มีการทำความเข้าใจกับ พลเอก ณัฐพล นาคพาณิชย์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหม ในฐานะรักษาการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม มีการโทรคุยกับผู้บัญชาการทหารสูงสุด […]

เข้าสู่วันที่ 2 กัมพูชาเปิดฉากตั้งแต่เช้ามืด ที่ปราสาทตาเมือนธม

สุรินทร์ 25 ก.ค.-เข้าสู่วันที่ 2 เหตุปะทะไทย-กัมพูชา เริ่มเปิดฉากยิงกันตั้งแต่เช้ามืด บริเวณปราสาทตาเมือนธม และปราสาทตาควาย อ.พนมดงรัก จ.สุรินทร์ ขณะนี้เสียงยังดังต่อเนื่อง ก่อนขยายการสู้รบไปตลอดแนวชายแดนไทย-กัมพูชา ด้านอีสานใต้ อำเภอพนมดงรัก จังหวัดสุรินทร์ เป็นพื้นที่แรกที่ฝ่ายกัมพูชาเปิดฉากยิงก่อนด้านปราสาทตาเมือนครับ เช้ามืดวันนี้ ราวตี 5 ครึ่ง ก็เริ่มปะทะกันอีก ขณะนี้ก็มีเสียงดังอย่างต่อเนื่อง เส้นทางจากอำเภอปราสาท จังหวัดสุรินทร์ เข้าสู่อำเภอพนมดงรัก จังหวัดสุรินทร์ แม้สายแล้ว ก็มีรถสัญจรไปมาค่อนข้างน้อย เนื่องจากเป็นพื้นที่เสี่ยงภัยการสู้รบ โดยอำเภอพนมดงรักเป็นหนึ่งใน 4 อำเภอ ที่ผู้ว่าราชการจังหวัดสุรินทร์ ประกาศให้ผู้ที่ไม่มีความจำเป็นเข้าพื้นที่ร่วมกับอำเภอกาบเชิง บัวเชดและสังขะ โดยตลอดช่วงเช้าที่ผ่านมา ในพื้นที่ตามแนวชายแดนได้ยินเสียงการปะทะด้วยกระสุนปืนใหญ่ดังอย่างต่อเนื่อง ผู้นำหมู่บ้านบันทึกสถิติเฉพาะฝั่งไทยตอบโต้เกินกว่า 100 ลูกแล้ว บ้านหนองแรด ตำบลบักได อำเภอพนมดงรัก ที่จรวดหลายลำกล้อง BM 21 ตกเยอะสุด 10 ลูก วานนี้โดยรอบหมู่บ้าน โชคดีไม่ลงบ้านเรือน มีกระจกแตกเล็กน้อยจากแรงอัดลูกจรวดเท่านั้น วันนี้ ยังมีชาวบ้านอยู่นับร้อยคนหลบอยู่ในหลุมหลบภัย จากทั้งหมด […]

เปิดศูนย์พักพิงชั่วคราวรองรับประชาชนพื้นที่เสี่ยงภัยชายแดน

ศรีสะเกษ 24 ก.ค. – บรรยากาศคืนแรกที่ศูนย์อพยพฯ อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ ประชาชนต้องละทิ้งบ้านเรือนมาพักอาศัยชั่วคราว จากเหตุปะทะตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชา นี่เป็นบรรยากาศค่ำคืนแรกที่ประชาชนในเขต อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ ต้องออกมาพักอาศัยนอกบ้านเรือน ตั้งแต่เกิดเหตุกัมพูชายิงจรวดเข้าใส่เขตพักอาศัยของพลเรือน ซึ่งเป็นการละเมิดข้อตกลงระหว่างประเทศ ทำให้ตลอดทั้งวัน อ.กันทรลักษ์ มีการอพยพประชาชนแล้วมากกว่า 41,000 คน กระจายไปตามจุดต่างๆ โดยจุดนี้เป็นจุดที่น่าจะมีผู้อพยพมากที่สุด เพราะใกล้แนวชายแดนที่อยู่ในระยะปลอดภัยมากที่สุด คือ ประมาณ 40 กิโลเมตร จากแนวชายแดน มีประชาชนเข้ามาพักอาศัย 4,865 คน และยังมีจุดอื่นๆ ที่ใกล้เคียงกระจายกันไป ผลจากสถานการณ์ตึงเครียดและพลเรือนตกเป็นเป้าของการโจมตี ทำให้หลายคนอยู่ในอาการเครียดและกังวล เจ้าหน้าที่ต้องมีการประชาสัมพันธ์ให้กำลังใจเป็นระยะ รวมทั้งให้บริการยาและอุปกรณ์ต่างๆ ที่จำเป็นเบื้องต้น พร้อมกันนี้ได้ย้ำให้ปฏิบัติตามคำแนะนำของนายอนุพงศ์ สุขสมนิตย์ ผู้ว่าราชการจังหวัดศรีสะเกษ ที่ได้ฝากแจ้งประชาชนที่ยังลังเลไม่ยอมอพยพออกจากพื้นที่ เนื่องจากเป็นห่วงทรัพย์สินหรือสัตว์เลี้ยง ว่า ขณะนี้มีชุดรักษาความปลอดภัยหมู่บ้าน (ชรบ.) ผู้ใหญ่บ้าน และกำนัน ดูแลพื้นที่อย่างใกล้ชิดทุกหมู่บ้าน จึงขอให้ทุกคนให้ความร่วมมือ และออกมาจากพื้นที่เสี่ยงตามจุดนัดหมาย เพื่อความปลอดภัยของตนเองและครอบครัว. – สำนักข่าวไทย

ข่าวแนะนำ

ทอ.ส่ง F-16 และ กริพเพน โจมตีสกัดอาวุธวิถีโค้งกัมพูชา

26 ก.ค.- กองทัพอากาศส่ง F-16 และ กริพเพน โจมตียุทธบริเวณ “ภูมะเขือ” สกัดอาวุธวิถีโค้งกัมพูชา อีกจุดปราสาทตาเมือนธม ผลปฏิบัติลุล่วงกลับฐานปฏิบัติด้วยความปลอดภัย เมื่อวันที่ 26 ก.ค.68 กองทัพอากาศ ส่งเครื่องบินขับไล่ F-16 จำนวน 2 ลำ และเครื่องบินกริพเพน จำนวน 2 ลำ ออกปฏิบัติการโจมตี พื้นที่ยุทธบริเวณเป้าหมายทหาร ของทางทหารกัมพูชาบริเวณภูมะเขือ หลังทหารกัมพูชาเตรียมใช้อาวุธวิธีโค้งยิงใส่ฝ่ายไทยหวังยึดภูมะเขือ ส่วนอีกจุดบริเวณปราสาทตาเหมือนธม โดยเป็นจุดที่ทางทหารกัมพูชาได้ตั้งปืนใหญ่และกำลังพลยิงข้ามมายังฝั่งประเทศไทยโดยไร้ทิศทาง ทั้งนี้ผลการปฏิบัติการ ทำลายเป้าหมายได้ทั้งสองจุด ลุล่วงไปด้วยดี และได้บินกลับฐานปฏิบัติด้วยความปลอดภัย ผู้สื่อข่าวรายงานว่า การขึ้นบินกริพเพนของกองทัพ ในภารกิจสู้รบตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชา ครั้งนี้ ถือเป็น ‘ประวัติศาสตร์’ ของเครื่องบินขับไล่กริพเพนที่มีประจำการในหลายประเทศ ที่ใช้ในภารกิจสู้รบ-ใช้อาวุธจริงครั้งแรก ที่ผ่านมา กริพเพน ถูกใช้เพียงภารกิจบินรักษาอาณาเขต เช่น บริเวณทะเลบอลติกในทวีปยุโรป ในฐานะสมาชิก ‘นาโต้’ ผ่านเหตุการณ์สู้รบ ‘ยูเครน-รัสเซีย’ และภารกิจเฝ้าตรวจ-คุ้มกันน่านฟ้า ประเทศลิเบีย ที่กองทัพอากาศสวีเดนเข้าร่วมภารกิจ -สำนักข่าวไทย

“แพทองธาร” ย้ำชัดเขมรเริ่มก่อน 100% ไม่พอใจเข้มปราบแก๊งคอลฯ

กระทรวงวัฒนธรรม 26 ก.ค.- “แพทองธาร” เปิดใจ ขอคนไทยรักกัน หันไปทะเลาะกับคนนอกประเทศก่อน ชี้ขัดแย้งกันเองยังรอได้ แฉกัมพูชาไม่พอใจไทยร่วมมือลาว – เมียนมา ปราบคอลเซ็นเตอร์ เผยสื่อนอกยังตั้งข้อสังเกต “กพช.” สั่งปิด รร.ยิงวันแรก เหมือนรู้ล่วงหน้าจะมีการรบ ย้ำชัดเขมรเริ่มก่อน 100% นางสาวแพทองธาร ชินวัตร รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม ให้สัมภาษณ์ภายหลังประชุมติดตามมาตรการการรับมือ และช่วยช่วยเหลือผู้ได้รับบาดเจ็บ และผู้เสียชีวิตในพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบ 4 จังหวัด ที่กระทรวงวัฒนธรรม โดยนางสาวแพทองธารได้ยืนยันแถลงการณ์ของรัฐบาล ตามที่นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ในฐานะรักษาราชการแทนนายกรัฐมนตรี ได้แถลงไปเมื่อวานนี้ ที่ระบุว่ากัมพูชาถือว่าเป็นอาชญากรรมสงครามขั้นรุนแรง วิธีการต่าง ๆ ขัดต่อหลักสันติวิธีของกฎหมายระหว่างประเทศ และขัดหลักมนุษยธรรมที่ได้ปฏิบัติมาตลอด สถานการณ์ความรุนแรง เป็นสิ่งที่รัฐบาลได้ย้ำตลอดว่าไม่อยากให้เกิดขึ้น สิ่งสำคัญที่สุด คือชีวิตของประชาชน เป็นสิ่งที่เรายึดถือ และพยายามไม่ให้เกิดการเสียเลือดเสียเนื้อ จนฝ่ายกัมพูชาได้ยิงก่อน ตั้งแต่วันที่ 24 กรกฎาคมที่ผ่านมา นางสาวแพทองธารยังกล่าวว่า มีสำนักข่าวต่างประเทศตั้งข้อสังเกตว่า จริงๆ แล้วเรามีหลักฐาน มีดิจิทัลฟุตปริ้นท์ที่สามารถทำให้เห็นว่าใครเป็นคนเริ่มก่อน และมีการตั้งข้อสังเกตว่าในวันนั้นนักเรียนของเราที่อยู่ชายแดนไปโรงเรียนตามปกติ […]

“เสธ.เบิร์ด” ชี้เขมรขู่ขยับ “ขีปนาวุธ PHL-03” ถือเป็นภัยคุกคาม

26 ก.ค.- “เสธ.เบิร์ด” ชี้ เขมรขู่ขยับ “ขีปนาวุธ PHL-03” วิถีไกล 130 กม. ถือเป็นภัยคุกคาม มองไทยใช้การทำลายทางลึกถือว่าเหมาะสม จากกรณีกองทัพภาคที่ 2 เตือนเฝ้าระวังกัมพูชายิงขีปนาวุธ PHL-03 วิถีไกล 130 กม. เพื่อพุ่งเป้าหมายพื้นที่ยุทธศาสตร์และที่ตั้งทหารนั้น ล่าสุด พล.ต.วันชนะ สวัสดี ผู้อำนวยการสำนักงานประสานภารกิจด้านความมั่นคงกับกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร กรมยุทธการทหาร กล่าวว่า การขยับขีปนาวุธ PHL-03 เป็นการขู่ และถือเป็นภัยคุกคาม ดังนั้นถ้าไทยใช้การทำลายทางลึกถือว่าเหมาะสม จากการที่กัมพูชากล่าวหาว่า ไทยใช้ปฏิบัติการทางอากาศเกินกว่าเหตุนั้น เราไม่ทำเกินกว่าเหตุ แต่สิ่งที่เราทำนี้เป็นเหตุผล เพราะฝ่ายกัมพูชา เคลื่อนกำลังจำนวนมากมาประชิดชายแดน ใช้อาวุธยิงระยะไกลทำร้ายประชาชนของไทย ทั้งโรงพยาบาล โรงเรียน สถานีบริการน้ำมัน ทำให้ประชาชนชาวไทยบาดเจ็บ และเสียชีวิต จากการมีภาพข่าวการเคลื่อนอาวุธยิงระยะไกล ถือว่าเป็นการข่มขู่คุกคามความมั่นคงของไทยอย่างชัดเจน ดังนั้นการปฏิบัติการทางอากาศ เพื่อลดการสูญเสีย สถานการณ์คลี่คลายโดยเร็วที่สุด ทั้งนี้การปฏิบัติการทางอากาศของไทยทำลายเป้าหมายทางทหารเท่านั้น และมีความแม่นยำ -สำนักข่าวไทย

น้ำท่วมน่านลดต่อเนื่อง ชาวบ้านเริ่มสำรวจความเสียหาย

น่าน 26 ก.ค.- สถานการณ์น้ำท่วมตัวเมืองน่าน ลดลงต่อเนื่อง ส่วนอีกหลายจุดยังอ่วม ท่วมสูงกว่า 1 เมตร ชาวบ้านเริ่มสำรวจความเสียหาย ย่านการค้าและเศรษฐกิจสำคัญของเมืองน่าน บริเวณถนนสุมณเทวราช ซึ่งเคยน้ำท่วมสูงเกือบถึงคอ แต่ตอนนี้น้ำลดลงเหลือประมาณหน้าขา เท่ากับลดไปราว 1 เมตร แต่บริเวณโดยรอบยังมีน้ำท่วมเต็มพื้นที่ โดยเฉพาะที่ลุ่มต่ำ ยังท่วมสูงกว่า 1 เมตร ทีมข่าวได้เข้าไปสำรวจความเสียหายของโรงแรงแห่งหนึ่งกลางเมืองน่าน ซึ่งสภาพภายในเต็มไปด้วยคราบโคลน รถยนต์ รถมอเตอร์ไซค์ ที่จอดไว้เสียหายจำนวนมาก ขณะที่เจ้าของร้านค้าย่านนี้ เริ่มสำรวจความเสียหายจากน้ำท่วม อีกจุดหนึ่งที่ได้รับความเสียหายอย่างหนักคือที่โรงพยาบาลน่านที่ถูกน้ำท่วมสูงเต็มพื้นที่ 40 ไร่ บางจุดท่วมเกือบมิดหัว ตอนนี้น้ำลดแล้ว แต่ตามอาคารต่างๆ น้ำทะลักท่วมยาเวชภัณฑ์และอุปกรณ์การแพทย์ได้รับความเสียหาย แต่ผู้ป่วยใน ราว 3 ร้อยคน ยังปลอดภัย คุณหมอ พยาบาลและเจ้าหน้าที่เร่งช่วยกันเก็บกวาดทำความสะอาด เพื่อให้โรงพยาบาลกลับมาเปิดบริการตามปกติให้เร็วที่สุด ช่วงสายที่ผ่านมา นางสาวธีรรัตน์ สำเร็จวาณิชย์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย ลงพื้นที่สำรวจความเสียหายใจกลางเขตเศรษฐกิจเมืองน่านด้วย -สำนักข่าวไทย