ผู้ช่วย ผอ.รมน.ติดตามสถานการณ์ไฟป่า-หมอกควันภาคเหนือ

9 มี.ค. – ผู้ช่วย ผอ.รมน. ลงพื้นที่ติดตามสถานการณ์ไฟป่า หมอกควัน พร้อมเร่งบูรณาการสกัดกั้นยางพาราเถื่อนเข้าประเทศ ในพื้นที่ภาคเหนือ เน้นย้ำให้ทุกหน่วยปฏิบัติการด้วยความระมัดระวัง รวดเร็ว ทันท่วงที


ตามที่ นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี/ผอ.รมน. มีความห่วงใยต่อสถานการณ์ไฟป่า หมอกควัน และฝุ่น PM 2.5 ในพื้นที่ภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือ โดยในห้วงปัจจุบันเข้าสู่ฤดูที่จะมีระดับความรุนแรงมากขึ้น รวมถึงปัญหายาเสพติด และการนำยางพาราจากประเทศเพื่อนบ้านผ่านแดนบริเวณชายแดน อ.แม่สอด จ.ตาก ไปยังประเทศที่สาม ซอาจส่งผลกระทบต่อรายได้ของเกษตรกร และระบบเศรษฐกิจโดยรวมของประเทศ

จึงได้สั่งการ พล.อ.เจริญชัย หินเธาว์ ผบ.ทบ. ในฐานะ รอง ผอ.รมน. เร่งบูรณาการหน่วยงานราชการที่เกี่ยวข้องในพื้นที่ โดยอาศัยกลไกของ กอ.รมน. ในการขับเคลื่อนและร่วมกันแก้ไขปัญหา


รอง ผอ.รมน. จึงมอบหมายเป็นการเร่งด่วนให้ พล.อ.อุกฤษฎ์ บุญตานนท์ ผช.ผบ.ทบ. ในฐานะผู้ช่วย ผอ.รมน. ลงพื้นที่เพื่อติดตามสถานการณ์ เร่งรัดให้ส่วนราชการที่เกี่ยวข้องร่วมกันแก้ไขปัญหาดังกล่าวเป็นการด่วน ตามนโบายของนายกรัฐมนตรี/ผอ.รมน. ใน 3 พื้นที่สำคัญได้แก่ จ.ตาก เชียงใหม่ และแม่ฮ่องสอน

โดยในช่วงเช้าคณะฯ ได้เดินทางลงพื้นที่สะพานมิตรภาพไทย-เมียนมา แห่งที่ 2 อ.แม่สอด จ.ตาก เพื่อติดตามผลการดำเนินการแก้ไขปัญหาการลักลอบนำยางพาราเข้ามาในประเทศโดยผิดกฎหมาย พร้อมรับฟังการบรรยายสรุปแนวทางการนำผ่านสินค้ายางพาราไปยังประเทศที่สาม จากส่วนราชการที่เกี่ยวข้องในห้วงที่ผ่านมา

มีรายละเอียดที่สำคัญคือ พบข้อมูลมีการขอขนย้ายนำผ่านสินค้ายางพาราไปประเทศที่สาม มีจำนวนมากกว่าปกติในช่วงเดือน ก.พ. 67 ที่ผ่านมา โดยในปัจจุบันศูนย์สั่งการชายแดนไทยกับประเทศเพื่อนบ้านด้านเมียนมา จ.ตาก จึงมีหนังสือขอให้ด่านศุลกากรแม่สอด ระงับการนำผ่าน (Transit) สินค้ายางพารา ตั้งแต่วันที่ 6 มี.ค. 67 ที่ผ่านมา


ผู้ช่วย ผอ.รมน. กล่าวชื่นชมให้กำลังใจในการทำงานของหน่วยราชการในพื้นที่ที่มีการประสานสอดคล้องการทำงานร่วมกันอย่างสมบูรณ์แน่นแฟ้น เพื่อร่วมรักษาผลประโยชน์ของชาติและพี่น้องประชาชน

จากนั้นคณะฯ ได้เดินทางต่อไปยัง จ.เชียงใหม่ โดยมีการประชุมและรับฟังการบรรยายสรุปปัญหาแนวทางป้องกันการแก้ไขปัญหาไฟป่า หมอกควัน ของ กอ.รมน.ภาค 3 และส่วนราชการที่เกี่ยงข้อง ณ ศูนย์ปฏิบัติการดับไฟป่าภาค 3 โดยในส่วนของ กอ.รมน.ภาค 2 ใช้การประชุมร่วมผ่านระบบ VTC

มีรายละเอียดที่สำคัญคือ ที่ประชุมได้มีการรายงานจุดความร้อน (Hot Spot) ที่พบในภาพรวมของ 17 จังหวัดภาคเหนือ ปัจจุบันยังอยู่ในปริมาณที่สูงในบางจังหวัด แต่เมื่อเมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันในปี 66 ที่ผ่านมา พบว่าจำนวนจุดความร้อน สามารถลดระดับลงมาได้มากถึง 40-50% โดยยังพบพื้นที่ที่ประสบปัญหาไฟป่าส่วนใหญ่อยู่ในเขตพื้นที่ป่าอนุรักษ์ และป่าสงวนแห่งชาติ ซึ่งมีสัดส่วนอยู่ที่ 84% ส่วนพื้นที่ ส.ป.ก. พื้นที่ทางการเกษตร และพื้นที่อื่นๆ รวมกันยังคงมีสัดส่วนที่ไม่มาก ด้วยอาศัยมาตราการการแก้ไขปัญหาอย่างจริงจังของหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในช่วงที่ผ่านมา

ในช่วงท้ายการประชุม ผู้ช่วย ผอ.รมน. ได้ให้แนวทางเพิ่มเติมว่าปัญหาเกิดจากหลายปัจจัยที่อาจสามารถควบคุมได้ และอาจควบคุมไม่ได้จากสภาพแวดล้อมในปัจจุบัน หน่วยราชการจึงต้องอาศัยประสานบูรณาการความร่วมมือกัน สำหรับ กอ.รมน.ภาค 2 สามารถอาศัยแนวทางของ กอ.รมน.ภาค 3 และสามารถจำลองสถานการณ์ (War game) เพื่อให้ทราบแนวทางการบริหาร การใช้บุคลากร เครื่องมือ และวิธีการปฏิบัติต่างๆ หากเผชิญปัญหาจะสามารถตอบสนองการแก้ปัญหาได้อย่างทันท่วงที

พร้อมกันนี้ ผู้ช่วย ผอ.รมน. ได้กำชับให้ทุกหน่วยงานยึดมั่นในเป้าหมายดัชนี KPI ของจำนวนจุดความร้อน จำนวนพื้นที่เผาไหม้ จำนวนวันที่พบค่า PM 2.5 เกินมาตราฐาน และจำนวนผู้ป่วยโรคทางเดินหายใจ มีระดับลดลง 50% เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันกับปี 66 ที่ผ่านมา

ในช่วงบ่ายได้เดินทางต่อไปยัง จ.แม่ฮ่องสอน โดยได้มีการประชุมหารือและรับฟังการบรรยายสรุปกับส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง ณ ห้องประชุมท่าอากาศยานแม่ฮ่องสอน ได้ทราบถึงการเตรียมความพร้อมแผนการรองรับสถานการณ์จากส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง ตลอดจนแนวทางการปฏิบัติของจังหวัดในห้วงที่ผ่านมา แต่เนื่องจากการคาดการณ์สถานการณ์ในเดือน มี.ค. และเดือน เม.ย. 67 ที่จะถึงนี้อาจมีระดับความรุนแรงมากขึ้น ผู้ช่วย ผอ.รมน. ขอให้ทางจังหวัดได้มีการประเมินสถานการณ์อย่างละเอียดและใกล้ชิด หากมีความจำเป็นสามารถจัดทำแผนเพิ่มเติมเพื่อรองรับสถานการณ์ในห้วง 2 เดือนนี้ เพื่อให้การแก้ปัญหาของห้วงเวลาดังกล่าวมีความสมบูรณ์มากที่สุด

โดยก่อนปิดการประชุมผู้ช่วย ผอ.รมน. ได้กล่าวขอบคุณและให้กำลังใจแก่เจ้าหน้าที่ บุคลากรของหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทุกภาคส่วน ที่ได้ร่วมกันทำงานและร่วมกันแก้ปัญหาในครั้งนี้ เพื่อให้เป็นไปตามนโยบายของนายกรัฐมนตรี/ผอ.รมน.

หลังจากนั้นได้เดินทางต่อไปยังหน่วยเฉพาะกิจสิงหนาท ต.ผาบ่อง อ.เมืองแม่ฮ่องสอน เพื่อพบปะและให้กำลังใจเจ้าหน้าที่ในการแก้ไขปัญหาความมั่นคงในพื้นที่ โดยเฉพาะการป้องกันและแก้ไขปัญหายาเสพติดบริเวณพื้นที่ชายแดน ตามนโยบายของรัฐบาล

ในโอกาสนี้ ผู้ช่วย ผอ.รมน. ผู้ว่าราชการจังหวัดแม่ฮ่องสอน ฝ่ายปกครอง ตำรวจ ทหาร ร่วมแถลงข่าวการตรวจยึดและสกัดกั้นยาเสพติด ซึ่งเป็นความร่วมมือระหว่างหน่วยงานความมั่นคง ในการป้องกันและสกัดกั้นยาเสพติดไม่ให้เข้าสู่พื้นที่ตอนใน ด้วยการจัดกำลังลาดตระเวนเฝ้าตรวจอย่างเข้มงวด ล่าสุดเมื่อวันที่ 7 มี.ค. 67 ที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่ได้สนธิกำลังลาดตระเวนในพื้นที่บ้านปายสองแง่ ดอยหัวแหวน ดอยผักกูด อ.ปาย จ.แม่ฮ่องสอน ตรวจพบวัตถุต้องสงสัยจึงได้ตรวจสอบในขั้นต้นพบว่าเป็นยาเสพติดให้โทษประเภท 1 คือ ยาบ้า 7,000,000 เม็ด และยาไอซ์ 100 กก. เป็นมูลค่า 700 ล้านบาท โดยมีการลักลอบขนย้ายมาตามเส้นทางธรรมชาติ บริเวณพื้นที่รอยต่อ จ.แม่ฮ่องสอน กับ จ.เชียงใหม่ โดยยาเสพติดที่ตรวจยึดได้ในครั้งนี้ กองกำลังนเรศวร/ศูนย์ปฏิบัติการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด กองกำลังนเรศวรจะส่งมอบให้กับพนักงานสอบสวน สภ.ปาย เพื่อทำการพิสูจน์และดำเนินการตามกฎหมายต่อไป

ทั้งนี้ กอ.รมน. จะเร่งบูรณาการและขับเคลื่อนการแก้ไขปัญหาความมั่นคง ตามนโยบายของรัฐบาล โดยเฉพาะปัญหามลพิษไฟป่า หมอกควัน ปัญหายาเสพติด การนำเข้าสินค้าทางการเกษตรที่ผิดกฎหมาย ตลอดจนความมั่นคงตามแนวชายแดน และภัยความมั่นคงในมิติอื่นๆ เพื่อความเป็นอยู่ที่ดีของประชาชน และเพื่อความมั่นคงของประเทศต่อไป.-311-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

กระดูกเทียมไทเทเนียม นวัตกรรมไทยช่วยทหารกล้าชายแดน

กรุงเทพฯ 16 ส.ค.-สินค้า IP ไทยสุดเลิศ ผลิตกระดูกเทียมและอุปกรณ์ช่วยผ่าตัด ช่วยเหลือทหารแนวหน้าที่ได้รับบาดเจ็บจากเหตุการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา ต่อยอดส่งออกสร้างรายได้ให้กับประเทศไทยในระยะยาว นายจตุพร บุรุษพัฒน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ กล่าวว่า กรมทรัพย์สินทางปัญญา ร่วมกับบริษัท เมติคูลี่ จำกัด ผู้ผลิตกระดูกเทียมและอุปกรณ์ช่วยผู้ป่วยผ่าตัด ช่วยเหลือทหารแนวหน้าที่ได้รับบาดเจ็บจากเหตุการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา จำนวน 4 ราย ซึ่งรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาลสรรพสิทธิประสงค์ จังหวัดอุบลราชธานี และโรงพยาบาลพระมงกุฎเกล้าตามลำดับ เพื่อให้ทหารกล้าของไทยฟื้นฟูสภาพร่างกายให้กลับมามีคุณภาพชีวิตที่ดีโดยเร็ว “ความร่วมมือครั้งนี้ เริ่มจากกระทรวงพาณิชย์ลงพื้นที่จังหวัดอุบลราชธานีเยี่ยมผู้ประสบภัย ชายแดนไทย–กัมพูชา เมื่อวันที่ 2 สิงหาคม 2568 จากนั้นได้ประสานกับ เมติคูลี่ ซึ่งได้รับเลือกจากกรมทรัพย์สินทางปัญญา กระทรวงพาณิชย์ ให้เป็น IP Champion ในสาขาสิทธิบัตรการประดิษฐ์ประจำปีนี้ มอบแผ่นปิดกะโหลกเทียมไทเทเนียมออกแบบเฉพาะบุคคล และกระดูก มือเทียมไทเทเนียมเฉพาะบุคคลให้ทางโรงพยาบาลเพื่อให้นายทหารที่ผ่านการผ่าตัดเปิดกะโหลกศีรษะ 3 ราย และผ่าตัดข้อมือ 1 ราย ได้รับการรักษาที่มีความแม่นยำสูง ด้วยการออกแบบกระดูกที่มีขนาดจำเพาะกับสรีระผู้ป่วย ทำให้ผู้ป่วยฟื้นฟูร่างกายได้ดีขึ้น และสามารถกลับไปใช้ชีวิตได้อย่างปกติ โดยกระทรวงฯ ได้รับความร่วมมืออย่างดีจากกองบัญชาการกองทัพภาคที่ 2” […]

“นราธิวาส” จับยาไอซ์ลอตใหญ่ 900 กก. ซุกรถขนผัก

กทม.16 ส.ค.-“ภูมิธรรม” เผย “นราธิวาส” จับยาไอซ์ลอตใหญ่ 900 กก. ซุกรถขนผัก สั่งการเร่งขยายผลต่อเนื่อง พร้อมให้กำลังใจเจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงาน นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกฯ และรมว.มหาดไทย เปิดเผยว่า ได้รับรายงานจากว่าที่ร้อยตรี ตระกูล โทธรรม ผู้ว่าราชการจังหวัดนราธิวาส ว่าจากการดำเนินงานตามนโยบายของรัฐบาล ที่มุ่งปราบปรามยาเสพติดอย่างเด็ดขาด ในวันนี้ทางจังหวัดนราธิวาสร่วมกับหน่วยงานต่างๆ ได้มีการแกะรอย และตรวจค้นรถกระบะที่มีการลักลอบขนส่งยาเสพติด บริเวณอำเภอตากใบ จังหวัดนราธิวาส สามารถตรวจจับยาเสพติดให้โทษประเภท 1 (ไอซ์) ซุกซ่อนอยู่ในรถกระบะขนผัก จำนวน 30 กระสอบ น้ำหนักรวมประมาณ 900 กิโลกรัม และได้ทำการควบคุมตัวตัวผู้ต้องหาไว้ได้แล้ว นายภูมิธรรม กล่าวอีกว่า ตนได้มอบหมายให้ พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง รมว.ยุติธรรม และนายเดชอิศม์ ขาวทอง รมช.มหาดไทย ลงพื้นที่จังหวัดนราธิวาส เพื่อติดตามการดำเนินงานและร่วมแถลงผลการจับกุมในวันที่ 16 ส.ค.นอกจากนี้ยังได้ให้กำลังใจผ่านผู้ว่าราชการจังหวัด ไปยังเจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงานทุกท่านที่ทำหน้าที่อย่างเข้มข้น ตั้งใจ จนสามารถจับกุมกรณีการลักลอบขนส่งยาเสพติดล็อตใหญ่นี้ได้ และได้ให้ติดตามเพื่อขยายผลการจับกุมต่อไป.-319.-สำนักข่าวไทย

รัฐบาลย้ำเกษตรกรเร่งขึ้นทะเบียน-ปรับปรุงข้อมูลทางทะเบียน รับเงินช่วยเหลือ

ทำเนียบฯ 16 ส.ค. – รัฐบาลย้ำเกษตรกรเร่งขึ้นทะเบียนและปรับปรุงข้อมูลทางทะเบียนปีการผลิต 2568/69 พร้อมรอรับเงินช่วยเหลือตามนโยบายรัฐบาล นายอนุกูล พฤกษานุศักดิ์ รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ตามที่คณะกรรมการนโยบายและบริหารข้าวแห่งชาติ (นบข.) เห็นชอบโครงการพัฒนาศักยภาพการผลิตข้าวของเกษตรกรปลูกข้าวปีการผลิต 2568/69 และนาปรังปีการผลิต 2568 โดยจะจ่ายเงินช่วยเหลือชาวนา ไร่ละ 1,000 บาท ไม่เกิน 10 ไร่ เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนจากปัญหาต้นทุนการผลิตสูงและราคาข้าวที่ตกต่ำ ซึ่งเกษตรกรที่ทำนาปรังและนาปี จะได้รับเงินหลังจากลงทะเบียนและตรวจสอบสิทธิแล้วเสร็จ ทั้งนี้ คาดว่าจะเกษตรกรที่ทำนาปรังจะได้รับเงินเร็วที่สุดภายในเดือนกันยายน 2568 ส่วนเกษตรกรที่ทำนาปี จะได้รับในช่วงปลายปีนี้ หรือต้นปีงบประมาณ 2569 รัฐบาลโดยกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ขอเชิญชวนเกษตรกรทั่วประเทศ เร่งดำเนินการขึ้นทะเบียนและปรับปรุงทะเบียนเกษตรกร ประจำปีการผลิต 2568/69 โดยเกษตรกรสามารถขึ้นทะเบียนเกษตรกรผ่านช่องทางการบริการของรัฐโดยไม่มีค่าใช้จ่ายดังนี้ วิธีที่ 1 แจ้งกับเจ้าหน้าที่ สำหรับเกษตรกรรายเดิม แปลงเดิม สามารถแจ้งข้อมูลได้ที่สำนักงานเกษตรอำเภอทุกแห่ง หรือองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นที่มีความพร้อม และร่วมเป็นหน่วยสนับสนุนที่เกษตรกรมีพื้นที่การเกษตรอยู่ รวมถึงแจ้งข้อมูลผ่านผู้นำชุมชนหรือตัวแทนอาสาสมัครเกษตรหมู่บ้าน (อกม.) หรือผู้ที่ได้รับมอบหมาย ส่วน เกษตรกรรายใหม่ และรายเดิม แต่เพิ่มแปลงใหม่ […]

“วีระ” เตือน รัฐบาลควรเลิกนโยบายกึ่งการคลัง หลังแบกหนี้ 1 ล้านล้านบาท

รัฐสภา 15 ส.ค.-“วีระ” เตือน รัฐบาลควรเลิกนโยบายกึ่งการคลัง ผ่านสถาบันการเงินเฉพาะกิจ หลังแบกหนี้ 1 ล้านล้านบาท ตั้งคำถามหลายรัฐวิสาหกิจมีผลกำไรดี จะมาตั้งของบอีกทำไม นายวีระ ธีระภัทรานนท์ ในฐานะกรรมาธิการ (กมธ.) วิสามัญพิจารณางบประมาณรายจ่ายประจำปี 2569 ในเรื่องของรัฐวิสาหกิจ ว่า ในเอกสารงบประมาณที่เป็นงบประมาณรายจ่าย มาตรา 29 มีรัฐวิสาหกิจ 21 แห่งของบประมาณรวมกันทั้งสิ้น 79,298 ล้านบาท แต่ค่าใช้จ่ายของรัฐวิสาหกิจทั้งหมด 1.43 แสนล้านบาท ซึ่งในรัฐวิสาหกิจ 21 แห่งที่ของบประมาณมาตนไม่ค่อยติดใจ เพราะมีรัฐวิสาหกิจจำนวนหนึ่งไม่มีรายได้ อีกส่วนเป็นรัฐวิสาหกิจมีรายจ่ายมากกว่ารายได้ บางรัฐวิสาหกิจมีหนี้สินจำนวนมาก เช่น ขสมก. การรถไฟแห่งประเทศไทย นายวีระ ฝากไปถึงคนที่ต้องจัดการรัฐวิสาหกิจว่า รัฐวิสาหกิจที่มีปัญหารัฐบาลต้องตัดสินใจให้เด็ดขาดว่า รัฐวิสาหกิจเหล่านั้นคงอยู่ต่อไปในสภาพแบบนั้น หรือ จะดำเนินการแปรรูปให้เอกชนเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ เพื่อไม่ให้เกิดภาระการคลังในอนาคตอย่างที่เป็นอยู่ปัจจุบัน สำหรับกรณี บริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) ซึ่งประสบความสำเร็จในการฟื้นฟูกิจการ โดยที่รัฐบาลยังถือหุ้นใหญ่อยู่ประมาณ 40% แต่ไม่มีสถานะภาพเป็นรัฐวิสาหกิจอีกต่อไป […]

ข่าวแนะนำ

“จิรายุ” ไม่เชิญแล้ว “ไมเคิล” บอก “จบข่าวไม่ต้องมาเหยียบแผ่นดินไทย”

กทม. 17 ส.ค. – “จิรายุ” ยันรัฐบาลเตรียมนำสื่อระดับโลกลงพื้นที่กองกำลังสุรนารี ดูจุดกัมพูชาถล่มพื้นที่พลเรือน ส่วนกรณี “ไมเคิล” บอก “จบข่าว” ไม่เชิญมาแล้ว หลังอ้างตัวเป็น “สื่อประจำทำเนียบขาว” ที่แท้เป็นล็อบบี้ยิสต์ นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ คณะกรรมการศูนย์เฉพาะกิจบริหารสถานการณ์ชายแดนไทย–กัมพูชา (ศบ.ทก.) เปิดเผยว่ารัฐบาลเตรียมนำสื่อมวลชนระดับโลกลงพื้นที่กองกำลังสุรนารี จังหวัดสุรินทร์ สัปดาห์หน้า ในจุดที่ไทยถูกอาวุธหนักของกัมพูชาถล่ม อาทิ โรงพยาบาล โรงเรียนและพื้นที่พลเรือน จากนั้นจะเชิญสื่อมวลชนระดับโลกไปยังพื้นที่ที่รวบรวมกับระเบิดที่เจ้าหน้าที่เก็บกู้ได้โดย TMAC ก่อนจะให้ชมการปฏิบัติการทำลายวัตถุระเบิดที่ตกค้างจากการรุกล้ำอธิปไตยไทย ส่วนกรณีสำนักข่าวของกัมพูชารายงานข่าวของนายไมเคิล อัลฟาโร ชาวสหรัฐ ที่ไลฟ์สดชายแดนกัมพูชา-ไทย ด้วยการเซตฉากและกล่าวอ้างว่าตนเองเป็นสื่อมวลชนประจำทำเนียบขาวของสหรัฐอเมริกา ตั้งแต่คืนวันพฤหัสบดีที่ผ่านมา และกล่าวหาประเทศไทย ด้วยถ้อยคำรุนแรง ใส่ร้ายป้ายสีไทยด้านเดียว “สัปดาห์ที่แล้วอยากเชิญนายไมเคิลที่กล่าวอ้างว่าเป็นนักข่าวประจำทำเนียบขาว อยากให้มาเห็นของจริงในฝั่งไทยที่โดนเขมรถล่มหนักแค่ไหน นายไมเคิลมีการไลฟ์สดพูดโกหกใส่ร้ายป้ายสีไทยไปทั่วโลก และบอกว่าตนเองเป็นสื่อรัฐบาลสหรัฐ จะฟ้องประธานาธิบดีสหรัฐ ซึ่งตนเห็นว่าหากมาเห็นอีกมุมที่ประเทศไทยโดนกัมพูชาโจมตีทั้งโรงเรียน พื้นที่พลเรือนและโรงพยาบาล ก็เป็นประโยชน์หากเป็นนักข่าวประจำทำเนียบขาวจริง แต่ขณะนี้พบว่านายไมเคิล ไม่ได้เป็นนักข่าวประจำทำเนียบขาวจริง แถมยังแอบอ้างถึงประธานาธิบดีสหรัฐ วันนี้ตนจึงขอบอกว่า “จบข่าว” ไม่ต้องมาเหยียบแผ่นดินไทยต่อไป” นายจิรายุ กล่าว. -สำนักข่าวไทย

ศูนย์ทุ่นระเบิดจบภารกิจหนุนชายแดน เก็บกู้สรรพาวุธตกค้างกว่า 800 ลูก

17 ส.ค. – ศูนย์ปฏิบัติการทุ่นระเบิดฯ สิ้นสุดภารกิจวันนี้ (17 ส.ค. 68) หลังสนับสนุนการเก็บกู้ระเบิดจากเหตุปะทะชายแดนไทย-กัมพูชา โดยเก็บกู้สรรพาวุธตกค้างกว่า 800 ลูก ในพื้นที่ 4 จังหวัดชายแดนอีสานใต้ ศูนย์ปฏิบัติการทุ่นระเบิดแห่งชาติ หรือ TMAC สิ้นสุดภารกิจวันนี้ (17 ส.ค. 68) หลังสนับสนุนการเก็บกู้ระเบิดจากเหตุปะทะชายแดนไทย-กัมพูชา ตั้งแต่วันที่ 1-16 สิงหาคมที่ผ่านมา TMAC ได้เก็บกู้สรรพาวุธที่ตกค้างกว่า 800 ลูก ในพื้นที่ 4 จังหวัดชายแดนอีสานใต้ ได้แก่ บุรีรัมย์ สุรินทร์ ศรีสะเกษ และอุบลราชธานี ประกอบด้วย กระสุน BM-21 ลูกปืนใหญ่ ปืน ค จรวด ก่อนหน้าสถานการณ์ตึงเครียด กัมพูชาขัดขวางการเก็บกู้ทุ่นระเบิด ไม่จริงใจแก้ปัญหา ทั้งที่เป็นประเทศภาคีอนุสัญญาออตตาวา ที่ห้ามใช้ทุ่นระเบิดสังหารบุคคล สำหรับอำเภอน้ำยืน จังหวัดอุบลราชธานี มีบ้านเรือนได้รับความเสียหายจากเหตุปะทะ 81 หลังคาเรือน […]

ตรวจสอบ รร.ประถม “พระอลงกต” ไม่ปรากฏชื่อ

ขอนแก่น 17 ส.ค.- กองปราบจ่อประชุมคณะทำงานคดี “หมอบี” เชื่อเจ้าตัวไม่หนี ขณะที่ทนายวัดพระบาทน้ำพุเลื่อนแถลงข่าว อ้างเอกสารชี้แจงยังไม่เรียบร้อย ตรวจสอบโรงเรียนประถม “พระอลงกต” ไม่ปรากฏชื่อ กรณีเพจดังตั้งข้อสงสัยวุฒิการศึกษาพระอลงกต เจ้าอาวาสวัดพระบาทน้ำพุ อ้างว่าปี 2518 ยังเรียน มศ.2 จะจบวิศวฯ ปี 2519 ได้อย่างไร ผู้สื่อข่าวสอบถามแหล่งข่าวในสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษา (สพป.) และสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษา (สพม.) ให้ข้อมูลว่ากรณีพระอลงกต ระบุว่าจบการศึกษาที่โรงเรียนระดับประถม(นันทวิทยาลัย) ปรากฏว่าไม่มีชื่อโรงเรียนนี้อยู่ในสังกัดสำนักงานเขตของพื้นที่ทั้ง 26 อำเภอ ใน จ.ขอนแก่น หรือถ้ามี ก็อาจจะปิดตัวไปแล้ว   ส่วนระดับมัธยมศึกษานั้น ข้อมูลยืนยันว่า พระอลงกต ศึกษาจบระดับชั้น มศ.2 ที่โรงเรียนแก่นนครวิทยาลัย จังหวัดขอนแก่นจริง มีศิษย์เก่าทั้งระดับชั้นเดียวกัน และรุ่นพี่รุ่นน้องต่างยืนยันว่า พระอลงกต จบจากโรงเรียนแก่นนครวิทยาลัยจริง ในปี 2518 แต่ยังสงสัยในระดับปริญญาตรีว่าจะจบจริงหรือไม่   เชื่อ “หมอบี” ยังไม่หลบหนี พ.ต.อ.เอนก เตาสุภาพ […]

รวบแล้ว “ลุงคลั่ง” ใช้ไม้หน้าสามตีหลานสาวดับ

ตรัง 17 ส.ค.- ตำรวจ สภ.ห้วยยอด รวบลุงคลั่งใช้ไม้หน้าสามฟาดหลานสาวแท้ๆ เสียชีวิตคาบ้านพัก สารภาพอ้างแค้นใจสะสมมานาน มีปากเสียงบ่อยครั้ง ตำรวจ สภ.ห้วยยอด จ.ตรัง คุมตัวนายสุริยัณห์ อายุ 44 ปี ผู้ต้องหาที่ก่อเหตุใช้ไม้หน้าสาม กระหน่ำตี น.ส.ปาริชาติ หรือน้องเชียร์ อายุ 21 ปี นักศึกษาพยาบาลชั้นปีที่ 3 ซึ่งเป็นหลานสาวแท้ๆ ของตัวเองจนเสียชีวิตภายในบ้านพัก จากนั้นหลบหนีขึ้นไปบนเขา คลองมวน  ต.หนองปรือ อ.รัษฎา เจ้าหน้าที่สนธิกำลังเข้าปิดล้อมภูเขา ก่อนจับกุมตัวได้พร้อมของกลางไม้หน้าสามเปื้อนเลือด ความยาวประมาณ 60 เซนติเมตร  สอบสวนนายสุริยัณห์ รับสารภาพว่าลงมือก่อเหตุจริง โดยอ้างว่ามีปัญหากับหลานสาวมานาน มักมีปากเสียงบ่อยครั้ง วันเกิดเหตุได้บุกเข้าไปในห้อง ใช้ไม้หน้าสามฟาดเข้าที่ท้ายทอยของหลานสาว 6–7 ครั้งจนเสียชีวิต ก่อนหลบหนีออกจากบ้าน ผู้ต้องหาระบุว่า เคยทำงานเป็นช่างสักตามเกาะท่องเที่ยว เช่น เกาะพะงัน และเกาะพีพี แต่มีปัญหาจึงกลับมาอยู่บ้าน มีประวัติเกี่ยวข้องกับยาเสพติด และเคยถูกส่งตัวเข้าบำบัดหลายครั้ง ขณะถูกสอบสวนยังสามารถโต้ตอบคำถามได้ปกติ แต่ไม่มีท่าทีสำนึกผิดกับสิ่งที่ทำลงไป สำหรับศพของ “น้องเชียร์” ล่าสุด […]