กอ.รมน. 3 พ.ย. – กอ.รมน. ยืนยันจำเป็นต้องมี กอ.รมน. ไม่เห็นด้วยร่าง พ.ร.บ.ยกเลิก ชี้แจงภารกิจไม่ซ้ำซ้อน เพราะงานความมั่นคงต้องบูรณาการกับหน่วยงานอื่น ยืนยันงบฯ ลับ สตง. ตรวจสอบได้ ปัดทำปฏิบัติการไอโอ
พลตรี วินธัย สุวารี โฆษกกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร หรือ กอ.รมน. พร้อมด้วยพลเอก นพนันต์ ชั้นประดับ อดีตผู้อำนวยการสำนักนโยบายและยุทธศาสตร์ และพลโท ดนัยวัฒนา รุ่งอุทัย ผู้อำนวยการศูนย์การศึกษาและวิทยาการด้านความมั่นคง กอ.รมน. อดีตรองผู้อำนวยการสำนักนโยบายและยุทธศาสตร์ กอ.รมน. ร่วมกันชี้แจงความจำเป็นของการคงอยู่ กอ.รมน. เนื่องการเสนอร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) ยกเลิก พ.ร.บ.การรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร พ.ศ. 2551 หรือร่างกฎหมายยุบ กอ.รมน. ซึ่งเป็นร่างที่นายรอมฎอน ปันจอร์ สส.บัญชีรายชื่อ และ สส.พรรคก้าวไกล เสนอเข้าสู่สภาผู้แทนราษฎร
พลเอก นพนันต์ กล่าวยืนยันบทบาทความจำเป็นของ กอ.รมน. ว่า กอ.รมน. เป็นส่วนราชการที่มีรูปแบบเฉพาะขึ้นตรงกับนายกรัฐมนตรี มีหน้าที่เสนอแผนต่อคณะรัฐมนตรี และหน่วยงานรัฐในการพิทักษ์สถาบันหลักของชาติ และส่งเสริมให้ประชาชนเข้ามามีส่วนร่วมในเรื่องของความมั่นคง ซึ่งภารกิจต่างๆ จะต้องเป็นไปตามมติคณะรัฐมนตรี เพราะการแก้ปัญหาความมั่นคงจำเป็นต้องมีการอำนวยการร่วม และบูรณาการร่วมกันกับหน่วยงานอื่นๆ แต่หากจะยุบ กอ.รมน. ภารกิจดังกล่าวจะต้องโอนกลับไปยัง สมช. ซึ่งจำเป็นจะต้องเพิ่มอัตรากำลังคนอีก และจะเป็นภาระงบประมาณของประเทศด้วย กอ.รมน. ขับเคลื่อนด้วยนักวิชาการที่มีความรู้ความสามารถโดยเฉพาะด้านความมั่นคง ส่วนการรูปแบบบริหารและการบริหารองค์กรก็เป็นไปตามมาตรฐานสากล และการทำงานไม่ซ้ำซ้อนกับหน่วยงานอื่น หากผู้เสนอร่าง พ.ร.บ. มองว่ามีความซ้ำซ้อน ขอให้ศึกษาระบบเรียบราชการแผ่นดิน ส่วนงบประมาณไม่ใช่ไปดูเพียงชื่อโครงการที่ตรงกัน
ทั้งนี้ ร่าง พ.ร.บ.ยกเลิก กอ.รมน. ไม่มีสาระอะไรที่เกี่ยวข้องกับ พ.ร.บ.กอ.รมน. เลย เพราะเป็นข้อความที่กล่าวหา แต่ไม่ชี้แจงปัญหาตรงไหนอย่างไร จึงขอให้กลับไปดูลำดับในการแก้ไขกฎหมาย ควรแก้ไขให้ถูกจุด อาทิ กล่าวว่าทำงานซ้ำซ้อนก็ให้ไปแก้ไขการปฏิบัติงาน หากต้องการยกเลิก กอ.รมน.ภาค 4 ส่วนหน้า ไม่ใช่การแก้ไข พ.ร.บ. แต่ต้องไปแก้ไขคำสั่งอัตรากำลังพลภาค 4 หากจะแก้ไข พ.ร.บ.กอ.รมน. มีเพียงเรื่องเดียว คือ ไม่ต้องการให้ผู้อำนวยการ กอ.รมน. มาจากนายกรัฐมนตรี ซึ่งเป็นการแก้ไขบางมาตรา ดังนั้น จึงไม่ใช่การยกเลิก พ.ร.บ.ทั้งหมด ปัญหาที่ต้องการแก้ไขไม่จำเป็นต้องเสนอร่าง พ.ร.บ.ยกเลิก กอ.รมน. สามารถแก้ไขด้วยวิธีการกระบวนทางกฎหมายอื่น
พลโท ดนัยวัฒนา กล่าวว่า กอ.รมน. ได้ยืนยันถึงงานของ กอ.รมน. อีกด้านว่าเป็นภารกิจได้รับมอบต่อจากสภาความมั่นคงแห่งชาติ หรือ สมช. เช่น ภารกิจในพื้นที่จังหวัดชายแดนใต้ หรือกรณีที่ กอ.รมน. มีส่วนรับผิดชอบเรื่องการแก้ปัญหายาเสพติดด้วยนั้น เพราะ กอ.รมน. ก็มีส่วนในหน้าที่ป้องกันและแก้ปัญหายาเสพติดในระดับประชาชนด้วย พร้อมยืนยันว่าผู้ปฏิบัติงาน กอ.รมน. มีความรู้ความสามารถในด้านความมั่นคงเฉพาะทาง และมีการบูรณาการระดมความคิด จัดเสวนาเป็นประจำ เพื่อให้ได้ความรู้แบบบูรณาการทุกภาคส่วน เพื่อให้เข้าประชาชนและ กอ.รมน. ไม่ใช่หน่วยงานลับ และทำหน้าที่เปิดเผยในการติดตามสถานการณ์ และสร้างความตระหนักรู้ และการกล่าวหา กอ.รมน. เป็นองค์กรลับนั้น ไม่เป็นความจริง เพราะองค์กรได้ดำเนินการไปตามหลักธรรมาภิบาล โปร่งใส ตรวจสอบได้
ส่วนกรณีที่มีการกล่าวหางบลับของ กอ.รมน. นั้น พลตรี วินธัย ชี้แจงว่า ในงบประมาณ 7,000 กว่าล้านบาท ของ กอ.รมน. เป็นภารกิจในพื้นที่ชายแดนใต้ประมาณ 5,000 ล้านบาท โดยแบ่งเป็นค่าใช้จ่ายของกำลังพลทั้งพลเรือน ตำรวจ และทหาร รวมถึงสวัสดิการ แต่ในอีกมุมหนึ่งมีเพียงราวๆ 10 ล้านบาทเท่านั้น แต่การใช้จ่ายจะต้องเป็นไปตามระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรี และต้องผ่านการตรวจสอบของสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน หรือ สตง. ด้วย
เช่นเดียวกับ พลเอก นพนันต์ ยืนยันว่า การใช้งบประมาณดังกล่าวของ กอ.รมน. ไม่มีอภิสิทธิในการเลี่ยงการตรวจสอบใดๆ เพราะต้องได้รับการตรวจสอบและถ่วงดุล รวมถึงยังทำงานร่วมกับพลเรือน ตำรวจ และทหารด้วย และงบประมาณดังกล่าวไม่ใช่งบลับ แต่เป็นงบที่บุคลากรได้รับตามสิทธิ เมื่อไปปฏิบัติหน้าที่ที่ภาค 4 ส่วนหน้า ราว 50,000 คน ซึ่งปัจจุบันยังไม่เพียงพอต่อการจัดซื้อยุทโธปกรณ์ในการป้องกันตนเองของกำลังพลในพื้นที่ภาคใต้ด้วย
ส่วนการกล่าวหา กอ.รมน. เป็นรัฐซ้อนรัฐนั้น พลเอก นพนันต์ ยืนยันว่า การจัดองค์กร กอ.รมน. ไม่ได้ซ้ำซ้อน แต่ผู้เสนอยุบ กอ.รมน. ไม่มีความเข้าใจในกฎหมาย ซึ่งการจัด กอ.รมน. เป็นระบบทหารผสมกับพลเรือน ซึ่งเป็นเรื่องปกติ เพราะ กอ.รมน. ไม่ใช่รัฐซ้อนรัฐ และไม่ใช่หน่วยงานสูงสุดของประเทศ แต่เป็นหน่วยงานระดับปฏิบัติการ อยู่ภายใต้การกำกับของคณะกรรมการอำนวยการทั้งหมด และต้องได้รับการตรวจสอบต่อรัฐสภา ศาล และองค์กรอิสระตามระบบ เช่นเดียวกับส่วนระบบราชการอื่นๆ และไม่ได้ทำให้อำนาจทหาร อยู่เหนือพลเรือน เพราะผู้สั่งการปัจจุบันคือ สภาความมั่นคงแห่งชาติ หรือ สมช. ซึ่งเป็นหน่วยงานระดับพลเรือน และขึ้นตรงนายกรัฐมนตรี ในฐานะผู้อำนวยการ กอ.รมน. ที่เป็นพลเรือนด้วย
พลเอก นพนันต์ ยังชี้แจงปฏิเสธกรณีการกล่าวหา กอ.รมน. มีปฏิบัติการข่าวสาร หรือ I.O. ด้วยว่า การปฏิบัติการข่าวสารของ กอ.รมน. คือการประชาสัมพันธ์ข่าวสาร เพื่อการเชิญชวนประชาชนร่วมงานของรัฐบาล วัฒนธรรมท้องถิ่น แจ้งเตือนภัยต่างๆ ทั้งจากธรรมชาติและไซเบอร์ และไม่สามารถปฏิบัติการใดๆ นอกเหนือจากการประชาสัมพันธ์ได้ แต่กลับมีการไปสัมภาษณ์นักชาการ หรือบุคคลอื่นๆ และสรุปกันเองว่า กอ.รมน. มีการทำ I.O. ดังนั้น จึงไม่เป็นความจริง และ กอ.รมน. มีแผนที่จะเปลี่ยนชื่อชุดทำงานปฏิบัติการดังกล่าว เพื่อไม่ให้เกิดความสับสนด้วย
ด้าน พลตรี วินธัย ยังยืนยันถึงผลกระทบหากไม่มี กอ.รมน. ด้วยว่า จะไม่มีหน่วยงานหลักที่สามารถรักษาความมั่นคงภายใน และฝ่ายบริหารอาจขาดเครื่องมือสำคัญในการทำงานด้านความมั่นคงที่จะแก้ปัญหาต่างๆ ทั้งในภาวะปกติและไม่ปกติ และไม่สอดคล้องกับยุทธศาสตร์ชาติ เนื่องจาก กอ.รมน. เป็นหน่วยงานหลัก นการสนับสนุนงานหน่วยงานดำเนินการด้านความมั่นคงหลายด้าน รวมถึงการแก้ปัญหาจังหวัดชายแดนใต้ที่ กอ.รมน. เป็นหน่วยงานหลัก หากยุบ กอ.รมน. ไป แต่ปัญหาจังหวัดภายใต้ยังคงอยู่ก็จะต้องหาหน่วยงานอื่นมาแก้ปัญหาแทน ซึ่งจะต้องใช้ทรัพยากรและบุคลากรที่มีจำนวนมาก และการใช้หน่วยงานอื่นอาจจะไม่มีความรู้ความสามารถเฉพาะด้านเท่าเจ้าหน้าที่ กอ.รมน. เพราะปัญหาต่างๆ จะมีลักษณะเฉพาะอยู่ด้วย เพราะทหารส่วนใหญ่อยู่ในภารกิจการรักษาความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สิน ร่วมกับตำรวจและฝ่ายปกครองของกระทรวงมหาดไทย
ทั้งนี้ กอ.รมน. ยังมีแผนที่จะจัดการเสวนาเพื่อสร้างความรู้และความเข้าใจต่อ กอ.รมน. เพื่อให้สังคมมีความเข้าใจร่วมกันด้วย ซึ่งเบื้องต้นได้มีการประสานไปยังนายรอมฎอน ปันจอร์ สส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล มาร่วมเสวนาด้วย.-สำนักข่าวไทย