ทำเนียบฯ 12 มี.ค.-“ปานปรีย์” รมว.ต่างประเทศ เผยเตรียมเปิดศูนย์ช่วยเหลือมนุษยธรรมไทย-เมียนมา เดือนนี้ หากประสบความสำเร็จ เล็งเปิดเพิ่มที่ จ.แม่ฮ่องสอน
นายปานปรีย์ พหิทธานุกร รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ กล่าวถึงความคืบหน้าศูนย์ช่วยเหลือมนุษยธรรมไทย – เมียนมาร์ ว่า ภายในเดือนนี้จะมีการเปิดศูนย์ และจะมีการช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมไปยังประเทศเมียนมา โดยเป็นเรื่องยา อาหาร ที่จะส่งไปช่วยเหลือประชาชนโดยตรง ไม่ได้เป็นเรื่องการเมือง รัฐบาล หรือชาติพันธุ์ หรือเป็นเรื่องของคนที่เห็นตรงข้ามกับรัฐบาลเมียนมาร์
“แต่เป็นเรื่องที่ประชาชนได้รับผลกระทบ จากการสู้รบภายในของประเทศเขา และประเทศไทยอยากจะช่วยเหลือประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากความเดือดร้อนนั้น ซึ่งตรงกับแนวทางฉันทามติ 5 ข้อ ของอาเซียน และ 1 ใน 5 ข้อนั้นก็เป็นเรื่องของการช่วยเหลือด้านมนุษยธรรม”นายปานปรีย์ กล่าว
ส่วนจะมีแผนเปิดศูนย์ช่วยเหลือตามแนวชายแดนไทย – เมียนมาร์ อีกหรือไม่ นายปานปรีย์ กล่าวว่า ต้องดูว่าหากจุดนี้ประสบความสำเร็จ และเป็นไปตามแนวทางที่เรากำหนดไว้ เช่น ความช่วยเหลือมนุษยธรรมนั้นกระจายไปยังประชาชนทุกกลุ่ม ไม่ตกอยู่ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง เราก็จะเปิดในพื้นที่อื่น น่าจะเป็นจังหวัดแม่ฮ่องสอน
ส่วนกรณีที่รัฐสภาจัดงานเสวนาเกี่ยวกับเรื่องแนวชายแดนไทย-เมียนมาร์ และกระทรวงการต่างประเทศเมียนมาร์ ส่งหนังสือว่าไม่เห็นด้วยกับกิจกรรมดังกล่าว นายปานปรีย์ กล่าวว่า ยังไม่ได้รับหนังสือฉบับนี้ เพียงแต่เห็นว่ามีอยู่ในโซเชียลมีเดีย และจริงๆ แล้วความสัมพันธ์ระหว่างประเทศเป็นเรื่องละเอียดอ่อน และสิ่งที่รัฐบาลไทย กำลังทำอยู่ในขณะนี้ไม่ประสงค์จะให้เป็นเรื่องการเมือง เพราะเป็นเรื่องของการช่วยเหลือด้านมนุษยธรรม หลังจากที่มีการช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมแล้ว และกลุ่มต่างๆ ที่เห็นไม่ตรงกันในเมียนมา สามารถหันหน้ากลับมาคุยกันได้ ประเทศไทยก็พร้อมสนับสนุน แต่เรื่องของการแทรกแซงกิจการภายใน เราไม่เห็นด้วยกับนโยบายนี้
ส่วนเรื่องที่ฝ่ายค้านชี้แจงว่าส่งหนังสือเชิญไปแล้วแต่ไม่มาเข้าร่วมนั้น นายปานปรีย์ ระบุว่า ถ้าเขาจัดในเชิงวิชาการก็เป็นประโยชน์ และรับฟังความคิดเห็นทุกฝ่าย แต่ถ้าเป็นในเรื่องของการเมือง ก็เป็นประเด็นที่ต้องระมัดระวังไม่ให้กระทบความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ ซึ่งก็มีหลายเรื่องที่เราต้องพูดคุยกับฝ่ายเมียนมา โดยเฉพาะปัญหาชายแดน เรื่องยาเสพติด หรืออาชญากรรมที่ทำไม่ถูกตามกฎหมาย ซึ่งตรงส่วนนี้ก็ต้องอาศัยทางเมียนมาร์ ไม่ให้สิ่งนี้มีผลกระทบต่อประเทศไทย.-317.-สำนักข่าวไทย