รัฐสภา 25 ก.ค. – กมธ.ความมั่นคงฯ มีมติพิจารณายกระดับมาตรการทางการทูต พร้อมทำหนังสือถึงกองบัญชาการกองทัพบก และสำนักงานสภาความมั่นคงแห่งชาติ แก้ปัญหายาเสพติดและอาชญากรข้ามชาติ
นายปิยรัฐ จงเทพ สส.กรุงเทพฯ พรรคก้าวไกล ในฐานะโฆษกคณะกรรมาธิการความมั่นคงแห่งรัฐ กิจการชายแดนไทยยุทธศาสตร์ชาติและการปฏิรูปประเทศ แถลงผลการประชุมคณะ กมธ.ความมั่นคงแห่งรัฐฯ ว่าผลการพิจารณาปัญหาและแนวทางแก้ไขการทะลักเข้ามาของยาเสพติดตามแนวชายแดนไทยที่สืบเนื่องมาจากปัญหาความขัดแย้งในเมียนมา ได้เชิญผู้แทนจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องมาให้ข้อมูลต่อคณะกรรมาธิการ ดังนี้
1.รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ (นายรุ่งรักษ์ จันทร์ประเสริฐ นักการทูตชำนาญการพิเศษ) 2.รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม มอบหมายสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบยาเสพติด (นายโชติพันธุ์ จุลเพชร นักสืบสวนสอบสวนเชี่ยวชาญ)
3.กระทรวงมหาดไทย (นายสมชัย เลิศประสิทธิพันธ์ รองอธิบดีกรมการปกครอง) 4.กองบัญชาการทหารบก (พล.ต.กิตติพงศ์ ชื่นใจชน รองแม่ทัพภาคที่ 3) 5.กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร (พล.ต.ฉกาจ ขันตี รอง ผอ.ศูนย์การปฏิบัติ 2 กอ.รมน.)
6.กองบัญชาการตำรวจตระเวนชายแดน (พล.ต.ต.กิตติศักดิ์ จำรัสประเสริฐ รองผู้บัญชากาการ ตชด.) 7.ผู้แทนสำนักงานปราบปรามยาเสพติด กระทรวงยุติธรรมสหรัฐอเมริกา (Mr.Nicholas J. Willis)
ทั้งนี้ คณะกรรมาธิการรับทราบถึงสภาพปัญหาการเพิ่มขึ้นของปริมาณยาเสพติดที่ผ่านเข้ามาตามแนวชายแดน โดยเฉพาะหลังการทำรัฐประหารในเมียนมา ซึ่งหน่วยงานความมั่นคง ร่วมกับกระทรวงมหาดไทย ชี้แจงตรงกันถึงสถานการณ์ยาเสพติดที่มีปริมาณเพิ่มขึ้น โดยมีมาตรการในการลาดตระเวนชายแดน ตั้งจุดตรวจสกัดกั้น สืบสวนจับกุม และการส่งเสริมความมั่นคงตามหมู่บ้านชายแดนอย่างต่อเนื่อง พร้อมกล่าวถึงความท้าทายที่เกิดจากการปรับเปลี่ยนเส้นทางของขบวนการที่ใช้เส้นทางตามแนวแม่น้ำโขงมากขึ้น โดยร้องขอให้มีการสนับสนุนด้านเทคโนโลยีในการสกัดกั้นและจับกุม
ด้านกระทรวงการต่างประเทศ มีความพยายามส่งเสริมความร่วมมือกับทั้งประเทศต้นทาง ได้แก่ รัฐบาลเมียนมา และลาว ไปจนถึงออสเตรเลีย และสหรัฐอเมริกา เพื่อปฏิบัติการร่วมตามแนวชายแดน อีกทั้งเน้นย้ำเรื่องความสำคัญของขบวนการยาเสพติด ในฐานะช่องทางสำคัญในการหาทุนเพื่อซื้ออาวุธของกลุ่มผู้ก่อความรุนแรงในเมียนมา
สำนักงานปราบปรามยาเสพติด กระทรวงยุติธติรรมสหรัฐอเมริกา ให้ข้อมูลว่ายาเสพติดที่ผลิตในเมียนมา เป็นยาเสพติดที่ได้รับความนิยมสูงสุดของโลกในเวลานี้ อีกทั้งมีเครือข่ายผลิตที่ใหญ่เป็นอันดับต้นๆ ของโลก ซึ่งใช้ประเทศไทยเป็นทางผ่านไปสู่ปลายทางทั่วโลก พร้อมเสนอให้รัฐบาลไทยออกกฎหมายควบคุมสารเคมีที่สามารถนำไปใช้เป็นสารตั้งต้นเพื่อผลิตยาเสพติด เพิ่มความรัดกุม และลดทอนความสามารถในการผลิตลง
ทั้งนี้ คณะกรรมาธิการแสดงความห่วงกังวลถึงการขยายอิทธิพลของกลุ่มเครือข่ายยาเสพติดประเทศเพื่อนบ้าน โดยมีเพียงมาตรการด้านการป้องกันเป็นหลัก ไม่สามารถดำเนินการเชิงรุกแก้ไขปัญหาได้มาก คณะกรรมาธิการความมั่นคงแห่งรัฐฯ จึงมีมติและข้อคิดเห็น ดังต่อไปนี้
1.ขอให้กระทรวงการต่างประเทศ พิจารณายกระดับมาตรการทางการทูต เพื่อสร้างความร่วมมือกับทางการจีน ในการแก้ปัญหายาเสพติด และเครือข่ายอาชญากรรมข้ามชาติในเมียนมา
2.คณะกรรมาธิการฯ จะทำหนังสือถึงกองบัญชาการกองทัพบก และสำนักงานสภาความมั่นคงแห่งชาติ เพื่อขอข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับแหล่งผลิตยาเสพติดตามแนวชายแดนไทย และประเทศเพื่อนบ้าน เพื่อประกอบการพิจารณาของคณะกรรมาธิการฯ ต่อไป.-317-สำนักข่าวไทย