เจนีวา 5 ก.ย. – องค์การอุตุนิยมวิทยาโลก (World Meteorological Organization) หรือ ดับเบิลยูเอ็มโอ กล่าวในรายงานที่เผยแพร่ในวันนี้ว่า ไฟป่าซึ่งมีแนวโน้มรุนแรงขึ้นจากภาวะโลกร้อน เป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้เกิดมลพิษทางอากาศอย่างมากในปีที่ผ่านมา
นายลอเรนโซ ลาบราดอร์ เจ้าหน้าที่วิทยาศาสตร์ของดับเบิลยูเอ็มโอ กล่าวกับผู้สื่อข่าวที่นครเจนีวาของสวิตเซอร์แลนด์ ว่าไฟป่าเป็นแหล่งกำเนิดมลพิษในชั้นบรรยากาศมาอย่างต่อเนื่อง
ดับเบิลยูเอ็มโอพบว่ามีความเชื่อมโยงที่ซับซ้อนระหว่างคุณภาพอากาศและภาวะโลกร้อน การเผาไหม้เชื้อเพลิงฟอสซิล ไฟป่า และกิจกรรมอื่นๆ ของมนุษย์ เช่น การขนส่งและการเกษตร จะปล่อยอนุภาคเล็กๆ ที่เรียกว่าละอองลอย (aerosols) ซึ่งสามารถทำให้คุณภาพอากาศแย่ลงและเพิ่มมลพิษได้ นายลาบราดอร์ กล่าวว่า จำเป็นต้องจัดการแก้ปัญหาคุณภาพอากาศและภาวะโลกร้อนในฐานะประเด็นที่เชื่อมโยงกัน ไม่สามารถจัดการแยกกันได้
รายงานของดับเบิลยูเอ็มโอ ซึ่งมุ่งเน้นไปที่คุณภาพอากาศทั่วโลกในปี 2024 ชี้ให้เห็นถึงจุดที่เกิดมลพิษรุนแรงในภูมิภาคที่ได้รับผลกระทบจากไฟป่ารุนแรง เช่น ลุ่มน้ำแอมะซอน แคนาดา ไซบีเรีย และแอฟริกากลาง ดับเบิลยูเอ็มโอ ระบุว่า สภาพแวดล้อมที่เอื้อต่อการเกิดเพลิงไหม้ในพื้นที่อย่างอะเมซอนมีแนวโน้มที่จะแย่ลงเมื่อภาวะโลกร้อนรุนแรงขึ้น และยังเป็นความเสี่ยงที่เพิ่มขึ้นต่อสุขภาพ เนื่องจากทำให้ปริมาณละอองลอยในชั้นบรรยากาศเพิ่มขึ้น ซึ่งส่งผลให้เกิดมลพิษทางอากาศ
ดับเบิลยูเอ็มโอ ยังเตือนด้วยว่า ผลกระทบด้านคุณภาพอากาศจากไฟป่าในยุโรปที่ทำสถิติสูงสุดในปีนี้อาจส่งผลกระทบข้ามพรมแดนได้ การปล่อยมลพิษที่รุนแรงมากจากไฟไหม้ในคาบสมุทรไอบีเรียมีศักยภาพที่จะทำให้คุณภาพอากาศแย่ลง ไม่เพียงแต่ในเมืองต่างๆ ของสเปน และโปรตุเกสเท่านั้น แต่ยังรวมถึงทั่วทั้งทวีปยุโรปตะวันตกด้วย
อย่างไรก็ตาม มีสัญญาณเชิงบวกอยู่บ้าง โดยทางตะวันออกของจีนพบว่ามลพิษจากอนุภาคลดลงเนื่องจากความพยายามในการลดมลพิษ
ข้อมูลจากองค์การอนามัยโลก ระบุว่า มลพิษทางอากาศโดยรอบเป็นสาเหตุของการเสียชีวิตก่อนวัยอันควรมากกว่าปีละ 4.5 ล้านคน.-813.-สำนักช่าวไทย