เร่งออกสมาร์ทการ์ดพระสงฆ์ไว้ตรวจสอบประวัติ

รัฐสภา 4 มี.ค.- “รมต.พวงเพ็ชร” ตอบกระทู้ถาม สว. เร่งเดินหน้าออกบัตรประจำตัวพระสงฆ์แบบสมาร์ทการ์ด ใช้ยืนยันตัวตน-ตรวจสอบประวัติ กำชับ พศ. ดูแลพฤติกรรมพระสงฆ์ให้เป็นไปตามพระธรรมวินัย-กฎหมาย ถ้าพบเห็นกระทำผิดแจ้งสายด่วน 1374


นางพวงเพ็ชร ชุนละเอียด รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ตอบกระทู้ถาม พล.ต.ท.ศานิตย์ มหถาวร สมาชิกวุฒิสภา(สว.) ในฐานะกรรมาธิการการศาสนา คุณธรรม จริยธรรม ศิลปะและวัฒนธรรมเรื่อง ขอให้เร่งรัดแก้ไขปัญหาพระภิกษุสามเถรกระทำผิดพระธรรมวินัย ว่า  ขอบคุณพล.ต.ท.ทศานิตย์ที่มีความเป็นห่วงเป็นใยพระพุทธศาสนา เรื่องพระพุทธศาสนาเป็นเรื่องที่ละเอียดอ่อนเรามีมหาเถรสมาคมเป็นผู้ดูแลเรื่องของพระ และขณะนี้ทำบัตรสมาร์ทการ์ดสำหรับพระ เพื่อทำฐานข้อมูลสำหรับพระภิกษุสงฆ์กว่า 280,000 รูป โดยเดินหน้าจัดทำบัตรสมาร์ทการ์ดกว่า 100,000 รูปแล้ว ซึ่งเชื่อมโยงฐานข้อมูลกับกระทรวงมหาดไทย ทั้งนี้ จะตรวจสอบข้อมูลได้ว่าพระแต่ละรูปเคยบวชเรียนมาแล้วหรือไม่ เคยบวชที่ไหน เคยสึกหรือมีความประพฤติอย่างไรมาก่อน เพื่อเป็นการยืนยันตัวบุคคล

“ก่อนบวช จะมีขั้นตอนการตรวจสอบว่ามี วัตถุประสงค์อย่างไร เช่นบางคนบวชแก้บน บางคนบวชช่วงเข้าพรรษา บวชเพื่อศึกษาการเรียนธรรมะ ซึ่งแต่ละคนมีความประสงค์ในการบวชแตกต่างกันแต่ที่จำเป็นต้องตรวจสอบ ประวัติข้อมูลก่อน เพื่อตรวจสอบว่าก่อนหน้านี้เคยมีประวัติอาชญากรรมมาก่อนหรือไม่ มาอาศัยพระพุทธศาสนาหรือไม่ โดยมหาเถระสมาคมเคยมีมติในปี 2565 เรื่องการกำชับให้มหาเถระสมาคมเข้มงวดคัดกรองก่อนบวช รวมถึงให้จะเอาวาดดูแลพระภิกษุสามเณร ในฐานะพระผู้ปกครอง ให้ปฏิบัติตามพระธรรมวินัย หลักการปกครองของเถรสมาคม อีกทั้งยังให้ตรวจตราพระภิกษุสงฆ์ พี่อยู่ในปกครองให้เรียบร้อยหากพบเห็นว่ามีพฤติกรรมต่างๆสามารถยุติ หรือหากต้องการตรวจสอบเมื่อมีเรื่องร้องเรียนจะมีการตั้งกรรมการตรวจสอบ โดยมีพระผู้ปกครองตามลำดับชั้น หากพบผิดจริงก็จะมีบทลงโทษตามระเบียบ ข้อบังคับ” รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าว


นางพวงเพ็ชร กล่าวว่า สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติได้ร่วมกับกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร(กอ.รมน.) เปิดสายด่วน 1374 เพื่อรับเรื่องร้องเรียนและแก้ไขปัญหาตลอด 24 ชั่วโมง สามารถแจ้งเบาะแสหากพบพระทำผิดพระธรรมวินัย เราอยากให้พระภิกษุสงฆ์ที่มาบวชอยู่ในโอวาทพระธรรมวินัย หากพบพระกระทำความผิดก็จะต้องมีการตรวจสอบสุดท้ายถ้าผิดคดีอาญาก็ต้องสึก และส่งให้เจ้าหน้าที่ตำรวจดำเนินการ

รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงการส่งเสริมให้ประเทศไทยเป็นศูนย์กลางฝึกสมาธิโลก ว่า ขณะนี้ ได้ดำเนินการเรื่องการท่องเที่ยวสายมู เพื่อให้นักท่องเที่ยวได้สัมผัสกับการท่องเที่ยวทั้งด้านวัฒนธรรม และเชิงปฏิบัติธรรม ที่ถือว่าเป็นการเริ่มต้น แต่เชื่อว่า ประเทศไทยเป็นเมืองพุทธ มั่นใจว่าหากจะขับเคลื่อนเรื่องนี้จะสามารถทำได้และไม่แพ้ชาติใด.-316.-สำนักข่าวไทย 


ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

สำนักสงฆ์หูตาทิพย์

ขุดพบ 12 ศพ ในสำนักสงฆ์ลัทธิประหลาด “สอนหู-ตาทิพย์”

ขุดพบ 12 ศพ ในสำนักสงฆ์ลัทธิประหลาด “สอนหู-ตาทิพย์” พระอ้างใช้สอนวิปัสสนากรรมฐาน เบื้องต้นอายัดไว้พิสูจน์ดีเอ็นเอ พร้อมเอาผิดหัวหน้าสำนักสงฆ์ ฐานนำศพเก็บไว้ในสถานที่ที่ไม่ใช่สุสานและฌาปนสถาน

“สนธิ” ยื่นถอด “ตั้ม-เดชา” ออกจากทนาย

“สนธิ ลิ้มทองกุล” หอบหลักฐานบุกสภาทนายความ ถอดทนายตั้ม-ทนายเดชา ออกจากทนาย ระบุ ได้รับมอบอำนาจจาก “มาดามอ้อย” แล้ว เดินหน้าเอาผิด ทนายตั้มแบบสุดซอย ไม่ให้มีคนตกเป็นเหยื่อผู้รู้กฎหมายอีก

รัสเซียยิงขีปนาวุธข้ามทวีปรุ่นใหม่ถล่มยูเครน

ประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน ของรัสเซีย แถลงยืนยันว่ารัสเซียยิงขีปนาวุธข้ามทวีปรุ่นใหม่ถล่มภาคตะวันออกยูเครนเมื่อวานนี้ ตอบโต้ที่ยูเครนใช้ขีปนาวุธที่ได้รับมอบจากสหรัฐและอังกฤษ

ข่าวแนะนำ

โค้งสุดท้าย ศึกสองนารีชิงเก้าอี้ นายก อบจ.นครฯ

เหลือไม่ถึง 2 วันแล้ว ที่ชาวนครศรีธรรมราชจะได้ออกไปใช้สิทธิเลือกตั้งนายก อบจ.นครฯ ศึกนี้เป็นการสู้กันเองของพรรคร่วมรัฐบาล ฝ่ายหนึ่งต้องการรักษาฐานที่มั่นไว้ให้ได้ อีกฝ่ายต้องการเจาะฐานให้แตก เพื่อหวังครองที่นั่งการเมืองระดับชาติในสมัยหน้า

ร้อนระอุโค้งสุดท้าย ศึกชิงเก้าอี้ นายก อบจ.อุดรธานี

การเลือกตั้งนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดอุดรธานี ครั้งนี้ดุเดือดเกินคาด ผู้สมัครจาก 2 พรรคใหญ่ลงชิงชัย ต่างเร่งเครื่องเต็มที่ในโค้งสุดท้าย การเลือกตั้งจะเกิดขึ้นในวันอาทิตย์ที่ 24 พ.ย.นี้ ใครจะเป็นผู้คว้าชัยชนะและสร้างการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญให้จังหวัดอุดรธานี ไปติดตามจากรายงาน

ความเห็นนักวิชาการ คดีทักษิณ

ศาลรัฐธรรมนูญมีมติไม่รับคำร้อง นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีและพรรคเพื่อไทย ร่วมกันกระทำการอันเป็นการใช้สิทธิหรือเสรีภาพเพื่อล้มล้างการปกครอง ขณะที่นักวิชาการชี้ว่าไม่ได้พลิกไปจากความคาดหมาย และผลจากคดีนี้ ไม่ทำให้เกิดจุดเปลี่ยนทางการเมือง แต่ก็ยังมีจุดเสี่ยงที่ต้องระวัง