กมธ.ความมั่นคงฯ ซัด “มาริษ” ไม่เคยให้ความร่วมมือ

รัฐสภา 26 มิ.ย.-กมธ.ความมั่นคงฯ เรียก กต.แจงคืบหน้าแก้ปัญหาชายแดนไทย-กัมพูชา ซัด “มาริษ” ไม่เคยให้ความร่วมมือ คิดว่าตัวเองทำงานได้ ชี้ไทยต้องตระหนักเรื่องการทูตมากกว่านี้ บอกทีมไทยแลนด์อย่าประมาท เตรียมรับมือขึ้นศาลโลก อย่าคิดว่าเขาจะไม่สามารถเอาเราขึ้นศาลโลกได้

นายรังสิมันต์ โรม สส. บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชนในฐานะประธาน คณะกรรมาธิการความมั่นคงแห่งรัฐ กิจการชายแดนไทย ยุทธศาสตร์ชาติและการปฏิรูปประเทศ สภาผู้แทนราษฎร กล่าวถึงการประชุมกรรมาธิการวันนี้ ว่า จะสอบถามกระทรวงการต่างประเทศถึงการเตรียมความพร้อมว่า กัมพูชามีความก้าวหน้าในเรื่องของการเตรียมการ ที่จะพาประเทศไทยไปศาลโลกอย่างไรบ้าง ไม่ใช่แค่เรื่องของกฎหมายแต่เป็นเกมทางการเมืองที่เขาต้องการให้ ไทยไปสู่ศาลโลกด้วย


นอกจากนี้มีการเชิญนักวิชาการมาร่วมให้ข้อมูลด้วย เช่น อ.อัครพงษ์ ค่ำคูณ และอ.ภัทรพงษ์ แสงไกร ซึ่งเป็นนักวิชาการที่มีความเชี่ยวชาญ ทางด้านกฎหมายระหว่างประเทศ เชี่ยวชาญในเรื่องข้อเท็จจริงด้านประวัติศาสตร์ วันนี้ อาจารย์ทั้งสองคนเตรียมข้อมูลมาค่อนข้างดี จึงหวังว่าจะเป็นประโยชน์กับกระทรวงการต่างประเทศ

ทั้งนี้ สิ่งที่กรรมาธิการความมั่นคงฯ พยายามที่จะทำ คือต้องการบรรลุเป้าหมายแก้ปัญหาความขัดแย้ง ระหว่างประเทศไทยและกัมพูชา ด้วยวิธีการทวิภาคี และมองว่า ถ้าขึ้นศาลโลกไม่มีใครชนะแท้จริงและไม่มีใครแพ้จริง เอา 2 ประเทศต้องตั้งอยู่ตรงนี้ร่วมกัน และไม่อยากให้เป็นบาดแผลประวัติศาสตร์ของทั้งสองประเทศ ไม่อยากให้คนไทยและคนกัมพูชา มีความขัดแย้งกัน วันนี้ที่สถานการณ์มาถึงจุดนี้เกิดขึ้นจากคนไม่กี่คน ดังนั้น เราพยายามทำทุกวิธีทาง ที่จะทำให้มั่นใจว่าคนไกล ทวิภาคี มีความเป็นไปได้ แต่ต้องยอมรับว่าณจุดนี้ยังไม่ง่าย เรื่องศาลโลกก็ส่วนหนึ่งแต่เรื่องที่จะนำไปสู่กลไกทวิภาคีเรายังไม่เห็นความคืบหน้าเท่าไหร่


เมื่อถามว่า ทางฝั่งกัมพูชามองว่ากลไกทวิภาคีทำได้ยาก และกลไกที่ปั่นป่วนอยู่ขณะนี้เป็นเพราะกัมพูชาต้องการให้ขึ้นศาลโลกอย่างเดียว นายรังสิมันต์ กล่าวว่า รัฐบาลกัมพูชาอาจจะไม่อยากเข้าสู่กลไกทวิภาคี อยากใช้กลไกอย่างศาลโลก แต่ในความเป็นจริงสถานการณ์ไทยกับกัมพูชายังสามารถที่จะหาแนวทางสร้างกลไกทวิภาคีได้

“ทุกฝ่ายรวมไปถึงรัฐบาลกัมพูชาพึงตระหนักว่า ประเทศทั้ง 2 ประเทศจะต้องตั้งอยู่ตรงนี้ พวกเราไม่ว่าจะเป็นบทบาทไหนต่างมาก็ต่างไป เราไม่ควรที่จะทิ้งบาดแผล ระหว่าง 2 ประเทศแต่เรา ควรที่จะหาแนวทางของทั้ง 2 ประเทศที่จะอยู่ร่วมกันและแก้ไขปัญหา นี่คือแนวทางที่ควรจะเป็น” นายรังสิมันต์ กล่าว

นายรังสิมันต์ ยังกล่าวต่อว่า ถ้ากัมพูชาไม่อยากใช้กลไกทวีภาคี วันนี้เป็นโอกาสที่กรรมาธิการที่จะได้พูดคุยกับกระทรวงการต่างประเทศ ซึ่งอยากจะคุยกับนายมาริษ เสงี่ยมพงษ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ แต่นายมาริษไม่เคยให้ความร่วมมือกับกรรมาธิการ และคิดว่าตัวเองสามารถแก้ไขปัญหาต่างๆได้ แต่ในความเป็นจริงกระทรวงการต่างประเทศไม่ประสบความสำเร็จทางการทูตเลย แทนที่จะได้นำข้อแนะนำต่างๆ ที่เป็นประโยชน์ไปปรับใช้


“ถ้ากัมพูชาไม่อยากจะใช้กลไกทวิภาคีจริง ข้อแนะนำเบื้องต้นคือเราต้องทำการทูตกับประเทศต่างๆ อย่างประเทศฝรั่งเศส ที่ทางกัมพูชาพยายามทำทุกวิถีทาง ที่จะทำงานทางการทูตกับฝรั่งเศส หรือแม้กระทั่งกับทั่วโลกเพื่อให้เห็นว่า กัมพูชาไม่มีความจริงใจในการแก้ปัญหาเรื่องนี้อย่างไร ซึ่งเรื่องนี้เป็นส่วนหนึ่งที่ประเทศไทยจะต้องทำงานหนัก ทางการทูตมากกว่านี้”นายรังสิมันต์กล่าว

เมื่อถามถึง กรณีที่สมเด็จฮุน เซน ออกมาพูดว่าไทยจะมีนายกรัฐมนตรีคนใหม่ ภายใน 3 เดือน นายรังสิมันต์ กล่าวว่า ต้องรู้เท่าทันความพยายามของสมเด็จฮุน เซน มันเป็นสงครามจิตวิทยาที่ เขารู้ว่าเมื่อโพสต์อะไรในตอนนี้ คนไทยจะติดตาม แต่ตนอยากบอกว่าอย่าไปสนใจเยอะ ทั้งหมดนี้เป็นความพยายาม แทรกแซงกิจการภายในของไทย ซึ่งรัฐบาลจะต้องไม่ยอมให้เกิดขึ้น ขณะเดียวกันภายในประเทศไทยมีกลไกในการตรวจสอบรัฐบาลมากมาย และสิ่งที่ปรากฏในคลิปเสียงเป็นสิ่งที่แย่มากๆ สำหรับคนที่เป็นนายกรัฐมนตรี จึงจะบรรจุเรื่องของคลิปเสียงในการประชุม กรรมาธิการต่อไป รวมถึงคลิปเสียงที่สั่งการ ให้มีการฆาตกรรมนักการเมืองกัมพูชาในไทยด้วย

พร้อมกันนี้ นายรังสิมันต์ ยังกล่าวถึงมาตรการปิดด่านตามแนวชายแดนว่า รายละเอียดเรื่องการบริหารจัดการผลกระทบที่เกิดขึ้นทั้งในแง่ของบริษัทไทยที่ไปลงทุนในกัมพูชา รวมถึงบริษัทสัญชาติอื่นๆ ที่ไปลงทุนในไทยตามแนวชายแดน ซึ่งบริษัทเหล่านี้จะส่งวัตถุดิบกลับเข้ามาในไทย ดังนั้น หากไทยไม่มีมาตรการรองรับในการปิดด่านบริษัทเหล่านี้อาจจะย้าย ไปลงทุนในประเทศอื่น ซึ่งสุดท้ายจะสร้างความเสียหายต่อเศรษฐกิจไทย จึงอยากฝากไปถึงนายกรัฐมนตรี นางสาวแพทองธาร ชินวัตร หากจะมีมาตรการอะไรที่เกี่ยวข้องกับชายแดนจะต้องคิดอย่างรอบคอบ

ส่วนเรื่องการประท้วงของฝั่งกัมพูชามองว่าเป็นเรื่องธรรมดา เพราะตอนที่มีความขัดแย้งกับเมียนมา ก็มีเหตุการณ์ในลักษณะนี้เช่นเดียวกัน เพียงแต่ต้องมีมาตรการในการรับมือ ซึ่งสิ่งที่สงสัยในตอนนี้ มาตรการเรื่องการตัดไฟ เนื่องจากมีข่าวว่ายังไม่ได้ตัดไฟทุกจุด จึงจะถาม กระทรวงการต่างประเทศว่ามีข้อมูลในเรื่องนี้หรือไม่เพื่อนำมาพิจารณา

นอกจากนี้ยังมีประเด็นที่สื่อรายงานว่า ยังมีการส่งน้ำมันจากไทยไปกัมพูชาอยู่ ถึงต้องถามความชัดเจน ถึงแนวทางของรัฐบาลว่าจะดำเนินการเรื่องนี้อย่างไร

นายรังสิมันต์ ยังกล่าวว่า สิ่งที่รัฐบาลต้องดำเนินการ แบ่งออกเป็น 3 เรื่องคือ 1. อาชญากรรมข้ามชาติ ซึ่งการปราบปรามคอลเซ็นเตอร์เป็นภารกิจที่ต้องทำ ไม่ใช่เกมต่อรองกับกัมพูชา เพราะหากประเทศของเขาไม่ต้องพึ่งพาธุรกิจเทา-ดำ การเจรจาก็จะง่ายขึ้นดังนั้น นายมาริษ ต้องรีบไปพูดคุยกับสหรัฐอเมริกา ที่พร้อมให้ความร่วมมือกับไทย

2.เรื่องการทูต ที่ไทยต้องทำงานหนักกว่านี้ เพื่อทำให้เกิดความเข้าใจ ว่ากัมพูชาพยายามจุดไฟเพื่อสร้างความขัดแย้ง และ 3.การรับมือกับหารขึ้นศาลโลก ต้องเตรียมทีมไทยแลนด์ด้านกฎหมายไว้รับมือกับสถานการณ์ เพราะตอนนี้กัมพูชาได้นำหน้าเราไปเป็นเวลานาน หากไทยไม่เตรียมการเรื่องนี้อาจเสียทีได้ อย่าคิดว่าเขาจะไม่สามารถเอาเราขึ้นศาลโลกได้ อย่าประมาทเด็ดขาด.-315.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

ค้น 17 จุดกรุงเทพฯ-ลพบุรี คุมตัว “หลวงพ่ออลงกต-หมอบี”

26 ส.ค.- ตำรวจสอบสวนกลาง ปิดล้อมตรวจค้น 17 จุด “กรุงเทพฯ-ลพบุรี” บุกรวบ “หลวงพ่ออลงกต” หลังพฤติกรรมชัดทุจริตยักยอกเงินบริจาค ขณะที่ “หมอบี” โดนด้วย หิ้วตัวเค้นสอบ เมื่อเวลา 01.00 น.วันที่ 26 ส.ค. มีรายงานว่าทางตำรวจสอบสวนกลาง (CIB) นำโดย พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผบช.ก. สั่งการให้ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว พล.ต.ต.สุวัฒน์ แสงนุ่ม รองผบช.ก. พล.ต.ต. วิทยา ศรีประเสิรฐภาพ ผบก.ป.พล.ต.ต.ประสงค์ เฉลิมพันธ์ ผบก.ปปปพ.ต.อ.มนูญ แก้วก่ำ ผกก.1 บก.ป ปิดล้อมตรวจค้น 17 จุด ในพื้นที่กรุงเทพฯ-ลพบุรี เพื่อควบคุม หลวงพ่ออลงกต อดีตเจ้าอาวาสวัดพระบาทน้ำพุ จ.ลพบุรี และนายเสกสันน์ หรือหมอบี และพวก ตามหมายจับ ความผิด ม.147, 157 […]

ศาล รธน. สั่งเอาผิดเผยแพร่คลิป “นั่งลงลูก”

ศาล รธน. 25 ส.ค.-ศาลรัฐธรรมนูญ สั่งเอาผิดเผยแพร่คลิป “นั่งลงลูก” ชี้บิดเบือน-ทำเสียหาย ศาลรัฐธรรมนูญได้ออกเอกสารข่าว ระบุว่า ตามที่ศาลรัฐธรรมนูญออกนั่งพิจารณาคดี เมื่อวันพฤหัสบดีที่ 21 สิงหาคม 2568 ไต่สวนพยานบุคคลที่ศาลรัฐธรรมนูญเรียกมาให้ถ้อยคำ จำนวน 2 ปาก ได้แก่ นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ผู้ถูกร้อง และนายฉัตรชัย บางขวด เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ เรื่อง ประธานวุฒิสภา ส่งคำร้องขอให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 170 วรรคสาม ประกอบมาตรา 82 ว่า ความเป็นรัฐมนตรีของนางสาวแพทองธาร นายกรัฐมนตรี สิ้นสุดลงเฉพาะตัวตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 170 วรรคหนึ่ง (4) ประกอบมาตรา 160 (4) และ (5) หรือไม่ เมื่อเสร็จสิ้นการไต่สวนแล้ว ศาลมีคำสั่งห้ามมิให้ผู้เข้าฟังการไต่สวนนำข้อมูลการไต่สวนไปเผยแพร่ และห้ามไม่ให้บิดเบือนข้อเท็จจริงหรือข้อกฎหมายในลักษณะที่สร้างความเข้าใจผิดต่อสาธารณชน อันเป็นคำสั่งศาลตาม พ.ร.ป.ว่าด้วยวิธีพิจารณาของศาลรัฐธรรมนูญ พ.ศ. 2561 […]

“แพทองธาร” รีโพสต์โต้คลิปบิดเบือน ยันศาลบอก “นั่งลงครับ”

กรุงเทพฯ 25 ส.ค.- “แพทองธาร” รีโพสต์สตอรี่ไอจี โต้ดรามาคลิปบิดเบือน ยันศาล รธน. บอก “นั่งลงครับ” นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม รีโพสต์สตอรี่ในอินสตราแกรมของสำนักข่าว VOICE TV ยืนยันไม่เป็นความจริง ต่อกระแสดรามาปล่อยคลิปเสียงตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ พูดว่า “นั่งลงลูก” ภายหลัง น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม กล่าวคําปฏิญาณ ในระหว่างที่ศาลรัฐธรรมนูญไต่สวนพยาน คดีคลิปสนทนากับ ฮุน เซน เมื่อวันที่ 21 สิงหาคมที่ผ่านมา ซึ่งในคลิปดังกล่าวมีข้อความระบุว่า ฟังชัดๆๆ ศาลบอกว่า “นั่งลงครับ” ไม่ใช่ “นั่งลงลูก” อย่างที่มีคนปั่น!! อย่ามั่ว อย่าบิดเบือนข่าว อย่างไรก็ตาม คาดว่าในช่วงเช้าวันนี้ (25 ส.ค.) นางสาวแพทองธาร จะดำเนินการเรื่องการส่งคำแถลงปิดคดีต่อศาลรัฐธรรมนูญ เนื่องจากศาลนัดยื่นคำแถลงปิดคดีภายในวันนี้ ก่อนจะนัดฟังคำวินิจฉัยในวันที่ 29 สิงหาคม เวลา 15.00 น.-316 -สำนักข่าวไทย

ปลัด มท. สั่งสอบด่วน ปมสแกนม่านตาแลกเหรียญ

ไอคอนสยาม 25 ส.ค.- ปลัด มท. เผยยังไม่ได้รับรายงานปมสแกนม่านตาแลกเหรียญ สั่งกรมการปกครองสอบด่วน นายอรรษิษฐ์ สัมพันธรัตน์ ปลัดกระทรวงมหาดไทย กล่าวถึงกรณีที่มีรายงานว่า มีกลุ่มบุคคลสแกนม่านตาประชาชนและชักชวนให้เข้าไปใช้แอปพลิเคชันเพื่อแลกกับเงินหรือเหรียญในระบบ ว่า ขณะนี้ยังไม่ได้รับรายงาน แต่หากเป็นการกระทำที่ไม่ถูกต้อง กระทรวงมหาดไทยจะสั่งการให้กรมการปกครองดำเนินการแก้ไขและจัดการอย่างถูกต้องทั่วประเทศอย่างไรก็ตาม หากประชาชนพบเห็นพฤติกรรมที่ไม่ถูกต้อง สามารถแจ้งเรื่องมายังกระทรวงมหาดไทย เพื่อให้ทุกจังหวัดดำเนินการตรวจสอบตามข้อเท็จจริง ส่วนกรณีที่มีรายงานว่ายังมีการดำเนินการในจังหวัดสุราษฎร์ธานี ปลัดกระทรวงมหาดไทยยืนยันว่าจะเร่งตรวจสอบทั้งที่สุราษฎร์ธานีและทุกจังหวัดที่ได้รับเรื่องร้องเรียน ทั้งนี้ การตรวจสอบจะพิจารณาว่าความผิดปกติเกิดจากเจ้าหน้าที่ของรัฐหรือบุคคลอื่น หากพบว่าเป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐ กระทรวงมหาดไทยจะดำเนินการตามระเบียบอย่างเคร่งครัด โดยย้ำให้ประชาชนมั่นใจว่า กระทรวงพร้อมตรวจสอบอย่างโปร่งใส.-319 -สำนักข่าวไทย

ข่าวแนะนำ

“หลวงพ่ออลงกต” ยอมสึกแล้ว หลัง “บิ๊กเต่า” เข้าเจรจา

26 ส.ค. – “หลวงพ่ออลงกต” ยอมสึกเพื่อเข้าสู่ขั้นตอนการดำเนินคดีตามกฎหมาย หลัง “บิ๊กเต่า” ร่วมสอบปากคำคดียักยอกเงินบริจาควัดพระบาทน้ำพุ ภายหลัง พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รองผบช.ก. เข้าร่วมสอบปากคำ พระอลงกต อดีตเจ้าอาวาสวัดพระบาทน้ำพุ และ หมอบี ล่าสุด มีรายงานว่า หลวงพ่ออลงกต ยินยอมจะขอลาสิกขาจากเพศบรรพชิตแล้ว เพื่อนำเข้าสู่ขั้นตอนการดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป โดยอดีตพระอลงกต ถูกจับกุมเมื่อช่วงตี 1 ที่ผ่านมา ตามหมายจับศาลคดีทุจริตและประพฤติมิชอบ ในข้อหายักยอกเงินบริจาคของวัดพระบาทน้ำพุ เบียดบังทรัพย์นั้นเป็นของตน เป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ และฟอกเงิน.-สำนักข่าวไทย

ครม.ให้กำลังใจนายกฯ ด้าน “แพทองธาร” หวังกลับมาทำงาน

ทำเนียบ 26 ส.ค.- ครม.ให้กำลังใจนายกฯ ขอ 29 ส.ค.นี้ ได้รับข่าวดี ด้าน “แพทองธาร” หวังได้กลับมาทำงาน ผู้สื่อข่าวรายงานบรรยากาศการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ในวันนี้ (26 ส.ค.) นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม เข้าร่วมประชุมผ่านระบบวิดีโอคอนเฟอเรนซ์เป็นครั้งแรก ซึ่ง น.ส.แพทองธาร ได้เข้าร่วมประชุมตั้งแต่ต้นจนจบ ด้วยสีหน้าสดใส โดยระหว่างการพิจารณาวาระสำคัญ เช่น การพิจารณารายชื่อนักศึกษาวิทยาลัยป้องกันราชอาณาจักร (วปอ.) รุ่น 69 ประจำปีการศึกษา 2569 ซึ่งนายกรัฐมนตรี ในฐานะที่เคยเรียนหลักสูตรการป้องกันราชอาณาจักร สำหรับผู้บริหารแห่งอนาคต (วปอ.บอ.) หรือ มินิ วปอ. ได้สอบถามและให้ความคิดเห็นในรายชื่อของนักศึกษาบางคน ทั้งนี้ ก่อนปิดการประชุม ครม. นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย รักษาราชการแทนนายกรัฐมนตรี ในฐานะประธานที่ประชุมฯ ได้เป็นตัวแทนรัฐมนตรีทุกคนกล่าวให้กำลังใจนายกรัฐมนตรี และขอให้วันที่ 29 ส.ค.นี้ ได้รับข่าวดี นอกจากนี้ ข้าราชการที่เข้าร่วมประชุม […]

“ณัฐพล” สั่งแจ้งเอาผิดกัมพูชา ทำร้ายร่างกาย-รื้อลวดหนาม

ทำเนียบ 26 ส.ค.- “ณัฐพล” ฮึ่ม สั่งกองทัพ-ปชช.แจ้งความเอาผิดกัมพูชา ทำร้ายร่างกาย-รื้อรั้วลวดหนามที่บ้านหนองจาน ด้าน กต. ทำหนังสือประท้วง ย้ำ เป็นอธิปไตยของไทย เตรียมนำปัญหาทั้งหมดคุยวง GBC ก.ย.นี้ ย้ำหน่วยพื้นที่ยิงตอบโต้ได้ทันที ตามกฎการใช้กำลัง พลเอกณัฐพล นาคพาณิชย์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหม กล่าวถึงชาวกัมพูชาบุกรื้อรั้วลวดหนามและทำร้ายร่างกายเจ้าหน้าที่ของไทย บริเวณบ้านหนองจาน อำเภอโคกสูงจังหวัดสระแก้ว ว่า สาเหตุที่เกิดขึ้นผู้ว่าราชการจังหวัดสระแก้ว จะมาพบกับประชาชนที่บริเวณพื้นที่บ้านหนองจาน ทำให้เจ้าหน้าที่นำรั้วลวดหนามมาวางเพิ่มเติม เพราะกังวลว่าชาวกัมพูชาจะมารบกวน จึงทำให้ชาวกัมพูชาตั้งใจจะมารื้อในส่วนที่เป็นรั้วเพิ่มเติม ไม่ใช่ส่วนที่วางไว้ตั้งแต่เดิม จึงได้ให้คำแนะนำกับเจ้าหน้าที่ไปว่า เป็นการปักในพื้นที่ประเทศไทย จะมาทำอย่างนี้ไม่ได้เพราะผิดกฎหมาย และจะต้องมีการดำเนินการตามกฎหมายอาญา ซึ่งกองทัพภาคที่หนึ่งหรือกองกำลังบูรพาก็สามารถดำเนินการ แจ้งความข้อหาทำลายทรัพย์สินของทางราชการได้ ซึ่งตนเองได้ย้ำว่าจะต้องไม่มีภาพแบบเมื่อวานเกิดขึ้นอีก เพราะเป็นสิ่งที่ประชาชนรับไม่ได้ พลเอกณัฐพล ยอมรับว่าการนำชาวบ้านมากดดันทำให้เจ้าหน้าที่ทำงานลำบากมากขึ้น จึงมอบหมายให้ทำหนังสือประท้วงผ่านกระทรวงการต่างประเทศ เพราะเป็นพื้นที่อธิปไตยของไทย ที่ไม่สามารถมาทำเช่นนี้ได้ ส่วนการปฏิบัติการ จะใช้มาตรการเดียวกับการปราบปรามการชุมนุมหรือไม่ พลเอกณัฐพล กล่าวว่า การปฏิบัติการจะเป็นไปตามขั้นตอน ซึ่งขั้นแรกได้ใช้ เครื่องแอลแรท (LRAD) ไปแล้ว เราต้องเตรียมกำลังเพิ่มเติม โดยจะพิจารณาใช้กำลังตำรวจ เพราะหากใช้กำลังทหารจะรุนแรงเกินไป […]

คุมเข้มชายแดนบ้านหนองจาน-เตือนเลี่ยงพื้นที่เสี่ยง

สระแก้ว 26 ส.ค.- ฝ่ายความมั่นคงคุมเข้มชายแดนบ้านหนองจาน-เตือนเลี่ยงพื้นที่เสี่ยง ขณะที่โรงเรียนบ้านหนองจานประกาศปิด 2 วัน (26-27 ส.ค.) เพื่อความปลอดภัย สถานการณ์บริเวณบ้านหนองจาน อำเภอโคกสูง จังหวัดสระแก้ว ซึ่งอยู่ติดแนวชายแดนกัมพูชา และเกิดเหตุการณ์ตึงเครียดเมื่อวานนี้ ล่าสุดสถานการณ์เริ่มคลี่คลายลง ขณะที่โรงเรียนบ้านหนองจานได้ประกาศปิดเรียน 2 วัน ในวันที่ 26-27 สิงหาคมนี้ เพื่อความปลอดภัย ด้านฝ่ายความมั่นคงเข้าควบคุมสถานการณ์อย่างใกล้ชิด ดำเนินมาตรการรักษาความสงบเรียบร้อยและปฏิบัติการตามขั้นตอน เพื่อยืนยันการรักษาอธิปไตยของไทย และความปลอดภัยของประชาชน ขอความร่วมมือประชาชนงดเว้นการเดินทางเข้าไปยังพื้นที่เกิดเหตุในช่วงนี้ เพื่อป้องกันความเสี่ยง ขณะที่ทางฝั่งกัมพูชายังคงมีชาวบ้านนอนเฝ้าอยู่บริเวณรั้วตลอดทั้งคืน แต่ยังไม่มีการก่อความวุ่นวายใดๆ