กอ.รมน.แจงภารกิจไม่ซ้ำซ้อน-ยันงบฯ ลับ สตง.ตรวจสอบได้

กอ.รมน. 3 พ.ย. – กอ.รมน. ยืนยันจำเป็นต้องมี กอ.รมน. ไม่เห็นด้วยร่าง พ.ร.บ.ยกเลิก ชี้แจงภารกิจไม่ซ้ำซ้อน เพราะงานความมั่นคงต้องบูรณาการกับหน่วยงานอื่น ยืนยันงบฯ ลับ สตง. ตรวจสอบได้ ปัดทำปฏิบัติการไอโอ


พลตรี วินธัย สุวารี โฆษกกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร หรือ กอ.รมน. พร้อมด้วยพลเอก นพนันต์ ชั้นประดับ อดีตผู้อำนวยการสำนักนโยบายและยุทธศาสตร์ และพลโท ดนัยวัฒนา รุ่งอุทัย ผู้อำนวยการศูนย์การศึกษาและวิทยาการด้านความมั่นคง กอ.รมน. อดีตรองผู้อำนวยการสำนักนโยบายและยุทธศาสตร์ กอ.รมน. ร่วมกันชี้แจงความจำเป็นของการคงอยู่ กอ.รมน. เนื่องการเสนอร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) ยกเลิก พ.ร.บ.การรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร พ.ศ. 2551 หรือร่างกฎหมายยุบ กอ.รมน. ซึ่งเป็นร่างที่นายรอมฎอน ปันจอร์ สส.บัญชีรายชื่อ และ สส.พรรคก้าวไกล เสนอเข้าสู่สภาผู้แทนราษฎร

พลเอก นพนันต์ กล่าวยืนยันบทบาทความจำเป็นของ กอ.รมน. ว่า กอ.รมน. เป็นส่วนราชการที่มีรูปแบบเฉพาะขึ้นตรงกับนายกรัฐมนตรี มีหน้าที่เสนอแผนต่อคณะรัฐมนตรี และหน่วยงานรัฐในการพิทักษ์สถาบันหลักของชาติ และส่งเสริมให้ประชาชนเข้ามามีส่วนร่วมในเรื่องของความมั่นคง ซึ่งภารกิจต่างๆ จะต้องเป็นไปตามมติคณะรัฐมนตรี เพราะการแก้ปัญหาความมั่นคงจำเป็นต้องมีการอำนวยการร่วม และบูรณาการร่วมกันกับหน่วยงานอื่นๆ แต่หากจะยุบ กอ.รมน. ภารกิจดังกล่าวจะต้องโอนกลับไปยัง สมช. ซึ่งจำเป็นจะต้องเพิ่มอัตรากำลังคนอีก และจะเป็นภาระงบประมาณของประเทศด้วย กอ.รมน. ขับเคลื่อนด้วยนักวิชาการที่มีความรู้ความสามารถโดยเฉพาะด้านความมั่นคง ส่วนการรูปแบบบริหารและการบริหารองค์กรก็เป็นไปตามมาตรฐานสากล และการทำงานไม่ซ้ำซ้อนกับหน่วยงานอื่น หากผู้เสนอร่าง พ.ร.บ. มองว่ามีความซ้ำซ้อน ขอให้ศึกษาระบบเรียบราชการแผ่นดิน ส่วนงบประมาณไม่ใช่ไปดูเพียงชื่อโครงการที่ตรงกัน


ทั้งนี้ ร่าง พ.ร.บ.ยกเลิก กอ.รมน. ไม่มีสาระอะไรที่เกี่ยวข้องกับ พ.ร.บ.กอ.รมน. เลย เพราะเป็นข้อความที่กล่าวหา แต่ไม่ชี้แจงปัญหาตรงไหนอย่างไร จึงขอให้กลับไปดูลำดับในการแก้ไขกฎหมาย ควรแก้ไขให้ถูกจุด อาทิ กล่าวว่าทำงานซ้ำซ้อนก็ให้ไปแก้ไขการปฏิบัติงาน หากต้องการยกเลิก กอ.รมน.ภาค 4 ส่วนหน้า ไม่ใช่การแก้ไข พ.ร.บ. แต่ต้องไปแก้ไขคำสั่งอัตรากำลังพลภาค 4 หากจะแก้ไข พ.ร.บ.กอ.รมน. มีเพียงเรื่องเดียว คือ ไม่ต้องการให้ผู้อำนวยการ กอ.รมน. มาจากนายกรัฐมนตรี ซึ่งเป็นการแก้ไขบางมาตรา ดังนั้น จึงไม่ใช่การยกเลิก พ.ร.บ.ทั้งหมด ปัญหาที่ต้องการแก้ไขไม่จำเป็นต้องเสนอร่าง พ.ร.บ.ยกเลิก กอ.รมน. สามารถแก้ไขด้วยวิธีการกระบวนทางกฎหมายอื่น

พลโท ดนัยวัฒนา กล่าวว่า กอ.รมน. ได้ยืนยันถึงงานของ กอ.รมน. อีกด้านว่าเป็นภารกิจได้รับมอบต่อจากสภาความมั่นคงแห่งชาติ หรือ สมช. เช่น ภารกิจในพื้นที่จังหวัดชายแดนใต้ หรือกรณีที่ กอ.รมน. มีส่วนรับผิดชอบเรื่องการแก้ปัญหายาเสพติดด้วยนั้น เพราะ กอ.รมน. ก็มีส่วนในหน้าที่ป้องกันและแก้ปัญหายาเสพติดในระดับประชาชนด้วย พร้อมยืนยันว่าผู้ปฏิบัติงาน กอ.รมน. มีความรู้ความสามารถในด้านความมั่นคงเฉพาะทาง และมีการบูรณาการระดมความคิด จัดเสวนาเป็นประจำ เพื่อให้ได้ความรู้แบบบูรณาการทุกภาคส่วน เพื่อให้เข้าประชาชนและ กอ.รมน. ไม่ใช่หน่วยงานลับ และทำหน้าที่เปิดเผยในการติดตามสถานการณ์ และสร้างความตระหนักรู้ และการกล่าวหา กอ.รมน. เป็นองค์กรลับนั้น ไม่เป็นความจริง เพราะองค์กรได้ดำเนินการไปตามหลักธรรมาภิบาล โปร่งใส ตรวจสอบได้

ส่วนกรณีที่มีการกล่าวหางบลับของ กอ.รมน. นั้น พลตรี วินธัย ชี้แจงว่า ในงบประมาณ 7,000 กว่าล้านบาท ของ กอ.รมน. เป็นภารกิจในพื้นที่ชายแดนใต้ประมาณ 5,000 ล้านบาท โดยแบ่งเป็นค่าใช้จ่ายของกำลังพลทั้งพลเรือน ตำรวจ และทหาร รวมถึงสวัสดิการ แต่ในอีกมุมหนึ่งมีเพียงราวๆ 10 ล้านบาทเท่านั้น แต่การใช้จ่ายจะต้องเป็นไปตามระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรี และต้องผ่านการตรวจสอบของสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน หรือ สตง. ด้วย


เช่นเดียวกับ พลเอก นพนันต์ ยืนยันว่า การใช้งบประมาณดังกล่าวของ กอ.รมน. ไม่มีอภิสิทธิในการเลี่ยงการตรวจสอบใดๆ เพราะต้องได้รับการตรวจสอบและถ่วงดุล รวมถึงยังทำงานร่วมกับพลเรือน ตำรวจ และทหารด้วย และงบประมาณดังกล่าวไม่ใช่งบลับ แต่เป็นงบที่บุคลากรได้รับตามสิทธิ เมื่อไปปฏิบัติหน้าที่ที่ภาค 4 ส่วนหน้า ราว 50,000 คน ซึ่งปัจจุบันยังไม่เพียงพอต่อการจัดซื้อยุทโธปกรณ์ในการป้องกันตนเองของกำลังพลในพื้นที่ภาคใต้ด้วย

ส่วนการกล่าวหา กอ.รมน. เป็นรัฐซ้อนรัฐนั้น พลเอก นพนันต์ ยืนยันว่า การจัดองค์กร กอ.รมน. ไม่ได้ซ้ำซ้อน แต่ผู้เสนอยุบ กอ.รมน. ไม่มีความเข้าใจในกฎหมาย ซึ่งการจัด กอ.รมน. เป็นระบบทหารผสมกับพลเรือน ซึ่งเป็นเรื่องปกติ เพราะ กอ.รมน. ไม่ใช่รัฐซ้อนรัฐ และไม่ใช่หน่วยงานสูงสุดของประเทศ แต่เป็นหน่วยงานระดับปฏิบัติการ อยู่ภายใต้การกำกับของคณะกรรมการอำนวยการทั้งหมด และต้องได้รับการตรวจสอบต่อรัฐสภา ศาล และองค์กรอิสระตามระบบ เช่นเดียวกับส่วนระบบราชการอื่นๆ และไม่ได้ทำให้อำนาจทหาร อยู่เหนือพลเรือน เพราะผู้สั่งการปัจจุบันคือ สภาความมั่นคงแห่งชาติ หรือ สมช. ซึ่งเป็นหน่วยงานระดับพลเรือน และขึ้นตรงนายกรัฐมนตรี ในฐานะผู้อำนวยการ กอ.รมน. ที่เป็นพลเรือนด้วย

พลเอก นพนันต์ ยังชี้แจงปฏิเสธกรณีการกล่าวหา กอ.รมน. มีปฏิบัติการข่าวสาร หรือ I.O. ด้วยว่า การปฏิบัติการข่าวสารของ กอ.รมน. คือการประชาสัมพันธ์ข่าวสาร เพื่อการเชิญชวนประชาชนร่วมงานของรัฐบาล วัฒนธรรมท้องถิ่น แจ้งเตือนภัยต่างๆ ทั้งจากธรรมชาติและไซเบอร์ และไม่สามารถปฏิบัติการใดๆ นอกเหนือจากการประชาสัมพันธ์ได้ แต่กลับมีการไปสัมภาษณ์นักชาการ หรือบุคคลอื่นๆ และสรุปกันเองว่า กอ.รมน. มีการทำ I.O. ดังนั้น จึงไม่เป็นความจริง และ กอ.รมน. มีแผนที่จะเปลี่ยนชื่อชุดทำงานปฏิบัติการดังกล่าว เพื่อไม่ให้เกิดความสับสนด้วย

ด้าน พลตรี วินธัย ยังยืนยันถึงผลกระทบหากไม่มี กอ.รมน. ด้วยว่า จะไม่มีหน่วยงานหลักที่สามารถรักษาความมั่นคงภายใน และฝ่ายบริหารอาจขาดเครื่องมือสำคัญในการทำงานด้านความมั่นคงที่จะแก้ปัญหาต่างๆ ทั้งในภาวะปกติและไม่ปกติ และไม่สอดคล้องกับยุทธศาสตร์ชาติ เนื่องจาก กอ.รมน. เป็นหน่วยงานหลัก นการสนับสนุนงานหน่วยงานดำเนินการด้านความมั่นคงหลายด้าน รวมถึงการแก้ปัญหาจังหวัดชายแดนใต้ที่ กอ.รมน. เป็นหน่วยงานหลัก หากยุบ กอ.รมน. ไป แต่ปัญหาจังหวัดภายใต้ยังคงอยู่ก็จะต้องหาหน่วยงานอื่นมาแก้ปัญหาแทน ซึ่งจะต้องใช้ทรัพยากรและบุคลากรที่มีจำนวนมาก และการใช้หน่วยงานอื่นอาจจะไม่มีความรู้ความสามารถเฉพาะด้านเท่าเจ้าหน้าที่ กอ.รมน. เพราะปัญหาต่างๆ จะมีลักษณะเฉพาะอยู่ด้วย เพราะทหารส่วนใหญ่อยู่ในภารกิจการรักษาความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สิน ร่วมกับตำรวจและฝ่ายปกครองของกระทรวงมหาดไทย

ทั้งนี้ กอ.รมน. ยังมีแผนที่จะจัดการเสวนาเพื่อสร้างความรู้และความเข้าใจต่อ กอ.รมน. เพื่อให้สังคมมีความเข้าใจร่วมกันด้วย ซึ่งเบื้องต้นได้มีการประสานไปยังนายรอมฎอน ปันจอร์ สส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล มาร่วมเสวนาด้วย.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

ทบ.​ เชิญ​ผู้ช่วยทูตทหาร รับฟังข้อเท็จจริง​ปมทุ่นระเบิดช่องบก

กองทัพบก 22 ก.ค.- ทบ.​ เชิญ​ผู้ช่วยทูตทหาร​ 47 ประเทศ​ รับฟังคำชี้แจง​สถานการณ์​ชายแดน​ไทย​-กัมพูชา​ หลังกำลังพลเหยียบกับระเบิดบาดเจ็บ​ 3 นาย​ พบ เป็นทุ่นระเบิดสังหารบุคคล​วางใหม่​ โดยมีหลายชาติ สนใจรับฟังขณะ​ พลจัตวา​ ฮอม​ คิม ผู้ช่วยทูตทหารดัมพูชา ร่วมด้วย กองบัญชาการ​กองทัพ​บก​ เชิญผู้ช่วยทูตทหารต่างประเทศประจำประเทศไทย​ รับฟังการชี้แจงสถานการณ์​ชายแดนไทย​-กัมพูชา​ ถึงข้อเท็จจริงกรณีไทยโดนรุกล้ำอธิปไตย​ และมีการวางทุ่นระเบิดสังหารบุคคล​ ทำให้ทหารสังกัดกรมทหารราบที่ 6 ได้รับบาดเจ็บ 3 นาย​ และมีการตรวจสอบว่าเป็นการวางทุ่นระเบิดใหม่​ ที่วางในเขตไทย​ ซึ่งขัดต่ออนุสัญญา​ออตตาวา​ ที่ทั้งไทยและกัมพูชาเป็นประเทศภาคี​ที่ให้สัตยาบัน​​ บรรดาทูต​ทหาร​ ทยอยเดินทางมายังห้อง ศรีสิทธิสงคราม​ ภายในกองทัพบก ตั้งแต่เวลา​ 13.20 น.​ อาทิทูตทหารจากเวียดนาม เมียนมา อินเดีย ญี่ปุ่น ฟิลิปปินส์ อังกฤษ บูรไน ออสเตเรีย สหรัฐอเมริกา อินโดนิเซีย จีน กัมพูชา เยอรมันนี แคนนาดา […]

พายุวิภากระหน่ำจันทบุรี ซัดหลังคาร้านอาหารถล่ม

จันทบุรี 22 ก.ค. – พายุกระหน่ำจันทบุรี ซัดหลังคาร้านข้าวมันไก่ถล่ม กระแทกหลังแม่เจ้าของร้านได้รับบาดเจ็บ ส่วนที่ภูเก็ตพายุถล่มภูเก็ต ป้ายล้ม-ต้นไม้ทับสาวจีนเสียชีวิต หลังคาร้านข้าวมันไก่ บริเวณตลาดศิริการ อ.เมือง จ.จันทบุรี ถูกพายุพัดร่วงลงมาทั้งแผง ท่ามกลางความตื่นตระหนกของลูกค้าและพนักงานในร้าน เหตุดังกล่าวเกิดช่วงเที่ยงพอดี จึงมีลูกค้ามานั่งกินข้าวเต็มร้าน กระทั่งมีฝนเทลงมา ทางร้านและลูกค้าจึงช่วยกันขนย้ายโต๊ะเก้าอี้เข้าข้างในเพื่อหลบฝน ก่อนพายุจะซัดเข้ามาอย่างรุนแรง จนหลังคาถล่ม เบื้องต้นไม่มีลูกค้าได้รับบาดเจ็บ มีเพียงแม่เจ้าของร้านข้าวมันไก่อีกร้าน ที่อยู่ติดกัน ถูกหลังคากระแทกหลังได้รับบาดเจ็บ นำส่งโรงพยาบาลแล้ว พนักงานร้านข้าวมันไก่ บอกว่า ปกติบริเวณนี้มีฝนตกบ่อย หลังคาแข็งแรงดี ไม่ได้ชำรุดอะไร แต่วันนี้ ลมแรงมาก มาแบบวูบเดียว พัดหลังคาลอยขึ้นก่อนพังลงมา ทั้งนี้ลมพายุได้พัดหลังคาของตึกที่อยู่ในละแวกร้านข้าวมันไก่พังเสียหายจำนวน 15 คูหา เบื้องต้นกำลังทหารและตำรวจ ได้เข้าตรวจสอบ พร้อมให้การช่วยเหลือ ขนย้ายเศษซากหลังคาเคลียร์พื้นที่เพื่อความปลอดภัยแล้ว พายุโซนร้อนวิภาถล่มภูเก็ต ป้ายล้ม-ต้นไม้ทับสาวจีนเสียชีวิต ที่หน้าหาดเกาะเฮ จังหวัดภูเก็ต นักท่องเที่ยวส่วนใหญ่เป็นชาวต่างชาติ หอบข้าวของวิ่งหนีลมพายุ จังหวะนั้นต้นไม้ขนาดใหญ่ถูกลมพัดโค่นลงมา ในคลิปจะได้ยินเสียงคนพูดว่า “เห็นไหม คน ๆ อยู่ใต้นั้น” หลังเหตุการณ์สงบ […]

รถบรรทุกพุ่งชน จยย.พ่วงข้างรับส่ง นร. ตาย 3 เจ็บ 6

พระนครศรีอยุธยา 22 ก.ค. – สลด รถบรรทุก 6 ล้อ พุ่งชนรถจักรยานยนต์พ่วงข้างรับส่งนักเรียน มีผู้เสียชีวิต 3 คน บาดเจ็บ 6 คน เกิดอุบัติเหตุรถบรรทุก 6 ล้อ ทะเบียนพระนครศรีอยุธยา พุ่งชนรถจักรยานยนต์พ่วงข้างรับส่งนักเรียน โรงเรียนวัดมณฑลประสิทธิ์ ก่อนตกลงไปในร่องน้ำ บนถนนชนบทเลียบคลองระพีพัฒน์ หมู่ 5 ตำบลวังน้อย อำเภอวังน้อย จังหวัดพระนครศรีอยุธยา และอัดกับรั้วบ้านจนรถพังยับ มีผู้ติดอยู่ในรถ 2 คน เจ้าหน้าที่กู้ภัยต้องใช้อุปกรณ์ตัดช่วยเหลือผู้บาดเจ็บทั้ง 2 คนออกมา แต่ผู้โดยสารเสียชีวิตในเวลาต่อมา ส่วนคนขับบาดเจ็บสาหัส ใกล้กันพบรถจักรยานยนต์พ่วงข้าง สภาพรถเสียหายยับเยิน คนบนรถ 7 คน เป็นนักเรียนโรงเรียนวัดมณฑลประสิทธิ์ 6 คน ผู้ปกครอง 1 คน บาดเจ็บทั้งหมด เจ้าหน้าที่กู้ภัยจึงช่วยกันนำตัวส่งโรงพยาบาลวังน้อย และมีนักเรียน 2 คนเสียชีวิตในที่เกิดเหตุ เจ้าหน้าที่มูลนิธิพุทไธสวรรย์ จุดกิตติวังน้อย […]

โฆษก ทบ. เผยนานาชาติเข้าใจไทยเคลียร์ปมทุ่นระเบิด

กองทัพบก 22 ก.ค.- โฆษก ทบ. เผยเคลียร์ปมทุ่นระเบิด นานาชาติเข้าใจไทย ขณะผู้ช่วยทูตทหารกัมพูชานั่งนิ่งไม่โต้แย้ง – ให้กองทัพภาคที่ 2 ประเมินสถานการณ์หลังคนไทยนัดรวมตัวปราสาทตาเมือนธม ปลายเดือนนี้ พลตรีวินธัย สุวารี โฆษกกองทัพบก กล่าวภายหลังการเชิญผู้ช่วยทูตทหาร รับฟังคำชี้แจง​สถานการณ์​ชายแดน​ไทย​- กัมพูชา​ หลังกำลังพลเหยียบกับระเบิดบาดเจ็บ​ 3 นาย​ ว่า บรรยากาศเป็นไปด้วยดี ส่วนใหญ่เป็นการรับฟังและมีคำถามบ้าง ถือว่าน้อย เนื่องจากทุกท่านอาจจะได้รับข่าวสารจากช่องทางอื่นมาบ้างแล้ว ซึ่งเป็นไปตามนโยบายของผู้บัญชาการทหารบก ที่พยายามบอกกล่าวและชี้แจงกับสิ่งที่เกิดขึ้น ในเรื่องข้อเท็จจริง พลตรีวินธัย เปิดเผยว่า ทูตทหารของกัมพูชา ไม่ได้ชี้แจงหรือมีคำถามอะไร คำถามส่วนใหญ่มาจากท่านอื่นมากกว่า ที่ถามเรื่องของความมั่นใจและยืนยันใช่หรือไม่ ซึ่งทางเรา ก็ให้เหตุผลไป และจะให้เอกสารชี้แจง ส่วนท่าทีของประเทศมหาอำนาจ ก็ไม่ได้มีอะไรเป็นพิเศษ ซึ่งการเชิญมาในวันนี้เราก็ทำตามนโยบายของผู้บัญชาการทหารบก คือทำให้เป็นทางการ ส่วนการหารือได้ชี้แจงเรื่องของการละเมิด บูรณภาพดินแดน และเอ็มโอยู 2543 และอนุสัญญาออตตาวา ด้วยหรือไม่ พลตรีวินธัย ระบุว่า มีการพูดถึงประเด็นดังกล่าว และได้อธิบายตามหลักอนุสัญญา ที่ทั้งสองประเทศเป็นสมาชิก และเล่าถึงกลไกการแก้ไขปัญหา […]

ข่าวแนะนำ

น้ำท่วมตัวเมืองน่าน-เขตเศรษฐกิจขยายวงกว้าง

น่าน 23 ก.ค. – ตอนนี้น้ำท่วมตัวเมืองน่าน รวมทั้งเขตเศรษฐกิจ ยังเพิ่มสูงขึ้นและแผ่ขยายวงกว้างออกไปเรื่อยๆ หลังระดับน้ำท่วมสูงเกิน 9 เมตร และทะลักเข้าท่วม .-สำนักข่าวไทย

ผบ.ทบ.นำคณะลงช่องอานม้า พรุ่งนี้ จ่อใช้แผนจักรพงษ์ภูวนาถ

23 ก.ค.- “ผบ.ทบ.” สั่ง ทภ.2-ทภ.1 เตรียมพร้อม “แผนจักรพงษ์ภูวนาถ” รับมือชายแดนไทย-กัมพูชา พร้อมยกคณะลงพื้นที่บัญชาการ วันที่ 23 ก.ค.68 พล.อ.พนา แคล้วปลอดทุกข์ ผู้บัญชาการทหารบก (ผข.ทบ.) ได้สั่งการไปยังกองทัพภาคที่ 2 และกองทัพภาคที่1 รับผิดชอบพื้นที่ชายแดนไทยกัมพูชา เตรียมใช้แผนจักรพงษ์ภูวนาถ แก้ไขปัญหาพื้นที่ชายแดนไทยกัมพูชาหลัง กำลังพลของกองทัพบกไทยจากชุดลาดตระเวน พัน.ร.14 ประสบเหตุเหยียบกับระเบิดบริเวณห้วยบอน ช่องอานม้า อำเภอน้ำยืน จังหวัดอุบลราชธานี พิกัด VA 950911 ซึ่งเป็นพื้นที่ปฏิบัติการตามแนวชายแดน โดยส่งผลให้ จ่าสิบเอกพิชิตชัย บุญโคราช ได้รับบาดเจ็บสาหัสจากการสูญเสียขาขวา และอยู่ระหว่างการส่งตัวรักษาต่อ ณ โรงพยาบาลน้ำยืน โดยให้พร้อมปฏิบัติหน้าที่ทันที เมื่อสั่งการ ซึ่งในวันพรุ่งนี้ (24 ก.ค.) พลเอก พนา แคล้วปลอดทุกข์ ผู้บัญชาการทหารบก พลโท ชัยพฤกษ์ ด้วงประพัฒน์ รองเสธ ทบ. พลโทบุญสินพาดกลาง มทภ.2 […]

ตอบโต้เขมร! ปิด 4 ด่าน หลังทหารเหยียบกับระเบิดขาขาดอีก 1 ราย

23 ก.ค.- ศบ.ทก. เห็นชอบให้ทัพภาค 2 ปิดด่านชายแดน-สถานที่ท่องเที่ยว 4 จังหวัดอีสานใต้ ตั้งแต่พรุ่งนี้ (24 ก.ค.) หลังล่าสุดทหารไทยเหยียบกับระเบิดขาขาดอีกราย จากกระแสข่าวมีทหารไทยเหยียบกับระเบิดขาขาดบริเวณแนวชายแดนไทยกัมพูชาเมื่อเวลา 16.55 น. นั้น ล่าสุด แหล่งข่าวจากศูนย์เฉพาะกิจบริหารสถานการณ์บริเวณชายแดนไทย–กัมพูชา หรือ ศบ.ทก. ยอมรับว่าเป็นเรื่องจริงโดยกองทัพภาคที่ 2 ได้ปรึกษามาที่ ศบ.ทก. เพื่อขออนุญาตปิดด่านในพื้นที่รับผิดชอบของกองทัพภาคที่ 2 ได้แก่ อุบลราชธานี ศรีษะเกษ สุรินทร์ และบุรีรัมย์ รวมทั้งสถานที่ท่องเที่ยวตามแนวชายแดน เพื่อเป็นการประท้วงกัมพูชา จากการลักลอบวางทุ่นระเบิดที่เกิดขึ้น ซึ่ง ศบ.ทก. เห็นชอบ ขณะเดียวกันจะส่งหนังสือประท้วงโดยใช้กลไก RBC และรายงานกระทรวงต่างประเทศ เพื่อประท้วงต่อไป ดังนั้นตั้งแต่วันพรุ่งนี้ (24 ก.ค.) จะปิดด่านชายแดนทั้งหมดในพื้นที่ 4 จังหวัดอีสานใต้ของไทย หลังจากที่ฝั่งไทยมีการกำหนดเวลาเปิด-ปิด และในส่วนสถานที่ท่องเที่ยวอย่าง 3 ปราสาท คือ ตาเมือนธม ตาเมือนโต๊ด และตาควาย […]

พายุวิภาทำเชียงรายอ่วม-รพ.เทิง งดรับผู้ป่วยชั่วคราว

เชียงราย 23 ก.ค. – พายุวิภาทำ อ.เทิง จ.เชียงราย อ่วม น้ำป่าหลากท่วมบ้านเรือน พื้นที่การเกษตร โรงพยาบาลเทิง ประกาศงดให้บริการผู้ป่วยทั่วไปชั่วคราว รับเฉพาะผู้ป่วยฉุกเฉินเท่านั้น ด้านนายอำเภอสั่งการเจ้าหน้าที่ช่วยเหลือชาวบ้านขนย้ายสิ่งของขึ้นที่สูง อพยพผู้ป่วยและผู้สูงอายุไปยังที่ปลอดภัย ฝนตกหนักจากอิทธิพลพายุวิภา ทำให้น้ำป่าไหลหลากเข้าท่วมบ้านเรือนและพื้นที่การเกษตรหลายอำเภอใน จ.เชียงราย โดยเฉพาะ อ.เทิง สถานที่ราชการ ได้แก่ สภ.เทิง ศาลจังหวัด และโรงพยาบาลเทิง เกิดน้ำท่วมขัง โรงพยาบาลต้องงดให้บริการผู้ป่วยทั่วไป รับเฉพาะผู้ป่วยฉุกเฉินเท่านั้น ขณะที่สถานการณ์โดยทั่วไปยังมีฝนตกหนัก นายอำเภอเทิงลงพื้นที่ สั่งเจ้าหน้าที่เข้าช่วยเหลือชาวบ้านขนย้ายของขึ้นที่สูง อพยพผู้ป่วยและผู้สูงอายุไปยังที่ปลอดภัย ส่วนถนนพหลโยธิน ต.นางแล อ.เมืองเชียงราย น้ำป่าจากดอยโป่งพระบาทไหล่เอ่อท่วมถนนด้านขาขึ้น การสัญจรเป็นไปอย่างยากลำบาก ภาพรวมสถานการณ์ จ.เชียงราย เบื้องต้นมีพื้นที่ได้รับผลกระทบ 5 อำเภอ ประชาชนเดือดร้อนประมาณ 100 ครัวเรือน เบื้องต้นไม่มีผู้ได้รับบาดเจ็บหรือเสียชีวิต.-สำนักข่าวไทย