ครม.เคาะโอนงบดิจิทัลวอลเล็ต 1.57 แสนล้าน กระจาย 4 โครงการ

ทำเนียบ 20 พ.ค.-นายกฯ เผย ครม.เคาะโอนงบแจกเงินดิจิทัลวอลเล็ต 1.57 แสนล้านบาท กระจาย 4 โครงการ ลงทุนน้ำ-คมนาคม-ท่องเที่ยว-ส่งออก ชี้มีปัญหาแทรกต้องคำนึงคนทั้งประเทศ ชะลอให้เงินคนบางกลุ่ม ลั่นไม่ใช่ทำไม่ได้ แต่เป็นเหตุสุดวิสัย ให้ สส.ช่วยแจงประชาชน บอกหวังเศรษฐกิจดี กลับมาเดินหน้าต่อ

นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี แถลงผลการประชุมคณะรัฐมนตรีถึงแผนการกระตุ้นเศรษฐกิจวงเงิน 1.57 แสนล้านบาท ตามมติคณะกรรมการนโยบายโครงการกระตุ้นเศรษฐกิจ ประชุมครม.เห็นชอบ ทบทวนค่าใช้จ่ายงบปี 2568 ในส่วนของงบกลาง รายการค่าใช้จ่ายเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจให้สอดคล้องกับสถานการณ์ปัจจุบัน นอกจากนี้ได้มีการรับฟัง และข้อเสนอแนะจากหลายภาคส่วนไม่ว่าจะเป็นธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) และสภาการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ หรือ สภาพัฒน์ฯ ที่ขอให้รัฐบาลทบทวนการกระตุ้นเศรษฐกิจ เพื่อสอดคล้องกับการเปลี่ยนแปลงของเศรษฐกิจโลก เมื่อรับฟังแล้วจึงจะจำเป็นต้องเร่งปรับนโยบายเศรษฐกิจที่มีความจำเป็นและเร่งด่วนเพื่อสร้างรากฐานการเติบโตในระยะยาว และการพัฒนาเศรษฐกิจให้ดียิ่งขึ้น ทำให้ต้องมีการปรับแผนและเปลี่ยนเงินในส่วนงบกลางมาลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานและการพัฒนาบุคคล ระยะยาว กระทรวงการคลังจะมีการชี้แจงรายละเอียดเพิ่มเติม


เมื่อถามโครงการดิจิทัลวอลเล็ต เฟสหนึ่ง เฟสสอง กระตุ้นเศรษฐกิจได้จริงหรือไม่ และเฟสสาม เป็นเพราะไม่มีเงินหรือไม่ แล้วจะทำความเข้าใจกับประชาชนที่รอเงิน 10,000 นายกรัฐมนตรี ยืนยันว่าเป้าหมายการค้าที่เศรษฐกิจของประเทศทั้งหมด ครั้งแรกกับครั้งที่สองจ่ายไปแล้วในกลุ่มผู้สูงอายุและกลุ่มเปราะบาง แต่ขณะนี้เรื่องกำแพงภาษีสหรัฐก็ต้องพิจารณาทบทวนและได้ข้อเสนอจาก ธนาคารแห่งประเทศไทย และสภาพัฒน์ ให้ ให้ทบทวนเรื่องนี้ใหม่ว่าเงินก้อนนี้จะสามารถใช้อะไรที่เป็นความจำเป็นและเร่งด่วนกว่าเรื่องการแจกเงินดิจิทัล 10,000 บาท โดยการเปลี่ยนรูปแบบการกระตุ้นและเรียงลำดับความสำคัญว่าอะไรที่เป็นความจำเป็นขณะนี้เพื่อเกิดผลต่อประเทศมากและสูงสุด

ส่วนการใช้คำว่าชะลอประชาชนจะยังหวังเงินดิจิทัล 10,000 ได้หรือไม่ หรือเพียงแค่ไม่กล้าพูดคำว่ายกเลิกเพราะมันกระทบถามเสียง นายกรัฐมนตรี ชี้แจงว่า ต้องพูดกันให้เข้าใจก่อนว่าตอนนี้ปัญหาที่เข้ามาแทรกคิดว่าประเทศไหนก็ ไม่มีใครอยากได้ปัญหานี้ เพราะฉะนั้นเงินก้อนนี้ทั้งก้อนเกิดประโยชน์สูงสุดที่ตรงไหนเราจะเน้นที่ตรงนั้นมากกว่า และที่เราไม่บอกว่ายกเลิกหากเรากลับมาทำอีกครั้งในสถานการณ์ที่ดีขึ้นและเศรษฐกิจดีขึ้นแล้ว การกระตุ้นเศรษฐกิจรูปแบบนี้จะได้ผลมากที่สุด เราก็มีความหวังว่าอะไรที่เป็นประโยชน์สูงสุดในการกระตุ้นเศรษฐกิจของประเทศก็ต้องได้ทำ ดังนั้นจากการทบทวนของคณะกรรมการฯมองว่าการจ่ายเงินดิทัลวอลเล็ต 10,000 บาท ยังไม่ใช่ตัวกระตุ้นที่ดีที่สุดเพราะฉะนั้นเราก็ต้องรับฟังและถามว่าตัวกระตุ้นไหนดีที่สุดสำหรับประเทศนั่นคือสิ่งที่เราทำอยู่กับสถานการณ์ปัจจุบันที่มีเรื่องกำแพงภาษีเข้ามา


เมื่อถามว่าการหาเสียงของพรรคเพื่อไทยในอนาคตอะไรที่สัญญาไว้แล้วแต่ไม่เป็นไปตามนั้นจะทำให้หาเสียงยากขึ้นหรือไม่ นายกรัฐมนตรี กล่าวว่าพรรคเพื่อไทยเวลาหาเสียง ก็ประเมินสถานการณ์ว่าเราทำได้จริง แต่ว่าไม่มีใครพูดถึงเรื่องกำแพงภาษีสหรัฐที่จะขึ้นมาและเรื่องนี้ไม่มีประเทศไหนคาดคิดไม่ใช่เฉพาะประเทศไทยอย่างเดียว ซึ่งเป็นสถานการณ์พิเศษซึ่งตัวเลขเปอร์เซ็นต์ภาษีที่ออกมาก็ทำให้ทุกคนตกใจกันหมด ซึ่งเป็นสิ่งที่เราไม่สามารถคาดการณ์ได้ แต่หากถามว่าทุกอันไม่สามารถทำไม่ได้จริงหรือไม่ ยืนยันว่าไม่จริง และได้ทำไปแล้ว ซึ่งไม่ใช่ว่านโยบายนี้ทำไม่ได้เลยแต่มีสถานการณ์ที่แทรกเข้ามาเป็นสถานการณ์สุดวิสัย ไม่ใช่ว่าทำอยู่แล้วยกเลิก หรือว่าไม่ทำแล้วชะลอ เราก็ไม่ได้ชะลอ แต่สองครั้งที่เราทำมาผ่านความคิดเห็นและสามารถทำได้ แต่ครั้งนี้มีเหตุการณ์ใหม่คือเรื่องภาษีเข้ามามันผ่านไปได้ ความจริงก็แค่นั้นเอง

ส่วนที่ประชาชนผิดหวังจะต้องให้ สส.ไปทำความเข้าใจหรือไม่ นายกรัฐมนตรีกล่าวว่าแน่นอนจะต้องมีการทำความเข้าใจ แต่ถามว่าเงินก้อนนี้ไปไหน เรานำมาทำโครงสร้างพื้นฐานของประเทศใหม่ อย่างโครงการที่เสนอไปแล้ว เช่น เรื่องน้ำ เพื่อการอุปโภคบริโภค น้ำท่วมน้ำแล้ง ซึ่งเป็นเรื่องที่สำคัญอย่างมากต่อประเทศทุกคนได้รับประโยชน์จากเรื่องนี้ รวมถึงเรื่องการทำน้ำสะอาดที่จะได้ใช้ทุกพื้นที่ นี่คือความจำเป็นที่ต้องโยยกเงินก้อนนี้ไปทำตามที่คณะกรรมการลงความเห็นแล้วว่าต้องทำก่อนการจ่ายเงิน 10,000 ที่จะเกิดขึ้นกับเพียงบางกลุ่ม

เมื่อถามว่ามีความกังวลว่าการโยกเงิน 1.57 แสนล้าน จะสามารถรับมือกับกำแพงภาษีได้หรือไม่จะเป็นการตำน้ำพริกละลายแม่น้ำหรือไม่ นายกรัฐมนตรีกล่าวว่า เงินก้อนนี้ 1.57 แสน เป็นก่อนที่จะมาจากงบกลาง ซึ่งจะต้องใช้ให้หมดภายใน 30 กันยายน 2568 นี้ ไม่ใช่เงินในส่วนที่จะไปจัดการเรื่องกำแพงภาษี แต่ต่อสู้กับกำแพงภาษีเป็นเรื่องของนโยบายว่าจะต้องปรับเปลี่ยนอะไร กับทางสหรัฐ และเราจะต้องมีส่วนของอัดฉีดเงินเข้าระบบหรือไม่ ต้องรอดูเพราะเป็นคนละเรื่องกัน


ดังนั้นจึงต้องวางแผนว่าระยะสั้นนี้ที่จะใช้เงินก่อนได้จะสร้างประโยชน์อะไรให้กับประชาชนได้บ้าง และหลัง 30 กันยายนเป็นต้นไป จะมีนโยบายใดบ้างในระยะกลางและระยะยาวเพื่อรองรับต่อจากเงินก้อนนี้ เพื่อไม่ให้เงินก้อนนี้ใช้แล้วหายไป ซึ่งต้องใช้เพื่อเป็นการลงทุนในก้อนแรกเพื่อต่อนโยบายระยะกลางและระยะยาวต่อไปนี่คือสิ่งที่ต้องทำ

เมื่อถามว่าในระหว่างที่โครงการดิจิทัลวอลเล็ต ชะลอไป จะมีโครงการอะไรเพื่อมาชดเชยความรู้สึกของประชาชนหรือไม่ นายกรัฐมนตรี กล่าวว่าเงินที่เราจะลงเป็นโครงสร้างทั้งประเทศ ตรงนี้อาจจะไม่ได้ลงไปถึงรายบุคคลแต่เป็นภาพรวมทั้งประเทศจะได้ประโยชน์ร่วมกัน เรื่องนี้ต้องขอความร่วมมือช่วยกันสื่อสารว่าเมื่อมีเรื่องแทรกเข้ามาทำให้ต้องชะลอเรื่องการให้เงินคนบางกลุ่มก่อน ตอนนี้ต้องเป็นภาพที่ต้องให้คนทั้งประเทศก่อน นี่คือสิ่งที่เราต้องเรียงลำดับความสำคัญ ส่วนเรื่องการชะลอ เพราะเราต้องทบทวน ว่าเงินก้อนนี้มันสำคัญจะต้องทำอะไรก่อนเพื่อกอบกู้การเปลี่ยนแปลงทางเศรษฐกิจไว้

ส่วนเงินที่จะมาสู้กับกำแพงภาษีสหรัฐ อยู่ในงบ 1.57 ล้าน หรืออยู่ในส่วนของเงินที่กำลังพิจารณาจะออก พ.ร.บ.เงินกู้ 5 แสนล้านบาทหรือไม่ นายกรัฐมนตรีกล่าวว่า ในนี้มีส่วนหนึ่งที่อยู่ในก้อน 1.57 แสนล้านบาท แต่ส่วนที่จะเห็นชัดเป็นรูปธรรมคือต้องการให้เงินก้อนนี้ออกมาเป็นรูปธรรมได้ แต่ในส่วนของกำแพงภาษีก็จะมีเงินอีกก้อนหนึ่งที่เราใช้ รายละเอียดขอให้กระทรวงการคลังเป็นผู้ชี้แจง

เมื่อถามว่าเรื่องกำแพงภาษีสหรัฐมีนักธุรกิจรายใหญ่ของไทยไปพบ โดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐ เกี่ยวข้องกับดูที่นายกฯ เคยพูดหรือไม่ นายกรัฐมนตรี กล่าวว่านายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ไม่ได้ไปจึงไม่ทราบว่าคุยอะไรกัน กับนักธุรกิจใหญ่บ้าง ซึ่งตนก็เคยบอกไปแล้วว่าเสียดายที่นายทักษิณไม่ได้ไป ไม่เช่นนั้นก็ได้คุยกันแล้ว

ส่วนจะมีการดึงตัวนาย สารัชถ์ รัตนาวะดี ประธานกรรมการบริหารของกัลฟ์ ดีเวลลอปเมนท์ มาช่วยเจรจาเรื่องภาษีสหรัฐหรือไม่ นายกรัฐมนตรี กล่าวว่าต้องทำตามระบบก่อน แต่เป็นนักธุรกิจไม่ว่าจะเป็นเจ้าไหน ถ้าจะเกิดประโยชน์ต่อรัฐบาล เชื่อว่าทุกฝ่ายคงความร่วมมือกันไม่ว่าจะธุรกิจใหญ่หรือธุรกิจเล็ก ถ้าสามารถช่วยรัฐบาลได้ก็ยินดี.-316.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

กระดูกเทียมไทเทเนียม นวัตกรรมไทยช่วยทหารกล้าชายแดน

กรุงเทพฯ 16 ส.ค.-สินค้า IP ไทยสุดเลิศ ผลิตกระดูกเทียมและอุปกรณ์ช่วยผ่าตัด ช่วยเหลือทหารแนวหน้าที่ได้รับบาดเจ็บจากเหตุการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา ต่อยอดส่งออกสร้างรายได้ให้กับประเทศไทยในระยะยาว นายจตุพร บุรุษพัฒน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ กล่าวว่า กรมทรัพย์สินทางปัญญา ร่วมกับบริษัท เมติคูลี่ จำกัด ผู้ผลิตกระดูกเทียมและอุปกรณ์ช่วยผู้ป่วยผ่าตัด ช่วยเหลือทหารแนวหน้าที่ได้รับบาดเจ็บจากเหตุการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา จำนวน 4 ราย ซึ่งรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาลสรรพสิทธิประสงค์ จังหวัดอุบลราชธานี และโรงพยาบาลพระมงกุฎเกล้าตามลำดับ เพื่อให้ทหารกล้าของไทยฟื้นฟูสภาพร่างกายให้กลับมามีคุณภาพชีวิตที่ดีโดยเร็ว “ความร่วมมือครั้งนี้ เริ่มจากกระทรวงพาณิชย์ลงพื้นที่จังหวัดอุบลราชธานีเยี่ยมผู้ประสบภัย ชายแดนไทย–กัมพูชา เมื่อวันที่ 2 สิงหาคม 2568 จากนั้นได้ประสานกับ เมติคูลี่ ซึ่งได้รับเลือกจากกรมทรัพย์สินทางปัญญา กระทรวงพาณิชย์ ให้เป็น IP Champion ในสาขาสิทธิบัตรการประดิษฐ์ประจำปีนี้ มอบแผ่นปิดกะโหลกเทียมไทเทเนียมออกแบบเฉพาะบุคคล และกระดูก มือเทียมไทเทเนียมเฉพาะบุคคลให้ทางโรงพยาบาลเพื่อให้นายทหารที่ผ่านการผ่าตัดเปิดกะโหลกศีรษะ 3 ราย และผ่าตัดข้อมือ 1 ราย ได้รับการรักษาที่มีความแม่นยำสูง ด้วยการออกแบบกระดูกที่มีขนาดจำเพาะกับสรีระผู้ป่วย ทำให้ผู้ป่วยฟื้นฟูร่างกายได้ดีขึ้น และสามารถกลับไปใช้ชีวิตได้อย่างปกติ โดยกระทรวงฯ ได้รับความร่วมมืออย่างดีจากกองบัญชาการกองทัพภาคที่ 2” […]

“นราธิวาส” จับยาไอซ์ลอตใหญ่ 900 กก. ซุกรถขนผัก

กทม.16 ส.ค.-“ภูมิธรรม” เผย “นราธิวาส” จับยาไอซ์ลอตใหญ่ 900 กก. ซุกรถขนผัก สั่งการเร่งขยายผลต่อเนื่อง พร้อมให้กำลังใจเจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงาน นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกฯ และรมว.มหาดไทย เปิดเผยว่า ได้รับรายงานจากว่าที่ร้อยตรี ตระกูล โทธรรม ผู้ว่าราชการจังหวัดนราธิวาส ว่าจากการดำเนินงานตามนโยบายของรัฐบาล ที่มุ่งปราบปรามยาเสพติดอย่างเด็ดขาด ในวันนี้ทางจังหวัดนราธิวาสร่วมกับหน่วยงานต่างๆ ได้มีการแกะรอย และตรวจค้นรถกระบะที่มีการลักลอบขนส่งยาเสพติด บริเวณอำเภอตากใบ จังหวัดนราธิวาส สามารถตรวจจับยาเสพติดให้โทษประเภท 1 (ไอซ์) ซุกซ่อนอยู่ในรถกระบะขนผัก จำนวน 30 กระสอบ น้ำหนักรวมประมาณ 900 กิโลกรัม และได้ทำการควบคุมตัวตัวผู้ต้องหาไว้ได้แล้ว นายภูมิธรรม กล่าวอีกว่า ตนได้มอบหมายให้ พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง รมว.ยุติธรรม และนายเดชอิศม์ ขาวทอง รมช.มหาดไทย ลงพื้นที่จังหวัดนราธิวาส เพื่อติดตามการดำเนินงานและร่วมแถลงผลการจับกุมในวันที่ 16 ส.ค.นอกจากนี้ยังได้ให้กำลังใจผ่านผู้ว่าราชการจังหวัด ไปยังเจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงานทุกท่านที่ทำหน้าที่อย่างเข้มข้น ตั้งใจ จนสามารถจับกุมกรณีการลักลอบขนส่งยาเสพติดล็อตใหญ่นี้ได้ และได้ให้ติดตามเพื่อขยายผลการจับกุมต่อไป.-319.-สำนักข่าวไทย

รัฐบาลย้ำเกษตรกรเร่งขึ้นทะเบียน-ปรับปรุงข้อมูลทางทะเบียน รับเงินช่วยเหลือ

ทำเนียบฯ 16 ส.ค. – รัฐบาลย้ำเกษตรกรเร่งขึ้นทะเบียนและปรับปรุงข้อมูลทางทะเบียนปีการผลิต 2568/69 พร้อมรอรับเงินช่วยเหลือตามนโยบายรัฐบาล นายอนุกูล พฤกษานุศักดิ์ รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ตามที่คณะกรรมการนโยบายและบริหารข้าวแห่งชาติ (นบข.) เห็นชอบโครงการพัฒนาศักยภาพการผลิตข้าวของเกษตรกรปลูกข้าวปีการผลิต 2568/69 และนาปรังปีการผลิต 2568 โดยจะจ่ายเงินช่วยเหลือชาวนา ไร่ละ 1,000 บาท ไม่เกิน 10 ไร่ เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนจากปัญหาต้นทุนการผลิตสูงและราคาข้าวที่ตกต่ำ ซึ่งเกษตรกรที่ทำนาปรังและนาปี จะได้รับเงินหลังจากลงทะเบียนและตรวจสอบสิทธิแล้วเสร็จ ทั้งนี้ คาดว่าจะเกษตรกรที่ทำนาปรังจะได้รับเงินเร็วที่สุดภายในเดือนกันยายน 2568 ส่วนเกษตรกรที่ทำนาปี จะได้รับในช่วงปลายปีนี้ หรือต้นปีงบประมาณ 2569 รัฐบาลโดยกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ขอเชิญชวนเกษตรกรทั่วประเทศ เร่งดำเนินการขึ้นทะเบียนและปรับปรุงทะเบียนเกษตรกร ประจำปีการผลิต 2568/69 โดยเกษตรกรสามารถขึ้นทะเบียนเกษตรกรผ่านช่องทางการบริการของรัฐโดยไม่มีค่าใช้จ่ายดังนี้ วิธีที่ 1 แจ้งกับเจ้าหน้าที่ สำหรับเกษตรกรรายเดิม แปลงเดิม สามารถแจ้งข้อมูลได้ที่สำนักงานเกษตรอำเภอทุกแห่ง หรือองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นที่มีความพร้อม และร่วมเป็นหน่วยสนับสนุนที่เกษตรกรมีพื้นที่การเกษตรอยู่ รวมถึงแจ้งข้อมูลผ่านผู้นำชุมชนหรือตัวแทนอาสาสมัครเกษตรหมู่บ้าน (อกม.) หรือผู้ที่ได้รับมอบหมาย ส่วน เกษตรกรรายใหม่ และรายเดิม แต่เพิ่มแปลงใหม่ […]

“วีระ” เตือน รัฐบาลควรเลิกนโยบายกึ่งการคลัง หลังแบกหนี้ 1 ล้านล้านบาท

รัฐสภา 15 ส.ค.-“วีระ” เตือน รัฐบาลควรเลิกนโยบายกึ่งการคลัง ผ่านสถาบันการเงินเฉพาะกิจ หลังแบกหนี้ 1 ล้านล้านบาท ตั้งคำถามหลายรัฐวิสาหกิจมีผลกำไรดี จะมาตั้งของบอีกทำไม นายวีระ ธีระภัทรานนท์ ในฐานะกรรมาธิการ (กมธ.) วิสามัญพิจารณางบประมาณรายจ่ายประจำปี 2569 ในเรื่องของรัฐวิสาหกิจ ว่า ในเอกสารงบประมาณที่เป็นงบประมาณรายจ่าย มาตรา 29 มีรัฐวิสาหกิจ 21 แห่งของบประมาณรวมกันทั้งสิ้น 79,298 ล้านบาท แต่ค่าใช้จ่ายของรัฐวิสาหกิจทั้งหมด 1.43 แสนล้านบาท ซึ่งในรัฐวิสาหกิจ 21 แห่งที่ของบประมาณมาตนไม่ค่อยติดใจ เพราะมีรัฐวิสาหกิจจำนวนหนึ่งไม่มีรายได้ อีกส่วนเป็นรัฐวิสาหกิจมีรายจ่ายมากกว่ารายได้ บางรัฐวิสาหกิจมีหนี้สินจำนวนมาก เช่น ขสมก. การรถไฟแห่งประเทศไทย นายวีระ ฝากไปถึงคนที่ต้องจัดการรัฐวิสาหกิจว่า รัฐวิสาหกิจที่มีปัญหารัฐบาลต้องตัดสินใจให้เด็ดขาดว่า รัฐวิสาหกิจเหล่านั้นคงอยู่ต่อไปในสภาพแบบนั้น หรือ จะดำเนินการแปรรูปให้เอกชนเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ เพื่อไม่ให้เกิดภาระการคลังในอนาคตอย่างที่เป็นอยู่ปัจจุบัน สำหรับกรณี บริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) ซึ่งประสบความสำเร็จในการฟื้นฟูกิจการ โดยที่รัฐบาลยังถือหุ้นใหญ่อยู่ประมาณ 40% แต่ไม่มีสถานะภาพเป็นรัฐวิสาหกิจอีกต่อไป […]

ข่าวแนะนำ

ทุ่นระเบิดใหม่ตอกย้ำกัมพูชาละเมิดกติกาสากล

ศรีสะเกษ 16 ส.ค. – วันนี้ รมว.ต่างประเทศ นำคณะทูตภาคีอนุสัญญาออตตาวา ลงพื้นที่ดูปฏิบัติการเก็บกู้ทุ่นระเบิด บนภูมะเขือ อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ พร้อมเรียกร้องให้ตัดงบช่วยเหลือกัมพูชา หลังใช้เงินผิดวัตถุประสงค์ผู้บริจาค ขณะที่เจ้าหน้าที่ศูนย์ปฏิบัติการทุ่นระเบิดแห่งชาติ ยืนยันเป็นทุ่นระเบิดใหม่ที่เพิ่งพบช่วงเหตุปะทะล่าสุด.-สำนักข่าวไทย

ผลถก RBC กัมพูชาเมินกู้ทุ่นระเบิด-ปราบสแกมเมอร์

ตราด 16 ส.ค. – กัมพูชายังไม่ให้ความร่วมมือเก็บกู้ทุ่นระเบิด หลังฝ่ายไทยผลักดันในเวที “RBC ไทย-กัมพูชา” พื้นที่ชายแดนจันทบุรี-ตราด พร้อมการแก้ไขปัญหาสแกมเมอร์ แขวนไว้หารือในการประชุมครั้งต่อไป พลเรือตรี ปารัช รัตนไชยพันธ์ รองโฆษกกองทัพเรือ เปิดเผยว่า วันนี้ (16 สิงหาคม 2568) พลเรือโท อภิชาติ ทรัพย์ประเสริฐ ผู้บัญชาการป้องกันชายแดนจันทบุรีและตราด และพลตรี อุย เฮียง ผู้บัญชาการภูมิภาคทหารที่ 3 ของกองทัพบกกัมพูชา ตลอดจนคณะกรรมการชายแดนส่วนภูมิภาคของทั้งสองฝ่าย จัดให้มีการประชุมคณะกรรมการชายแดนส่วนภูมิภาค ไทย-กัมพูชา สมัยวิสามัญ (Regional Border Committee) หรือ RBC ณ ประเทศไทย ที่บ้านทะเลภูรีสอร์ท อำเภอคลองใหญ่ จังหวัดตราด เพื่อร่วมกันหารือในการแก้ไขปัญหาต่างๆ เพื่อความสงบเรียบร้อยในพื้นที่ และการดำเนินชีวิตของประชาชนทั้งสองประเทศด้วยสันติวิธี โดยได้ลงนามใน “บันทึกความตกลงการประชุมคณะกรรมการชายแดนส่วนภูมิภาค (RBC) สมัยวิสามัญ ระหว่างกองบัญชาการป้องกันชายแดนจันทบุรีและตราด ราชอาณาจักรไทย กับภูมิภาคที่ 3 […]

วัดเครือวัลย์ ตั้งโต๊ะแจงดำเนินคดีอดีตไวยาวัจกร ยักยอกเงินวัด 56 ล้านบาท

กทม. 16 ส.ค.-ไวยาวัจกรฝ่ายกฎหมายวัดเครือวัลย์ ตั้งโต๊ะชี้แจงการดำเนินคดีกับอดีตไวยาวัจกร ยักยอกเงินวัด 56 ล้านบาท ตรวจสอบประวัติย้อนหลัง 10 ปี พบปลอมลายมือชื่อเจ้าอาวาส 240 ครั้ง ด้านเจ้าอาวาสยอมรับเสียใจ ผิดหวังที่ไว้ใจคนใกล้ตัว ไวยาวัจกรวัดฝ่ายกฎหมาย ตั้งโต๊ะชี้แจง กรณีที่มีบุคคลภายในวัดปลอมลายมือชื่อเจ้าอาวาสวัดเครือวัลย์วรวิหาร ไปถอนเงินออกจากบัญชีวัดกว่า 240 ครั้ง ยักยอกเงินกว่า 56 ล้านบาท ตั้งแต่ช่วงเดือนเมษายน ปี 67 ที่ผ่านมา ในส่วนการดำเนินการขณะนี้แบ่งเป็น 3 คดี คดีแรก พบการกระทำความผิดคือเมื่อเดือนเมษายน 2567 ทางวัดได้รับบริจาคจากกองทัพเรือเป็นแคชเชียร์เช็ค 1.5 ล้านบาท ลงวันที่ 10 เมษายน 2567 โดยในแคชเชียร์เช็คระบุว่ามอบให้ทางวัด จึงต้องเอาเข้าบัญชีวัด ทางเจ้าอาวาสจึงมีการมอบให้นายกฤษณ์ ที่เป็นไวยาวัจกรวัดในตอนนั้น เอาแคชเชียร์เช็คดังกล่าวไปขึ้นเงินและเอาเข้ายังบัญชีของวัด ต่อมาทางเจ้าอาวาสได้ทวงถามไปยังนายกฤษณ์ เพราะในขณะนั้นจำเป็นจะต้องบูรณะศาสนสถาน แต่นายกฤษณ์ อ้างว่าไม่ว่าง และได้มอบหมายให้นายชัยณรงค์ ซึ่งเป็นผู้ช่วยไวยาวัจกรในตอนนั้นนำเงินไปเข้าธนาคาร ทางเจ้าอาวาสเลยมีการติดต่อไปยังนายชัยณรงค์ เพื่อทวงถามเรื่องเงิน แต่ก็บ่ายเบี่ยงมาโดยตลอด […]

“มาริษ” นำคณะทูตดูการเก็บกู้ทุ่นระเบิดบนภูมะเขือ

ศรีสะเกษ 16 ส.ค. – รมว.ต่างประเทศ นำคณะทูต 33 ประเทศ ดูการเก็บกู้ทุ่นระเบิดบนภูมะเขือ เตรียมพื้นที่บ้านภูมิซรอล หมู่ 13 ที่ถูกกระสุนจรวด BM-21 เสียหายหนัก 2 หลัง ให้คณะทูตแวะตรวจสอบหลังเสร็จสิ้นภารกิจบนภูมะเขือ หลังจากฟังบรรยายสรุปสถานการณ์ในภาพรวมที่โรงเรียนภูมิซรอลวิทยา อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ นายมาริษ เสงี่ยมพงษ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ได้นำคณะทูตประเทศภาคีอนุสัญญาออตตาวา และตัวแทนองค์กรระหว่างประเทศ รวม 33 ประเทศ ขึ้นไปสำรวจพื้นที่และดูการเก็บกู้ทุ่นระเบิดบนภูมะเขือ ที่อยู่ใกล้แนวปราสาทพระวิหาร เจ้าหน้าที่ขอความร่วมมือสื่อมวลชนที่ขึ้นภูมะเขือ งดถ่ายภาพติดพื้นที่ทหารและอาวุธยุทโธปกรณ์ต่างๆ ระหว่างทางขึ้น ด้วยเหตุผลด้านความมั่นคง นอกจากนี้เจ้าหน้าที่ยังเตรียมพื้นที่บ้านภูมิซรอล หมู่ 13 ที่ถูกกระสุนจรวด BM-21 เสียหายหนัก 2 หลัง และเพื่อนบ้านใกล้เคียง ถูกสะเก็ดเสียหายอีก 2 หลัง โดยจุดนี้มีผู้ได้รับบาดเจ็บ 1 รายด้วย เพื่อให้คณะทูตแวะตรวจสอบหลังเสร็จสิ้นภารกิจบนภูมะเขือ.-สำนักข่าวไทย