กกต.รับรอง 200 สว. สำรอง 99 คน แจกใบส้ม 1 คน

กกต. 10 ก.ค.- กกต.รับรอง สว.ใหม่ 200 คน และบัญชีสำรอง 99 คน ระงับสิทธิให้ใบส้ม 1 คน จากกลุ่ม 18 สื่อมวลชน “เจ้าของเสียงตามสาย” นั่งควบที่ปรึกษานายก อบจ. ขัดคุณสมบัติ “ว่าที่ พ.ต.กรพด รุ่งหิรัญวัฒน์” ได้เลื่อนชั้น พร้อมเปิดสำนักงานรับหนังสือ 11-12 ก.ค.นี้


นายแสวง บุญมี เลขาธิการ กกต. แถลงภายหลังการประชุมคณะกรรมการการเลือกตั้ง เรื่องการรับรองผลการเลือกสมาชิกวุฒิสภา (สว.) โดยนายแสวง กล่าวว่าตามมาตรา 40 พ.ร.ป.การได้มาซึ่งสมาชิกวุฒิสภา พ.ศ.2561 ด้วยเงื่อนไขตามกฎหมายมาตรา 42 ระบุว่าหาก กกต.เห็นว่าการเลือกเป็นไปโดยถูกต้องตามกฎหมาย กกต. จึงจะประกาศรับรองผล ซึ่งจะดู 3 เงื่อนไขในการพิจารณาว่ามีการกระทำอันเป็นการฝ่าฝืนกฎหมาย ตาม พ.ร.ป.ว่าด้วยการได้มาซึ่ง สว.หรือไม่ ซึ่งสำนักงาน กกต.ได้รวบรวมกลุ่มความผิดที่อาจจะนำมาพิจารณาเพื่อใช้เป็นเงื่อนไขในการประกาศผลการเลือก สว. ครั้งนี้คือ

  1. คุณสมบัติลักษณะต้องห้าม หมายรวมถึงการสมัครลงกลุ่มใดกลุ่มหนึ่งด้วย
  2. กระบวนการในการดำเนินการเลือก ในวันที่ 9 วันที่ 16 และวันที่ 26 มิ.ย.
  3. ความไม่สุจริตและเที่ยงธรรม อันเกิดจากการฝ่าฝืนกฎหมาย ซึ่งสังคมจะใช้กันว่าการจัดตั้ง บล็อกโหวต หรือฮั้ว

กรณีคุณสมบัติและคุณสมบัติต้องห้ามมี 3 เรื่อง คือมีผู้สมัครที่สนใจมาสมัครช่วงเปิดรับสมัคร 5 วัน รวม 48,117 คน ผอ.ระดับอำเภอได้ตรวจสอบคุณสมบัติ และไม่รับสมัครไป 1,917 คน เมื่อรับสมัครไปแล้ว ก็ได้ลบชื่อก่อนการเลือกระดับอำเภออีก 526 คน ก่อนผ่านชั้นจังหวัดก็ได้ลบผู้มีสิทธิเลือกไปอีก 87 คน และผ่านมาระดับประเทศ ผอ.ระดับประเทศก็ลดไปอีก 5 คน รวมแล้วมีการตรวจสอบและคัดคนที่ไม่มีคุณสมบัติในลักษณะต้องห้ามออกไปกว่า 2,000 เกือบ 3,000 คน


กกต. มีมติให้ใบส้มเรื่องคุณสมบัติตามมาตรา 20 วรรค 3 วรรค 4 ระงับสิทธิสมัครชั่วคราว จำนวน 89 ใบ รวมทั้งส่งให้ศาลฎีกาเพื่อพิจารณาเพิกถอนสิทธิสมัครรับเลือกตั้งด้วย อีก 1 คน ตามมาตรา 60 เนื่องจากเข้าได้เข้าสู่กระบวนการเลือกแล้ว จึงเป็นผู้มีส่วนทำให้การเลือกตั้งเป็นไปด้วยความไม่สุจริตและเที่ยงธรรม ส่วนระดับอำเภอที่ลบไป 500 กว่าคนไม่ได้ให้ใบส้ม เพราะยังไม่ได้เข้าสู่กระบวนการเลือกระดับอำเภอ แต่จะไปพิจารณาว่า รู้หรือควรรู้อยู่แล้ว ว่าไม่มีสิทธิ แต่ยังไปสมัครรับเลือก ซึ่งถือเป็นคดีอาญา

นายแสวง กล่าวต่อว่า ทั้งนี้เรื่องร้องเรียนข้างต้นคิดเป็น 65% หรือราวๆ 600 กว่าเรื่อง จากเรื่องร้องเรียนทั้งหมด ที่เข้ามาจนถึงขณะนี้ประมาณ 800 กว่าเรื่อง โดยเป็นทั้งความปรากฏ ผู้สมัครมาร้องเอง และที่ กกต.ลบชื่อออก ดังนั้นเหลืออยู่ราวๆ200 เรื่อง ที่ต้องพิจารณา

ส่วนกรณีการสมัครไม่ตรงกลุ่ม ที่ถูกวิจารณ์ว่าคนแบบนี้ไปอยู่กลุ่มนั้นกลุ่มนี้ได้อย่างไร สังคมอาจเข้าใจยังไม่ตรง เพราะเวลาพูดถึงกลุ่มอาชีพ ซึ่งตามมาตรา 107 ของรัฐธรรมนูญ และคำว่ากลุ่มตามมาตรา 11 ของ พ.ร.ป.ประกอบรัฐธรรมนูญ ไม่มีกลุ่มอาชีพ แต่เป็น “กลุ่มของด้าน” ทั้ง 20 ด้าน ในแต่ละด้านจะมีอาชีพเป็นส่วนหนึ่งของคนประเภทหนึ่ง มีคน 6 ประเภท ที่สามารถเป็นผู้สมัครได้ ไม่ใช่แค่อาชีพอย่างเดียว คือ 1. ความรู้ในด้านนั้น 2. ความเชี่ยวชาญในด้านนั้น 3. อาชีพในด้านนั้น 4. ประสบการณ์ด้านนั้น 5. ลักษณะและประโยชน์ร่วมกัน 6. ทำงานหรือเคยทำงานร่วมกัน ซึ่งกฎหมายเปิดกว้างให้คนสมัครด้านใดด้านหนึ่งได้ และมีผู้รับรอง 1 คน ซึ่งเคลียร์แล้ว กกต. ตรวจสอบแล้ว


นายแสวง กล่าวต่อว่า ส่วนกลุ่มความผิดที่ 2 คือการดำเนินการในวันเลือก คือวันที่ 9 วันที่ 16 และวันที่ 26 มิ.ย. มีสำนวนมาร้อง 3 สำนวน กกต.พิจารณาเสร็จแล้ว และมีสำนวนที่ไปร้องศาลฎีกา 18 คดี ตามมาตรา 44 ศาลฎีกาได้ยกคำร้องทุกคดีแล้ว และส่วนที่ 3 การเลือกไม่สุจริตและเที่ยงธรรม ตอนนี้มีอยู่ 47 เรื่อง คือ เรื่องที่สังคมเรียกว่าการจัดตั้ง การฮั้ว การบล็อกโหวต ซึ่งสำนักงาน กกต.ได้รวบรวมพยานหลักฐาน ได้มาพอสมควร ซึ่งลักษณะที่รวบรวมมาพบว่าเป็นขบวนกรที่ต้องกระบวนการทางวิทยาศาสตร์มายืนยัน สำนักงาน กกต.จึงได้ขอความร่วมมือกับสำนักงานตำรวจแห่งชาติ กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) และสำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) รวมแล้ว 23 นาย ซึ่งประสานงานกันตลอดประมาณ 1 สัปดาห์แล้ว โดยขอใช้เทคนิคอุปกรณ์มาตรวจสอบความเชื่อมโยง ของผู้สมัคร หรือคนอยู่เบื้องหลัง จะได้ถึงไหนอย่างไร เพื่อนำเป็นข้อมูลประกอบการพิจารณา เรื่องการกระทำที่อาจจะทำให้การเลือกไม่สุจริต

“เมื่อดำเนินการมาถึงขั้นนี้ ทั้ง 3 กลุ่มความผิด กระบวนการเลือกตั้ง 3 ระดับจบหมดแล้ว ไม่มีคดีค้างที่ศาล ถือว่าการเลือกเป็นไปโดยชอบ ในส่วนของความไม่สุจริตและเที่ยงธรรม เมื่อมีคำร้อง สำนักงาน กกต.ได้รับเป็นสำนวนเอาไว้แล้ว ขณะนี้ได้รวบรวมพยานหลักฐานข้อมูลไว้แล้ว แต่ข้อมูล ณ วันนี้ยังไม่พอเพียงที่จะบอกว่าเขากระทำความผิด สำนักงานต้องไปรวบรวมพยานหลักฐานเพิ่มเติม และให้โอกาสผู้ถูกกล่าวหามาชี้แจงตามที่กฎหมายกำหนด ในชั้นนี้จึงไม่สามารถบอกได้ว่าการเลือกเป็นไปโดยไม่สุจริตและเที่ยงธรรม และด้วยเหตุผลดังกล่าว กกต.จึงพิจารณาแล้วเห็นว่าการเลือก สว. เป็นไปด้วยความสุจริต เที่ยงธรรม จึงมีมติประกาศผลการเลือก สว.ของแต่ละกลุ่ม ทั้ง 20 กลุ่ม ลำดับที่ 1 ถึง 10 ของแต่ละกลุ่มเป็น สว. ส่วนลำดับที่ 11-15 ของแต่ละกลุ่มเป็นบัญชีสำรอง ยกเว้นกลุ่มที่ 18 ซึ่ง กกต. ได้ระงับสิทธิชั่วคราว (ใบส้ม) ของผู้ได้รับเลือก 1 คน ซึ่งอยู่ในลำดับ ที่ 1-10 จึงต้องเลื่อนสำรองลำดับที่ 11 ขึ้นมาแทน ทำให้เหลือสำรองกลุ่มนี้แค่ 4 คน ดังนั้น กกต.รับรองครบ 200 คน และบัญชีสำรอง 99 คน เรียบร้อย เพื่อให้เปิดสภาได้” นายแสวง กล่าว

นายแสวง ยังกล่าวว่า สว.ทั้ง 200 คนให้มารับหนังสือรับรองการรับเลือกเป็น สว. เพื่อเป็นหลักฐานในการรายงานตัวกับสำนักงานเลขาธิการวุฒิสภา ตั้งแต่วันที่ 11-12 ก.ค. เวลา 8.30 – 16.30 น.ซึ่งเตรียมสถานที่รองรับเรียบร้อยแล้วที่ขั้น 2 สำนักงาน กกต.

ทั้งนี้ นายแสวง ยืนยันว่า การประกาศไปก่อนแล้วมาสอยทีหลัง เป็นการดำเนินการตามรัฐธรรมนูญมาตรา 226 และ พ.ร.ป.การได้มาซึ่ง สว. มาตรา 62 ส่วนที่ได้ใบส้มไป 1 คน จนต้องเลื่อนสำรองมาแทน เพราะพบความผิดชัดเจนในเรื่องของคุณสมบัติ เมื่อถามว่าการที่ กกต.ประกาศบัญชีสำรอง 99 คน จะขัดกับกฎหมายที่ให้ กกต.ต้องประกาศบัญชี สว. 200 คน และบัญชีสำรอง 100 คน หรือไม่ นายแสวง กล่าวว่า ก็ทำไปแล้ว ซึ่งตาม พ.ร.ป.การได้มาซึ่ง สว.มาตรา 42 ไม่ได้เขียนกรณีดังกล่าวไว้ แต่ กกต.มาออกระเบียบ กกต.ว่าด้วยการเลือก สว. ฉบับที่ 3 ข้อ 154/1 ให้ กกต.สามารถเลื่อนบัญชีสำรองขึ้นมาแทนได้

เมื่อถามต่อว่า ก่อนหน้านี้ศาลปกครองเคยเพิกถอนบางข้อของระเบียบดังกล่าว กังวลหรือไม่ ว่าจะถูกเพิกถอนอีก นายแสวงกล่าวว่า ตอบไม่ได้ แต่เมื่อข้อเท็จจริงออกมาเช่นนี้ก็ต้องดำเนินการ และทำไปแล้ว หากไม่เลื่อนจะเป็นปัญหามากกว่านี้ เพราะจะเปิดสภาไม่ได้ ซึ่งการดำเนินการดังกล่าวสะท้อนว่า กกต.ไม่ได้นิ่งนอนใจ

เมื่อถามต่อว่า ทำไมไม่รับรองไปก่อนแล้วค่อยมาสอยทีหลัง จะได้ไม่เกิดปัญหา นายแสวง กล่าวว่า มีคำพิพากษาของศาลฎีกาวินิจฉัยวางแนวเอาไว้แล้ว เมื่อเราพบ ถ้าไม่ทำก็ไม่รู้ว่าจะหลีกเลี่ยงได้อย่างไร วันนี้จะส่งประกาศราชกิจจานุเบกษา

รายงานข่าวแจ้งว่า บุคคลที่ถูก กกต.ระงับสิทธิชั่วคราวหรือแจกใบส้ม คือ น.ส.คอดียะฮ์ ทรงงาม ผู้ได้รับเลือกเป็น สว.อ่างทอง ลำดับที่ 4 กลุ่ม 18 กลุ่มสื่อสารมวลชน โดยระบุในประวัติการทำงานว่าประชาสัมพันธ์เสียงตามสายหมู่บ้าน เป็นประชาสัมพันธ์อำเภอไชโย อย่างไรก็ดีจากการตรวจสอบพบว่า น.ส.คอดียะฮ์ เป็นที่ปรึกษา นายก อบจ.อ่างทอง คือ ศาลฎีกาวางแนวเอาไว้ว่า การเป็นที่ปรึกษานายก อบจ.ถือเป็นผู้บริหารท้องถิ่น จึงถูกระงับสิทธิชั่วคราว ทำให้เลื่อนว่าที่ พ.ต.กรพด รุ่งหิรัญวัฒน์ ผู้ได้รับเลือกเป็น สว.ลำดับที่ 11 ซึ่งอยู่ในบัญชีสำรองเลื่อนขึ้นมาอยู่ในบัญชีตัวจริงลำดับ 10 โดยว่าที่ พ.ต.กรพด อดีตประธานรุ่น 5 หลักสูตร พัฒนาสัมพันธ์เครือข่ายความมั่นคงระดับผู้บริหาร (พคบ.) ของ กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร (กอ.รมน.) มาแทน .314.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

“ภูมิธรรม” แบ่งงาน 2 รมช.มหาดไทย เจ้าตัวคุม “โยธาฯ-ปค.”

กระทรวงมหาดไทย 14 ก.ค. –“ภูมิธรรม” แบ่งงาน 2 รมช.มหาดไทยแล้ว เจ้าตัวคุม “โยธาฯ – ปค.” ฟาก “เดชอิศม์” คุม “ที่ดิน – สถ.” สางปัญหาที่ดิน นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกฯ และรมว.มหาดไทย รักษาราชการนายกฯ กล่าวว่า ขณะนี้ตนได้แบ่งงานกับทั้ง 2 รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทยเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ซึ่งการทำงานของทั้ง 3 คนเราทำงานเป็นทีมเดียวกัน ส่วนหลักเกณฑ์การแบ่งก็กระจายให้ทั่วถึงเพื่อช่วยกันดูแล โดยตนกำกับดูแลกรมโยธาธิการและผังเมือง กรมการปกครอง สำนักปลัดกระทรวงมหาดไทย สำนักงานรัฐมนตรี กระทรวงมหาดไทย การประสานงานส่วนราชการในสังกัด กระทรวงมหาดไทยตาม พ.ร.บ.การบริหารราชการจังหวัดชายแดนภาคใต้ พ.ศ.2553 การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค การประปาส่วนภูมิภาค และดูหน่วยงานส่วนที่เหลือทั้งหมด โดยทั้งหมดสงวนไว้ในส่วนที่เกี่ยวข้องกับงบประมาณ และบุคคลซึ่งตนเป็นผู้ดูแล นายภูมิธรรม กล่าวต่อว่า ได้มอบหมายให้ น.ส.ธีรรัตน์ สำเร็จวาณิชย์ รมช.มหาดไทย กำกับดูแล กรมการพัฒนาชุมชน เพราะเป็นเรื่องเกี่ยวกับสตรีและการดำเนินการเรื่องผ้าไทย รวมถึงกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย […]

รถพ่วงเบรกแตกลงเขา ชนแหลก 10 คัน เจ็บ 3

นครราชสีมา 13 ก.ค. – รถพ่วงเบรกแตกลงเขามอกลางดง ชนแหลกรวมสิบคัน บาดเจ็บ 3 คน ทำถนนมิตรภาพรถติดยาวหลายกิโลเมตร คนขับรถพ่วงบาดเจ็บ แต่ยังให้การได้ รถพ่วงบรรทุกตู้คอนเทนเนอร์ ชนแหลกนับ 10 คัน บนถนนมิตรภาพ ขาเข้ากรุงเทพมหานคร ช่วงลงเขามอกลางดง กิโลเมตรที่ 37-38 อ.ปากช่อง จ.นครราชสีมา ตำรวจ สภ.กลางดง พร้อมเจ้าหน้าที่กู้ภัยหลายหน่วยระดม เข้าตรวจสอบที่เกิดเหตุ และช่วยเหลือผู้บาดเจ็บ ที่เกิดเหตุพบรถบรรทุกตู้คอนเทนเนอร์คันต้นเหตุ ยี่ห้อฮีโน่ สีขาว ทะเบียน กรุงเทพมหานคร ด้านหน้าหัวลากพังยับ นายวิทยา อายุ 34 ปี คนขับ ได้รับบาดเจ็บที่ขาซ้าย ยังนั่งอยู่บริเวณที่นั่งข้างคนขับ โดยเล่าว่า บรรทุกของมาเต็มตู้คอนเทนเนอร์ ช่วงลงเขาเกิดเบรกไม่อยู่ เนื่องจากลมหมด จึงทำให้พุ่งชนท้ายรถพ่วงบรรทุกไม้อีกคันที่อยู่ด้านหน้า จนกระเด็นไปคนละทิศละทาง ไม้กระจายเกลื่อนถนน ด้วยความแรงยังวิ่งไปเฉี่ยวชนกับรถที่วิ่งอยู่ด้านหน้าเสียหายอีก 8 คัน เป็นรถกระบะ 5 คัน, รถเก๋ง […]

มส.มีมติสั่งปลด-ถอดสมณศักดิ์ พระอาบัติปาราชิก เรียกพระ 5 รูปแจงด่วน

กรุงเทพฯ 13 ก.ค.-มหาเถรสมาคม ประชุมนัดพิเศษ มีมติสั่งปลด-ถอดสมณศักดิ์ พระอาบัติปาราชิก เผยสึกแล้ว 6 คน ยังติดต่อไม่ได้ 2 คน เตรียมแก้กฎมหาเถรสมาคม อ้างสุดล้าหลังกว่า 50 ปี ขณะที่พระเทพพัชราภรณ์ เจ้าอาวาสวัดชูจิตฯ ชิงลาออกแล้ว นายอินทพร จั่นเอี่ยม ผอ.สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ (พศ.) แถลงข่าวภายหลังการประชุมมหาเถรสมาคมนัดพิเศษ ครั้งที่ 1/2568 ว่า สมเด็จพระสังฆราชห่วงใยต่อกระแสข่าวที่เกิดขึ้น จึงมีพระบัญชาให้มหาเถรสมาคม นิมนต์กรรมการฯประชุมเร่งด่วน ซึ่งทางกรรมการฯ มีข้อห่วงใย และมีการอภิปรายกันอย่างกว้างขวาง โดยมีมติ ดังนี้ -พระที่ถูกกล่าวหา ต้องอาบัติปราชิก ถือว่าสิ้นสุดความเป็นพระภิกษุทางวินัย และต้องสึกโดยทันที ส่วนพระที่ยังไม่ถึงขั้นปราชิก ก็ให้ปลดออกจากตำแหน่งเจ้าคณะพระสังฆาธิการทุกรูป และจะมีมติขอพระราชทานพระบรมราชานุญาตถอดสมณศักดิ์-ในระยะเร่งด่วน ให้เจ้าคณะผู้ปกครองสงฆ์ทุกระดับ ตรวจสอบดูแลและกำกับพฤติกรรมองพระในปกครองอย่างใกล้ชิด หากพบพฤติกรรมละเมิดพระธรรมวินัยให้ดำเนินการสอบสวน และรายงานมหาเถรสมาคมโดยเร็ว-กรณีพระภิกษุถูกกล่าวหาผิดพระธรรมวินัย ประเภทครุกาบัติ ให้ออกคำสั่พักการปฏิบัติหน้าที่ และให้เจ้าหน้าที่ดำเนินการตามกฏหมาย พร้อมขอให้ระมัดระวังการให้ข้อมูลต่อสื่อมวลชนและสาธารณชน เนื่องจากยังเป็นเพียงผู้ถูกกล่าวหา-และทบทวนปรับปรุงกฎระเบียบคณะสงฆ์ว่าด้วยการประทำผิดพระธรรมวินัย ประเภทครุกาบัติ โดยมหาเถรสมาคม เห็นควรขอประทานพระวินิจฉัยสมเด็จพระสังฆราช มีพระบัญชาโปรดให้แต่งตั้งคณะกรรมการพิเศษเพื่อคุ้มครองพระพุทธศาสนาคณะหนึ่ง […]

ส่งตัวดำเนินคดี นักท่องเที่ยวไทยทำร้ายทหารกัมพูชา

สุรินทร์ 13 ก.ค.-ทบ. เผยนักท่องเที่ยวไทยต่อยทหารกัมพูชา ที่ปราสาทตาเมือนธม เป็นอดีตทหารพราน ส่งตัวให้ตำรวจดำเนินคดีตามกฎหมาย เมื่อวันที่ 13 ก.ค.68 พล.ต.วินธัย สุวารี โฆษกกองทัพบกกล่าวถึงกรณีที่งนักท่องเที่ยวชาวไทย ทำร้ายร่างกายเจ้าหน้าที่ทหารกัมพูชาชุดประสานงาน ที่บริเวณปราสาทตาเมือนธม จังหวัดสุรินทร์ ว่า กองทัพบกได้รับรายงานจากกองกำลังสุรนารี ว่า เมื่อเวลาประมาณ 10.20 น. ได้เกิดเหตุการณ์นักท่องเที่ยวชาวไทยทำร้ายร่างกายเจ้าหน้าที่ทหารกัมพูชาชุดประสานงาน ณ บริเวณปราสาทตาเมือนธม โดยผู้ก่อเหตุได้ชกเจ้าหน้าที่กัมพูชา ทั้งทางด้านหลังและด้านหน้า ก่อนจะหลบหนีออกจากพื้นที่ ซึ่งเจ้าหน้าที่ฝ่ายไทยสามารถติดตามและควบคุมตัวได้ในเวลาต่อมา จากการตรวจสอบเบื้องต้น ทราบว่าผู้ก่อเหตุคือ นายสมหมาย ศรีศุกรานันทน์ อดีตอาสาสมัครทหารพราน ปัจจุบันดำรงตำแหน่งประธานชมรมทหารพรานจิตอาสาค่ายปักธงชัย และประธานเครือข่ายทหารผ่านศึกจังหวัดสมุทรสาคร ทั้งนี้ เนื่องจากบริเวณพื้นที่เกิดเหตุเป็นสถานที่ท่องเที่ยว ทางเจ้าหน้าที่ทหารฝ่ายไทย ได้ทำความเข้าใจกับผู้เสียหายไปแล้วในเบื้องต้น เพื่อพยายามไม่ให้กระทบความสัมพันธ์ในระดับเจ้าหน้าที่ทั้งสองฝ่าย สำหรับผู้ก่อเหตุ ได้ให้ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ ดำเนินการไปตามขั้นตอนของกฎหมายต่อไป.-313.-สำนักข่าวไทย

ข่าวแนะนำ

“สุชาติ” มอบนโยบายสำนักพุทธฯ ลุยสางปัญหาวงการสงฆ์

พุทธมณฑล 16 ก.ค.- “สุชาติ” มอบนโยบายสำนักพุทธฯ ผอ.พศจ.ทั่วประเทศตบเท้าเข้าฟัง หลังเกิดประเด็นฉาว “สีกากอล์ฟ” บอกขอฟังปัญหาก่อนเพื่อแก้ให้ตรงจุด ชี้ถูกสั่งให้มาสางปัญหาแต่ปัญหามีเยอะเหลือเกิน ยกรัฐธรรมนูญ มาตรา 67 แจง รัฐต้องช่วยแก้ปัญหา นายสุชาติ ตันเจริญ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เดินทางมามอบนโยบายการดำเนินงานแก่ข้าราชการ และเจ้าหน้าที่ สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ โดยมีนายอินทพร จั่นเอี่ยม ผู้อำนวยการ สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ พร้อมด้วย ผู้บริหารระดับสูงและผู้อำนวยการสำนักพระพุทธศาสนาทั่วประเทศเข้ารับฟัง ณ อาคารสมเด็จพระมหารัชมังคลาจารย์ (ห้องประชุม มส.เดิม) สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ ตำบลศาลายา อำเภอพุทธมณฑล จังหวัดนครปฐม หลังเกิดประเด็น สีกากอล์ฟ ที่มีพระชั้นผู้ใหญ่เข้าไปเกี่ยวข้องจนทำให้มีการลาสิกขาบทไปแล้วถึง 9 รูป โดยนายสุชาติ กล่าวว่า ตนมาวันนี้อยากขอฟังภารกิจของสำนักงานพระพุทธศาสนา ในสิ่งที่ได้ดำเนินการไปแล้ว เพราะตอนนี้ตนได้มารับงานดูแลสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ ซึ่งเป็นอย่างที่ตนได้เคยให้ข่าวไว้ว่ารับน้องใหม่แรงเหลือเกิน แต่ไม่เป็นไรยินดีที่จะเข้ามาสางปัญหา เพราะถูกส่งให้เข้ามาสางปัญหาโดยเฉพาะ แต่ก็มีปัญหาให้สางเยอะไปหน่อย แล้วตนอยากฟังว่าการดำเนินงานที่ผ่านมามีปัญหาหรือติดขัดอะไรบ้าง มีอะไรให้รัฐบาลช่วยเหลือแก้ไขให้ถูกจุด เพราะว่าตามรัฐธรรมนูญมาตรา 67 วรรค 5 […]

“ภูมิธรรม” ขออดทนอดกลั้นเหตุกัมพูชายั่วยุ อย่าฟัง “ฮุนเซน”

บน.6 ดอนเมือง 16 ก.ค.- “ภูมิธรรม” ลั่นรัฐบาลไม่พอใจกัมพูชามากอยู่แล้ว ขอประชาชน-ทหาร อดทนเหตุยั่วยุต่างๆ อย่าฟัง “ฮุนเซน” แค่ “พ่อนายกฯ เขมร” อยากแก้ปัญหา แต่ไม่มีอำนาจตัดสินใจ นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ในฐานะรักษาราชการแทนนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงเหตุความวุ่นวายที่ประสาทตาเมือนธม จ.สุรินทร์ วานนี้ว่า เป็นเรื่องที่ไม่อยากให้เกิด ซึ่งทราบว่ามีการยั่วยุ โดยพยายามสั่งให้เจ้าหน้าที่ไทยระมัดระวังและอดทนอดกลั้นให้มากที่สุด รวมถึงพยายามป้องกันไม่ให้เกิดขึ้นอีก แต่ก็ต้องคอยระวัง เพราะกัมพูชาจะใช้กลยุทธ์วิธีแบบนี้ในการทำให้เกิดการประทะกัน เกิดความรุนแรง ซึ่งจะถูกนำไปใช้ในเรื่องระหว่างประเทศได้ กำลังพลของไทยส่วนใหญ่เข้าใจ ยืนยันว่าจะพยายามทำให้ดีที่สุด ไม่ใช้กำลังแก้ปัญหา และไม่ให้ถูกกล่าวหาว่าเราทำให้เกิดความรุนแรง เพื่อจะเอาพื้นที่กลับมา สำหรับปราสาทตาเมือนธม ก็มีมาตรการในการป้องปรามอยู่แล้ว เปิดบางส่วนปิดบางส่วน ก็ต้องดูเป็นพื้นที่ และเป็นอำนาจในการควบคุมดูแลของแม่ทัพภาคที่ 2 เมื่อถามว่ากังวลจะมีเหตุซ้ำรอยหรือไม่ เพราะกัมพูชายั่วยุมา ส่วนฝ่ายไทยก็มีอดีตทหารพรานไปชกหน้าทหารกัมพูชา นายภูมิธรรม กล่าวว่า ก็เป็นเรื่องที่ต้องพยายามอย่าปลุกความเกลียดชัง สิ่งที่เราห่วงใยคือการปะทะแล้วจะเลยเถิดไปถึงความรุนแรงที่เกิดขึ้น โดยเฉพาะประชาชนชาวไทยที่อยู่แนวชายแดน และทหารหาญ เพราะถ้ากระทบขึ้นมาก็ไม่ดี “รัฐบาลไม่พอใจกัมพูชาอย่างมากอยู่แล้ว และในแง่การดำเนินการทางการทูต รัฐมนตรีต่างประเทศก็ได้ดำเนินการแต่ละขั้นตอน […]

“สีกากอล์ฟ” อิดโรย-ยกมือไหว้ขอโทษ ก่อนเข้าห้องขังกองปราบฯ

16 ก.ค. – “สีกากอล์ฟ” ปิดปากเงียบตอบคำถามสำนึกผิดหรืออยากขอโทษในสิ่งที่ทำลงไปหรือไม่ พร้อมยกมือไหว้ขอโทษ ก่อนถูกคุมตัวเข้าห้องขังกองปราบฯ ตำรวจกองกำกับการ 2 กองบังคับการป้องกันและปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบ (ปปป.) ควบคุมตัว น.ส.วิลาวัลย์ หรือ สีกากอล์ฟ เข้ามาควบคุมตัวที่ห้องควบคุมขัง ผู้สื่อข่าวพยายามสอบถามว่าสำนึกผิดหรืออยากจะขอโทษในสิ่งที่ตัวเองทำลงไปหรือไม่ สีกากอล์ฟไม่ตอบคำถามใดๆ เพียงแค่ยกมือไหว้เท่านั้นจากการสังเกตพบว่าสีกากอล์ฟมีท่าทีอิดโรยและเครียดมาก ขณะที่ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รอง ผบช.ก. แจ้งข้อหาสีกากอล์ฟ อายุ 35 ปี ใน 3 ข้อหา คือ ม.147 เป็นผู้สนับสนุนการกระทำความผิด ฐานเป็นเจ้าพนักงาน ปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบฯ, รับของโจร, สมคบกันฟอกเงินและร่วมกันฟอกเงิน ก่อนแถลงจับกุมว่ พบลักษณะของการกรรโชกทรัพย์อดีตท่านเจ้าคุณอาชว์ จึงประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทำการสืบสวน แต่สิ่งหนึ่งที่พวกเราต้องทำก่อนคือการจัดการปัญหาเรื่องวินัยสงฆ์ เพราะถ้ารูปต่างๆ หลุดออกไป อาจทำให้เกิดความเสื่อมเสียไปเป็นอย่างมาก จากการตรวจสอบพบว่าสีกากอล์ฟมีความสัมพันธ์กับอดีตเจ้าคุณอาชว์ ช่วงเดือน พ.ค. 2567 ก่อนที่จะห่างกันไป แต่กลับมาอ้างว่ามีลูกที่เจ้าคุณอาชว์ พร้อมขอค่าเลี้ยงดูเลี้ยง 7.2 ล้านบาท ตกเดือนละ […]

อุตุฯ เตือนฝนตกหนักถึงหนักมากบางแห่ง-กทม.ฟ้าคะนอง 60%

กรุงเทพฯ 16 ก.ค. – กรมอุตุฯ เตือนฝนตกหนักถึงหนักมากบางแห่งบริเวณ จ.เชียงราย พะเยา น่าน แพร่ อุตรดิตถ์ เลย หนองคาย จันทบุรี และตราด ขอให้ประชาชนระวังอันตรายจากฝนตกหนัก ส่วนกรุงเทพฯ และปริมณฑล มีฝนฟ้าคะนอง 60% และมีฝนตกหนักบางแห่ง กรมอุตุนิยมวิทยาพยากรณ์อากาศ 24 ชั่วโมงข้างหน้า ประเทศไทยยังคงมีฝนฟ้าคะนองและมีฝนตกหนักถึงหนักมากบางแห่ง โดยเฉพาะบริเวณจังหวัดเชียงราย พะเยา น่าน แพร่ อุตรดิตถ์ เลย หนองคาย จันทบุรี และตราด ขอให้ประชาชนในบริเวณดังกล่าวระวังอันตรายจากฝนตกหนักถึงหนักมากและฝนที่ตกสะสม อาจทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก โดยเฉพาะพื้นที่ลาดเชิงเขาใกล้ทางน้ำไหลผ่านและพื้นที่ลุ่ม ทั้งนี้ เนื่องจากมีหย่อมความกดอากาศต่ำปกคลุมบริเวณประเทศลาวและเวียดนามตอนบน ในขณะที่มรสุมตะวันตกเฉียงใต้ที่พัดปกคลุมทะเลอันดามัน ประเทศไทย และอ่าวไทย มีกำลังอ่อนลงเป็นกำลังปานกลาง สำหรับคลื่นลมบริเวณทะเลอันดามันตอนบนมีกำลังปานกลาง โดยมีคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร ส่วนทะเลอันดามันตอนล่าง มีคลื่นสูง 1-2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร […]