กมธ.ความมั่นคงฯ ซัด “มาริษ” ไม่เคยให้ความร่วมมือ

รัฐสภา 26 มิ.ย.-กมธ.ความมั่นคงฯ เรียก กต.แจงคืบหน้าแก้ปัญหาชายแดนไทย-กัมพูชา ซัด “มาริษ” ไม่เคยให้ความร่วมมือ คิดว่าตัวเองทำงานได้ ชี้ไทยต้องตระหนักเรื่องการทูตมากกว่านี้ บอกทีมไทยแลนด์อย่าประมาท เตรียมรับมือขึ้นศาลโลก อย่าคิดว่าเขาจะไม่สามารถเอาเราขึ้นศาลโลกได้

นายรังสิมันต์ โรม สส. บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชนในฐานะประธาน คณะกรรมาธิการความมั่นคงแห่งรัฐ กิจการชายแดนไทย ยุทธศาสตร์ชาติและการปฏิรูปประเทศ สภาผู้แทนราษฎร กล่าวถึงการประชุมกรรมาธิการวันนี้ ว่า จะสอบถามกระทรวงการต่างประเทศถึงการเตรียมความพร้อมว่า กัมพูชามีความก้าวหน้าในเรื่องของการเตรียมการ ที่จะพาประเทศไทยไปศาลโลกอย่างไรบ้าง ไม่ใช่แค่เรื่องของกฎหมายแต่เป็นเกมทางการเมืองที่เขาต้องการให้ ไทยไปสู่ศาลโลกด้วย


นอกจากนี้มีการเชิญนักวิชาการมาร่วมให้ข้อมูลด้วย เช่น อ.อัครพงษ์ ค่ำคูณ และอ.ภัทรพงษ์ แสงไกร ซึ่งเป็นนักวิชาการที่มีความเชี่ยวชาญ ทางด้านกฎหมายระหว่างประเทศ เชี่ยวชาญในเรื่องข้อเท็จจริงด้านประวัติศาสตร์ วันนี้ อาจารย์ทั้งสองคนเตรียมข้อมูลมาค่อนข้างดี จึงหวังว่าจะเป็นประโยชน์กับกระทรวงการต่างประเทศ

ทั้งนี้ สิ่งที่กรรมาธิการความมั่นคงฯ พยายามที่จะทำ คือต้องการบรรลุเป้าหมายแก้ปัญหาความขัดแย้ง ระหว่างประเทศไทยและกัมพูชา ด้วยวิธีการทวิภาคี และมองว่า ถ้าขึ้นศาลโลกไม่มีใครชนะแท้จริงและไม่มีใครแพ้จริง เอา 2 ประเทศต้องตั้งอยู่ตรงนี้ร่วมกัน และไม่อยากให้เป็นบาดแผลประวัติศาสตร์ของทั้งสองประเทศ ไม่อยากให้คนไทยและคนกัมพูชา มีความขัดแย้งกัน วันนี้ที่สถานการณ์มาถึงจุดนี้เกิดขึ้นจากคนไม่กี่คน ดังนั้น เราพยายามทำทุกวิธีทาง ที่จะทำให้มั่นใจว่าคนไกล ทวิภาคี มีความเป็นไปได้ แต่ต้องยอมรับว่าณจุดนี้ยังไม่ง่าย เรื่องศาลโลกก็ส่วนหนึ่งแต่เรื่องที่จะนำไปสู่กลไกทวิภาคีเรายังไม่เห็นความคืบหน้าเท่าไหร่


เมื่อถามว่า ทางฝั่งกัมพูชามองว่ากลไกทวิภาคีทำได้ยาก และกลไกที่ปั่นป่วนอยู่ขณะนี้เป็นเพราะกัมพูชาต้องการให้ขึ้นศาลโลกอย่างเดียว นายรังสิมันต์ กล่าวว่า รัฐบาลกัมพูชาอาจจะไม่อยากเข้าสู่กลไกทวิภาคี อยากใช้กลไกอย่างศาลโลก แต่ในความเป็นจริงสถานการณ์ไทยกับกัมพูชายังสามารถที่จะหาแนวทางสร้างกลไกทวิภาคีได้

“ทุกฝ่ายรวมไปถึงรัฐบาลกัมพูชาพึงตระหนักว่า ประเทศทั้ง 2 ประเทศจะต้องตั้งอยู่ตรงนี้ พวกเราไม่ว่าจะเป็นบทบาทไหนต่างมาก็ต่างไป เราไม่ควรที่จะทิ้งบาดแผล ระหว่าง 2 ประเทศแต่เรา ควรที่จะหาแนวทางของทั้ง 2 ประเทศที่จะอยู่ร่วมกันและแก้ไขปัญหา นี่คือแนวทางที่ควรจะเป็น” นายรังสิมันต์ กล่าว

นายรังสิมันต์ ยังกล่าวต่อว่า ถ้ากัมพูชาไม่อยากใช้กลไกทวีภาคี วันนี้เป็นโอกาสที่กรรมาธิการที่จะได้พูดคุยกับกระทรวงการต่างประเทศ ซึ่งอยากจะคุยกับนายมาริษ เสงี่ยมพงษ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ แต่นายมาริษไม่เคยให้ความร่วมมือกับกรรมาธิการ และคิดว่าตัวเองสามารถแก้ไขปัญหาต่างๆได้ แต่ในความเป็นจริงกระทรวงการต่างประเทศไม่ประสบความสำเร็จทางการทูตเลย แทนที่จะได้นำข้อแนะนำต่างๆ ที่เป็นประโยชน์ไปปรับใช้


“ถ้ากัมพูชาไม่อยากจะใช้กลไกทวิภาคีจริง ข้อแนะนำเบื้องต้นคือเราต้องทำการทูตกับประเทศต่างๆ อย่างประเทศฝรั่งเศส ที่ทางกัมพูชาพยายามทำทุกวิถีทาง ที่จะทำงานทางการทูตกับฝรั่งเศส หรือแม้กระทั่งกับทั่วโลกเพื่อให้เห็นว่า กัมพูชาไม่มีความจริงใจในการแก้ปัญหาเรื่องนี้อย่างไร ซึ่งเรื่องนี้เป็นส่วนหนึ่งที่ประเทศไทยจะต้องทำงานหนัก ทางการทูตมากกว่านี้”นายรังสิมันต์กล่าว

เมื่อถามถึง กรณีที่สมเด็จฮุน เซน ออกมาพูดว่าไทยจะมีนายกรัฐมนตรีคนใหม่ ภายใน 3 เดือน นายรังสิมันต์ กล่าวว่า ต้องรู้เท่าทันความพยายามของสมเด็จฮุน เซน มันเป็นสงครามจิตวิทยาที่ เขารู้ว่าเมื่อโพสต์อะไรในตอนนี้ คนไทยจะติดตาม แต่ตนอยากบอกว่าอย่าไปสนใจเยอะ ทั้งหมดนี้เป็นความพยายาม แทรกแซงกิจการภายในของไทย ซึ่งรัฐบาลจะต้องไม่ยอมให้เกิดขึ้น ขณะเดียวกันภายในประเทศไทยมีกลไกในการตรวจสอบรัฐบาลมากมาย และสิ่งที่ปรากฏในคลิปเสียงเป็นสิ่งที่แย่มากๆ สำหรับคนที่เป็นนายกรัฐมนตรี จึงจะบรรจุเรื่องของคลิปเสียงในการประชุม กรรมาธิการต่อไป รวมถึงคลิปเสียงที่สั่งการ ให้มีการฆาตกรรมนักการเมืองกัมพูชาในไทยด้วย

พร้อมกันนี้ นายรังสิมันต์ ยังกล่าวถึงมาตรการปิดด่านตามแนวชายแดนว่า รายละเอียดเรื่องการบริหารจัดการผลกระทบที่เกิดขึ้นทั้งในแง่ของบริษัทไทยที่ไปลงทุนในกัมพูชา รวมถึงบริษัทสัญชาติอื่นๆ ที่ไปลงทุนในไทยตามแนวชายแดน ซึ่งบริษัทเหล่านี้จะส่งวัตถุดิบกลับเข้ามาในไทย ดังนั้น หากไทยไม่มีมาตรการรองรับในการปิดด่านบริษัทเหล่านี้อาจจะย้าย ไปลงทุนในประเทศอื่น ซึ่งสุดท้ายจะสร้างความเสียหายต่อเศรษฐกิจไทย จึงอยากฝากไปถึงนายกรัฐมนตรี นางสาวแพทองธาร ชินวัตร หากจะมีมาตรการอะไรที่เกี่ยวข้องกับชายแดนจะต้องคิดอย่างรอบคอบ

ส่วนเรื่องการประท้วงของฝั่งกัมพูชามองว่าเป็นเรื่องธรรมดา เพราะตอนที่มีความขัดแย้งกับเมียนมา ก็มีเหตุการณ์ในลักษณะนี้เช่นเดียวกัน เพียงแต่ต้องมีมาตรการในการรับมือ ซึ่งสิ่งที่สงสัยในตอนนี้ มาตรการเรื่องการตัดไฟ เนื่องจากมีข่าวว่ายังไม่ได้ตัดไฟทุกจุด จึงจะถาม กระทรวงการต่างประเทศว่ามีข้อมูลในเรื่องนี้หรือไม่เพื่อนำมาพิจารณา

นอกจากนี้ยังมีประเด็นที่สื่อรายงานว่า ยังมีการส่งน้ำมันจากไทยไปกัมพูชาอยู่ ถึงต้องถามความชัดเจน ถึงแนวทางของรัฐบาลว่าจะดำเนินการเรื่องนี้อย่างไร

นายรังสิมันต์ ยังกล่าวว่า สิ่งที่รัฐบาลต้องดำเนินการ แบ่งออกเป็น 3 เรื่องคือ 1. อาชญากรรมข้ามชาติ ซึ่งการปราบปรามคอลเซ็นเตอร์เป็นภารกิจที่ต้องทำ ไม่ใช่เกมต่อรองกับกัมพูชา เพราะหากประเทศของเขาไม่ต้องพึ่งพาธุรกิจเทา-ดำ การเจรจาก็จะง่ายขึ้นดังนั้น นายมาริษ ต้องรีบไปพูดคุยกับสหรัฐอเมริกา ที่พร้อมให้ความร่วมมือกับไทย

2.เรื่องการทูต ที่ไทยต้องทำงานหนักกว่านี้ เพื่อทำให้เกิดความเข้าใจ ว่ากัมพูชาพยายามจุดไฟเพื่อสร้างความขัดแย้ง และ 3.การรับมือกับหารขึ้นศาลโลก ต้องเตรียมทีมไทยแลนด์ด้านกฎหมายไว้รับมือกับสถานการณ์ เพราะตอนนี้กัมพูชาได้นำหน้าเราไปเป็นเวลานาน หากไทยไม่เตรียมการเรื่องนี้อาจเสียทีได้ อย่าคิดว่าเขาจะไม่สามารถเอาเราขึ้นศาลโลกได้ อย่าประมาทเด็ดขาด.-315.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

ชูความสำเร็จทีมไทยแลนด์ ปิดดีลภาษีสหรัฐที่ 19%

ทำเนียบ 1 ส.ค.-โฆษกรัฐบาล เผย ปิดดีลภาษีนำเข้าสหรัฐสำเร็จที่ 19% เกาะกลุ่มระดับใกล้เคียงกับประเทศในภูมิภาค ชู เป็นอีกหนึ่งความสำเร็จสำคัญของทีมไทยแลนด์ ในแนวทาง Win-Win นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า รัฐบาลไทยสามารถเจรจาและบรรลุข้อตกลงเกี่ยวกับอัตราภาษีนำเข้าต่างตอบแทน (Reciprocal Tariffs) กับสหรัฐอเมริกาได้สำเร็จ โดยขณะนี้ รัฐบาลสหรัฐได้ประกาศแล้วว่าจะเรียกเก็บอัตราภาษีนำเข้าฯ จากสินค้าของไทยในอัตรา 19 % ซึ่งข้อตกลงดังกล่าวจะมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันนี้วันที่ 1 สิงหาคม 2568 เป็นต้นไป นายจิรายุ กล่าวว่า อัตราภาษีดังกล่าวที่ ต่ำกว่า อัตราเดิม 36 % และเกาะอยู่อยู่ในระดับใกล้เคียงกับประเทศในภูมิภาค อาทิ เวียดนาม ฟิลิปปินส์ และญี่ปุ่น สามารถรักษาการแข่งขันได้ เมื่อเทียบกับประเทศอื่นในภูมิภาคอาเซียน ซึ่งได้เจรจากับสหรัฐสำเร็จแล้วก่อนหน้านี้ “การปิดดีลครั้งนี้ของรัฐบาลไทย ในระดับภาษีนำเข้าฯ ไว้ที่ 19% ถือเป็นอีกหนึ่งความสำเร็จสำคัญของทีมไทยแลนด์ ในแนวทาง Win-Win เพื่อรักษาฐานการส่งออกและเสถียรภาพทางเศรษฐกิจของประเทศในระยะยาว ย้ำถึงศักยภาพของประเทศไทยในเวทีการค้าโลก ท่ามกลางความเปลี่ยนแปลงในนโยบายการค้าระหว่างประเทศ” นายจิรายุกล่าว […]

รพ.สรรพสิทธิประสงค์ แจ้งยกเลิกรับผู้ป่วยกัมพูชาชั่วคราว

อุบลราชธานี 31 ก.ค. – โรงพยาบาลสรรพสิทธิประสงค์ จังหวัดอุบลราชธานี ออกหนังสือขอยกเลิกการให้บริการผู้ป่วยชาวกัมพูชา และยกเลิกการปฏิบัติงานชั่วคราวของผู้ช่วยสื่อสารภาษากัมพูชา เนื่องจากสถานการณ์ความไม่สงบแนวชายแดนไทย-กัมพูชา ซึ่งส่งผลต่อความมั่นคงของประเทศ เมื่อวานนี้ (30 ก.ค.) พล.ท.บุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2 ลงพื้นที่เยี่ยมให้กำลังใจผู้ได้รับบาดเจ็บจากสถานการณ์ความไม่สงบในพื้นที่ชายแดนไทย-กัมพูชา พร้อมทั้งให้กำลังใจแก่เจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติ งานด้านการแพทย์และพยาบาล ณ โรงพยาบาลสรรพสิทธิประสงค์ จังหวัดอุบลราชธานี นายแพทย์ มนต์ชัย วิวัฒนาสิทธิพงศ์ ผู้อำนวยการโรงพยาบาลสรรพสิทธิประสงค์ พร้อมด้วยคณะผู้บริหาร ให้การต้อนรับและรายงานความคืบหน้าการดูแลรักษาผู้ได้รับบาดเจ็บ รวมถึงการเตรียมความพร้อมด้านการรักษาพยาบาลรองรับสถานการณ์ฉุกเฉินในพื้นที่ชายแดน รพ.สรรพสิทธิประสงค์ แจ้งยกเลิกรับผู้ป่วยกัมพูชาชั่วคราวขณะที่ในวันเดียวกัน โรงพยาบาลสรรพสิทธิประสงค์ ได้ออกเอกสารขอยกเลิกการให้บริการผู้ป่วยชาวกัมพูชา และยกเลิกการปฏิบัติงานชั่วคราวของผู้ช่วยสื่อสารภาษากัมพูชา ใจความในหนังสือว่า “โรงพยาบาลสรรพสิทธิประสงค์ได้ให้การตรวจรักษาพยาบาลแก่ผู้ป่วยทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติ รวมถึงผู้ป่วยชาวกัมพูชาที่เดินทางเข้ามารักษาอย่างต่อเนื่อง เนื่องจากสถานการณ์ความไม่สงบแนวชายแดนไทย-กัมพูชา ซึ่งส่งผลต่อความมั่นคงของประเทศ และจากมติที่ประชุมคณะกรรมการคลินิกพิเศษนอกเวลาราชการ โรงพยาบาลสรรพสิทธิประสงค์ มีมติดังนี้ 1.ยกเลิกการปฏิบัติงานชั่วคราวของผู้ช่วยสื่อสารภาษากัมพูชา และจิตอาสาภาษาต่างประเทศ2.ปิดการให้บริการ SMC Premium ชั่วคราว3.ยกเลิกการรับยาแทน และงดรับเคสใหม่ผู้ป่วยชาวกัมพูชา4.ผู้ป่วยชาวกัมพูชาที่ยังนอนอยู่ในโรงพยาบาลให้จำกัดพื้นที่ชัดเจน ในการนี้ให้มีผลตั้งแต่วันที่ 31 กรกฎาคม 2568 ถึงวันที่ 10 […]

รมช.มท. โฟนอินผู้ว่าฯ อุบลฯ ตอบกลางสภา ยันไม่มีปัญหาเบิกจ่ายงบ

รัฐสภา 31 ก.ค.-สส.ศรีสะเกษ ภูมิใจไทย ทวงถามเงินช่วยเหลือเยียวยาจังหวัดชายแดนไทย-กัมพูชา ชี้ตั้งแต่วันแรกยังไม่ได้เงินรัฐบาลสักบาท ซัด “ผู้ว่าฯ อุบล” อ้างกลัวติดคุกไม่กล้าเบิกงบ ด้าน รมช.มหาดไทย ต่อสายโฟนอิน ผู้ว่าฯ ตอบกลางสภา ยืนยันไม่มีปัญหาเบิกจ่ายงบ ในการประชุมสภาผู้แทนราษฎร ที่มีนายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานสภาผู้แทนราษฎร ทำหน้าที่ประธานการประชุม พิจารณากระทู้ถามสดด้วยวาจา โดยนายธนา กิจไพบูลย์ชัย สส.ศรีสะเกษ พรรคภูมิใจไทย สอบถามกรณีเหตุปะทะชายแดนไทย-กัมพูชา ซึ่งนายกรัฐมนตรี มอบหมาย นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และรมว.มหาดไทย เป็นผู้ตอบกระทู้ แต่เนื่องจากนายภูมิธรรม ติดภารกิจจึงมอบหมายให้ น.ส.ธีรรัตน์ สำเร็จวาณิชย์ รมช.มหาดไทย ชี้แจงแทน นายธนา กล่าวว่า จากเหตุปะทะบริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา ส่งผลกระทบต่อประชาชนในพื้นที่ 4 จังหวัดชายแดน ทั้งศรีสะเกษ สุรินทร์ บุรีรัมย์ และอุบลราชธานี ตั้งแต่เกิดเหตุจนถึงขณะนี้ ยังไม่มีงบประมาณจากส่วนกลางลงพื้นที่แม้แต่บาทเดียว ทุกวันนี้เราอาศัยเงินบริจาคเป็นหลัก และนำงบขององค์การปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.) […]

ทูตไทยตอบโต้กัมพูชา หลังยกกรณีปัญหาชายแดนที่ยูเอ็น

นิวยอร์ก 31 ก.ค. – เอกอัครราชทูตผู้แทนถาวรไทยประจำองค์การสหประชาชาติ โต้ผู้แทนกัมพูชา ซึ่งหยิบประเด็นชายแดนไทย-กัมพูชา ขึ้นพูดผิดกาลเทศะ ผิดวาระ ในที่ประชุมสหประชาชาติ วาระสำคัญของการประชุมระดับสูงระหว่างประเทศในเวทีสหประชาชาติ ที่นครนิวยอร์ก ประเทศสหรัฐ เมื่อวานนี้ คือการผลักดันเพื่อระงับข้อพิพาทปัญหาปาเลสไตน์โดยสันติวิธี แต่ปรากฏว่านาย เจีย แก้ว เอกอัครราชทูตกัมพูชาประจำสหประชาชาติ กลับพูดในประเด็นที่ไม่เกี่ยวข้องกับวาระการประชุม โดยพาดพิงถึงไทยเกี่ยวกับสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา นายเชิดชาย ใช้ไววิทย์ เอกอัครราชทูต ผู้แทนถาวรไทยประจำสหประชาชาติ จึงกล่าวตอบโต้โดยชี้แจงข้อมูลความจริงในประเด็นที่กัมพูชาละเมิดข้อตกลงหยุดยิง โดยระบุว่า เป็นที่น่าเสียดายที่มีคณะผู้แทนหยิบยกประเด็นที่ไม่เกี่ยวข้องขึ้นมาในที่ประชุม ซึ่งเป็นเวทีที่หลายฝ่ายรอคอย และมีวัตถุประสงค์เพื่อส่งเสริมการสนับสนุนจากประชาคมระหว่างประเทศต่อการแก้ไขปัญหาความขัดแย้งระหว่างอิสราเอลและปาเลสไตน์อย่างเป็นธรรม ถาวร และครอบคลุม ผ่านแนวทางสันติวิธีโดยการดำเนินการตามแนวทางสองรัฐ นายเชิดชาย กล่าวในที่ประชุมว่า ประเทศไทยไม่ได้มีเจตนาจะนำเรื่องทวิภาคีเข้าสู่เวทีสำคัญดังกล่าว แต่ต้องขอชี้แจงข้อเท็จจริงเพื่อป้องกันความเข้าใจผิด โดยย้ำว่าเมื่อวันที่ 28 กรกฎาคม 2568 ไทยและกัมพูชา ได้บรรลุข้อตกลงหยุดยิง โดยได้รับความร่วมมือเป็นอย่างดีจากนายกรัฐมนตรีมาเลเซีย ในฐานะประธานอาเซียน แต่หลังจากที่ข้อตกลงหยุดยิงมีผลบังคับใช้ในวันที่ 29 กรกฎาคม อีกฝ่ายกลับใช้อาวุธข้ามพรมแดน และบุกรุกเข้ามาในดินแดนของไทยอีกครั้ง ซึ่งถือเป็นการละเมิดข้อตกลงอย่างร้ายแรง ประเทศไทยจึงขอเรียกร้องให้ประเทศเพื่อนบ้านปฏิบัติตามข้อตกลงหยุดยิงอย่างเคร่งครัด และยืนยันความมุ่งมั่นของไทยที่จะใช้กลไกทวิภาคีที่มีอยู่ในการแก้ไขปัญหา หลีกเลี่ยงการเผยแพร่ข้อมูลที่เป็นเท็จหรือทำให้เข้าใจผิด และให้มีส่วนร่วมด้วยเจตนาดี.-810.-813.-สำนักข่าวไทย

ข่าวแนะนำ

มทภ.2 ยันไม่เคยสั่งกำลังพลไปเก็บศพเขมร อย่าเชื่อข่าวปลอม

5 ส.ค. – แม่ทัพภาคที่ 2 ยืนยันไม่เคยมีคำสั่งให้กำลังพลไปเก็บศพชาวกัมพูชา บริเวณชายแดน ขออย่าหลงเชื่อข่าวปลอม เมื่อวันที่ 5 ส.ค.68 พล.ท.บุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2 เปิดเผยว่า จากกรณีที่สื่อโซเชียลมีเดียได้ลงข้อความอันเป็นเท็จ ที่ทำให้พี่น้องประชาชนเข้าใจผิดว่า แม่ทัพภาคที่ 2 ได้สั่งให้กำลังพลไปเก็บศพชาวกัมพูชาที่อยู่บริเวณชายแดนนั้น ตนยืนยันว่าไม่เป็นความจริง และไม่เคยมีคำสั่งให้กำลังพลไปปฏิบัติอย่างนั้น ผู้เสียชีวิตนั้นเป็นชาวกัมพูชา ไม่ได้เกี่ยวอะไรกับทางประเทศไทย “ผมไม่เคยมีคำสั่งแบบนี้ และขอยืนยันว่า ข่าวที่ออกมานั้นเป็นข่าวปลอม ขอให้พี่น้องประชาชนอย่าได้หลงเชื่อ“ แม่ทัพภาคที่ 2 กล่าว.-313-สำนักข่าวไทย

ทหารไทยยอมรับได้กลิ่นศพทหารกัมพูชาจริง

ศรีสะเกษ 5 ส.ค. – วันนี้ยังมีการเก็บกู้ระเบิดที่กัมพูชายิงเข้ามาในพื้นที่พลเรือนฝั่งไทย ส่วนเมื่อคืนนี้ (4 ส.ค.) เป็นคืนแรกของการประชุม GBC ชุด ชรบ.หมู่บ้านแนวชายแดน อ.กันทรลักษ์ จึงออกตรวจตราเข้มข้น ขณะที่ทหารแนวหน้ายอมรับได้กลิ่นศพทหารกัมพูชาจริง ทีมข่าวมีโอกาสได้พูดคุยกับทหารที่ปฏิบัติหน้าที่ตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชา สอบถามถึงเรื่องที่กำลังเป็นประเด็น คือกลิ่นศพของทหารกัมพูชา ทหารยอมรับว่ามีกลิ่นจริง และมีศพทหารกัมพูชาถูกทิ้งไว้จริง แต่ไม่สามารถทำอะไรได้ เพราะอยู่ในระหว่างการปฏิบัติหน้าที่ หากมีหน้ากากอนามัยเชื่อว่าจะช่วยบรรเทาได้บ้าง อย่างไรก็ตาม ขณะนี้มีหน้ากาก N95 ส่งถึงพื้นที่บ้างแล้ว พร้อมขอบคุณพี่น้องประชาชนที่ส่งกำลังใจ ทหารยังพร้อมปฏิบัติหน้าที่อย่างเต็มกำลังความสามารถ วันนี้ทีมข่าวยังเกาะติดภารกิจเก็บกู้ระเบิดที่กัมพูชายิงใส่พื้นที่พลเรือนของไทยใน อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ จุดแรก จรวด BM-21 ถูกกัมพูชายิงตกใส่ลงทุ่งนาของชาวบ้าน พื้นที่ ต.ทุ่งใหญ่ เมื่อวันที่ 24 กรกฎาคม วันเดียวกับที่ยิงใส่ปั๊ม ปตท.บ้านผือ โดยห่างกันราว 1 กิโลเมตร ส่วนอีกจุดเป็นการทำลายลูกจรวด PG-7 ที่ถูกยิงจากเครื่องยิงจรวด RPG ตกลงในสวนยางพาราของชาวบ้าน ต.เสาธงชัย อ.กันทรลักษ์ ที่ถูกพบในสภาพพร้อมทำงาน จุดนี้อยู่ห่างจากชายแดนกัมพูชาเพียง […]

เปิดศักยภาพ Gripen เขี้ยวเล็บใหม่กองทัพอากาศไทย

5 ส.ค. – เปิดคุณสมบัติโดดเด่นของ “กริพเพน” เครื่องบินรบฝูงใหม่ ซึ่งกองทัพอากาศและประเทศไทยกำลังจะทำสัญญาจัดซื้อจากสวีเดน .-สำนักข่าวไทย

มทภ.2 ขึ้นภูมะเขือ ย้ำกำลังพลไม่ประมาท นำร้องเพลงชาติไทย

5 ส.ค.- แม่ทัพภาค 2 ตรวจเยี่ยมภูมะเขือ ย้ำกำลังพลไม่ประมาท ปกป้องอธิปไตย พร้อมร่วมร้องเพลงชาติ เมื่อเวลา 17.00 น. วันที่ 5 ส.ค.68 พล.ท.บุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2 ลงพื้นที่หน่วยเฉพาะกิจที่ 1 กองกำลังสุรนารี พื้นที่ภูมะเขือ อำเภอกันทรลักษ์ จังหวัดศรีสะเกษ โดยได้ทำการเดินลาดตระเวน ตรวจเยี่ยมให้กำลังใจกำลังพลที่วางกำลังฐานปฏิบัติการ ทั้งนี้ มีพระสงฆ์จำนวน 3 รูปจากวัดใกล้เคียง มารอแม่ทัพภาคที่ 2 เพื่อมอบวัตถุมงคลและให้กำลังใจในการปฏิบัติหน้าที่ พร้อมให้พรกำลังพลทุกนาย ให้แคล้วคลาดปลอดภัยจากอันตรายต่างๆ จากนั้นแม่ทัพภาคที่ 2 ได้ฟังบรรยายสรุปสถานการณ์ในพื้นที่ภูมะเขือ โดยเน้นย้ำให้อยู่ในความไม่ประมาท ปฏิบัติหน้าที่รักษาอธิปไตยของชาติ ด้วยความปลอดภัยและให้ดูแลรักษาสุขภาพให้ดี จากนั้น พล.ท.บุญสิน ได้ให้กำลังพลเปลี่ยนธงชาติไทยผืนใหญ่กว่าเดิม นำร้องเพลงชาติบนยอดภูมะเขือร่วมกัน ก่อนเดินทางกลับได้มอบเครื่องอุปโภคบริโภคและถ่ายรูปร่วมกับกำลังพล -สำนักข่าวไทย