“ภูมิธรรม” บอกขอให้ชัดพลังประชารัฐร่วมรัฐบาลต่อ

ที่อาคารชินวัตร 3 กรุงเทพฯ 19 ส.ค.- “ภูมิธรรม” บอก “บิ๊กป้อม” ประกาศร่วมรัฐบาลต่อ ขึ้นอยู่กับพรรคตอบแทนไม่ได้ ขอให้ชัดเจน ชี้ หากมีปัญหาทำงานร่วมกันลำบาก เผยโหวตนายกฯ ไม่ใช่เครื่องการันตีโควตา ครม. ขึ้นอยู่กับสถานการณ์ ยัน ไม่เคยคุยคนไทยสร้างไทย มองเอกสิทธิ สส. โหวตใครก็ได้


นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ กล่าวถึงกรณีที่พลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ ระบุพร้อมจะร่วมงานกับรัฐบาล ว่า ไม่อยากให้ข้อมูลสับสน มีอะไรระหว่างพรรคการเมืองก็ให้พูดกันในพรรคการเมือง ถ้ามาบอกว่าตนพูดอย่างนั้นอย่างนี้ก็จะมีปัญหา ที่ตนได้ให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชนไปเมื่อเช้าก็ได้บอกไปแล้วว่า เนื่องจากคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ ทำให้กระบวนตรวจสอบประวัติต้องใช้เวลามากกว่าเดิม ทางกฤษฎีกาและสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีได้พูดกับตนว่า มันต้องมีการปฏิบัติที่ยากเย็นและใช้เวลามากขึ้น ซึ่งตนก็โอเคดังนั้นจึงต้องรีบ จึงได้คุยกับหัวหน้าพรรค แกนนำตัวแทนต่างๆ ว่าให้รีบส่งรายชื่อมา เพื่อนำไปตรวจสอบประวัติอย่างละเอียดโดยต้องทำให้เร็ว เพราะบ้านเมืองต้องการความต่อเนื่อง และให้เสร็จภายในวันพรุ่งนี้ (20 ส.ค.) ก่อนจะส่งให้กฤษฎีกาและสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีดำเนินการต่อไป ส่วนแต่ละพรรคจะเป็นอย่างไรนั้น ก็ให้สิทธิกับแต่ละพรรคดำเนินการเต็มที่

นายภูมิธรรม ยังกล่าวอีกว่าเมื่อช่วงเช้าสื่อมวลชนก็ได้ถามตนกรณีของ “วงษ์สุวรรณ” ตนก็บอกว่าอันนี้คงตอบแทนไม่ได้ ต้องให้พรรคการเมืองนั้นๆ เป็นผู้ตอบว่าตกลงจะยังร่วมกันอยู่หรือเปล่า เพราะได้ตกลงเลือกนางสาวแพทองธาร ชินวัตร มาเป็นนายกรัฐมนตรี แต่เห็นว่าหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐไม่ได้ไปโหวต และนักข่าวได้ถามเรื่องนี้ก็มีความไม่สบายใจ เราจึงบอกว่าก็ต้องถามท่าน ให้ตอบมาให้ชัดเจนว่าจะเอายังไง


“ทางพรรคร่วมรัฐบาลและพรรคเพื่อไทยไม่ได้ติดปัญหาอะไรเพียงขอให้ชัดเจน และต้องเอาให้ชัดว่าจะร่วมงานกันยังไง ถ้าไม่ชัดเจนและมีปัญหาพูดเรื่องอะไรต่างๆ มันก็จะลำบาก การทำงานร่วมกันก็จะมีปัญหาได้ ก็อยู่ที่พรรคพลังประชารัฐ” ก่อนที่นายภูมิธรรม จะระบุว่า “ตนพูดถึงทุกพรรค”

ส่วนการที่พลเอกประวิตร ประกาศชัดว่าร่วมรัฐบาลแน่ แต่หากส่งชื่อพลตำรวจเอกพัชรวาท วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เราจะโอเคใช่หรือไม่ นายภูมิธรรม ย้ำว่า ให้ท่านตอบให้ชัดเจนและส่งรายชื่อมา และก็ต้องไปคุยภายในกับพรรคด้วย ขณะที่พรรคเพื่อไทยก็ยังไม่ได้คุยกับท่าน “อยู่ในกระบวนการส่งชื่อมาเราก็ส่งชื่อไป ไม่ส่งชื่อมาเราก็ไม่ว่า แล้วแต่พรรคจะตัดสินใจ”

เมื่อถามย้ำว่าหากส่งชื่อมาเราจะไม่ปฏิเสธใช่หรือไม่ นายภูมิธรรม ยืนยันเราทำตามกระบวนการ ยังไม่ได้พิจารณาเรื่องตัวบุคคลเลย ตอนนี้เริ่มจากกระบวนการคัดคุณสมบัติมันยาวนาน ตนจึงอยากให้ส่งคนที่มีคุณสมบัติมาก่อน ตนพูดชัดเจนไปแล้วว่าถ้าจะร่วมกันก็ขอให้ชัดเจน “แต่ถ้าหากร่วมกันแล้ว ยังมีอะไรที่ทำให้คลางแคลงใจ มันก็เป็นเรื่องไม่สบายใจ”


เมื่อถามว่าในส่วนพรรคเพื่อไทย จะมีความชัดเจนเรื่องตำแหน่งรัฐมนตรีเมื่อไหร่ นายภูมิธรรม ระบุว่าไม่ใช่เฉพาะพรรคเพื่อไทย ทุกพรรคต้องคุยกันว่าใครจะนั่งตำแหน่งไหน และทุกพรรคต้องจบในวันพรุ่งนี้ ส่วนรายชื่อจะเป็นอย่างไร เดี๋ยวมาคุยกัน

เมื่อถามว่าได้เน้นย้ำกับพรรคร่วมรัฐบาลหรือไม่ โดยเฉพาะการนำคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญมาเป็นบรรทัดฐานใหม่เรื่องคุณสมบัติการเป็นรัฐมนตรี นายภูมิธรรม มองว่าไม่ได้คิดว่าเป็นมาตรฐานใหม่หรือเก่า ขณะนี้มีเหตุการณ์เกิดขึ้นแล้วเกิดปัญหาทางการเมือง สิ่งที่สำคัญขณะนี้เราดำเนินการตามกระบวนการและปกติเมื่อร่วมกันจัดตั้งรัฐบาลก็เปิดชื่อนายกรัฐมนตรีมาก่อน กระบวนการจากนี้จะปฏิบัติหน้าที่ได้ก็ต้องแถลงนโยบายต่อรัฐสภาและถวายสัตย์ปฏิญาณตน ส่วนเรื่องคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญจะเป็นอย่างไรก็ให้สองหน่วยงานที่เกี่ยวข้องไปตรวจสอบ และเมื่อได้รายชื่อที่ทุกส่วนเห็นว่าเหมาะสมก็จะมาพิจารณาถึงกระทรวงต่างๆ อีกทั้งขณะนี้ได้มีการตั้งคณะกรรมการ เพื่อจัดทำนโยบายรัฐบาล

ส่วนบางพรรคการเมืองที่ยังมีความไม่ชัดเจนภายในและมีความขัดแย้ง พรรคเพื่อไทยได้เตรียมแผนสำรองดึงพรรคอื่นมาร่วมหรือไม่ นายภูมิธรรม ยืนยันไม่มีแผนสำรอง เป็นหน้าที่แต่ละพรรคต้องตัดสินใจ เราจะขอความชัดเจนจากพรรคร่วมที่ตัดสินใจแล้วจึงจะมาคิดว่าเราจะแก้ปัญหาอย่างไร เพราะเรายังไม่รู้ว่าส่วนที่พรรคที่มีปัญหาภายใน ถ้าจัดการกันได้ก็จบ แต่ย้ำว่ายังไงก็ต้องทำตามกรอบเวลา

ส่วนจะต้องเซฟนายกรัฐมนตรีไม่ให้มีบุคคลสุ่มเสี่ยงเข้ามาเป็นคณะรัฐมนตรีหรือไม่ นายภูมิธรรม ระบุว่า ให้เป็นไปตามกระบวนการ และตอนนี้เป็นกระบวนฟอร์มคณะรัฐมนตรีร่วมกัน มีความเห็นร่วมกันของนายกรัฐมนตรีและพรรคร่วมรัฐบาล

เมื่อถามว่าจะมีพรรคการเมืองเข้ามาเพิ่มเติมหรือไม่ นายภูมิธรรม บอกว่าเป็นคำถามเดิม ซึ่งพรรคที่จับมือกันและโหวตนายกรัฐมนตรีเป็นพรรคที่จะร่วมมือกัน แต่ไม่ได้หมายความว่าทุกพรรคที่โหวตแล้วจะต้องมาตั้งคณะรัฐมนตรีร่วมกัน ซึ่งต้องขึ้นอยู่กับสถานการณ์ และขณะนี้ 6 พรรคการเมืองก็ได้ร่วมจัดตั้งรัฐบาล ส่วนพรรคอื่นที่เติมมานั้นก็เป็นแต่ละเรื่องแต่ละส่วน และการตั้ง ครม. ก็ขึ้นอยู่กับนายกรัฐมนตรี

เมื่อถามว่าจากผลโหวตนายกรัฐมนตรีถือเป็นการปิดประตูพรรคประชาธิปัตย์เลยหรือไม่ นายภูมิธรรม บอกว่า ยังไม่คิดอะไรถึงขนาดนั้น คิดถึงแค่ตรงนี้เพราะต้องนี้ก็ยังแก้ปัญหาอยู่

เมื่อถามว่าพรรคไทยสร้างไทยที่โหวตให้ 6 เสียงได้ต่อรองหรือไม่ นายภูมิธรรม ยืนยันยังไม่เคยคุยอะไรกับพรรคไทยสร้างไทยเลย ส่วนที่โหวตให้ก็ถือเป็นเอกสิทธิ์ของ สส. .-316 – สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

รวบแล้ว! โจรบุกเดี่ยวชิงทอง 163 บาท กลางห้างย่านบางบ่อ

สมุทรปราการ 20 ส.ค. – หนีไม่รอด รวบโจรสวมชุดไรเดอร์ บุกเดี่ยวชิงทองกลางห้างดัง จ.สมุทรปราการ กวาดทอง 163 บาท พบของกลางบางส่วนซุกตู้ลำโพงในบ้าน จากกรณีคนร้ายแต่งตัวคล้ายไรเดอร์ สวมหมวกกันน็อกเต็มใบ สะพายกระเป๋าข้าง บุกเข้าไปในร้านทอง พร้อมใช้อาวุธปืนข่มขู่พนักงาน ก่อนกระโดดข้ามตู้หน้าร้าน กวาดสร้อยคอและสร้อยข้อมือทองคำ น้ำหนักรวม 163 บาท เป็นทองคำรูปพรรณประเภทสร้อยข้อมือ หนัก 5 บาท ประมาณ 5 เส้น น้ำหนัก 25 บาท, น้ำหนัก 3 บาท ประมาณ 30 เส้น น้ำหนักรวม 90 บาท, หนัก 2 บาท ประมาณ 24 เส้น น้ำหนักรวม 48 บาท (รวมสร้อยข้อมือ 79 เส้น) ก่อนวิ่งขึ้นรถ จยย.ที่จอดอยู่ด้านหน้า […]

หลักฐานชัด! ทหารกัมพูชาลอบวางทุ่น PMN-2 ภูมะเขือ

19 ส.ค.- กองทัพเรือพบหลักฐานสำคัญ ยืนยันทหารกัมพูชาลักลอบใช้ทุ่นระเบิด PMN-2 บริเวณภูมะเขือ เมื่อวันที่ 19 สิงหาคม 2568 ชุดเก็บกู้กวาดล้างที่ 1 หน่วยปฏิบัติการทุ่นระเบิดเพื่อมนุษยธรรมกองทัพเรือ (นปท.ทร.) ซึ่งสนับสนุนการปฏิบัติงานเก็บกู้และกวาดล้างทุ่นระเบิดในพื้นที่ภูมะเขือ จังหวัดศรีสะเกษ ร้อย ร.132 พัน.13 (ฐานเหนือเมฆ) ตรวจพบโทรศัพท์มือถือของทหารกัมพูชาที่ทิ้งไว้ในพื้นที่ดังกล่าว เจ้าหน้าที่ได้ทำการตรวจสอบภายในเครื่อง พบคลิปวิดีโอและภาพถ่ายที่แสดงให้เห็นชัดเจนว่า ทหารกัมพูชากำลังถือทุ่นระเบิดชนิด PMN-2 พร้อมทั้งมีการบันทึกเสียงเป็นภาษาเขมร คาดว่าเป็นการสาธิตวิธีการใช้งาน ก่อนนำไปลักลอบฝังในพื้นที่ชายแดนไทย หลักฐานจากโทรศัพท์ยังระบุวันเวลาที่ถ่ายภาพและวิดีโอไว้อย่างชัดเจน จึงนับเป็นพยานหลักฐานสำคัญที่ยืนยันพฤติกรรมการละเมิดข้อตกลง และการใช้ทุ่นระเบิด ซึ่งขัดต่ออนุสัญญาระหว่างประเทศอย่างร้ายแรง ทั้งนี้ เจ้าหน้าที่ นปท.ทร. ได้แสดงถึงความรอบคอบและไหวพริบในการตรวจสอบหลักฐานทันที ก่อนส่งมอบให้หน่วยกองทัพบกในพื้นที่ เพื่อดำเนินการตามขั้นตอนต่อไป. – สำนักข่าวไทย

“ทศพล” รุดมอบมาลัย “ภูมิธรรม” หลัง ครม.ชงนั่งผู้ว่าฯ เชียงใหม่

กองบินตำรวจ 20 ส.ค.-“ภูมิธรรม” เตรียมแถลงจับยาเสพติดลอตใหญ่ “ทศพล” รุดมอบมาลัย หลัง ครม.ชงนั่งผู้ว่าฯ เชียงใหม่ ผู้สื่อข่าวรายงานว่าเวลา 8.00 น. ที่กองบินตำรวจ นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย รักษาราชการแทนนายกรัฐมนตรี เดินทางมาขึ้นเครื่อง เพื่อไปแถลงข่าวจับกุมผู้ต้องหาคดียาเสพติดล็อตใหญ่ ที่จังหวัดเชียงใหม่ โดยมีนายอรรษิษฐ์ สัมพันธรัตน์ ปลัดกระทรวงมหาดไทย พลตํารวจโท ภาณุรัตน์ หลักบุญ เลขาธิการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด นายนิรัตน์ พงษ์สิทธิถาวร อธิบดีกรมการปกครอง นายชนินทร์ รุ่งธนเกียรติ เลขานุการ รมว.มหาดไทย ร่วมเดินทางด้วย ทั้งนี้เมื่อนายภูมิธรรมเดินทางมาถึง นายทศพล เผื่อนอุดม ผู้ตรวจราชการ กระทรวงมหาดไทย ที่ ครม. มีมติเมื่อ 19 ส.ค. แต่งตั้งให้ไปดำรงตำแหน่งผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ ได้นำพวงมาลัยมามอบให้นายภูมิธรรมและปลัดกระทรวงมหาดไทย และร่วมเดินทางกับคณะด้วย โดยมีสีหน้ายิ้มแย้ม อย่างไรก็ตามก่อนเดินทางเลขาธิการ ป.ป.ส. ได้รายงานสถานการณ์ยาเสพติดให้นายภูมิธรรมรับทราบ.-319.-สำนักข่าวไทย

มท.ชง ครม.แต่งตั้งโยกย้ายบิ๊กลอต 25 ตำแหน่ง

กทม.19ส.ค.-มท.ชง ครม.แต่งตั้งโยกย้ายบิ๊กลอต 25 ตำแหน่ง ผู้ว่าฯ หนองบัวลำพู ผงาดขึ้นอธิบดี พช. โยก “สยาม” นั่งพ่อเมืองปากน้ำ ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในการประชุมคณะรัฐมนตรี วันนี้ กระทรวงมหาดไทย เตรียมเสนอแต่งตั้งโยกย้ายข้าราชการตำแหน่งบริหารระดับสูงให้ ครม.พิจารณาเห็นชอบรวม 25 ตำแหน่ง อาทิ นายสยาม ศิริมงคล อธิบดีกรมการพัฒนาชุมชน เป็นผู้ว่าฯ สมุทรปราการ นายจุมพฎ วรรณฉัตรสิริ ผู้ว่าฯ บึงกาฬ เป็นรองปลัดกระทรวงมหาดไทย นายชูชีพ พงษ์ไชย ผู้ว่าฯ ตาก เป็นรองปลัดกระทรวงมหาดไทย นายสุรศักดิ์ อักษรกุล ผู้ว่าฯ หนองบัวลำภู เป็นอธิบดีกรมการพัฒนาชุมชน นายนริศ นิรามัยวงศ์ ผู้ว่าฯ สมุทรสาคร เป็นผู้ว่าฯ ชลบุรี นายทศพล เผื่อนอุดม ผู้ตรวจราชการกระทรวงมหาดไทย เป็นผู้ว่าฯ เชียงใหม่ ว่าที่พันตรี อดิศักดิ์ น้อยสุวรรณ ผู้ว่าฯ […]

ข่าวแนะนำ

แผ่นดินไหวนอกชายฝั่งเมียนมา เกิดจากรอยเลื่อนสะกาย ย้ำ กทม.ไม่กระทบโครงสร้าง

กรุงเทพฯ 21 ส.ค. – กรมทรัพยากรธรณี เผยเหตุแผ่นดินไหว ขนาด 5.4 ความลึก 10 กม. เกิดจากการเคลื่อนตัวแนวระนาบของรอยเลื่อนสะกาย บริเวณนอกชายฝั่งตอนใต้ของเมียนมา ห่างจากกรุงเทพฯ ประมาณ 500 กม. ด้านสมาคมวิศวกรโครงสร้างฯ เตือนอย่าตื่นตระหนก คนกรุงบนตึกสูงรู้สึกสั่น แต่ไม่กระทบโครงสร้าง กรมทรัพยากรธรณีชี้แจงกรณีแผ่นดินไหวขนาด 5.4 ความลึก 10 กิโลเมตร เมื่อเวลา 09.58 น. ตามเวลาประเทศไทย บริเวณนอกชายฝั่งตอนใต้ของสาธารณรัฐแห่งสหภาพเมียนมา ซึ่งห่างจากกรุงเทพมหานครประมาณ 500 กิโลเมตร การตรวจสอบพบว่าแผ่นดินไหวครั้งนี้ เกิดจากการเคลื่อนตัวของ “รอยเลื่อนสะกาย” แนวระนาบเหลื่อมขวา (right-lateral strike-slip fault) ซึ่งมีอัตราการเคลื่อนที่เฉลี่ยปีละ 2 เซนติเมตร รอยเลื่อนนี้เคยสร้างแผ่นดินไหวใหญ่หลายครั้ง อาทิ ปี 2473 ขนาด 7.3 มีผู้เสียชีวิตกว่า 500 คน และเมื่อ 28 […]

นายกฯ พยักหน้ารับกำลังใจดี ศาล รธน.นัดชี้ชะตา 29 ส.ค.

ศาลรัฐธรรมนูญ 21 ส.ค.- นายกฯ พยักหน้ารับกำลังใจดี หลังไต่สวนคดีคลิปเสียงเสร็จ ประชาชนตะโกน “นายกฯ สู้ๆ” ด้านศาล รธน. นัดอ่านคำวินิจฉัยคดี 29 ส.ค. ย้ำ ห้ามเผยแพร่ข้อมูลและห้ามบิดเบือน ภายหลังการไต่สวนนางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม ประมาณ 1 ชั่วโมง 30 นาที คดีคลิปเสียงสนทนาระหว่างนางสาวแพทองธาร และสมเด็จฮุน เซน ประธานวุฒิสภากัมพูชา ศาลรัฐธรรมนูญได้กลับมาเผยแพร่โทรทัศน์วงจรปิดอีกครั้ง โดยนายนครินทร์ เมฆไตรรัตน์ ประธานศาลรัฐธรรมนูญ ระบุว่า ศาลได้บันทึกเสียงและภาพการไต่สวนแล้ว และย้ำอีกครั้งว่า ห้ามผู้เข้าฟังการไต่สวน นำข้อมูลการไต่สวนไปเผยแพร่ และห้ามมิให้บิดเบือนข้อเท็จจริงและข้อกฎหมายในลักษณะที่สร้างความเข้าใจผิดต่อสาธารณชน ศาลได้สั่งให้คู่กรณียื่นคำแถลงปิดคดีภายในวันจันทร์ที่ 25 ส.ค. จากเดิมให้ยื่น 27 ส.ค. ซึ่งหากไม่ยื่นจะถือว่าไม่ติดใจ และนัดแถลงด้วยวาจาปรึกษาหารือและลงมติ วันที่ 29 ส.ค. เวลา 09.30 น. นัดอ่านคำวินิจฉัยในวันเดียวกัน เวลา 15.00 […]

แม่ทัพภาคที่ 4 สั่งคุมเข้ม หลังเหตุคาร์บอมบ์ อ.ตากใบ จ.นราธิวาส

นราธิวาส 21 ส.ค. – ความคืบหน้าเหตุคาร์บอมบ์ ในพื้นที่ อ.ตากใบ จ.นราธิวาส เมื่อคืนที่ผ่านมา อส.บาดเจ็บ 6 นาย แม่ทัพภาคที่ 4 รุดตรวจที่เกิดเหตุ สั่งปิดช่องทางหลบหนี คุมเข้มแนวชายแดน ภาพจากกล้องวงจรปิด เหตุคาร์บอมบ์เมื่อคืนนี้ ช่วงเวลา 20.20 น. บริเวณหน้า จุดตรวจ/จุดสกัด ฐาน ชคต.ศาลาใหม่ ม.1 บ้านโคกมะเฟือง อ.ตากใบ จ.นราธิวาส ก่อนคนร้ายอาศัยความมืดหลบหนีไปทางซอยศูนย์วิจัยและพัฒนาประมงทะเล จังหวัดนราธิวาส โดยคนร้ายไม่ทราบจำนวนก่อเหตุใช้รถยนต์ Toyota Yaris สีดำ บรรทุกวัตถุระเบิด ขับเข้าพุ่งชนแนวกระสอบทรายบริเวณดังกล่าว ก่อนคนร้ายอาศัยความมืดหลบหนีไปทางซอยศูนย์วิจัยและพัฒนาประมงทะเล จังหวัดนราธิวาส แรงระเบิดส่งผลให้เจ้าหน้าที่อาสาสมัคร (อส.) ที่ปฏิบัติหน้าที่ประจำจุดได้รับบาดเจ็บ 6 นาย ขณะเดียวกันเจ้าหน้าที่ในฐานได้ยิงตอบโต้เพื่อสกัดกั้นเส้นทางของคนร้าย หลังเกิดเหตุ พล.ท.ไพศาล หนูสังข์ แม่ทัพภาคที่ 4 ผอ.รมน.ภาค 4 สั่งการเร่งด่วนให้หน่วยกำลังในพื้นที่ปฏิบัติตามแผนสกัดกั้น ประสานทุกภาคส่วนร่วมปิดล้อมตรวจสอบเส้นทาง […]

รองแม่ทัพภาค 2 โพสต์เล่าที่มาปัญหา “ช่องอานม้า”

21 ส.ค. – รองแม่ทัพภาค 2 โพสต์เล่าที่มาปัญหา ‘ช่องอานม้า’ เป็นบทเรียนของไทย ชี้ความเพิกเฉยต่อประเด็นความมั่นคง ส่งผลให้เกิดปัญหาใหญ่ระยะยาว พลตรีณัฏฐ์ ศรีอินทร์ รองแม่ทัพภาคที่ 2 โพสต์เล่าเกี่ยวกับพื้นที่ช่องอานม้า อำเภอน้ำยืน ว่าความจริงมีหนึ่งเดียว โดยช่องอานม้าเป็นช่องเขาลักษณะคล้ายอานม้า เป็นช่องทางธรรมชาติใช้ชักลากไม้นำเข้าจากกัมพูชา ห้วงสงครามกลางเมืองชาวกัมพูชาได้หนีภัยสู้รบเข้ามา ไทยได้เอื้อเฟื้อ ตั้งศูนย์อพยพตามหลักมนุษยธรรม โดยมีหน่วยงานสหประชาชาติอำนวยการ หลังการสู้รบ ได้ส่งคืนผู้อพยพกลับประเทศ แต่มีส่วนหนึ่งยังคงปักหลักตั้งถิ่นฐานไม่ยอมกลับ ด้วยหลักมนุษยธรรมที่สากลนำมากล่าวอ้างและความไม่เด็ดขาดของเรา ทำให้ไม่สามารถผลักดันกลุ่มคนเหล่านี้ออกจากพื้นที่ได้หมดและยืดเยื้อจนเป็นปัญหาถึงปัจจุบัน ปี 2542 ไทยและกัมพูชา เห็นชอบเปิดช่องอานม้าเป็นจุดผ่อนปรนเพื่อการค้า กำหนดให้ตลาดฝั่งกัมพูชาอยู่ชุมชนเดิม แต่กัมพูชาจับจองพื้นที่ขยายชุมชนจาก 30 หลังเป็นกว่า 100 หลัง ขณะที่ตลาดฝั่งไทยกลับลึกเข้ามาจากแนวเขตแดน 300 เมตร ปี 2554 ในขณะมีข้อขัดแย้งพื้นที่เขาพระวิหาร กัมพูชาใช้ห้วงเวลาที่เราตรึงการรบแอบสร้างอนุสาวรีย์ตาอม และปรับปรุงมาเรื่อยๆ จากแบบชั่วคราว จนเป็นแบบถาวรและขยายบ้านเรือน ฝ่ายทหารได้พยายามแก้ไขด้วยการเจรจาและประท้วง ผ่านกลไกทางทหารและกระทรวงการต่างประเทศ รวม 65 ครั้ง แต่ฝ่ายกัมพูชาเพิกเฉย ซึ่งสร้างความอึดอัดแก่ทหารในพื้นที่เป็นอย่างมาก […]