“วุฒิสภา” ถกญัตติด่วน ผลกระทบ “แผ่นดินไหว”

รัฐสภา 31 มี.ค.- “วุฒิสภา” ถกญัตติด่วน ผลกระทบ “แผ่นดินไหว” ต่อประเทศไทย สว.ลุกฉายภาพสับสนอลหม่าน บอกน่าสมเพชเวทนาประชาชน ตื่นตระหนก-ทำอะไรไม่ถูก ชี้ปัญหาคือ “การสื่อสาร” จี้ คนทั้งประเทศอยากเห็นการบัญชาการวิกฤติของผู้บริหารประเทศ


การประชุมวุฒิสภา ที่มี พล.อ.เกรียงไกร ศรีรักษ์ รองประธานวุฒิสภาคนที่หนึ่ง ทำหน้าที่ประธานในการประชุม พล.ต.ต. รมย์สิทธิ์ วีริยาสรร เสนอญัตติด่วนด้วยวาจา ขอให้ที่ประชุมพิจารณากรณีเหตุการณ์แผ่นดินไหวที่ในประเทศเมียนมา ซึ่งส่งผลกระทบต่อประเทศไทย เมื่อวันศุกร์ที่ 28 มี.ค. ที่ผ่านมา

โดย พล.ต.ต. รมย์สิทธิ์ แถลงหลักการว่า แผ่นดินไหวดังกล่าว เป็นแผ่นดินไหวในระดับสูงมาก แม้ศูนย์กลางการเกิดแผ่นดินไหวในครั้งนี้จะเกิดในประเทศเมียนมาก็ตาม แต่ก็เกิดผลกระทบอย่างร้ายแรงไม่คาดคิดดว่าสถานการณ์อันเลวร้ายนี้ จะเกิดขึ้นในประเทศไทยของเรา ภัยพิบัตินี้ไม่ได้เกิดการสั่นไหวแค่ไหนพื้นดินเท่านั้น แต่เกิดการสั่นไหว หวั่นวิตกของพี่น้องชาวไทยทั้งประเทศอย่างที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน แผ่นดินไหวในครั้งนี้ เราได้เห็นภาพวิปโยคในหลายมิติ


“เราเห็นตึกสูง 30 ชั้นถล่มลงมาต่อหน้าต่อตา มีผู้เสียชีวิต ผู้สูญหาย และล่าสุดวันนี้เกิดตึกเอียงทรุดเป็นหลุมต่อเนื่อง จนต้องมีการอพยพผู้คน สถานการณ์เหล่านี้ถือว่าเป็นสิ่งที่น่าหวั่นวิตกสำหรับพี่น้องคนไทยอย่างยิ่ง” พล.ต.ต. รมย์สิทธิ์ กล่าว

พล.ต.ต. รมย์สิทธิ์ ยังขอฉายภาพสำคัญ 3 ภาพ ระบุว่า ภาพแรกเป็นภาพของการสับสนอลหม่าน ตื่นตระหนก ทำอะไรไม่ถูกของผู้ประสบภัย ซึ่งเป็นภาพที่น่าสมเพชเวชทนาอย่างยิ่ง ต้องยอมรับว่าการให้ความรู้เรื่องกระบวนการรับมือกับภัยพิบัติ แผ่นดินไหว ถ้าจะพูดกันแบบตรงไปตรงมา แทบจะไม่เคยเกิดขึ้นเลยในประเทศไทย หลายท่านคงเหมือนกับตนที่ยังไม่เคยได้รับการถ่ายทอดการรับมือกับแผ่นดินไหว จึงเป็นเหตุผลที่ทำให้เกิดภาพที่น่าสมเพชเวชทนากับพี่น้องคนไทยเป็นอย่างยิ่ง

พล.ต.ต. รมย์สิทธิ์ กล่าวต่อว่า อีกภาพหนึ่งคือภาพของการเร่งรีบ ลุกลน ของผู้ที่เป็นเจ้าของยวดยานที่จะรีบนำยานพาหนะของตัวเองออกจากอาคารจอดรถทั้งหลาย จนทำให้เกิดปัญหาความแออัดของถนนทุกเส้นทางในกรุงเทพฯ ไม่ว่าจะเป็นซอยเล็กซอยน้อย จนกระทั่งทำให้เกิดเดตล็อกทั้งกรุงเทพ ถนนเป็นอัมพาตต้องใช้เวลาคลี่คลายไม่น้อย ที่สำคัญคือทำให้หน่วยกู้ชีพไม่สามารถเข้าพื้นที่ได้ เรื่องนี้สะท้อนให้เห็นถึงความพร้อมและความล้มเหลวของการบริหารสถานการณ์ในภาวะวิกฤตได้อย่างชัดเจน
พล.ต.ต. รมย์สิทธิ์ กล่าวว่า ภาพอีกอย่างหนึ่งที่ตนอยากจะกล่าวคือการสื่อสาร เราจะพบว่าการสื่อสาร การประชาสัมพันธ์ เป็นอะไรที่ล่าช้า ไม่เท่าทันสถานการณ์ มีพี่น้องประชาชนส่วนใหญ่ไม่ได้รับ SMS ไม่ได้รับข้อมูลข่าวสารจากภาครัฐ ซึ่งเป็นข้อมูลเชิงประจักษ์ ผ่านมา 20 ปีแล้วระบบการแจ้งเตือนของประเทศไทยยังไม่เปลี่ยนแปลง


“สิ่งที่พี่น้องคนไทยทั้งชาติอยากเห็น คือการบัญชาการบริหารเหตุการณ์วิกฤตของผู้บริหารประเทศ เมื่อวันที่ 28 มี.ค. เราไม่เห็นภาพนั้นเลย ด้วยเหตุผลในลักษณะที่ผมกราบเรียนดังกล่าวนี้เอง จึงทำให้เกิดปัญหา ภาพที่ไม่อยากจะเห็นจึงได้เห็น จึงนำมาสู่วันนี้ ได้มีการวิพากษ์วิจารณ์ในหมู่ประชาชนและคนทั่วไปว่า ณ เวลานี้ บ้านเมืองของเรายังจะมีความมั่นคงปลอดภัยอยู่หรือไม่” พล.ต.ต. รมย์สิทธิ์ กล่าว

นาวาตรีวุฒิพงศ์ พงศ์สุวรรณ ลุกอภิปรายว่า ช่วงเกิดเหตุ ตนได้ออกจากรัฐสภา เผอิญไปผ่านที่ไหนก็ไม่ผ่าน ดันไปผ่านถนนกำแพงเพชรในเวลานั้นเวลานั้นพอดีเลย ในเวลานั้นมีแผ่นดินไหว และเห็นตึกถล่มลงมากับตาสองข้าง เราก็ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น มองไปทางขวาก็เห็นน้ำกระฉอกจากตึกเต็มไปหมดเลย ขับรถไปอีกสักพัก คนก็วิ่งลงจากตึกจำนวนมาก เหมือนกับในภาพยนตร์ เรื่องโลกจะแตกอะไรทำนองนั้น

นาวาตรีวุฒิพงศ์ กล่าวว่า ตนคิดว่าประชาชนมากมายก็สงสัยว่าเกิดอะไรขึ้นกับระบบของประเทศไทย ทำไมการเตือนภัยพิบัติหลังจากเกิดเหตุแล้ว ตั้งแต่สึนามิ ผ่านมาเกือบ 20 ปีแล้ว จนถึงปัจจุบันนี้ เราไม่มีอะไรดีขึ้นเลยหรือ จึงย้อนกลับไปศึกษา เพื่อนำมาอภิปรายในวันนี้ การแจ้งเตือนของภาครัฐแทบจะไม่มาเลย SMS ก็ไม่มา บอกว่าจะส่ง ส่งเมื่อไหร่ กี่โมงกว่าจะได้ บางคนเขาก็ได้ ตอนประมาณเกือบ 1-2 ทุ่ม ซึ่งคือหลังจากเกิดเหตุแล้วประมาณ 5- 6 ชั่วโมง แบบนี้ถือว่าเป็นการแก้ปัญหาเร่งด่วนหรือไม่

“คนตกอกตกใจส่งอะไรกันเรื่อยๆเปื่อย มิจฉาชีพยังส่งข้อความได้เร็วกว่าภาครัฐอีก แถมส่งลิงค์มาด้วย เสร็จแล้วคนกดพลาด เข้าไปก็นึกว่าเตือนภัยจากภาครัฐ ที่ไหนได้ กลายเป็นมิจฉาชีพอีกแล้ว” นาวาตรีวุฒิพงศ์ กล่าว

นาวาตรีวุฒิพงศ์ กล่าวว่า หน่วยงานของรัฐยิ่งไปกันใหญ่ ไม่ว่าจะเป็นคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) , กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) รวมถึงกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอีเอส) และกระทรวงมหาดไทย ไม่มีหน่วยงานที่ชัดเจนประชาชนก็ไม่รับการฝึกซ้อมอย่างดี

“ถึงเวลาแม้กระทั่งอาจงอาจารย์ชั้นนำ ที่เป็นไอคอนของประเทศนี้ ยังวิ่งออกมาก่อนเลยจากศูนย์สิริกิติ์ ก็เพราะมันไม่มีการซ้อม ตั้งแต่เด็กจนโต ผมก็ไม่เคยเห็นการสอน ในสภาแห่งนี้ก็เพิ่งเริ่มตื่นเต้นกัน” นาวาตรีวุฒิพงศ์ กล่าว

นาวาตรีวุฒิพงศ์ กล่าวว่า หน่วยงานของภาครัฐใช้งบประมาณไปมาก แต่ไม่เกิดผล รัฐบาลได้กำหนดให้ดำเนินการเกี่ยวกับ Cell Broadcast มานานแล้ว แต่ก็ไม่ได้ทำ ยังจัดซื้อจัดจ้างไม่แล้วเสร็จ พร้อมยกคำพูดนายกรัฐมนตรีที่กล่าวในที่ประชุม ที่บอกว่า ท่านต้องตอบคำถามตรงนี้ให้ได้ เพราะดิฉันต้องตอบคำถามประชาชน ดิฉันสั่งไปตั้งแต่ก่อน 14.00 น. แต่ระบบไม่ออก ก่อนจะย้ำว่า ถึงเวลาปฏิรูปแล้ว

ขณะที่ น.ส.นันทนา นันทวโรภาส อภิปรายอย่างดุเดือดว่า แผ่นดินไหวที่ผ่านมาเปลือยเปล่าระบบราชการไทยและรัฐบาลอย่างชัดเจนที่สุด จนทำให้คนไทยตาสว่างกันเลยทีเดียว

“นี่เป็น Once in a lifetime แต่เราคงไม่ใช้คำว่าเป็นบุญที่ได้เจอแน่นอน แม้จะเป็นครั้งแรกที่ประสบ แต่รัฐบาลก็ไม่อาจแสดงความรักไร้เดียงสา ปฏิเสธความรับผิดชอบเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นได้ ถ้าจะว่าไปแล้วครอบครัวของท่านนายกฯ เคยเผชิญวิกฤตแล้ว รุ่นพ่อเจอสึนามิ รุ่นอาเจอน้ำท่วมใหญ่ มาถึงท่านนายกฯ น่าจะเอาประสบการณ์การบริหารภาวะวิกฤติมาใช้ได้บ้างไม่มากก็น้อย แต่นี่หาได้มีความเป็นมืออาชีพไม่” น.ส.นันทนา กล่าว

น.ส.นันทนา กล่าวว่า แผ่นดินไหวสะท้อนการจัดการของรัฐบาลมากมาย ประการที่หนึ่งคือขาดการสื่อสารในภาวะวิกฤติอย่างมีประสิทธิภาพ

“เหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ประชาชนตะลึงตึงตึง ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น ผู้สูงอายุโทษตัวเองว่าโรคความดัน หัวใจ บ้านหมุน ทำอะไรไม่ถูก เพราะไม่มีใครมาบอกว่าเกิดอะไรขึ้น ต้องรอจนโซเชียลมาช่วยกันแชร์ภาพ ถึงได้รู้ว่านี่คือแผ่นดินไหว ก่อนหน้านี้หาทางออกชีวิตไม่เจอ” น.ส.นันทนา กล่าว

น.ส.นันทนา กล่าวต่อว่า ประการที่สองคือปัญหาการบริหารจัดการ ขาดเจ้าภาพสั่งการในที่เกิดเหตุ หน่วยงานภาครัฐไปถึงช้ากว่าองค์กรพัฒนาเอกชน ที่สำคัญภาครัฐไม่มีใครบัญชาการสถานการณ์ ปล่อยตามธรรมชาติเรียกว่าตามมีตามเกิด ประการที่สาม การช่วยเหลือผู้ประสบภัยที่ล่าช้า จนไม่รู้จะร้องขอความช่วยเหลือจากใคร มีแต่องค์กรพัฒนาเอกชนที่ประชาชนต้องช่วยกันเอง

ประการที่สี่ ได้แก่ ขาดการปฎิบัติการแบบมืออาชีพ ในสถานการณ์ที่ตึกถล่ม ไม่มีการปิดล้อมพื้นที่ทันทีที่เกิดเหตุ ทุกคนกรูเข้าไป ไม่มีการรักษาหลักฐาน คนที่บาดเจ็บอยู่ใต้ซากปรักหักพัง เขาต้องการการกู้ภัยแบบมืออาชีพ แต่กลายเป็นว่าทุกอาชีพเข้าไปอยู่ในพื้นที่ประสบภัย การช่วยเหลือจะมีประสิทธิภาพได้อย่างไร เรายังไม่ทราบเลยว่ามีกี่คนที่เขาไปทำงานในที่เกิดเหตุ เราจะเยียวยาอย่างไรถือเป็นเรื่องเร่งด่วนมาก

น.ส.นันทนา ระบุว่า การสื่อสารในภาวะวิกฤตเป็นเรื่องที่รัฐบาลทำช้าและทำน้อยเกินไป เพราะทันทีที่เกิดแผ่นดินไหว รัฐต้องแจ้งต่อประชาชนให้ทราบทันทีว่าเกิดอะไรขึ้น มันจะต้องเกิดภัยพิบัติอีกเมื่อไหร่อี รัฐบาลถึงจะเตือนภัยประชาชน รัฐบาลไม่เคยสื่อสารให้ประชาชนอุ่นใจ มีแต่คอลเซ็นเตอร์เท่านั้นที่อยู่กับเรา แม้ว่าเราจะไม่ต้องการมันเลย ซึ่งเรื่องนี้ ตนทราบว่ารัฐบาลนี้ได้ตั้งงบประมาณพันล้านบาท เพื่อสร้างระบบเตือนภัย

“ท่านนายกฯ พูดว่าดิฉันสั่งการไปตั้งแต่ 14.00 น. แต่ระบบไม่ออก ปัญหาใหญ่ขนาดนี้ หน่วยงานภาครัฐเกี่ยงกันทำงานอีก มีกระแสข่าวว่าบริษัทอินเทอร์เน็ตทั้ง 2 ค่าย พร้อมส่ง SMS แต่ กสทช. และ ปภ.ไม่พร้อม ไม่รู้ว่าจะส่งข้อความอะไร มัวแต่ลังเลไป 23 ชั่วโมงผ่านไป ดิฉันได้รับ SMS ถึงวิธีการปฏิบัติตัวหากเกิดอาฟเตอร์ช็อก ดิฉันไม่แน่ใจว่า SMS นี้ ท่านส่งมาเตือนตัวเองหรือไม่ ให้รวบรวมสติแล้วรีบส่งข้อความอย่างเร็วไปให้ประชาชนรับรู้” น.ส.นันทนา กล่าว

จากนั้น พล.ต.ท.บุญจันทร์ นวลสาย ลุกหารือว่า เหตุการณ์มันเกิดขึ้นแล้ว เรามาร่วมกันหาทางออกดีกว่าหรือไม่ ในวุฒิสภามีผู้มีความรู้ความสามารถ วิศวกรหลายท่าน แต่พลเอกเกรียงไกร กล่าวตัดบทว่า ที่อภิปรายอยู่ขณะนี้ มีคนเก่งๆ กำลังหาทางออกให้อยู่ เดี๋ยวจะให้รัฐบาลทำอะไรก็คงได้คุยกัน รวมถึงที่ทุกคนพูดถึงเมื่อเช้านี้ด้วย หลายคนปราดเปรื่องมาก จะเสนอให้รัฐบาลว่ากันไป

ผู้สื่อข่าวรายงานว่าการอภิปรายส่วนใหญ่ สว.พุ่งเป้าไปที่การแจ้งเตือนหลังเกิดเหตุ โดยยกประสบการณ์ตนเอง และหลายคนยกตัวอย่างการแจ้งเตือนของต่างประเทศที่รวดเร็ว เช่น ญี่ปุ่น เกาหลี และสหรัฐอเมริกา เป็นต้น.-312 -สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

เปิดปมสามียิงภรรยาดับคารถ ปัญหาเรื่องเงิน

กทม. 11 มิ.ย. – เปิดปมเหตุสามียิงภรรยาดับคารถ พี่ชายกับเพื่อนรุ่นน้องเผยว่าผู้ก่อเหตุมีปัญหาเรื่องเงิน พบช่วง 4-5 เดือนที่ผ่านมา พฤติกรรมเริ่มเปลี่ยนไป จากกรณีนายมีนาพัฒน์ อายุ 40 ปี ก่อเหตุยิงนางสาวนันทิชา อายุ 36 ปี ภรรยาของตัวเอง แล้วทิ้งศพไว้ในรถ ในซอยเพชรเกษม 67 แยก 8 เขตบางแค และหลังก่อเหตุปิดล็อกประตูเงียบอยู่ในบ้านพัก เจ้าหน้าที่ล้อมจับนาน 4 ชั่วโมง จนยอมมอบตัวเมื่อคืนวานนี้ (10 มิ.ย.) ต่อมาพี่ชายของนายมีนาพัฒน์ มาเยี่ยมผู้ก่อเหตุที่ สน.เพชรเกษม เปิดใจยอมรับว่าสาเหตุส่วนใหญ่มาจากปัญหาเรื่องเงิน เมื่อช่วงเดือนเมษายน น้องสะใภ้ (ผู้ตาย) บอกว่า น้องชายนำบ้านที่แม่ยกให้เป็นมรดกไปเข้าธนาคาร 2 ล้านกว่าบาท ซึ่งผิดจากปกติที่น้องไม่เคยมีปัญหาเรื่องเงินมาก่อน เพราะแม่ยกสมบัติให้เยอะมาก ครั้งสุดท้ายที่คุยกับน้องชายคือเมื่อวานนี้ช่วง 19.30 น. น่าหลังจากก่อเหตุฆ่าภรรยาแล้ว คุยกันประมาณครึ่งชั่วโมงสังเกตได้ว่าน้องชายมีอาการสับสน พูดไม่ค่อยรู้เรื่อง แต่มีบางประโยคที่น้องชายพูดออกมาแล้วรู้สึกหงุดหงิดใจ เรื่องบ้านที่แม่ยกให้เป็นมรดก บอกว่า “บ้านหลังนี้ครอบครัวเราจะต้องได้อยู่” […]

ตำรวจภาค 8 รวบ 3 ราย ขบวนการส่งยาขนมากับรถทัวร์

กระบี่ 11 มิ.ย. – รวบขบวนการค้ายาบ้า ขนมากับรถทัวร์ สายเชียงใหม่-ภูเก็ต 3 แสนเม็ด แวะลงกระบี่ ส่งให้เอเย่นต์สาขาสุราษฎร์ฯ ตำรวจรวบทีเดียวทั้งคนส่งและคนรับ นายอังกูร ศีลาเทวากูล ผู้ว่าราชการจังหวัดกระบี่ พล.ต.ต.พรชัย ขจรกลิ่น รอง ผบช.ภ.8 รักษาการ ผบ.ภ.จ.กระบี่ แถลงผลการจับกุมขบวนการค้ายาเสพติด ได้ผู้ต้องหา 3 คน พร้อมของกลางยาบ้า 300,000 เม็ด ประกอบด้วย นายสัมพันธ์ อายุ 54 ปี นายสุรพล อายุ 30 ปี และนางสาวสุนารี อายุ 27 ปี พร้อมยึดรถเก๋ง 1 คัน และแจ้งข้อกล่าวหาร่วมกันจำหน่ายยาเสพติดให้โทษประเภท 1 (เมทแอมเฟตามีนหรือยาบ้า) โดยการมีไว้เพื่อจำหน่ายโดยกระทำเพื่อการค้า และก่อให้เกิดการแพร่กระจายในกลุ่มประชาชน การจับกุมครั้งนี้ เจ้าหน้าที่รับแจ้งจากสายลับว่า จะมีการส่งมอบยาบ้ากันบริเวณสามแยกเขาต่อ อ.ปลายพระยา จ.กระบี่ เมื่อถึงเวลาก็มีรถทัวร์สายเชียงใหม่-ภูเก็ต […]

‘ฮุน มาเนต’ ย้ำทหารกัมพูชาไม่ได้ถอยออกจากพื้นที่

ปารีส 10 มิ.ย. – ฮุน มาเนต นายกรัฐมนตรีกัมพูชา ส่งสารจากฝรั่งเศสถึงชาวกัมพูชา ยืนยันจุดยืนกองทัพไม่ได้ถอนออกจากพื้นที่ภายใต้อธิปไตย พร้อมร่วมมือกับไทยปักปันเขตแดน ตามกลไกเจบีซี ยกเว้น 4 จุดที่จะส่งศาลโลกตัดสิน ฮุน มาเนต ซึ่งอยู่ระหว่างเข้าร่วมการประชุมว่าด้วยมหาสมุทรของสหประชาชาติ ครั้งที่ 3 ที่เมืองนีซ ประเทศฝรั่งเศส โพสต์ข้อความในเฟซบุ๊ก Hun Manet ส่งสารถึงชาวกัมพูชา มีใจความดังนี้ กองทัพกัมพูชาสนับสนุนความพยายามในการหาทางแก้ไขปัญหานี้โดยสันติ แต่พร้อมที่จะปฏิบัติตามคำสั่งของรัฐบาลในการปกป้องบูรณภาพแห่งดินแดนจากการพยายามรุกรานใดๆ กองทัพกัมพูชาพร้อมที่จะเข้าร่วมสนับสนุนกลไกการเจรจาชายแดนกับไทยที่มีคณะกรรมาธิการเขตแดนร่วม เพื่อดำเนินงานรังวัดและปักปันเขตแดนที่เหลือระหว่าง 2 ประเทศต่อไป ยกเว้นประเด็นที่กัมพูชาจะส่งให้ศาลยุติธรรมระหว่างประเทศ หรือ ไอซีเจ (ICJ) พิจารณา

นายกฯ พบชาวไร่อ้อย รับข้อเสนอราคาอ้อย

ทำเนียบ 10 มิ.ย.-นายกฯ พบชาวไร่อ้อย รับข้อเสนอราคาอ้อย มอบ รมว.อุตสาหกรรม แก้ปัญหาราคา ก่อนประชุม ครม. ไม่ตอบคำถามสื่อปมเอกสาร รทสช.ขอปรับรัฐมนตรี จับตา ครม. ถกข้อพิพาทไทย-กัมพูชา ก่อนประชุม JBC 14 มิ.ย.นี้ นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เป็นประธานการประชุมคณะรัฐมนตรีประจำสัปดาห์ โดยก่อนการประชุม ประธานสมาพันธ์ชาวไร่อ้อยแห่งประเทศไทย และคณะ เข้าพบนายกรัฐมนตรี เพื่อแสดงความขอบคุณนายกรัฐมนตรีที่ให้การสนับสนุนช่วยเหลือเกษตรกรชาวไร่อ้อย โดยนายกรัฐมนตรีกล่าวว่า รัฐมนตรีติดตามการแก้ไขปัญหาของเกษตรกรมาโดยตลอด และมารายงานเรื่องนี้อย่างละเอียดอยู่ตลอด ตนทราบปัญหา ทางเกษตรกรจึงเน้นย้ำว่า ปัญหาจะแก้ไขได้ก็ต้องเป็นไปภายใต้การสนับสนุนจากนายกรัฐมนตรี “อุ๊งอิ๊ง แพทองธาร” นายกรัฐมนตรี จึงไหว้รับขอบคุณ พร้อมกับกล่าวต่อว่า อะไรที่เกิดประโยชน์ต่อประชาชน ก็พร้อมที่จะแก้ไขในทุกเรื่องอยู่แล้ว จึงอยากให้จัดระบบให้ดี เพื่อให้เกิดประโยชน์กับคนทุกกลุ่ม ขณะเดียวกันเกษตรกรยังฝากรัฐบาลให้ไปดูแลในการรับซื้อใบอ้อย เนื่องจากเกษตรกรให้ความร่วมมือในการตัดอ้อยสด ทำให้นายกรัฐมนตรีถึงกับกล่าวแซว โห นี่จริงๆ ทำไมไม่ไปเป็นนักการเมือง ในสภาน่าจะเก่งเรื่องนี้ ทำให้เกษตรกรคนดังกล่าวกล่าวว่าลูกชายของตนเป็นนายก 6 สมัยรวด ก่อนที่นายกรัฐมนตรีจะกล่าวขอบคุณ และขอให้ทุกคน”รวยๆ […]

ข่าวแนะนำ

นายกฯ ดูบังเกอร์หลบภัย ถามผู้ว่าฯ สุรินทร์ ทำไมไม่ของบ มท.

11 มิ.ย.- นายกฯ ดูชาวบ้านทำบังเกอร์ ร้องโถ่ ก่อนถามผู้ว่าฯ สุรินทร์ ทำไมไม่ของบ ก.มหาดไทย หลังรายงานขอรับบริจาคมาใช้แทนยางรถยนต์ วันนี้ (11 มิ.ย. 68) เวลา 13.40 น. นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี และคณะ ลงพื้นที่ต่อมายังหมู่บ้านสกลพัฒนา ตำบลตะเคียน อำเภอกาบเชิง เพื่อพบปะชาวบ้าน มอบสิ่งของ และตรวจดูการทำบังเกอร์หลบภัย โดยทันทีที่นายกรัฐมนตรีเดินทางมาถึง ได้มีชาวบ้านนำผ้าขาวม้ามามอบให้ ซึ่งนายกฯ รับมาก่อนจะหันไปหานายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ว่า “ผูกกันเป็นทีม” ก่อนจะมอบสิ่งของอุปโภค – บริโภค เพื่อให้กำลังใจชาวบ้านในพื้นที่ จากนั้น นายกรัฐมนตรี ได้เยี่ยมชมการสร้างบังเกอร์ โดยมีนายชำนาญ ชื่นตา ผู้ว่าราชการจังหวัดสุรินทร์ และผู้ใหญ่บ้านหมู่บ้านสกลพัฒนา รายงาน โดยนายกรัฐมนตรี ถามผู้ว่าฯ ว่า ขอเข้าไปดูได้หรือไม่ และถามชาวบ้านบ้านว่า “ทำมานานหรือยัง” โดยชาวบ้านบอกว่า […]

คุมตัว “หมอแอร์” ฝากขังศาลอาญา-ค้านประกันตัว

กรุงเทพฯ 11 มิ.ย. – คุมตัว “หมอแอร์” ฝากขังศาลอาญา รัชดาฯ ตำรวจคัดค้านการประกันตัว ส่วนผู้ต้องหาอีก 6 คน ที่ถูกจับในขบวนการเดียวกัน พนักงานสอบสวนจะนำตัวฝากขังพรุ่งนี้ (12 มิ.ย.) พนักงานสอบสวนกองบังคับการปราบปรามยาเสพติด 1 ควบคุมตัวหมอแอร์ ไปฝากขังศาลอาญา รัชดาฯ พร้อมคัดค้านการประกันตัว เนื่องจากการกระทำความผิดมีอัตราโทษสูง เกรงว่าจะมีการหลบหนีและยุ่งเหยิงพยานหลักฐาน เนื่องจากผู้ต้องหาเป็นข้าราชการตำรวจชั้นผู้ใหญ่ ในระหว่างควบคุมตัว หมอแอร์สวมหมวก แว่นตาดำ และแมสก์ปิดบังใบหน้า พยายามแอบอยู่หลังเจ้าหน้าที่ โดยไม่ตอบคำถามของสื่อมวลชนแต่อย่างใด สำหรับผู้ต้องหาอีก 6 คน ที่ถูกจับในขบวนการเดียวกัน พนักงานสอบสวนจะนำตัวไปฝากขังศาลอาญา รัชดาฯ วันพรุ่งนี้ (12 มิ.ย.) .-สำนักข่าวไทย

เปิดขบวนการ “หมอแอร์” สวมชื่อคนตายซื้อยาเสียสาว

11 มิ.ย. – ผู้ช่วย ผบ.ตร. นำแถลงกรณี “หมอแอร์” พร้อมพวกรวม 7 คน แอบอ้างชื่อคลินิก 12 แห่ง สั่งซื้อยายาเสียสาว นำมาขายต่อ นาน 3 ปี และยังสวมชื่อคนตาย 370 คน รับยา ขณะที่ รพ.ตำรวจ มีคำสั่งให้ “หมอแอร์” ออกจากราชการไว้ก่อน หลังเมื่อวานนี้ (10 มิ.ย.68) เจ้าหน้าที่บุกจับ “หมอแอร์” คุณหมอชื่อดัง สังกัดโรงพยาบาลตำรวจ พร้อมพวก แอบอ้าง 12 คลินิก สั่งซื้อยาควบคุม (ยาเสียสาว) นำมาขายต่อ นาน 3 ปี วันนี้ (11 มิ.ย.68) มีการแถลงข่าวเรื่องนี้ นำโดย พล.ต.ท.สำราญ นวลมา ผู้ช่วย ผบ.ตร. พล.ต.ท.สันติ ชัยนิรามัย […]

เปิดภาพความจริง! อดีต-ปัจจุบันชายแดนช่องบก

11 มิ.ย. – ‘กองทัพไทย’ เปิดภาพถ่ายแผนที่ทางอากาศ ชายแดนช่องบก อุบลราชธานี เปรียบเทียบอดีต-ปัจจุบัน พบการทำกิจกรรมทางทหาร-ขุดคูเลต-ทำถนนส่งกำลังบำรุง ก่อนเหตุปะทะช่องบก 28 พ.ค.2568 ทีมโฆษกกองทัพไทย เปิดข้อมูลแผนที่ทางอากาศ จัดทำโดยกองบัญชาการกองทัพไทย จากกรณีไทย และกัมพูชา มีข้อสังเกตหลายประเด็นที่ปรากฏในภาพถ่ายทางอากาศตรงจุดปะทะ โดยภาพถ่ายทางอากาศ เริ่มตั้งแต่ปี 2497 ช่วงแรกถ่ายไว้จนถึงปี 2520, 2527 และมีการถ่ายภาพทางอากาศอย่างต่อเนื่อง ส่วนกรณีที่อ้างถึงการยึดครอง และใช้ชีวิตในพื้นที่ที่มีปัญหานานมากแล้วนั้น หากมองตามภาพถ่ายทางอากาศ จะยืนยันได้ว่า ไม่มีการเข้าไปใช้พื้นที่อย่างที่อ้าง ข้อมูลของกองทัพไทย ยังได้เปรียบเทียบเส้นสีแดงในแผนที่ เป็นเส้นแนวที่ไทยยึดถือ ใช้แบ่งแนวเขตระหว่างไทย กัมพูชา และลาว ส่วนจุดปะทะที่เกิดขึ้นนั้น เป็นพื้นที่ที่เข้ามาทางฝั่งไทย ทั้งนี้ กองทัพไทยยังมีการถ่ายทางอากาศต่อเนื่องยาวมาถึงปี 2539, 2546, 2553 และ 2561 เป็นที่สังเกตได้ว่า ช่วง 70 ปีที่ผ่านมาตั้งแต่ปี 2497 ไม่มีใครเข้ามาถือครอง และใช้ชีวิตในพื้นที่นั้น หากมองถึงกิจกรรมของประเทศเพื่อนบ้านที่ประเด็นในปัจจุบันนั้น เห็นได้อย่างชัดเจนตามภาพถ่ายทางอากาศว่า มีการเคลื่อนไหวทางการทหารที่แตกต่าง […]