รัฐสภา 20 มิ.ย.- “สุทิน” แจง งบฯ ก.กลาโหม ยืนยัน ลดกำลังพลเป็นผลงาน แต่ต้องทบทวน พร้อมแจงให้นโยบายกองทัพ อัปเกรดยุทโธปกรณ์ไร้คนขับ
นายสุทิน คลังแสง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ชี้แจงต่อที่ประชุมสภาฯ วาระพิจารณาร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2568 ส่วนของงบประมาณรายจ่ายของกระทรวงกลาโหม ว่า สำหรับการเบิกจ่ายของงบกองทัพ ขณะนี้ทะลุเป้าไปที่ 20% จากเดิมที่ตั้งเป้าไว้ 19% เมื่อเทียบกับของรัฐทำได้ตามกรอบและเกินเกณฑ์สิ้นปีงบประมาณ งบของกองทัพใช้ทัน สำหรับงบบุคลากรของกองทัพที่บอกว่าลดแบบธรรมชาติ ไม่ใช่ฝีมือของตน เพราะคนเกษียณอายุราชการตนปิดอัตรา ไม่ได้รับบรรจุเหมือนกระทรวงหรือหน่วยงานอื่น ทั้งนี้กลาโหมส่วนที่ลดตำแหน่งนายพล เป็นผู้ทรงคุณวุฒิน่าจะถูกใจนายวิโรจน์ ลักขณาอดิศร สส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล ที่เคยติติงไว้
นายสุทิน อภิปรายด้วยว่ากองทัพเตรียมเปิดเออรี่รีไทร์ นั้นเตรียมไว้ 2 แผน โดยตุลาคมจะประกาศให้เริ่ม โดยจะเพิ่มยศให้ เชื่อว่าจะมีนายพลเข้าแผนดังกล่าวจำนวนมาก
“ปัจจุบันไม่มีประเทศไหนที่ลดกำลังพลเหมือนประเทศไทย และบรรยากาศทั้งโลกกำลังเพิ่มกำลังพล และยุทโธปกรณ์เพราะมีสัญญาณเตือนจากสถานการณ์ต่างๆ ทั้งนี้ในรายงานองค์กรนานาประเทศยกกำลังพลอาเซียนเปรียบเทียบให้ดู ประเทศที่กำลังพลเยอะที่สุด คือ เวียดนาม 5.8ล้านนาย ส่วนไทย 5แสนนาย อินโดนีเซีย 1 ล้านราย ทั้งนี้การลดกำลังพลต้องลดไปทบทวนไป และต้องกลับมาถามสภา ว่า เอาด้วยหรือไม่ ทั้งนี้มีหลายประเทศที่บังคับเกณฑ์ทหาร เพื่อเพิ่มกำลังพล” นายสุทิน ระบุ
นายสุทิน อภิปรายต่อว่า สำหรับโครงการจัดหาโดรน ตนได้หารือกองทัพถึงสถานการณ์ที่เปลี่ยนไป เพราะอนาคตไม่มีคนรบกันมีแต่เหล็ก ไร้คนขับ ทั้งนี้กองทัพไทยประกาศพัฒนาโดรน ทั้งนี้โดรนในทางยุทธศาสตร์เพียงพอเพราะหน่วยงานกองทัพผลิตได้เอง นอกจากนั้นสถาบันอุตสาหกรรมป้องกันประเทศ เตรียมลงนามร่วมลงทุนกับบริษัทต่างชาติและไทยที่เป็นมืออาชีพขั้นสูงเพื่อผลิตโดรน นอกจากนั้นแนวทางส่งเสริมอุตสาหกรรมป้องกันประเทศ ตนได้มอบนโยบายให้พัฒนา และตั้งกองทัพไซเบอร์และอวกาศ ตอนนี้ทำแล้วโดยยกระดับศูนย์บัญชาการไซเบอร์ทางทหาร ซึ่งเป็นการเคลื่อนทางยุทธศาสตร์ รบผ่านไซเบอร์ได้
“สำหรับความมั่นคงทางอาวุธ ผมเอาจริง ปีนี้งบ 68 ได้เพิ่มงบวิจัยให้กับ 2หน่วยงานเพื่อพัฒนาอุตสาหกรรมป้องกันประเทศ ไปสู่การผลิตและขาย ทั้งนี้จะแก้ไขกฎหมายเพื่อส่งเสริมเอกชนในส่วนของการพัฒนาและผลิต โดยปีหน้าจะเริ่มซื้ออาวุธที่ผลิตในประเทศให้กระทรวงกลาโหมหรือเหล่าทัพแบบขั้นบันได” นายสุทิน กล่าว
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ยังชี้แจงถึงเรื่องการหักเงินทหารเกณฑ์ ว่า ตนให้ตรวจสอบ พบว่าที่ผ่านมามีการหักเงินเช่นกัน เพราะทหารเกณฑ์มาตัวเปล่า ดังนั้นต้องอำนวยความสะดวกให้ เช่น ค่าชุดฝึก เป็นต้น ซึ่งเกื้อกูลระหว่างครอบครัวทหาร กับร้านสวัสดิการมาตลอด ทั้งนี้กองทัพมีงบให้เพียงพอ แต่ทหารใหม่ต้องการชุดเพิ่มจึงต้องหักเงิน ส่วนไว-ไฟ หรือ ดูดส้วมไม่เคยมี และขอให้สอบย้อนหลัง หากมีถือว่าผิดชัดเจน ต้องลงทษ
“ต้องให้ทหารรับเงินเดือนสูงที่สุดเท่าที่ทำได้ ได้ 5,000 – 6,000 บาท ไม่ได้ ต้องอยู่ในระดับ หมื่นบาท และผมมีคำสั่งว่าจะหักอะไร พลทหารต้องยินยอม และเป็นราคาที่เป็นธรรม ขอให้สบายใจ ว่าได้ให้จเรทหารสอดส่อง หากบอกว่า รมว.พลเรือน ไม่มีปัญญา ผมชี้แจงว่าหน่วยฝึกมีเยอะ แต่เจอแค่หน่วยเดียว ยอมรับว่ามีบ้าง แต่ต้องไล่บี้ ดูแลทหารให้ดีที่สุด” รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม กล่าว
จากนั้น นายวิโรจน์ ได้ลุกอภิปรายว่า เพื่อความชัดเจนเรื่องลดกำลังพล กมธ.การทหาร ได้ทำหนังสือให้สำนักปลัดกระทรวงกลาโหมยืนยันเป็นลายลักษณ์อักษรว่ามีการปิดอัตราจริงหรือไม่ เพราะจากการชี้แจงใน กมธ. ไม่มีใครยืนยันว่าปิดอัตราจริง
ทำให้นายสุทิน ได้ลุกขึ้นชี้แจงว่า “คิดง่ายๆ เกษียณแล้ว บรรจุเพิ่มเหมือนอดีต หากไม่รับบรรจุ จะลดได้อย่างไร ไม่เป็นไรถามมา พร้อมจะตอบ”.-316-สำนักข่าวไทย